ความคิดเห็นที่ 19
น่าแปลกใจที่คนเราเกลียดงานขาย แต่พอถึงเวลานึกอะไรไม่ออกก็เปิดท้ายขายของ
ขายของกำไรรายวันครับ
ขายเก่งหรือไม่ ไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่ลูกค้าเขาติดใจในสินค้าเราจนไม่ไปซื้อจากที่อื่นหรือไม่
ขายดี = เหนื่อยตาย ขายไม่ดี = อดตาย
พออายุมาก หรือ ป่วยก็ขายไม่ได้ครับ
แต่ถ้าคุณทำงานเครือข่าย(MLM) ที่สนับสนุนผู้ทำโดยมี 0.สินค้าที่ทำให้ลูกค้าติดใจ และราคาสมเหตุสมผล สามารถอธิบายได้ว่าต่อครั้งที่ใช้นั้นประหยัดกว่าและ
ดีกว่าท้องตลาด (เช่น ผงซักฟอกท้องตลาด ซักครั้งละ 10 บาท ยี่ห้อนี้ใช้แค่ 4 บาท แต่สาธิตเปรียบ
เทียบแล้วดีกว่าท้องตลาด เป็นต้น) 1.สินค้ามีหลายประเภทแต่ไม่เยอะไปหรือน้อยไป และต้องมีประเภทที่ใช้แล้วหมดไปด้วย (ของใช้
ประจำวัน) 2.มีสินค้าที่วิเคราะห์ด้วยเหตุและผลแล้วพบว่าดีกว่ายี่ห้ออื่นหรือถูกกว่ายี่ห้ออื่น หรือทั้งดีและถูกกว่า
ยี่ห้ออื่นอยู่ด้วยจะยิ่งดี 3.สาขาเยอะๆ ซัก100 สาขาขึ้นไป (ให้นึกถึง 7-11) ทำให้สะดวกในการไปซื้อ 4.ไม่รักษายอดเยอะจนเกินเหตุ (ซัก 3000-5000/เดือน ก็พอแล้ว) เพราะปกติ ของ
กินของใช้ในครอบครัว เราไปซื้อตามห้างก็ 2000-6000/เดือนอยู่แล้ว 5.ที่สำคัญ มีผู้ที่ตั้งใจทำในเพียงระยะ 2-3 ปีแล้วสำเร็จ (มีรายได้เกิน 50000/เดือน)
และมีผู้ที่ตำปหน่งสูงสุดได้เกิน 10 คนขึ้นไป (ไม่ใช่แค่คน 2 คน)
เมื่อรวมข้อดีคร่าวๆ แค่นี้มารวมกัน เราก็จะได้งาน(ธุรกิจ) ที่ชวนคนย้ายที่ซื้อจากห้างทั่วไปมาซื้อกับ
MLM ยี่ห้อนั้นโดยไม่ต้องไปตื๊อขายสินค้าให้ใครเขารังเกียจคุณกัน แต่กลับขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ช่วย
ให้เขาเหล่านั้นได้ประหยัดและใช้ของที่ดี คูณขยันทำงานซัก 2-3 ปี แต่แนะนำให้เขาสมัครสมาชิกแล้วไปซื้อที่สาขาใกล้บ้าน โดยไม่ต้องวิ่งไป
ส่งของทุกครั้ง แล้วบอกให้เขาทำเหมือนเราคือแนะนำให้คนอื่นสมัครสมาชิกซื้อกินซื้อใช้เช่นกัน (
ระบบสหกรณ์นั่นเอง) แล้วสุดท้ายคุณก็จะไปสู่จุดที่ว่ามีรายได้อย่างยั่งยืนได้ เนื่องจากมีสมาชิกใต้สายงานเป็นหมืนๆ คนซื้อกิน
ซื้อใช้ทุกเดือน (ทั้งที่มีคนสมัครต่อจากเราไม่กี่ 10 คน) สรุปคือเราเองไม่จำเป็นต้องเก่ง แต่ต้อง
ขยัน อดทนต่อเนื่อง และแบ่งเวลาให้ถูกต้องด้วย
จะเห็นได้ว่า MLM เป็นธุรกิจเดียวที่มียอดขายเพิ่มขึ้น แม้ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย (อย่าง 2 ปีที่
ผ่านมานี้ เป็นต้น) สามารถหาข้อมูลได้จาก กรมพัฒนาเศรษฐกิจ หรือ สรรพากร
ที่กล่าวมาคร่าวๆคือข้อดีของการทำงานเครือข่าย (MLM) นะครับ
ข้อสังเกต คนทำ MLM ประสบความสำเร็จน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนสมาชิกทั้งหมด เพราะ 1.ผ่านมาถึง 20กว่าปีแล้ว แต่คนเข้าใจในงานเครือข่ายจริงๆ มีอยู่ไม่กี่คน ดังนั้น หลายคนจึงทำ
เป็นงานขาย ซึ่งเหมือนกับที่ผมกล่าวไว้ในตอนต้นแล้ว 2.ไม่มีการสอนเรื่องงานเครือข่ายในหลักสูตรการเรียน (แต่มีสอนเรื่องการขาย) 3.บริษัทที่เรารู้จักส่วนใหญ่ สินค้าราคาแพง คุณภาพไม่คู้มราคา แผนการตลาดไม่อำนวยให้ขึ้นไปสู่
ตำแหน่งที่มีรายได้สูง (ยอดต่อเดือนสูง, ตัดยอดทิ้งทุกเดือน) นำมาซึ่งการซื้อตัดยอดแล้วไปขาย
ตัดราคาจนทำให้ทั้งระบบเสีย 4.งานทุกงานที่มีรายได้สูงขึ้นเป็นปีรมิท (งานประจำ, ขายประกัน, ระบบราชการ,
MLM) ดังนั้นยิ่งตำแหน่งสูงขึ้นก็ยิ่งมีข้อกำหนดในการเลื่อนขั้นที่สูงขึ้น 5.สมาชิกบางคนรายได้เยอะอยู่แล้วจึงไม่สนใจจะทำ (เพียงส่วนน้อย)
ฉะนั้น งานเครือข่าย เป็นงานที่ต้องตั้งใจทำเช่นเดียวกับงานอื่นๆ แล้วในบั้นปลายที่สำเร็จแล้ว เราจะไม่
เหนื่อยอีกต่อไป แต่ขั้นต้นนั้นช่างยากกว่างานประจำ หรืองานที่ซื้อมาขายไปยิ่งนัก จึงไม่ใช่งานที่สมัครแล้วจะมานั่งเฉยๆแล้วรอเงินให้งอกได้ครับ
ผมเองเคยเป็นเพียงสมาชิกMLM ซื้อกินซื้อใช้มานาน 5 ปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่ผมเข้าไปในสาขาก็จะ
พบกับคนธรรมดาที่ก่อนหน้านั้นตั้งใจทำงานแล้วปัจจุบันประสบความสำเร็จมากมาย ผมจึงได้มาทำจริงจัง
เช่นกัน
ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นยาวซักนิดแต่เป็นข้อคิดให้กับผู้ที่กำลังหารายได้ ได้บ้างไม่มากก็น้อย
ผมเองทำ MLM ที่มีข้อสนับสนุนตรงตามที่กล่าวมาข้างต้น หากอยากทราบว่าดีจริงหรือไม่ สามารถ
ติดต่อผมได้ครับ
บอม 080-4507608
จากคุณ :
บอม 080-4507608
- [
10 พ.ค. 52 14:32:20
A:115.67.186.83 X: TicketID:203868
]
|
|
|