เราแค่อยากรู้ว่ามีใครในห้องนี้เป็นเหมือนเราหรือคล้ายเราบ้าง ทั้งชีวิตไม่เคยเป็นหนี้ใคร แต่ต้องมาแบกรับภาระหนี้ถึง 12 ล้านบาท โดยที่เราและพ่อไม่ได้เป็นคนก่อไว้ แต่คนที่ทำกับหนีไปโดยไม่สนใจหรือทุกข์ร้อนกับสิ่งที่เขาทำไว้ และคนๆ นั้นก็คือ แม่เราเอง แม่เราเอากิจการที่ทำมานานหลายปีจำนองกับธนาคาร เอาที่ดินที่ทำเป็นอพาร์ทเม้นท์ซึ่งพ่อเราบอกว่าใช้เงินส่วนตัวสร้างไม่ได้ขอกู้ ลืมบอกไปว่า ทั้งกิจการและที่ดินแม่เรามีกรรมสิทธิ์ และพ่อกับแม่เราก็แยกทางกันหลายปีแล้วแต่ก็ยังคุยกันอยู่ ซึ่งตอนที่สร้างอพาร์ทเม้นท์แม่เราสวมรอยเอาที่ดินจำนองกับธนาคารโดยบอกกับธนาคารว่าเงินไม่พอทำอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งพ่อเรายืนยันกับเราว่า พ่อเป็นคนโอนเงินเข้าบัญชีแม่ทุกงวดจนปี 2550 ธนาคารติดต่อมาว่า แม่เราไม่ได้ชำระเงินหลายงวดแล้ว และติดต่อแม่เราไม่ได้เลย ซึ่งเป็นปีที่เราออกจากงานเพื่อเข้ามาดูแลกิจการอพาร์ทเม้นท์ เราต้องรับโทรศัพท์จากธนาคารบ่อยครั้ง จนรู้ว่าตอนนี้แม่เราเป็นหนี้กับธนาคารถึง 12 ล้าน นอกจากนี้ก็ยังมีสินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิต กับสถาบันอื่นอีกซึ่งรวมแล้วก็ 2 ล้านบาท คนในครอบครัวไม่มีใครรู้เรื่องสักคน เราเองก็ต้องเอาเงินส่วนตัวจ่ายแทนให้จนตอนนี้ไม่เหลืออะไรที่เป็นของตัวเองแล้ว เพราะคำว่า แม่ ไงส่วนพ่อเราพอรู้เรื่องก็โกรธแม่เรามากจนถึงขั้นตายก็ไม่ไปเผาผีกัน ซ้ำยังเรียกแม่เราขึ้น อี โดยที่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันพ่อเราไม่เคยพูดหรือเรียกแม่เราแบบนี้เลย แล้วเพื่อนๆ รู้มั๊ยว่าแม่เราทำยังไง เค้าหนีไปโดยที่ไม่เคยใส่ใจหรือทุกข์ร้อนกับเรื่องนี้เลย เพราะเค้าแอบเอาเงินที่กู้ไปซื้อบ้านและลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งตอนหลังธุรกิจที่ทำก็เจ๊งเพราะไม่มีประสบการณ์ แล้วก็ถูกเพื่อนหลอกและแล้วก็มีหมายศาลมาเราเซ็นรับบ้าง เด็กที่ร้านเซ็นรับบ้าง ธนาคารแจ้งว่าติดต่อแม่เราไม่ได้ พอติดต่อได้เค้าก็บอกว่าให้มาคุยกับเรา ซึ่งตอนนั้นเราเป็นคนกลาง ธนาคารแจ้งมายังไงเราก็โทร บอกแม่เราอย่างนั้น แต่สุดท้ายเค้ากลับบอกกับเจ้าหน้าที่ธนาคารว่าเค้ายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ซึ่งตอนที่เจ้าหน้าที่ธนาคารมาที่ร้าน เด็กที่ร้านเราก็อยู่ เราก็ยังบอกกับเด็กด้วยว่าถ้าแม่เราโทร. มาบอกให้เค้าโทร. ไปหาเจ้าหน้าที่ธนาคารคนนี้นะเราปรึกษากับพ่อเรา พ่อก็บอกว่าลองขอประนอมหนี้ดู ซึ่งตอนนั้นแม่เราหัวชนฝาอย่างเดียวคือพ่อต้องจ่ายหนี้ 10 กว่าล้านนี้แทนเค้า เราก็บอกว่าไม่ได้เพราะพ่อไม่ได้รู้เรื่องอะไร ที่สำคัญถ้าโปะหนี้ก้อนนี้ให้ แม่ก็ยังมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินเหมือนเดิม จะเอาไปกู้อีกก็ได้ ซึ่งเราฟังแล้วข้อต่อรองเค้าเยอะมาก จนกลายเป็นเห็นแก่ตัวไปเลยสรุป เราก็พาแม่ไปประนอมหนี้ที่ศาล เราก็พลอยโดนด้วยเพราะเป็นคนค้ำประกันในส่วนของกิจการ เพราะเราไปค้ำประกันเงิน OD ตอนปี 2539 ตอนนั้นเพิ่งเริ่มเปิดร้าน และคิดว่าคงชำระไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่ใช่พอขอประนอมหนี้ เรากับพ่อก็ไปธนาคารเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ โดยที่ไม่มีตัวตนของแม่เราเลย พูดตามสายอย่างเดียวว่าพ่อเอ็งมีเงิน ธนาคารได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ โดยมีเราเป็นผู้รับผิดชอบต้องชำระหนี้แทนแม่ เดือนละ 142000 บาท วันทำสัญญาแม่เราเข้าไปเซ็นชื่ออย่างเดียว ไม่รับรู้ว่าต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่เราก็คิดแล้วว่าสามารถชำระได้เพราะมีถึง 2 กิจการแต่ เวรกรรม ผู้รับเหมาก่อสร้างอพาร์ทเม้นท์โทร. มาขอเบิกเงินงวดสุดท้ายซึ่งตอนนั้นอพาร์ทเม้นท์เปิดให้เช่าแล้ว ส่งมอบงานแล้ว เราก็บอกพ่อ พ่อเราก็บอกว่าเค้าจ่ายไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้จ่ายด้วยตัวเอง แต่โอนเงินเข้าบัญชีแม่เพราะแม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน และเป็นผู้ดำเนินการ รวมไปถึงไว้ใจแม่ผู้รับเหมาเค้าก็ไม่ยอม เพราะจำนวนเงิน 750000 บาท พ่อบอกว่าไม่รับผิดชอบเพราะเค้าจ่ายให้หมดแล้วตามจำนวนเงินที่ทำสัญญาไว้ เราเลยต้องรับใช้เอง โดยเอารายได้ของอพาร์ทเม้นท์มาผ่อนชำระกับผู้รับเหมาเดือนละ 50000 บาท เราโทร.ไปบอกแม่ คำตอบที่ได้คือ ไม่มี เอ็งก็เข้าไปขอพ่อสิเราเลยไม่ติดต่อ ไม่โทร. ไม่พูดถึง ไม่ใส่ใจ และไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้หญิงคนนี้อีกเลยจนถึงปัจจุบันนี้วันนี้ เราไม่ได้ชำระเงินให้ธนาคารมา 4 งวดแล้ว เพราะเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ห้องเช่าก็ว่างหลายห้อง ร้านขายของยอดก็ตก ธนาคารก็ส่งจดหมายมาว่าเราผิดสัญญาที่ได้ทำไว้ ขอผ่อนผันก็ไม่ได้ พ่อบอกว่าปล่อยให้ธนาคารยึดไปและให้คิดว่ามันไม่ใช่ของเรา เราบอกว่าเราไม่คิดที่จะเก็บไว้หรือแบกรับกับหนี้สินที่ไม่รู้ว่ามันจะหมดเมื่อไหร่ เพียงแต่เราต้องการอยู่เพื่อให้หนี้ของเราหมด เพราะเป็นหนี้ที่เรากู้มาเพื่อช่วยแม่ ถ้าหมดหนี้ตรงนี้เราก็ปล่อยแล้วพ่อไม่ได้โกรธเราที่เราเคยขอเงินเค้ามาช่วยเหลือกิจการแต่เงินมันก็จม พ่อเรากลับโกรธแม่ที่เป็นคนก่อหนี้แล้วให้ลูกมารับผิดชอบ โดยที่ไม่เคยถามว่าเป็นยังไง เงินพอมั๊ย เจอหน้ากันพูดอย่างเดียวว่า แม่จะรบกวนเงินลูก ก็รู้ว่าลูกไม่มีเงิน คุยกับพ่อให้หน่อยว่าแม่ลำบากต้องการใช้เงินพ่อเราบอกว่า เลิกเรียกเค้าว่าแม่ได้แล้ว เพราะครั้งหนึ่งเค้าเคยพูดกับพ่อว่าเค้าตัวคนเดียว ไม่มีลูกตอนนี้เราเหนื่อยมาก แต่ที่ต้องทำเพราะอยากคืนทุนของตัวเองที่ลงไป แล้วไปหาที่ทำกินใหม่ที่เป็นของเราเองเพื่อนๆ มีชีวิตอย่างเราหรือเปล่า เราควรจะทำยังไงดี
จากคุณ : iamjoy - [ 16 พ.ค. 52 16:28:19 ]
อยากระบายความคับข้องใจและขอคำแนะนำค่ะ
