ความคิดเห็นที่ 1 ไปที่นี่คนเยอะมาก     ฟังบรรยายนี้ก่อน  งานนี้ไม่ต้องขายของ  แต่ขายไอเดียทางธุรกิจ แนะนำคนได้ทั่วโลก    แล้วถ้าคิดว่าจะเหมาะธุรกิจด้วย คุณสามารถแนะนำคนได้   เชิญมาครับ จากคุณ : 1974cool - [ 7 พ.ค. 52 02:11:34 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1. เริ่มวิเคราะห์สินค้า บริการของคุณก่อนครับว่า  - ข้อดีของสินค้าคืออะไร จุดเด่นคืออะไร  - แตกต่างจากสินค้าที่มีใช้อยู่ทั่วไปอย่างไร แปลกใหม่อย่างไร ดีกว่าอย่างไร  - ปัจจุบัน แบรนด์ไหนที่เป็นที่นิยมติดอันดับ Top 5  และทั้ง 5 นี้ มีข้อดี ข้อเสีย จุดแข็ง จุดอ่อน อย่างไร - ผู้ใช้ส่วนใหญ่มีทัศนะ ประสบการณ์ ความเห็น อย่างไรกับแบรนด์ทั้งห้านั้น - สินค้าของคุณไปอุดรูรั่ว หรือ เสริมสมรรถนะ การใช้งานตามปกติ ของแบรนด์ทั้งห้านั้นได้อย่างไรบ้าง   - เมื่อใช้สินค้าของคุณแล้ว ผลิตผล ,กระบวนการทำงานจะ ดีขึ้น เร็วขึ้น แม่นขึ้น ถูกลง กว่าเดิม มากน้อยเพียงใด - ราคา กับ ประสิทธิภาพ สอดคล้องกันหรือไม่ และสามารถแข่งขันได้หรือไม่ วิเคราะห์สิ่งเหล่านี้ออกมาให้เป็นรูปธรรม อย่างอนุมานเอาเอง อย่าตีความเข้าข้างตัวเอง การทำแบบสอบถาม ทดลองใช้ จะช่วยได้มาก 2. วิเคราะห์ลักษณะลูกค้าเป้าหมายของเราครับ    -  คนที่ "ต้อง" เป็นลูกค้าของคุณ : คนที่กำลังมีปัญหากับระบบเดิมและกำลังมองหาระบบใหม่ , พร้อมจัดสรรงบประมาณจัดซื้อเพื่อแก้ปัญหา กลุ่มนี้ ใช้งบและเวลาไม่มากในการปิดการขาย   - คนที่"มีโอกาส" เป็นลูกค้าของคุณ : คนที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับระบบเดิม แต่พร้อมจะพิจารณาของใหม่ๆ หากของใหม่ "โดน" จริงๆ พิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถแก้ปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจากเดิมได้มากขึ้น อย่างชี้วัดได้ ก็ "อาจจะ" พิจารณาจัดซื้อ  กลุ่มนี้ใช้งบและเวลามากขึ้นหน่อย - คนที่ "น่าจะ" เป็นลูกค้าของคุณ : พวกนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับระบบเดิม และกำลังจำกัดงบประมาณ ค่าใช้จ่ายบริษัทอยู่ จึงไม่มีนโยบายจัดซื้ออะไรใหม่ๆ ในช่วงนี้ แต่คุณสามารถเข้าไปวางระเบิดเวลาในใจเขาได้ หากวันข้างหน้า มีโอกาส ได้รับนโยบายจัดซื้อ วางระบบใหม่ เขาอาจจะพิจารณาและเรียกตัวคุณไปพรีเซ้นต์อีกก็ได้  กลุ่มนี้ใช้งบและเวลานานกว่าเพื่อน 3. สมมุติตัวเองเป็นลูกค้าเป้าหมาย : ลองนั่งจินตนาการดูว่า ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่ง หรือ ผู้จัดการฝ่าย ที่พบว่าระบบกำลังมีปัญหา คุณจะยกหูโทรศัพท์หาใคร  - โปรแกรมเมอร์ที่ใช้งานประจำ - บริษัทที่ปรึกษางานระบบที่ใช้งานประจำ - โปรแกรมเมอร์, บริษัทฯ ที่ไม่เคยใช้งาน แต่มีคนแนะนำให้ - สื่อโฆษณาต่างๆ ทั้งในนิตยสาร หนังสือพิมพ์ เวบไซต์ต่างๆ - แผ่นพับ โบรชัวร์ที่เคยได้รับตามงานคอมฯครั้งก่อนๆ   ฯลฯ  เอ...แล้วเราจะเข้าไปแทรกตรงช่องทางไหนได้บ้าง  หรือ ว่าเราจะสร้างช่องทางโอกาสของเราขึ้นมาดี สิ่งที่คุณจำเป็นต้องมีเวลานี้คือ "ช่องทาง" ในการเข้าถึง 4. สร้างช่องอย่างไร :   แบบมีงบ : ลงโฆษณาในสื่อต่างๆ นิตยสาร หนังสือพิมพ์ สมุดหน้าเหลือง ลองไปเปิดดูสื่อเหล่านี้ และดูว่าสินค้าบริการแบบเดียวกันกับเรา เขาลงเล่มไหน สื่อไหนกันบ้าง คิดเป็นกี่เปอร์เซ้นต์ หากเลือกใช้ช่องทางนี้ ลองคุยกับเซลล์ที่ขายAd ดูว่า ให้ลงบทความ สัมภาษณ์คุณ เกี่ยวกับสินค้าของคุณ ว่าสร้างมิติใหม่ของวงการอย่างไรบ้าง โดยส่วนใหญ่ หนังสือจะให้เนื้อที่คุณฟรี หากคุณซื้อโฆษณาเขาแล้ว     แบบงบมีจำกัด : - ทำอาร์ตเวิร์คโฆษณาของตัวเอง แล้วส่งตามเมลล์ที่คุณมีในมือ ทั้งจาก นามบัตร , สมุดรวมรายชื่อ , ไดเร็กทอรี่ต่างๆ , นิตยสาร สื่อโฆษณาต่างๆ  - ลงโฆษณาตามเวบไซต์ที่ให้ลงฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย เช่น pantipmarket 5. ขยายช่อง : เมื่อทำตามข้อ 4 ไปแล้ว ให้โทรศัพท์ไปติดตามผลว่า ได้เห็นสื่อ , ได้รับข้อมูล , ได้ยิน ได้เห็น รู้จักสินค้าของคุณบ้างหรือยัง และ อธิบาย คร่าวๆไป และขออนุญาตเข้าไปพรีเซ้นต์ เดโม่ให้ดู ถ้ายังไม่รับนัด ให้ขออนุญาตส่งข้อมูลไปให้อีกครั้ง ในรูปแบบเอกสาร ซีดี ให้ แมสเซนเจอร์เอาไปส่งถึงมือ อย่าลืมนามบัตร หากมีลูกค้า ก็คือ เพื่อนๆของคุณเคยใช้แล้ว ให้สำรวจความคิดเห็นใส่ไปในเอกสารด้วย พร้อมผลชี้วัดการทำงานที่พัฒนาขึ้นอย่างเด่นชัด อย่ามั่วทำ หรือ แสดงผลเกินจริง เพราะหากวันข้างหน้า เมื่อเขาซื้องานคุณแล้วเกิดมีปัญหาขึ้นมา เขาจะเอาข้อมูลพวกนี้ยิงกลับเราได้ แหล่งที่คุณจะพบลูกค้า 1. ไดเร็กทอรี่ต่างๆ เช่น หนังสือรุ่น ปริญญาโทภาคค่ำ ส่วนใหญ่คนที่มาเรียนจะเป็นคนทำงาน และมักจะช่วยสนับสนุนค่าพิมพ์โดยการเอาบริษัทตัวเองลงโฆษณาในหนังสือรุ่นด้วย , หนังสือรวบรวมข้อมูลกลุ่มบริษัทในเครือข่าย กิจการต่างๆ หาได้ตามงานสัมนา อบรม ต่างๆ 2. โฆษณาตามนิตยสารต่างๆ ที่มีลงข้อมูล ชื่อที่อยู่เบอร์โทร อีเมลล์ไว้ ถือเป็นช่องทางเข้าถึงทั้งหมด 3. หนังสือพิมพ์ธุรกิจต่างๆ ที่มีบทสัมภาษณ์ ข้อมูลพาดพิง เชื่อมโยงกล่าวถึงบริษัทต่างๆ เอาแค่ชื่อมาไปเสิร์ชหาข้อมูลอื่นๆต่อ ฯลฯ เอาข้อมูลมาวิเคราะห์ว่าเป็นลูกค้าในกลุ่มไหน 6. จัดกำลังพล :  พิจารณาว่าเซลล์ในทีมของคุณแต่ละคนถนัดกับการปิดลูกค้าประเภทไหนกันบ้าง เซลล์ที่ดีจะต้องสามารถติดตามผลและบริหารลูกค้าได้ทุกกลุ่ม แต่จะมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่เขาถนัดที่สุด ตัวชี้วัดอย่างหนึ่งคือ สามารถจัดการติดตามผลกับกลุ่ม "น่าจะ" ได้มีประสิทธิผลอย่างโดดเด่น  การจัดการกับกลุ่ม "น่าจะ" ไมได้หมายความแค่สามารถปิดการขายได้ แต่หมายความรวมถึง สามารถสร้างสัมพันธภาพเชื่อมโยงไปสู่คอนเนคชั่นอื่นๆได้ รวมถึงการได้รับคำแนะนำไปสู่ลูกค้ารายอืนๆให้เราได้ด้วย    เอาเท่านี้ก่อนแล้วกัน หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ หากคิดว่ามีประโยชน์และอยากสอบถามเพิ่มเติมก็ยินดีครับ โชคดีครับ ขอให้กิจการเจริญรุ่งเรืองราบรื่นครับ จากคุณ : CHM - [ 7 พ.ค. 52 09:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 1974cool ^ ^ AGEL เยลลี่นรก !!! จากคุณ : อย่าไปเชียว - [ 7 พ.ค. 52 20:56:07 A:124.120.137.115 X: TicketID:214178 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ห้องนี้คนชอบตอบยาวๆๆกันเนอะ ส่วน การขายไอเดียเป็นสิ่งที่ดีค่ะ ธุรกิจเครือข่ายก็ดี แต่ AGEL เหมือนให้คนเอาเงินมาจม แล้วถ้าอยากได้เงินคืน ก็ต้องให้ชวนคนอื่นๆเอาเงินมาจมอีก จากคุณ : LiL'SalApoW - [ วันวิสาขบูชา 01:58:15 ]