ความคิดเห็นที่ 1 มีอยู่คอลัมน์นึงผู้เขียน เขียนไว้ชัดเปรี้ยงเลยว่า “น่าจะเอาชามาบรรจุขวดขายนะ”  เพราะในท้องตลาดตอนนั้นยังไม่มีใครทำและชาก็เป็นเครื่องดื่มที่ดื่มง่ายน่าจะขายทำตลาดได้  อ่านตอนนั้นแต่จำมาได้จนถึงทุกวันนี้เพราะผมว่ามันน่าสนใจมาก และหลังจากนั้นมาประมาณครึ่งปีก็เริ่มมีชาเขียวใส่ขวดวางจำหน่ายกัน และต่อมาอีกปีสองปีก็บูมสุดๆ ผลิตภัณฑ์อะไรก็ใส่ชาเขียว ขนมปัง สบู่ ยาสระผม ยาสีฟัน ครีมทาผิว ไม่เว้นแม้แต่ผ้าอนามัยก็ใส่ชาเขียวไว้ลดกลิ่น กระชับน้องสาว  - -“ เอาล่ะกลับมาที่ชาเขียวดีกว่า  เริ่มต้นยูนิฟเป็นเบอร์ 1 เพราะขายชาเขียวใส่กล่องมาก่อนแล้ว มีฐานลูกค้า มีช่องจัดจำหน่ายครบถ้วนเรียกว่าแข็งแกร่งมาก แต่ก็มีผู้ท้าชิงเป็นโออิชิที่มีชาเขียวใส่ขวดพลาสติกเจ้าแรก และก็มีแบบกล่อง   หลังจากนั้นก็มีชาเขียวอีกมากมายหลากยี่ห้อตามติดขอแบ่งแชร์ตลาดที่บูมสุดๆ นี้(เห็นมั้ยว่าผมจะไม่ค่อยเขียนช่วงเวลาที่ชัดเจน เพราะผมจำไม่ได้เน้อ) ในตลาดที่แข่งขันกันสุดๆ และการโฆษณาตูมๆ ทั้งหนอนชาเขียวน่ารักๆ จากยูนิฟ  โออิชิที่สร้างภาพลักษณ์ความเป็นชาเขียวญี่ปุ่น มีชาเขียวโมชิ  ชาเขียวชิเซนจากโค้ก เซนชะใช้น้องวิวเป็นพรีเซนเตอร์  ชาเขียวเชนย่าใช้ความเป็นสีสันสดใส  เพียวริคุมาทีหลังฉีกตัวมาเป็นชาขาว  ชาเขียวฟูจิ  โอ้...จำกันไม่หมด เอาเฉพาะหลักๆ ล่ะกันเบอร์ 1 เบอร์ 2 ที่เหลือไม่มีใครจดจำได้แล้ว  ตลาดร้อนแรงขนาดนี้แล้วลิปตันไอซ์ที ถ้าไม่ปกป้องตัวเองโดนชาเขียวสอยร่วงชัวร์ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 13 พ.ค. 52 11:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วลิปตันไอซ์ที ทำอะไรบ้างช่วงนั้น..................    ผมแทบนึกไม่ออก   ถ้าจำไม่ผิดก็มีชาเขียวในขวดแก้วฝาจีบมั้ง ซึ่งผมได้ลองกินครั้งนึงรสชาติทะ:-)ๆ  และก็เมื่อ 5 ปีก่อนออกชาเขียวลิปตันเวฟในขวดพลาสติก รู้สึกว่าได้ลองกินรสชาติก็แปลกๆ ไม่ค่อยเหมือนชาเขียวยี่ห้ออื่นๆ เลย  รู้สึกว่าเมื่อดูข้างขวดจะใช้ชาเขียวแบบผงนี่เอง ต่างจากยี่ห้ออื่นที่เป็นชาเขียวจากการต้มใบชา(ย่อหน้านี้มาจากความจำล้วนๆ หากผิดพลาดอะไรต้องขออภัยครับ) เรียกว่าไม่ต่อยถูกลิ้นเลยอ่ะนะ......ครั้งเดียวก็ขอผ่าน แล้วช่วงที่ตลาดชาเขียวบูมๆ ลิปตันไอซ์ที ควรจะทำอย่างไรถึงเป็นการปกป้องของตลาดชาของตน มาแสดงความเห็นกันดีกว่า  เดี๋ยวผมกลับมาตอบความเห็นผมมั่งครับ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 11:58:24 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 52 11:57:59 จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 13 พ.ค. 52 11:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รสชาติทะ:-)ๆ  พิมพ์ไม่ได้แฮะโดนแบน เอาเป็นว่ารสชาติแปลกๆล่ะกัน จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 13 พ.ค. 52 11:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น่าสนใจมาก รอฟังต่อ จากคุณ : ยกกระดก - [ 13 พ.ค. 52 12:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG - [ 13 พ.ค. 52 12:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มาอ่านครับ ... จองที่   รอติดตาม จากคุณ : byonya - [ 13 พ.ค. 52 12:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แฮะๆ ผมจะมาตอบอีกทีตอนเย็นครับ ขอตัวทำงานก่อน เรื่องการตลาดนี้ ผมเตรียมหัวข้อไว้แล้ว 5 เรื่อง จะทะยอยลงทีละสัปดาห์ครับ ทุกเรื่องไม่มีศัพท์การตลาดยากๆ แน่นอนเพราะผมก็ไม่ค่อยรู้ค้าบบบบบ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 13 พ.ค. 52 13:24:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่มีความรู้ด้านการตลาดเลยค่ะ แต่มีความสนใจอยากจะรู้ เพราะอาจเป็นประโยชน์ต่อไปในอนาคต ปีหน้านี้จะจบแล้ว(ตอนนี้ขึ้นปี4นั่นเอง) เตรียมตัวหางานทำค่ะ ตามต่อนะคะกระทู้นี้ ^^ จากคุณ : Breakfast@Noon - [ 13 พ.ค. 52 16:03:49 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่ามันอยู่ที่รสชาติกับ image ของ brand ล้วนๆ เลยนะครับ เหมือนถ้าเรานึกถึงยูนีฟ เราก็นึกถึงน้ำผลไม้ แต่พอมาทำชาเขียวคนก็ยังติดภาพน้ำผลไม้อยู่ ส่วนโออิชิ ชื่อก็บอกแล้วว่าญี่ปุ่นจ๋าขนาดไหน ยิ่งเป็นชาเขียวญี่ปุ่นแล้วยิ่งตั้งชื่อได้ตรงกับสินค้ามากกว่า ส่วนลิปตันเราจะติดภาพชาฝรั่ง ส่วนรสชาติก็....(อู้บ่ไ้ด้) เพราะฉะนั้นถึงต่อให้รสชาติดีเหมือนยูนีฟ ที่เผลอๆ รสชาติเหมือนกับโออิชิแล้ว แต่ image มันไม่ได้สอดคล้อง มันก็ไม่สามารถทำให้ขายได้เยอะขึ้นเลย (ความคิดเห็นส่วนตัวครับ) จากคุณ : ฮาได้อีก - [ 13 พ.ค. 52 21:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ชอบครับ มาถกเรื่องการตลาด เอาความรู้มารวบรวมก็ไม่เลวนะครับ เรื่องยี่ห้อชาเขียวช่วงบูมๆเนี่ย มินิมาร์ตข้างบ้าน ถึงขนาดเอาชาเขียวที่ยี่ห้อไม่ดังมาเททิ้งเลยครับ เพราะจะได้มีที่ใส่ชาเชียวที่ขายดีๆพวกโออิชิ เซนชะ ในช่องฟรีซ... พวกยี่ห้อไม่ดังมันเปลืองเนื้อที่น่ะครับ ทำถึงขนาดนี้แสดงว่าขายดีมากๆ บางยี่ห้อเห็นแล้วตลกครับ แบบว่าเห็นคนอื่นออกก็ออกตาม แต่ทำการตลาดไม่ดีเอาซะเลย อย่างชาเขียวนูบูน ของ น้ำผลไม้ Freeze เห็นแล้วขำโดยไม่มีเหตุผล ส่วนชาเขียวสยาม ทำการตลาดแปลกๆ ลงโฆษณากับรายการทีวีเร็ตติ้งสูงๆช่วงนั้นอย่าง แฟนพันธุ์แท้ มีเพลงซึ้งๆ2-3วิฯ แล้วมีรูปขวดขาของตัวเอง ทำซ้ำกัน2รอบ... อุเหม่... คาใจจริงๆว่ามันจะทำยอดได้ถึงเท่าไหร่ ส่วนยี่ห้อดังๆเนี่ย ผมชอบของ เซนฉะ กับ เซนยะ น่ะครับ เซนฉะมีหลายรส แต่อยู่ดีๆก็หลายไปช่วงนึง แล้วกลับมากับสโลแกน "เซนฉะปรับใหม่" สงสัยว่าจะรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ เลยต้องทิ้งฐานลูกค้าเก่าเหมือนที่เป๊ปซี่เคยทำมาในอดีตเพื่อสู้กับโค๊ก ตอนหลังๆออกรสแอ๊ปเปิ้ลมา ยอมรับว่าติดไปช่วงนึง แต่ไม่ชอบที่น้องวิวเป็นพรีเซนเตอร์ เพราะตอนน้องวิวดังแรกๆตอนแข่งเทควันโด้กลับมา โออิชิให้เงินรางวัลไปเท่าไหร่ไม่รู้ แต่อยู่ดีๆมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้คู่แข่งซะงั้น ส่วนเซนยะ ทำออกมาดีครับ ยอมรับว่าชอบ packaging มากๆ การตกแต่งขวดโดนใจจริงๆ ขวดสีแดงๆน้ำทับทิม(มั๊ง) ถูกใจผมมากๆเลยครับ ลิปตั้นเนี่ย มีในไทยมานานแล้ว แต่ดังเป็นช่วงๆน่ะครับ จำได้ว่าตอนเด็กๆช่วง ประถม-ม.ต้น เพื่อนๆไม่มีใครกินเป็นเลย แต่ที่บ้านผมซื้อกินก็เลยกินตาม แต่ถือว่าคลาสิคครับ อยู่เรื่อยๆนานๆ ยังไงตามร้านอาหารก็มีให้สั่ง ผมมองว่ายังไงลิปตั้นสามารถอยู่ในตลาดได้นานกว่าพวกชาเขียวแน่นอน ส่วนแบ่งการตลาดเมื่อก่อนไม่ใช่ส่วนแบ่งที่แท้จริงๆแต่เป็นกระแส ที่แต่จะบริษัทจ้องจะฉวยโอกาสทำเงินกัน พอหมดกระแส คนก็ซื้อน้อยลง แต่ลิปตั้นสามารถอยู่ได้เรื่อยๆทำงเนสม่ำเสมอมีลูกค้าเหนียวแน่นกว่าครับ... จากคุณ : CoollyCat - [ 13 พ.ค. 52 21:32:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาต่อแล้วครับ เริ่มต้นเลยลิปตันไอซ์ที มีจุดแข็งอะไร ผมตอบเลยว่า เปรี้ยว หวาน สดชื่น ตามโฆษณาที่ อิริค  คันโตน่า เตะฟุตบอลชาดหาดแล้วยกลิปตันซด  จุดแข็งก็คือรสชาติชามะนาวนั่นเองที่ถูกลิ้นคนไทยถึงสามารถขายมาได้ยาวนาน รสชาติก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนสูตรเลย(หรือว่ามีเปลี่ยนหว่า)  แต่เมื่อชาเขียวบูมนั่นหมายถึงตลาดชาเจ้าต่างๆ ต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน  ซึ่งโป๊ะเชะที่ลิปตันไอซ์ที   วิธีตั้งรับที่ง่ายสำหรับผู้นำตลาดเดิมคือ ใช้จุดแข็งและเลียนแบบ  จุดแข็งคือชามะนาว แล้วเลียนแบบคืออะไรล่ะ? ชาเขียวในท้องตลาดมีการบรรจุชนิดกล่อง และชนิดขวด PET  นั่นก็คือการนำลิปตันไอซ์ที มาบรรจุกล่องและบรรจุขวดนั่นเอง และจัดจำหน่ายตามช่องทางที่เหมือนๆกัน  ชาเขียวกับชามะนาวจัดเป็นสินค้าที่ทดแทนกันได้  เมื่ออยู่บนชั้นขายเหมือนกันถึงชาเขียวจะบูมทำให้ลูกค้าซื้อชาเขียวมากกว่า แต่โอกาสที่ลูกค้าจะหยิบชามะนาวก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี  ซึ่งสามารถดึงส่วนแบ่งตลาดของชาเขียวได้ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 13 พ.ค. 52 21:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขณะนั้นลิปตันไอซ์ที จัดจำหน่ายแบบขวดแก้วฝาจีบ และแบบกระป๋อง(มีขวดลิตรหรือเปล่าหว่าไม่รู้แฮะ)  คือการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้ตรงกับตลาดที่บูมอยู่สามารถลากชามะนาวให้โตขึ้นไปด้วย  อีกทางหนึ่งก็สามารถขัดตาทัพชาเขียวไปในตัว การทำเลียนแบบนี้เป็นการรับมือเบื้องต้นเท่านั้น  ต่อมาก็คือการออกสินค้าที่เหมือนกันนั่นคือชาเขียว   แต่ไม่ใช่ว่าจะต้องออกชาเขียวมาชนกับตลาดเสมอไป  ต้องอยู่ที่การประเมินสถานการณ์เป็นหลักครับ  เพราะการออกชาเขียวมาทีหลังจะอยู่ตำแหน่งผู้ตามโดยทันที  การวางแผนทำตลาดในขณะที่เป็นผู้ตามนับเป็นงานหนักเลยทีเดียว โอกาสที่สินค้าจะถูกน็อคคาตลาดมีสูง ถ้าว่ากันตามสถานการณ์ ต้องดูเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 เป็นหลัก ว่าทำตลาดรุนแรงแค่ไหน ส่วนแบ่งเป็นยังไง เบอร์ 1 + 2 รวมกัน 80 – 90 % ในท้องตลาดหรือเปล่า  การรับมือเบื้องต้นโดยออกบรรจุภัณฑ์แบบกล่องกับแบบขวดขายได้มากน้อยแค่ไหน  ถ้าจะลงไปแข่งเราจะมีหมัดเด็ดยังไง  ถ้าไม่มีไม้ตายอะไรก่อนลงสนาม ลงไปเสร็จชัวร์  การประเมินนี้ต้องเร็วมากหากช้าช่วงระยะเวลาที่เหมาะสมหรือ timing อาจจะไม่เหมาะสมทันที จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 13 พ.ค. 52 21:56:21 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สรุปคือต้องมีข้อมูลมากพอสมควรถึงจะตัดสินใจได้  แต่ถ้าถามผมแบบฟันธงไปเลยว่าลิปตันไอซ์ทีควรทำชาเขียวมาแข่งในตลาดช่วงนั้นหรือไม่  ผมว่าควรและควรทำอย่างเร็วด้วยเมื่อยังมียี่ห้อในตลาดไม่มากนัก  หากในตลาดเริ่มแข่งขันกันรุนแรง timing อาจจะไม่เหมาะสมในการเข้าร่วมตลาดแล้ว   การโฆษณาเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ซึ่งผมว่าโฆษณาที่น้องพีคมาเต้นแล้วควงขวดลิปตันไอซ์ที(แบบพลาสติก)ดูสดชื่นน่ากินมาก เอ้ย...น่าดื่มมาก(อย่าคิดมากครับ ^^)  ซึ่งผมว่าลิปตันไอซ์ทีแบบขวด PET น่าจะมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ช่วงชาเขียวบูมเอามาสกัดคู่แข่งโดยเฉพาะ   แต่ทางการตลาดของลิปตันไอซ์ที รอกระแสชาเขียวซาลงก่อน(หลังจากลิปตันเวฟแป๊กมารอบนึง)ถึงค่อยมาปล่อย ลิปตันชาแดง  ลิปตันไนท์  เพื่อสร้างตลาดชาเขียวแบบมั่นคงอีกครั้ง  เมื่อจังหวะแรกพลาดแล้ว จังหวะต่อมาปรับให้ดีขึ้น(แต่ผมยังไม่ได้ลองกินชาอื่นๆ ของลิปตันอีกเลยแฮะ นอกจากไอซ์ที  แบบว่าไม่ปลื้มตั้งแต่ครั้งแรกอ่ะ -_- ) อันนี้พูดถึงการตลาดแบบกว้างๆ ของลิปตันไอซ์ทีนะครับ ต่อมาก็ถึงคิวของยูนิฟกรีนทีกับหนอนชาเขียว จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 13 พ.ค. 52 21:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ยูนิฟกรีนทีในตอนเริ่มต้นจัดเป็นชาเขียวเบอร์ 1 ในตลาด ยิ่งมีกระแสมากเท่าไหร่ยูนิฟกรีนทีก็ยิ่งโตขึ้นเท่านั้นไม่ต้องทำอะไรเอาแบบอยู่เฉยๆ เลยด้วย เรียกว่ามาก่อนยังไงก็ได้เปรียบ  มาสคอทหมัดเด็ดของยูนิฟคือ หนอนชาเขียวพ่อลูก เรียกว่าทำให้เกิด talk of the town เลยทีเดียว   แต่ปัจจุบันไม่น่าเชื่อที่หนอนยูนิฟโดนอุ้มหายจากจอ(จากใจคนไทย)ไปแล้ว  หากในช่วงชาเขียวบูมสุดๆ หนอนชาเขียววิ่งในทีวีโฆษณาทั้งวัน ใครล่ะจะเชื่อว่าสุดท้ายหนอนชาเขียวพ่อลูกสุดน่ารักจะต้องพ่ายแพ้ให้กับ “โออิชิกรีนที” จริงอยู่ที่ชื่อยูนิฟ มีภาพลักษณ์ของความเป็นน้ำผลไม้มากกว่าชาเขียว  แต่การครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 มาช่วงหนึ่งแปลว่าผู้บริโภคให้การยอมรับยูนิฟกรีนทีพอสมควร  โดยมีโออิชิเบียดมาเรื่อยเป็นเบอร์ 2 ที่ได้เปรียบเรื่องแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์ของความเป็นชาเขียวญี่ปุ่นมากกว่า จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 13 พ.ค. 52 23:15:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ยูนิฟกรีนทีไม่ควรแพ้โออิชิกรีนทีมากขนาดนี้   เนื่องจากไม่นานมานี้ผมเพิ่งได้เห็นคอลัมน์หนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับหนึ่ง  เป็นข้อมูลตลาดชาพร้อมดื่มทั้งหมด(น่าจะรวมถึงชาเขียว ชาขาว ชามะนาวด้วย) จำได้แต่โออิชิเป็นอันดับ 1    อันดับ 2 จำไม่ได้  ส่วนยูนิฟตกอันดับแบบไปไกลเลย(จำแบบเป๊ะๆ ไม่ได้)   ช่วงที่แข่งขันกันยูนิฟกรีนทีกับโออิชิกรีนที เรียกว่าคู่คี่สูสีกันมาตลอดแต่โออิชิก็ยังแซงยูนิฟไม่ได้จนกระทั่งโออิชิออก 30 ฝา 30 ล้านปั๊บ หมัดนี้เล่นเอายูนิฟกรีนทีไปไม่เป็นเลยทีเดียวว่าจะทำอะไรต่อ   เอาล่ะยูนิฟกรีนทีควรจะทำอย่างไรถึงจะรับมือ 30 ฝา 30 ล้านจากโออิชิได้ มาแสดงความเห็นกันดีกว่า  เดี๋ยวผมกลับมาตอบความเห็นผมอีกทีพรุ่งนี้ครับ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 13 พ.ค. 52 23:18:39 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณสำหรับการติดตาม + give ครับ สำหรับความเห็นคุณฮาได้อีก  ผมเห็นด้วยเรื่องภาพลักษณ์ แบรนด์มีผลต่อการเลือกหยิบสินค้ามาบริโภคมากๆ ขอบคุณสำหรับความเห็นคุณ CoollyCat จากที่ได้อ่านบางเรื่องผมก็ไม่ทราบแฮะ เลยได้ทราบรายละเอียดเพิ่มเติม อ้อ ฝากการบ้านด้วยครับ "ยูนิฟกรีนทีควรจะทำอย่างไรถึงจะรับมือ 30 ฝา 30 ล้านจากโออิชิได้" พบกันพรุ่งนี้ครับ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 13 พ.ค. 52 23:32:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Lipton Icetea เนี่ย เป็นของ Unilever ครับ แต่ที่อเมริกามี Lipton ขาเขียวแล้วนะครับ ชาขาวก็มี Green tea with Honey Green tea with Citrus Diet green tea with Citrus Half & Half (Half sweetened ice tea and half lemonade) Diet green tea with Mixed Berry Green tea with Orange and Passion Fruit White tea with Tangerine White tea with Raspberry อ้างอิงจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Lipton จากคุณ : CoollyCat - [ 13 พ.ค. 52 23:32:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ก่อนไปขอแปะข่าวนิดนึงครับ กรุงเทพฯ--4 ก.พ.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์ ลิปตัน ชาอันดับหนึ่งของโลกและผู้เชี่ยวชาญด้านชามากว่า 140 ปี ประเดิมรุกตลาดชาพร้อมดื่มต้นปี รีเฟรชแบรนด์อิมเมจ “ลิปตัน ไอซ์ที เลมอน” ครั้งสำคัญ ชูคอนเซ็ปท์ “ปลดปล่อยสปิริตในตัวคุณ” เปิดตัว “พีค-สงกรานต์” พรีเซนเตอร์คู่แรกมัดใจหนุ่มสาวรุ่นใหม่วัยเรียน-ทำงานทั่วประเทศ ส่งขนาดใหม่ 350 มล. สุดคุ้มในราคา 12 บาท ขยายฐานต่างจังหวัดเสริมทัพความแข็งแกร่งพอร์ทเครื่องดื่มไม่อัดลมในเครือเป๊ปซี่ จากผลการสำรวจของเอซีเนลสันรอบล่าสุด พบว่า ตลาดเครื่องดื่มไม่อัดลมในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 4,500 ล้านบาท และมีอัตราเติบโตถึง 16 เปอร์เซ็นต์สูงกว่าตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มประเภทอื่นๆ อันเป็นผลมาจากกระแสการให้ความสำคัญและใส่ใจในเรื่องสุขภาพของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น นายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ปัจจัยที่ทำให้ลิปตันประสบความสำเร็จประกอบด้วย 4 ปัจจัยได้แก่ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 00:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 19 1) การออกบรรจุภัณฑ์แบบคืนขวดขนาด 15 ออนซ์ รุกตลาด traditional trade และ eateries เพื่อตอกย้ำในการเป็นเครื่องดื่มที่ในระหว่างมื้ออาหาร 2) การออกนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์ ขวด PET ขนาด 450 มิลลิลิตร ที่โดดเด่นสะดุดตาผู้บริโภคด้วยรูปทรง และฉลากบรรจุภัณฑ์แบบ half shrink 3) การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ “ลิปตัน ไนน์” ชาเขียวพร้อมดื่มเพื่อสุขภาพและความงามตัวจริง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วย uplift brand image ของชาพร้อมดื่มลิปตัน และ 4) ความน่าเชื่อถือในฐานะแบรนด์อันดับ 1 ของโลก และผู้เชี่ยวชาญด้านชามากว่า 140 ปี” จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 00:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 “เราได้เดินทางต่อยอดความสำเร็จดังกล่าวในปีนี้ ด้วยการรีเฟรชแบรนด์อิมเมจของลิปตันให้ดูทันสมัยขึ้น เพื่อสื่อสารให้โดนใจกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่วัยที่กำลังใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยไปจนถึงวัยทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนครั้งสำคัญของชีวิต เป็นวัยที่รักอิสระ และชอบใช้ชีวิตในแบบสนุกสุดๆ แต่มีขอบเขตที่เหมาะสมในแบบของตัวเอง ด้วย แนวคิดใหม่ “ปลดปล่อยสปิริตในตัวคุณ” นายปริญญากล่าว นายเอริค กิจจาธนพันธ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า “เพื่อที่จะเจาะกลุ่มหนุ่มสาวรุ่นใหม่ ด้วยกลยุทธ์สร้างความใหม่ให้กับแบรนด์ใน 4 ด้านได้แก่ การรีเฟรชแบรนด์อิมเมจให้ทันสมัยและมีความสนุกสนานมากขึ้น ด้วยคอนเซ็ปต์ใหม่ “ปลดปล่อยสปิริตในตัวคุณ กับลิปตัน ไอซ์ที เลมอน” ด้วยผลงานการสร้างสรรค์โฆษณาชุด “Youth Spirit” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของลิปตัน ไอซ์ที เลมอน ในไทย เพื่อให้สื่อสารได้ตรงกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น พร้อมด้วยพรีเซนเตอร์สุดฮอตคู่ใหม่ “พีค-ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ” และ “สงกรานต์ เตชะณรงค์” ตัวแทนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นตัวของตัวเอง มาร่วมปลดปล่อยและเชิญชวนให้ทุกคนปลดปล่อยสปิริตในแบบของตัวเอง ซึ่งมีกำหนดออกอากาศพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 00:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 21 นอกจากนี้ เพื่อขยายฐานผู้บริโภคไปยังต่างจังหวัดด้วยการออกผลิตภัณฑ์ขนาดใหม่ Economy size ขนาด 350 มล. ด้วยราคาเพียง 12 บาท ซึ่งตอบรับกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและเหมาะกับการดื่มในแต่ละครั้ง “เราได้เตรียมงบประมาณสำหรับแคมเปญนี้ไว้กว่า 20 ล้านบาท ประกอบด้วยสื่อสนับสนุน 360 องศา ทั้งภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์ บนรถไฟฟ้า สื่อโฆษณากลางแจ้ง รวมทั้งกิจกรรมคาราวานลิปตัน ไอซ์ที เลมอน ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นปีแรก ซึ่งจะออกเดินสายไปร่วมสนุกพร้อมแจกรางวัลอีกเพียบให้กับแฟน ๆ ที่ดื่มลิปตัน ไอซ์ที เลมอนทั่วประเทศทั้งในโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาด และแหล่งชุมชนตลอดหน้าร้อนนี้” นายเอริคกล่าว “การรีเฟรชแบรนด์ลิปตันพร้อมกับการรุกกิจกรรมการตลาดแบบครบวงจรในครั้งนี้ จะทำให้ “ลิปตัน” เป็นอีก flagship product ในกลุ่มเครื่องดื่มไม่อัดลม และเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคและสร้างการเติบโตมากขึ้นให้กับแบรนด์ลิปตัน รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้กับPortfolio ของเป๊ปซี่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้ครบทุกกลุ่มอีกด้วย” นายปริญญากล่าวทิ้งท้าย แถลงข่าวโดย: บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) / บริษัท เป๊ปซี่-โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 00:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สุดยอดครับคุณ Y ผมจะคอยติดตามจากคุณต่อนะครับ อยากให้มีสังคมของ Marketing Network เกิดขึ้นในบ้านเราจริงๆ จังเลยครับ (หรือว่ามีแล้วผมไม่รู้ ><) จากคุณ : sanchail - [ 14 พ.ค. 52 08:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขออนุญาตBookmarkเก็บไว้นะคะ ^^ จากคุณ : Breakfast@Noon - [ 14 พ.ค. 52 12:32:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มาแล้วครับ ขออภัยที่ช้าไปนิดเพราะใช้เวลาเขียนนานพอสมควร ยูนิฟกรีนทีควรจะทำอย่างไรถึงจะรับมือ 30 ฝา 30 ล้านจากโออิชิได้ ตอนนั้นยูนิฟกรีนทีรับมือยังไงบ้าง  ผมตอบเลยว่า “ไม่รู้ครับ”   คือผมเป็นผู้บริโภคไม่ได้อยู่ในวงการชาเขียว  ยูนิฟคงต้องมีการรับมือ 30 ฝา 30 ล้านอยู่แล้ว แต่การรับมือแล้วไม่สามารถสื่อสารออกมาให้ผู้บริโภค(คือผม)ทราบ  หากกระแส 30 ฝา 30 ล้านทำยอดขายยูนิฟหยุดชะงักก็ต้องเตรียมส่งสายสะพายเบอร์ 1 ให้โออิชิได้เลย 30 ฝา 30 ล้านของโออิชิ ตรงกับรสนิยมคนไทยอย่างแรงเพราะคนไทยบ้าหวย บ้าเสี่ยงโชคมาก  ช่วงที่ข่าวหวยบนดิน ใต้ดินดังๆ ราคาลอตเตอรี่สูงกว่าราคาที่กำหนด  ในทีวีก็มีการเชิญผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้  ผมถึงทราบว่าลอตเตอรี่งวดนึงพิมพ์ที 30 – 40 ล้านใบ เพื่อป้องกันราคาลอตเตอรี่สูงกว่าราคาที่กำหนด(เหตุผลคือ ถ้ามีจำนวนน้อยกว่าความต้องการจะเกิดการโก่งราคาครับ) อุแม่เจ้า!!!!!!  คนไทย 65 ล้าน หวย 30 ล้านใบ   เฉลี่ย 2 คนต่อใบ ซื้ออะไรจะเยอะขนาดนั้น  ตอนนั้นผมคิดว่าแค่ 1 งวด คงพิมพ์อย่างมาก 2 – 3 ล้านใบเท่านั้นเอง  และในชีวิตก็ไม่เคยซื้อหวยด้วย ผมจึงอ่อนต่อโลกของสลากกินแบ่งรัฐบาลซะงั้น(หรือว่าปริมาณหวยวัดความเจริญของประเทศชาติ ยิ่งเยอะ ยิ่งเจริญ) จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 22:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 25 กลับมาชาเขียวกันต่อดีกว่าเดี๋ยวไปไกล  เท่าผมจำได้หลังจาก(หรือระหว่างหว่า?)ลุ้นใต้ฝา 30 ฝา 30 ล้านจบลง  ยูนิฟถึงมีโปรโมชั่นชิงโชคอะไรสักอย่างนึงออกมาแก้ขัด  แต่ไม่ทันการแล้วโออิชิได้กระแสตลาดชาเขียวไปเต็มๆ แล้วน้องหนอนชาเขียวก็หายไปจากตลาดทันที แล้วยูนิฟกรีนทีควรจะรับมืออย่างไรล่ะ มาดูว่ายูนิฟกรีนทีมีจุดแข็งอะไร  ผมตอบเลยว่า “ความเป็นเจ้าตลาดอันดับ 1”   แล้วเจ้าตลาดอันดับ 1 มีประโยชน์ยังไงล่ะ? เจ้าตลาดอันดับ 1 หมายความว่าชาเขียวของยูนิฟกรีนที  ผ่านการดื่มมามากกว่าเจ้าอื่นแน่นอน  มีช่องจัดจำหน่ายที่พร้อมกว่าเจ้าอื่น  มีภาพลักษณ์ที่ดีกว่าเจ้าอื่น(หมายถึงเมื่อยังครองอันดับ 1 อยู่นะครับ ไม่ใช่ตอนร่วงลงมาแล้ว) จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 22:43:00 ]

ความคิดเห็นที่ 26 แล้วการจัดรายการ 30 ฝา 30 ล้าน มีจุดอ่อนอย่างไร  โออิชิไม่ได้ใช้เงินแค่ 30 ล้านในการจัดนะครับ  ทั้งค่าโฆษณาโปรโมททางทีวี(ช่วงเวลาดีๆ นาทีละเป็นแสน) วิทยุ นิตยสาร ค่าป้ายโฆษณา ค่าทีมงานในการจัด  ผมก็ไม่รู้ว่าใช้เงินมากแค่ไหนแต่รายการนี้คงมหาศาลเลยล่ะ  หมายความว่าการจัดรายการนี้คือต้องการส่วนแบ่งตลาดมากกว่าผลกำไร คือขอกำไรเต็มๆหลังงานมากกว่า แล้วอีกจุดหนึ่ง 30 ล้านแจกได้เพียง 30 คน สรุปคืองานนี้ใช้ตังค์เยอะ แต่แจกคนได้น้อย  หากยูนิฟกรีนทีจัดรายการแบบเดียวกันจะดูไม่สร้างสรรค์ทันที  สิ่งที่ยูนิฟควรทำคือ(ตามความคิดผมนะ) จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 22:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 27 1. ปรับราคายูนิฟกรีนทีมาอยู่ที่ 15 บาทต่อขวด ตามร้านขายปลีกทุกที่ เป็นส่วนลดที่ให้ลูกค้าซื้อปุ๊บได้เลย 5 บาทไม่ต้องเปิดใต้ฝา     โออิชิคงจะไม่ใช้กลยุทธ์ใต้ฝา + ลดราคามากๆ พร้อมๆ กันได้เนื่องจากเป็นภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดี เพราะไหนจะแจก 30 ล้านแล้ว ยังต้องมาลดราคาจูงใจให้ซื้ออีก มันดูไม่ดีจริงๆ ในสายตาผู้บริโภค(อันนี้พูดถึงราคาขายปลีกตามร้านค้าทั่วไป ไม่ใช่ตามห้างค้าปลีกขนาดใหญ่นะครับ) 2. ปรับสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้นคือ ความเข้มข้นของชา  กลิ่นหอมของชา  ความหวานให้กำลังดีเพราะเมื่อไหร่ที่ลูกค้ารู้สึกว่าชาที่ซื้อนั้นมีคุณภาพสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับยี่ห้ออื่นในตลาดโอกาสเป็นลูกค้าประจำย่อมมีสูง เพราะว่าธรรมชาติของคนคือ เมื่อทดลองชาเขียวแล้วชอบหลังจากนั้นก็จะลองดื่มแต่ละยี่ห้อ จนกระทั่งได้ยี่ห้อหรือรสในดวงใจเช่น ถ้าชาเขียวสูตรปกติต้องยี่ห้อนี้  ถ้าผสมมะนาวต้องยี่ห้อนี้  แต่ส่วนใหญ่มันเป็นภาพลักษณ์ทางแบรนด์ซะมากกว่า  หมายความว่ายี่ห้อไหนรู้สึกถูกลิ้น ได้คุณภาพมากที่สุดก็จะเลือกดื่มยี่ห้อนั้นเป็นประจำ(ผมเป็นอย่างนั้น) จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 22:44:58 ]

ความคิดเห็นที่ 28 หากสินค้าดื่มแล้วรู้สึกได้ว่ามีคุณภาพสูงกว่ายี่ห้ออื่น จะเกิดความได้เปรียบทันที(ถึงแม้ต้นทุนจะสูงขึ้น)  ขอยกตัวอย่างนึงชาเขียวเซนชะ  ผมว่าเซนชะรสส้มยูสุหอมอร่อยโดดเด่นมาก ก็ได้ดื่มบ้าง(เพราะไม่ได้ติดชาเขียว) แต่พอเซนชะปรับสูตรใช้โฆษณาตอนนั้นว่า  “เซนชะปรับใหม่”  รสชาติอ่อนลงชัดเจน(ลิ้นผมบอกอย่างงั้น) หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เป็นลูกค้าอีกเลย ทั้งลดราคา + เพิ่มคุณภาพ เท่านี้ต้นทุนสูงปรี๊ดแน่นอน  แต่เมื่อรวมกับความเป็นเจ้าตลาดอันดับ 1 มาก่อนก็น่าจะสามารถสกัดความแรง 30 ฝา 30 ล้านได้   ถึงจบช่วงโปรโมทก็ไม่น่าจะแพ้โออิชิมากมายพอไล่ตามได้  เพราะเมื่อลูกค้าซื้อแล้วพลิกใต้ฝาไม่เจอสักที สุดท้ายก็จะกลับมาดื่มตามคุณภาพชาในตลาด(แบรนด์ก็มีผลด้วยครับ) จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 22:46:02 ]

ความคิดเห็นที่ 29 และพอหมดช่วงชาเขียวบูม ผมเองก็ดื่มชาเขียวน้อยลงมาก ส่วนหนึ่งมีความรู้สึกว่าแต่ละยี่ห้อรสชาติชาอ่อนระโหยโรยแรงกันทั้งนั้น หมดอารมณ์ดื่ม แต่ศึกชาเขียวครั้งนี้โออิชิชนะเบ็ดเสร็จในทุกๆ ด้านรวมทั้งเมื่อมีความแข็งแกร่งเรียบร้อยแล้ว ก็ออกโออิชิแบล็คทีชามะนาวมาในตลาดแบ่งแชร์ของชามะนาว  ซึ่งผมว่าโออิชิแบล็คทีต้องการวางตัวเองเป็นสินค้าที่มั่นคงในระยะยาว ตามแบบที่ลิปตันไอซ์ทีทำมาก่อน สุดท้ายขอเม้นหน่อย  ฉลากข้างขวดชาเขียวของยูนิฟกรีนทีในตอนนี้ผมว่าไม่ชวนซื้อไปดื่มเอาเสียเลย  ทั้งสีสัน รูปแบบ ปรับปรุงด่วนเด้อ จบเท่านี้ล่ะครับ พบกันใหม่สัปดาห์หน้าเรื่องที่ 2 ว่าด้วยกระบะในไทย จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 22:46:44 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เอ....เปลี่ยนสีพื้นหลังก็สนุกดีแฮะ  ใช้สีสันทำการตลาดกระทู้555 แต่ทำช้าไปหน่อยแฮะ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 22:48:52 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณคุณ sanchail ที่ติดตามครับ เรื่องการตลาดแนวนี้ความจริงตั้งใจจะเขียนนานแล้ว  แต่ความขี้เกียจค่อนข้างแรงครับ -_- ขอบคุณคุณ Breakfast@Noon สำหรับการติดตามและ give ครับ สัปดาห์หน้าการตลาดเรื่องที่ 2 ว่าด้วยรถกระบะในไทย จะเขียนให้เร็วกว่านี้ครับ   กว่าจะเขียนเรื่องชาเขียวจบกระทู้ตกไปไกลซะแหล่วแหะๆ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 14 พ.ค. 52 23:13:35 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีค่ะ กระทู้คุณภาพ   กิฟท์ +โหวต +เก็บเข้าคลังค่ะ อยากเห็นคุณ   yoyolandk ร่ายยาวเกี่ยวกับ สงครามน้ำดำบ้าง  จะมีโอกาสไหมคะ   เป็นกำลังใจให้กระทู้ดี ๆ นะคะ จากคุณ : CoffeeBake - [ 15 พ.ค. 52 06:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 33 1. ปรับราคายูนิฟกรีนทีมาอยู่ที่ 15 บาทต่อขวด ตามร้านขายปลีกทุกที่ เป็นส่วนลดที่ให้ลูกค้าซื้อปุ๊บได้เลย <<กรณีนี้ไม่แน่ที่จะประสบควาสำเร็จ เพราะคนไทย(ชอบเสี่ยงโชค)ไม่แพ้ชาติใดในโลกนะครับเงิน1-3บาทไม่มีผลหรอกครับ(ลอตเตอรี่ยังซื้อคู่ละ100เลยครับ) 2. ปรับสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้นคือ ความเข้มข้นของชา  กลิ่นหอมของชา  ความหวานให้กำลังดี<<อันนี้ถ้าปรับสูตรก็ควรต้องปรับแพกเกจฉลากหมด ผู้บริโภคชิมรู้นะครับ (ถ้าไม่เปลี่ยนแพคเกจก็แสดงว่าคุมคุณภาพได้ไม่นิ่งอันนี้เสียหายเยอะครับ) ยอมรับว่าโอ...ใช้ชากิโลละเป็นแสน(แต่ดีดผงเท่าปลายหลอดยาคู)ผสมสูตรลงในหม้อชายักษ์ยักษ์ (ส่วนยู....ผมไม่ทราบครับ)<<ฟังเค้ามาเล่าอีกที การสร้างสูตรอยู่ที่คนทำสูตรและการตลาดการผลิตควบคู่กัน ผมบอกได้แค่ว่า ปล.ข้าวญี่ปุ่นมีกลิ่นรสแบบนี้ได้ไงนี่มันflavour.........ชัดๆ(พูดมากไม่ได้เด๋วโดนเตะ5555) แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 08:14:27 แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 08:13:39 จากคุณ : เด็กท้ายรถ - [ 15 พ.ค. 52 08:12:11 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สวัสดีครับคุณ CoffeeBake ขอบคุณที่มาเยี่ยมครับ แถม กิฟท์ +โหวต +เก็บเข้าคลัง เป็นคอมโบ(อีกแล้ว ^^) ส่วนเรื่องสงครามน้ำดำ ผมพอได้อ่านตามหนังสือการตลาดบ้างสนุกดีครับ แต่เป็นการพูดถึงน้ำดำในต่างประเทศเป็นหลัก ในต่างประเทศโค้กจะเป็นเบอร์ 1   ส่วนน้ำดำในบ้านเราเบอร์ 1 กลับเป็นเป็ปซี่ซะงั้น  แหะๆผมทราบแค่นี้ครับ หากร่ายยาวน้ำดำเดี๋ยวได้ลอกจากหนังสือมาเขียน สำหรับความเห็นคุณเด็กท้ายรถ  ผมว่าวิธีการปรับลดราคาเป็นการรับมือเบื้องต้นไม่ใช่การเอาชนะโออิชิในขณะนั้นครับ  หากต้องการเอาชนะต้องเตรียมแผนหลังจาก 30 ฝา 30 ล้านครับ   แล้วใช่ครับ การลดราคา 1 - 3 บาท ไม่ค่อยมีผลต่อการตัดสินใจ แต่พอเป็น 5 บาทเมื่อไหร่ ราคาจะเริ่มมีผลต่อการบริโภคทันที  ซึ่งควรใช้จุดนี้กับโออิชิที่ต้องการขายราคาเต็ม 20 มากกว่า ส่วนรสชาติหากดีขึ้นอย่างชัดเจน ย่อมถูกใจผู้ดื่มแน่นอน   ส่วนการแต่งกลิ่นต่างๆ อย่างรสข้าวญี่ปุ่น  มันก็คือแค่กลิ่นแต่คนไทยก็ชื่นชอบกลิ่นนี้ แสดงว่าโออิชิจับความรู้สึกของคนไทยได้ดีกว่ายี่ห้ออื่นๆ เลยได้เปรียบกว่า  ฉะนั้นหากต้องการแข่งขันกับโออิชิก็จำเป็นต้องเลือกกลิ่นหอมหวานอะไรสักอย่างที่ถูกใจลูกค้าในวงกว้างให้ได้ ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็น ได้คุยแล้วสนุกดีครับ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 15 พ.ค. 52 10:33:08 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อ้อ  อีกเรื่องนึงเรื่องการตลาด  ไม่ใชว่าความคิดเห็นผมถูกต้องน่านำไปใช้นะครับ ผมก็ไม่ทราบผลเหมือนกันว่าหากทำไปแล้วจะเป็นยังไง เพราะเป็นความคิดเห็นมากกว่าครับ  ยังไม่ได้มีการพิสูจน์จริงในตลาด แก้ไขเมื่อ 16 พ.ค. 52 00:26:49 จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 15 พ.ค. 52 10:59:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เคยฟังนักการตลาดบอกว่า  ยูนิฟเป็นองค์กรใหญ่ใช้นักการตลาดที่เป็นพนักงานในองค์กรจึงตัดสินใจได้ล่าช้า ไม่เหมือนโออิชิที่เจ้าของเป็นนักการตลาดเองการตัดสินใจและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไ้ด้รวดเร็วฉับไวกว่า ในความรู้สึกส่วนตัว ในตอนนั้นชาเขียวยูนิฟรสชาติดีกว่ามากเลยครับพูดได้เลยว่าตอนนั้นติดชาเขียว พยายามทดลองชิมของโออิชิแล้วรสชาติยังไม่โดนสักที พอยูนิฟหายไปเลยหยุดดื่มชาเขียวไปนานพักใหญ่ ตอนหลังโออิชิพยายามปรับปรุงออกรสชาติใหม่มาหลายตัว รสชาติเริ่มถูกปากมากขึ้นเลยกลับมาดื่มบ้างอีกครั้งแต่ยังไม่ติด  สมกับเป็นเบอร์หนึ่งครับมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แก้ไขเมื่อ 15 พ.ค. 52 11:16:44 จากคุณ : <SportivO> - [ 15 พ.ค. 52 11:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 37 จะมีเขียนถึงเคสเวรี่ แคลสสิค "ช้างกระทืบสิงห์"มั้ยครับ ^ ^ ผมสนใจเรื่องการตลาดเพราะเรื่องนี้เลย จากคุณ : kirofsky - [ 15 พ.ค. 52 20:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณคุณ <SportivO> สำหรับการติดตามและความเห็นครับ สำหรับคุณ kirofsky การตลาดเรื่องช้างตื๊บสิงห์ เป็นเรื่องหนึ่งในห้าเรื่องที่จะเขียนเหมือนกัน   แต่ความละเอียดที่จะเขียนอาจจะน้อยไปนิดนะครับ เพราะว่าผมไม่ดื่มเบียร์ ทำให้การติดตามตลาดนี้ไม่ค่อยใกล้ชิดเท่าที่ควร(เวลาเมารักใช้นมเปรี้ยวกับน้ำผลไม้ดับแทนหุหุ ^^ ) สามารถติดตามเรื่องเบียร์ในขวดนี้ได้ในสัปดาห์ที่ 3 ครับต่อจากเรื่องรถกระบะในไทย ขอบคุณครับ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 16 พ.ค. 52 00:47:31 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สนใจเรื่องของสัปดาห์ที่3ค่ะ ไม่ใช่เพราะเป็นนักดื่มนะคะ (ร้อนตัว 55+) แต่เป็นเพราะว่าพอจะรู้จักกับหลายๆคนในองค์กรหนึ่งในเรื่องนี้ค่ะ มาต่อไวๆนะคะ ติดตามอยู่ค่ะ ^^ จากคุณ : Breakfast@Noon - [ 16 พ.ค. 52 20:32:09 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อ่านแล้วได้มุมมองอะไรใหม่ๆดีมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่มาแบ่งปัน :) จากคุณ : NuckIhT - [ 16 พ.ค. 52 21:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 41 อีกหนึ่งสาเหตุใหญ่....ที่ทำให้โออิชิ ชนะและเป็นเจ้าตลาดได้...เพราะค้นพบช่องทางจัดจำหน่ายใหม่ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน คือการแช่ในกล่องโฟม ครับทำให้มีการขยายตลาดไปอย่างรวดเร็วเหมือนไฟลามทุ่ง....จนคู่แข่งงง...และทำอะไรไม่ทัน กว่าจะรู้ตัวอีกที ส่วนแบ่งตลาดก็ถูกรวบไปเกือบหมด ผมว่าตอนนั้นคู่แข่งไม่เชื่อว่าโออิชิจะทำได้ ทำให้ประมาท และไม่วางแผนต่อสู้ที่เหมาะสมรัดกุมเพียงพอ.... จากคุณ : สายลมแห่งตะวันออก (สายลมจากตะวันออก) - [ 18 พ.ค. 52 12:45:07 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ในการแข่งขันในแวดวงธุระกิจยุคสมัยนี้หลายๆอย่างก็เปลี่ยนไป...เดิมที่ว่าปลาใหญ่กินปลาเล็ก  ก็อาจจะมี ปลาเร็วกินปลาช้า โออิชิ เล็กคล่องตัว การปรับแผนฉับไวไม่อุ้ยอ้าย... และ  คุณ ตัน โออิชิ เก่งในเรื่องการตลาดมาก  ในช่วงนั้นมีที่ข่าวเกี่ยวกับ คุณ ตัน และโออิชิ ออกสู่สื่อแทบทุกวัน  ทำให้เกิดการคุ้นชินเกิดขึ้นกับผู้บริโภค รวมทั้งภาพลักษณ์ด้านดีที่มีการสร้างขึ้น  ความดูเป็นสินค้าของคนรุ่นใหม่ประกอบกันหลายๆอย่าง...ทำให้เกิดความสำเร็จ ภาพลักษณ์ คุณ ตัน ก็คือแบรนด์ ของโออิชิ จนตอนหลังมีการขาย กิจการ โออิชิ ออกไปให้กับ คุณ เจริญ แห่งเบียร์ช้าง  หนึ่งในข้อตกลงที่มี คุณตันต้องถือหุ้น 10% และต้องบริหารโออิชิต่อไป นี่คือแบรนด์ และฝีมือล้วนๆ........คุณคือแบรนด์...ทำให้ผมยังตอบตัวเองไม่ได้ในทุกวันนี้ว่า ถ้าผมเป็น คุณ เจริญ  การประเมินมูลค่าระหว่าง....แบรนด์ โออิชิ....และแบรนด์.....คุณ ตัน....อย่างไหนจะมีมูลค่าสูงกว่ากัน.... เป็นคุณ....จะเลือกอะไร......? ถ้าเป็นผม.....จะเลือก...คุณ....ตัน....ครับ จากคุณ : สายลมจากตะวันออก - [ 18 พ.ค. 52 13:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แสดงความเห็นหน่อยนะครับ 1. ส่วนตัวผมว่า ลิปตั้น ไอซ์ที มีรสชาติและอะไรหลยๆอย่างแตกต่างจากชาเขียวยี่ห้ออื่นๆมาก จริงหรือครับที่ ลิปตั้น ไอซ์ที จะกลัวว่ายอดขายจะลดลงหนักๆจากกระแสชาเขียว ? จริงอยู่ ชาเขียวมาแรงในช่วงนั้นแต่ในระยะยาวแล้ว ลิปตั้น ไอซ์ที น่าจะยืนในตลาดและแบงส่วนแบ่งไปเท่าๆเดิมนะครับ ขอแค่มีอะไรมากระตุ้นตลาดกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอก็พอเพราะรสชาติและภาพลักาณ์ของมันเด่นชัดแตกต่างจากเครื่องดื่มอื่นๆพอสมควร ผมจึงไม่คิดว่าลิปตั้น ไอซ์ที จะต้องกลัวชาเขียวอะไรมากมายเพราะสินค้าแตกต่างกันแม้จะใช้ชื่อว่าชาเหมือนกัน แต่ชาเขียวมาแนวแฟชั่น+สุขภาพ ลิปตั้นมาแนวชื่นชอบรสและความสดชื่น เมื่อสินค้ามีอะไรๆแตกต่างกัน คนบริโภคก็ไม่ได้แปลว่จะเทใจหรือเปลี่ยนการบริโภคสู่อีกยี่ห้ออย่างถาวร 2.  30 ฝา 30 ล้าน ในสมัยนั้น ผมว่าเป็นการโฆษณาที่เด่นที่สุดในปี และโออิชิขึ้นแท่นอันดับ 1 อย่างเต็มตัวด้วยแคมเปนนี่แหละ เพราะเขาแจกจะๆ แจกชัดๆ แจกถึงที่ จำได้ไหมว่ามีบ้างคนขี้ตู่ไปแจ้งความว่าโดนขโมยฝา 1 ล้าน คือมันเป้นกระแสที่ดังมากจนผมไม่รู้จะบรรยายยังไง อาผมลงทุนไปซื้อโออิชิที่ lotus มา 3 ลังแล้วทานแทนน้ำเพื่อหวังฝา 1 ล้าน   ยี่ห้ออื่นพอเจอโออิชออันแคมเปนนี่ได้แต่มองตาปริบๆ  และถ้าผมจำไม่ผิดช่วงนั้นเป็นหน้าร้อนด้วย ชาเขียวโออิชิมียอดขายวันละกว่า 10 ล้านบาท แล้วจะติดตามอ่านต่อนะครับ จากคุณ : kennyG - [ 22 พ.ค. 52 14:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ติดตามกระทู้ที่ 2 ว่าด้วยรถกระบะในไทยได้ที่ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B7889504/B7889504.html ขอบคุณคุณ kennyG ครับ มาคุยกันต่อได้ที่เรื่องที่ 2 ครับ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 23 พ.ค. 52 00:25:48 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เรื่องชาเขียวนี่ถ้าตอนนี้ผมชอบของฟูจิทีสุดครับ แพงกว่ายี่ห้ออื่น (25 บาท) แต่รสชาติเข้มข้นกว่าจริงๆ แต่ต้องยอมรับเลยว่าการตลาดของโออิชิดีมากๆ ทั้ง 30 ฝา 30 ล้าน, แล้วยังอันปัจจุบันที่เป็นทัวร์ญี่ปุ่นอีก ยิ่งช่วงเดือนสองเดือนก่อน ที่7-11มีโปรโมชั่น แลกซื้อโออิชิได้ในราคาขวดละ 12 บาท แม่ผมแลกซื้อมาประจำ กินแล้วเอาฝาส่งชิงโชคอีก เผื่อฟลุ๊ค ขอนอกเรื่องเกี่ยวกับล็อตเตอรี่นิดนึงครับ จากที่เห็นมา คนที่พอมีฐานะซื้อทีเป็นสิบใบครับ พวกชุดสามสิบล้าน, หกสิบล้านอะไรนั่นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 52 15:24:06 จากคุณ : Pu'Chew - [ 25 พ.ค. 52 15:19:28 ]