ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับผมความสนใจเกี่ยวกับรถเพิ่งเริ่มมีเมื่อเรียนจบและทำงานมาประมาณ 2 ปี หากก่อนหน้านี้ก็ไม่ค่อยรู้จักรถรุ่นไหนยังไง  อาจจะรู้แค่ยี่ห้อบ้างเท่านั้น แต่การตลาดเรื่องนี้อาจจะงงว่าทำไมไม่เขียนเกี่ยวกับโตโยต้า ฮอนด้าไปเลยทำไมต้องมาเจาะจงเรื่องรถกระบะ   ก็เพราะว่าสองสามปีที่ผ่านมานี้มีการเปลี่ยนแปลงจ้าวตลาดรถกระบะอันดับ 1 ในเมืองไทยนั่นเองจึงสนใจนำมาเขียนครับ หลายปีก่อนตอนขึ้นทางด่วนจะเห็นป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ของอีซูซุว่า  อีซูซุรถกระบะยอดขายอันดับ 1 ในเมืองไทย 20 ปี ปีต่อมาก็เห็นอีกเป็น 21 ปี(จำไม่ได้เหมือนกันว่าสิ้นสุดที่ปีไหน หรือเลิกโฆษณาป้ายขนาดใหญ่เอง)ภาพลักษณ์ของแบรนด์  ความเชื่อมั่นของคนไทยถือว่าแจ่มสุดๆ  ใครก็แย่งที่ 1 นี้ไม่ได้   แต่ว่าโตโยต้าไม่คิดอย่างนั้น  ในเมื่อตลาดในเมืองไทยใหญ่เป็นที่ 2 ของโลกแถมฐานการผลิตกระบะของโตโยต้าก็อยู่ในไทย ยังไงก็ต้องแย่งที่ 1 มาให้ได้ไม่ว่าจะต้องทุ่มงบมากมายมหาศาลแค่ไหนและสุดท้ายโตโยต้าวีโก้ก็ทำสำเร็จ  สามารถส่งอีซูซุดีแม็คลงมาเป็นเบอร์ 2 จนได้ แต่กว่าจะล้มได้ลุ้นมานานเป็น 10 ปี จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:12:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ความเป็นอันดับ 1 ของรถกระบะมันดียังไง?   ผมเคยเข้าไปอ่านในกระทู้ที่โต้กันไปโต้กันมาของโตต้ากะอีซุ  ความที่ใครเชียร์อะไรก็จะตอบให้จนออกนอกหน้า(ตอนที่อีซูซุยังเป็นอันดับ 1 นะครับ)เช่น อีซูซุเครื่องยนต์เสียงดัง  วีโก้ภายในสวยกว่า  อีซูซุใช้เหล็กหนากว่า  วีโก้เบรคไม่อยู่  อีซูซุใช้แชทซี 2 ชิ้นมาเชื่อมกัน วีโก้ใช้ชิ้นเดียว  อีซูซุประหยัดน้ำมันกว่า  วีโก้เร่งแรงกว่า  อีซูซุภายในโบราณ  วีโก้ให้ล้อมาเล็กไม่เหมาะกับตัวรถ  สารพัดสารเพ(ยังกะเคยทำงานมาทั้ง 2 โรงงาน) และก็มีประโยคนี้ อีซูซุมียอดขายเป็นอันดับ 1 มา 20 ปีกว่าปีแล้วคนไทยไม่โง่ใช่มานานขนาดนี้ถ้ารถมันไม่ดีจริง เถียงอะไรก็เถียงได้แต่พอมายอดขายอันดับ 1 กลับเถียงต่อไม่ได้แฮะ  ความเป็นอันดับ 1 นี่มันมีภาพลักษณ์ดีอย่างนี้นี่เอง กองเชียร์ตอบให้ทุกอย่าง แล้วกระบะในบ้านเรามีอะไรมั่งหว่า  ก็มีโตโยต้าวีโก้ที่มาเป็นรถกระบะอันดับ 1   อีซูซุดีแม็คตาแหลมตามมาเป็นอับดับ 2   มิตซูไทรทันปรับใหม่หมดจนไม่เหลือเค้ารุ่นสตราด้าเดิม  ฟอร์ดเรนเจอร์กับมาสด้าBT-50 พี่น้องท้องเดียวกัน   เชฟโรเล็ตโคโรลาโดใช้อีซูซุจำแลง   นิสสันนาวาร่าใหม่ใหญ่โละเลยรุ่นฟรอนเทีย และทาทาซีน่อนกระบะอินเดียน้องใหม่เอาแต่วิ่งไล่เก็บลูกมะพร้าว(ครบทุกยี่ห้อหรือเปล่าเนี่ย) จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:13:13 ]

ความคิดเห็นที่ 3 พูดถึงการเปิดตัวรถแต่ละรุ่นดีกว่า(เท่าที่จำได้นะครับ)   อีซูซุดีแม็คเปิดตัวต่อจากอีซูซุรุ่น dragon eye  เมื่อได้เห็นดีแม็คครั้งแรกบนถนน  รู้สึกประหลาดตายังไงชอบกล โดยเฉพาะไฟหน้าดูสูงๆ ยาวๆ แปลกๆ รู้สึกไม่สวยเลยแต่พอผ่านเวลามาหลายปีตอนนี้กลับมองว่าดูดีแฮะออกแบบทรงของรถได้ดี  และดีแม็ครุ่นไฟหน้าเหลี่ยมๆ ก็เปิดตัวรุ่นใหม่กลายมาเป็นตาแหลม  ส่วนการเปิดตัวในโฆษณาทีวีนานมากจนผมจำไม่ได้แล้วแฮะ(ก็มันก่อนที่จะสนใจเรื่องรถนิหว่า)   โตโยต้าวีโก้จำได้เลยว่าเปิดอย่างอลังการในโฆษณาทีวี ใช้คำพูดว่าที่สุดแห่งการออกแบบ ที่สุดแห่งการขับขี่อะไรประมาณนี้แล้วกราฟฟิกในโฆษณากระจุยกระจายเห็นกันถึงเครื่องยนต์ กระบอกสูบกันเลยทีเดียวเป็นการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ที่ยิ่งใหญ่มาก  และในปีที่เปิดตัววีโก้จำได้ว่าในหนังสือพิมพ์ธุรกิจได้จัดอันดับสินค้าแห่งปี  วีโก้ได้ถูกจัดเป็นอันดับ 1 เลยทีเดียว(ไม่ใช่ยอดขายนะครับ หมายถึงอันดับความน่าสนใจแห่งปี) มิตซูไทรทันเปิดตัวใหม่สดกลบสตราด้าไปจากตลาด  โดยนำภาพลักษณ์จากรถที่ผ่านสนามแข่งหฤโหดปารีสดักก้าส์เป็นตัวชูโรง(แต่มิตซูก็แชมป์รายการนี้หลายรอบแล้วเหมือนกัน)  แต่ด้วยดีไซน์ที่ต้องการความโค้งมนรอบคัน เป็นใครก็ต้องสะดุดตากับรอยต่อระหว่างช่วงรถกับช่วงกระบะบรรทุกแน่นอนจนมีชื่อเล่นตามเน็ทว่า “ขิกน้อย”  ซะงั้น -_-   แถมยอดขายแบบ 4 ประตูแทบจะแซงแบบมีแค็ปซึ่งไม่มียี่ห้อไหนเขาเป็นกัน  แบบว่าใจรักมิตซูแต่ขอหนีขิกน้อยนั่นเอง ฟอร์ดเรนเจอร์กับมาสด้าBT-50 พี่น้องท้องเดียวกัน ตอนส่งลงตลาดช่วงเวลาห่างกันไม่มาก จำไม่ได้แฮะว่าใครส่งลงมาก่อน(มาสด้าน่าจะส่งมาก่อนนะ)   แต่ถ้าโฆษณาเปิดตัวฟอร์ดเรนเจอร์ดูจะอลังการกว่าขับลุยน้ำท่วม.....เปิดตัวมาสด้าจำไม่ได้แฮะ  ส่วนการออกแบบฟอร์ดเรนเจอร์จะดูรูปแบบคล้ายๆ รุ่นเดิมแต่ปรับเหลี่ยมมุมให้โค้งมนมีดีไซน์มากขึ้น  ส่วนมาสด้าBT-50 จะดูใหม่ทั้งคันมากกว่าส่วนไฟเลี้ยวหน้าหลังดูเป็นเอกลักษณ์ดี จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:14:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เชฟโรเล็ตโคโลราโด........ก็จำไม่ได้ลืมแล้วอ่ะ(เรียกว่าหากไม่เป็นผู้นำตลาด โอกาสถูกจดจำมีน้อย)  เชฟโรเล็ตใช้ภาพลักษณ์ของความแข็งแกร่งนำ บวกกับกระจังหน้าแบบเชฟโรเล็ตในต่างประเทศทำให้ดูมีเอกลักษณ์ของตนดี  จนกระทั่งในรุ่นปัจจุบันมาเปลี่ยนลุคกระจังหน้าและไฟท้ายใหม่ นิสสันนาวาร่าเก็บมานานกว่าจะปล่อยของ  ลูกค้านิสสันรอซะเหงือกแห้งแล้วแห้งอีกจนบางส่วนหนีไปซบเจ้าอื่น แต่พอออกมาแล้วคาดว่าแฟนๆ น่าจะหายเหนี่อยด้วยดีไซน์ที่ใหญ่บึกบึน โป่งล้อออกมาให้ด้วย ตามด้วยแค็ปเปิดได้ในรุ่นนี้ไม่ต้องรอไมเนอร์เชนท์ มีเท่าไหร่ใส่หมด  เสียอย่างเดียวเอามาลงขายในตลาดช้าไปหน่อยเจ้าอื่นขายกันกระจายไปแล้ว  ส่วนโฆษณาเปิดตัวผมก็ลืมแล้วตามระเบียบ ทาทาซีน่อนกระบะอินเดียจำได้แต่โฆษณาวิ่งไล่เก็บลูกมะพร้าว  หาชมบนท้องถนนยากมากๆ ประหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์  จำได้ว่าตั้งแต่ทาทาขายกระบะมาเคยเห็นแบบเป็นๆ วิ่งบนถนน 2-3 ครั้งเท่านั้น(ในกรุงเทพนะ ต่างจังหวัดไม่รู้เหมือนกัน) ซึ่งรถหรูอย่าง BENZ SLK , BMW Z4 , MAZDA MX5 RX8 , AUDI TT , MINI , NISSAN ตระกูล Z  ตระกูล SKYLINE ยังหาชมบนถนนได้ง่ายกว่า   เอาล่ะมาเข้าเรื่องการตลาดจริงๆ ดีกว่าเรื่องนี้จะพูดถึงโตโยต้าวีโก้กับอีซูซุเป็นหลักนะครับ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แต่ก่อนโน้นนน.... รถกระบะโตโยต้าต้องการเอาชนะรถกระบะอีซูซุแต่เอาชนะไม่ได้สักที  เริ่มจากตอนนั้นออกกระบะโตโยต้าไทเกอร์(เริ่มตรงนี้ล่ะกัน)หมายมั่นปั้นมือล้มอีซูซุโดยเฉพาะ  ด้วยดีไซน์ที่ลบเหลี่ยมมุมโค้งมนในหลายๆ จุด  เครื่องยนต์ดีเซลตามมาตรฐานทั่วไปของโตต้า  แต่โฆษณาอลังการ รถกระบะบุกป่าฝ่าดงในเมืองแถมมีขับลงบันไดให้ดูอีกด้วย(น่าแปลกที่ต้องนั้นโตต้าก็ไม่ได้เป็นอันดับ 1 แต่ทำไมสร้างโฆษณาให้เกิดการจดจำได้ยาวนานหว่า อาจเป็นเพราะพยายามฉีกตัวเองให้แปลกจากเจ้าอื่นมั้ง) โตโยต้าไทเกอร์ทำยอดได้เพิ่มเป็นกอบเป็นกำสามารถตามอีซูซุรุ่นเก่าได้(ตระกูลมังกรทอง) แต่ก็ยังตามแบบห่างๆ แต่ทำไมโตโยต้าไทเกอร์ไม่สามารถเอาชนะไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่เตรียมพร้อมมาขนาดนี้ ก็ต้องตอบว่าโตโยต้าไทเกอร์ออกแบบมาทุกอย่างเท่ากับอีซูซุมากเกินไป  อีซูซุที่เป็นเจ้าตลาดเดิมก็สบายสิครับเรียกว่าอยู่เฉยๆ ก็ตามไม่ทัน  และอีซูซุมังกรทองก็มีมา 10 ปีแล้ว เตรียมออกรุ่นใหม่ดีกว่า  รุ่นนี้กำไรเต็มๆ แล้ว แต่ในยุคนั้นโตโยต้าไทเกอร์ทำได้ขนาดนี้ก็นับว่าดีแล้ว  เพราะอีซูซุมีความแข็งแกร่งมากจริงๆ ทั้งภาพลักษณ์ ความเชื่อถือของลูกค้า เครื่องยนต์ที่ทนทานประหยัด(แม้เร่งไม่ค่อยขึ้น) ช่องจัดจำหน่าย ศูนย์บริการ  หากโตโยต้าไทเกอร์ล้มอีซูซุได้ก็นับว่าแปลกเลยทีเดียว ในตอนนั้นโตโยต้าไทเกอร์ควรพยายามเอาชนะโดยเด็ดขาดเลยหรือไม่?  สำหรับความเห็นผม ผมว่าแค่ตามไปใกล้ๆ หน่อยก็นับว่าโอเคแล้ว  เพราะปัจจัยที่จะเอาชนะความแข็งแกร่งขนาดนั้นได้ต้องถึงกับล้างสมอง ล้างความเชื่อถือของคนไทยที่มีต่ออีซูซุมานานเป็น 10 ปีซึ่งค่อนข้างยากเลยทีเดียว แต่หากยอดขายพอตามอีซูซุได้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 และแล้วอีซูซุดีแม็ครุ่นใหม่ก็ออกมา ใหม่สด ปรับปรุงครั้งใหญ่  หากว่ากันตามแผนการตลาดนับว่าตอบโต้โตโยต้าได้ตรงประเด็น  วิธีที่ดีที่สุดของเจ้าตลาดคือการหนีคู่แข่งหรือพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง  อีซูซุดีแม็คดูแปลกตาในครั้งแรกที่เห็นแต่การออกแบบที่เหนือชั้นรูปทรงดูดี  ทำให้ผ่านมาเนิ่นนานหลายปีก็ยังไม่ดูโบราณสักเท่าไหร่  ซึ่งตรงกับการตลาดยุคใหม่ที่ใช้การออกแบบที่ดีสามารถดึงความสนใจลูกค้าได้ อีซูซุดีแม็คส่งตัวเองแซงโตโยต้าไทเกอร์อย่างถูกต้องตามตำรา   ถึงแม้ว่าโตโยต้าไทเกอร์ตอบโต้โดยลงทุนใช้เทคโนโลยีคอมมอนเรลเป็นจ้าวแรกในกระบะก็ทำไรอีซูซุดีแม็คไม่ได้   ถ้าถามว่าอีซูซุไม่ได้เตรียมระบบคอมมอนเรลไว้รับมือโตโยต้าเลยใช่หรือเปล่าถึงปล่อยให้โตโยต้าลงมือทำก่อน? ต้องบอกว่าไม่ใช่เลย  อีซูซุเตรียมไว้หมดแล้วแต่ยังไม่ส่งลงไปในดีแม็คเท่านั้นเอง เรียกว่าขายแบบเดิมๆ ก็ชนะอยู่แล้วจะรีบเอามาติดทำไม ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้นจากชิ้นส่วนรถที่ต้องปรับเปลี่ยนใหม่บางจุด  ค่าโฆษณาใหม่  ต้องทำการตลาดแจ้งให้ลูกค้าทราบอีก  ไว้รอยอดตกหรือทิ้งระยะเอากำไรเพิ่มอีกหน่อยค่อยเอามาใช้ก็ได้เรียกว่าเป็นเบอร์ 1 แบบชิวๆ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สำหรับโตโยต้าก็ถึงเวลาพับแผนไทเกอร์ ไทเกอร์ส่งมาได้ครึ่งทางคราวนี้ต้องเอาชนะเท่านั้น(เป็นธรรมดาที่ผู้ตามจะต้องเมเจอร์เชนจ์บ่อยกว่า ไทเกอร์จึงมีอายุประมาณ 6 ปี)  หลังจากซุ่มอยู่นาน 2 ปีกว่าก็ออกรถกระบะโตโยต้าวีโก้ ใหม่สด ใหญ่ขึ้น กว้างขึ้น ภายในให้งามแบบเก๋งเลย ระบบคอมมอนเรลไม่ต้องลุ้นว่าเมื่อไหร่ดีแม็คจะเข็นลงมาคราวนี้พกอาวุธมาครบมือเลย ไม่ใช่แบบไทเกอร์ที่มาเท่ากับอีซูซุในตอนนั้น  โฆษณาก็อัดแบบตูมๆ แบบไม่ยั้งอลังการงานสร้างมาก  เรียกว่าสร้างมาเพื่อแย่งแชมป์โดยเฉพาะ รถใหม่ยังไงก็แปลกจากความรู้สึก ดูอวบๆ พองๆ ยังไงไม่รู้(หากเป็นสาวๆ คงถูกสเป็กหนุ่มๆ  เอ่อ...แต่นี่มันรถกระบะนะ)  วีโก้ได้ดึงจุดเด่นออกมาอย่างมากที่สุดเพื่อการเอาชนะครั้งนี้  เรื่องที่สำคัญเลยที่จี้จุดดีแม็คคือ “เหยียบแล้วพุ่ง”  ซึ่งถูกใจคอกระบะจริงๆ  ผมจึงเห็นคอมเมนท์กระทู้รถวีโก้ลงข้างทางบ่อยเพราะเหยียบกันแหลก(ไม่ควรเอาอย่างนะครับ 100 – 120 ก็เหลือแหล่แล้ว)   ต่อมาดีแม็คก็เข็นคอมมอนเรลลงมา   ก็ขายกันคู่คี่แต่วีโก้ก็ยังไม่สามารถชนะได้สักที  โตโยต้าใช้การตลาดขายวีโก้ทุกช่องทางอย่างแรง  ขายๆๆ สินค้ามีชิงโชคก็จะมีวีโก้เป็นส่วนหนึ่งเสมอ(มีช่วงนึงซื้อวีโก้ได้วีโก้นะเอ้อ แจก 45 คันแน่ะ เอ๊ะ มันแจกปีไหนจำไม่ได้แฮะ น่าจะเป็นช่วงที่วีโก้ได้เบอร์ 1 แล้วมั้ง) จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:18:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รถกระบะดัดแปลงก็ส่งฟอร์จูนเนอร์  อีซูซุก็ส่งมิว 7 ลงมา  สุดท้ายวีโก้ก็มีภาพลักษณ์ที่เสมออีซูซุจนได้ และสามารถมียอดขายชนะได้ครั้งแรกปี 49 หยุดสถิติรถกระบะยอดอันดับ 1 มา 20 กว่าปีของอีซูซุ   รู้สึกว่าทั้งสองฝ่ายจะเอาตัวเลขยอดขายปีนั้นมาข่มกันแล้วบอกว่าตนเองมียอดสูงกว่า ซึ่งเป็นปีแรกที่ไม่รู้ว่าใครชนะกันแน่(ถ้าชนะน่าจะเฉือนกันพอสมควร แต่ในภาพรวมปี 49 ส่วนใหญ่จะยอมรับว่าโตโยต้าเป็นอันดับ 1 มากกว่า) ปี 50 กับ 51 โตโยต้าก็ยังสามารถครองแชมป์ไว้ได้  แม้ยอดจะทรุดเพราะพิษเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่มหาแพงในปี 51  และผู้นำตลาดอย่างวีโก้ก็ต้องหนีอีซูซุอีกครั้งด้วยการไมเนอร์เชนจ์ให้แค็ปเปิดได้เพื่อแซงหน้าอีซูซุ(ปลายปี 51)  ซึ่งผมว่าเป็นการตัดสินใจนี้ว่าถูกต้องสำหรับโตโยต้าที่จี้จุดที่อีซูซุไม่มี   แต่ทว่าพอผมได้ตามข่าวกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะลูกค้ากลับรู้สึกการปรับเปลี่ยนมีน้อยเกินไป(แค็ปกับกระจังหน้า) และตั้งราคาสูงขึ้นอีก  กลายเป็นมีแค็ปเปิดได้แล้วยอดขายอีซูซุกลับมาดีขึ้นซะงั้น(จะข่มอีกฝ่ายก็ควรราคาเดิมล่ะครับท่าน) จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:19:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ช่วงที่อีซูซุกลายเป็นผู้ตามแล้วทำอะไรบ้าง?  ก็ออกรุ่น โกลด์ซีรี่  และถัดมาก็รุ่น แพลทตินั่ม  เอ่อ....ใครเซียนรถกระบะช่วยแยกโกลด์ซีรี่ กับแพลทตินั่ม ให้ผมหน่อยอ่ะว่ามีอะไรต่างจากเดิมบ้าง คือผมรู้แต่สกรีนข้างรถต่างกัน  ซึ่งสองรุ่นนี้ผมเรียกว่ารุ่นวัยทอง กับ ทอง(คำ)ขาว ปีหน้าไม่รู้จะใช้ชื่อไหนอีกอาจจะเป็นทอง(คำ)เปลว  ทองหยิบ  ทองหยอด(โกลด์เป็นซีรี่) หากใครต้องการรออีซูซุตัวใหม่ใหญ่ขึ้นและแค็ปเปิดได้ ก็ปี 2010 นี้แหละ(ชื่อโครงการ RT-50)  หมายความแค็ปเปิดได้จะไม่ทำในรุ่นดีแม็คแน่นอน  ซึ่งอีซูซุคงต้องเล่นมุขทองอะไรอีกสักอย่างเพื่อประคองให้ผ่านปี 2009 นี้ไป(หรือจะใช้แพลทตินั่มไปทั้งปีหว่า)  แต่ยอดขายไตรมาสแรกปี 2009 นี้ อีซูซุชนะโตโยต้าแบบฉิวๆ เลยแฮะ(ถ้านับตามยอดขายรวมทุกกลุ่ม ตามข่าวที่จะแปะไว้ข้างล่าง) แต่ปีนี้ยังไม่จบยังไม่นับยอดจำหน่ายครับ ฉะนั้นในปีนี้การแข่งขันในตลาดรถกระบะน่าจะสนุกอีกปีหนึ่ง มวยคู่นี้จึงมันส์ด้วยประการฉะนี้ ขอบคุณข้อมูลจากอินเตอร์เนท อ้อ....สุดท้ายจำการเปิดตัวของนิสสันนาวาร่าได้แล้ว เปิดตัวด้วยโฆษณา “ ขอบคุณ” (ที่ทนรอ)  เอาเป็นว่าขอบคุณที่อ่านละกันครับ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:20:15 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอแปะข่าวตลาดรถยนต์ไตรมาสแรกครับ ตลาดรถยนต์เดือนมีนาคมหดตัวต่อเนื่อง ยอดขายรวม 41,328 คัน ลดลง 37.8% ปิดไตรมาสแรก 107,774 คัน ลดลง 33.4% www.ThaiPR.net -- พุธที่ 22 เมษายน 2009 09:55:08 น.         กรุงเทพฯ--22 เม.ย.--โตโยต้า มอเตอร์         นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม 2552 ปริมาณการขาย 41,328 คัน ลดลง 37.8% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 16,194 คัน ลดลง 23.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 25,134 คัน ลดลง 44.5% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้ จำนวน 21,610 คัน ลดลง 44.8% จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สถิติการขายสะสมในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2552 มีปริมาณทั้งสิ้น 107,774 คัน ลดลง 33.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็น รถยนต์นั่ง 43,968 คัน ลดลง 17.4% รถเพื่อการพาณิชย์ 63,806 คัน ลดลง 41.2% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซ็กเมนท์นี้จำนวน 55,095 คัน ลดลง 40.9%         ประเด็นสำคัญ         1. ตลาดรถยนต์เดือนมีนาคม มีปริมาณการขาย 41,328 คัน ลดลง 37.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 เนื่องจากการหดตัวของตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ซึ่งเป็นตลาดที่สะท้อนให้เห็นถึงภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งมียอดขายลดลงถึง 44.5% ลดลงสูงสุดในรอบ 11 เดือน นับตั้งแต่ภาวะตื่นตระหนกของราคาน้ำมันดีเซล ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ประกอบกับความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้ผู้บริโภคเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่าย         2. ตลาดรถยนต์ในไตรมาสแรกมีปริมาณการขาย 107,774 คัน ลดลง 33.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 17.4% ส่วนหนึ่งเนื่องจากยอดขายในไตรมาสแรกของปีทีผ่านมามียอดขายที่สูงเนื่องจากการตอบรับรถยนต์ที่ใช้พลังงาน อี20 ในขณะที่ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์มีอัตราการเติบโตลดลง 41.2% เป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก ประกอบกับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และความเข้มงวดของสถาบันการเงิน ในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ต่างเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์         3. สำหรับตลาดรถยนต์เดือนเมษายน คาดว่าจะมีปริมาณการขายหดตัว แม้ว่ายอดจองรถยนต์ในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา จะมียอดจองสูงถึง 16,936 คัน ก็ตาม อย่างไรก็ดีสถานการณ์ทางการเมือง ภาวะเศรษฐกิจ อาจมีผลต่อความมั่นใจผู้บริโภคซึ่งมีผลต่อระบบเศรษฐกิจรวมถึงตลาดรถยนต์เช่นกัน จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือนมีนาคม 2552         1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 41,328 คัน ลดลง 37.8%         อันดับที่ 1 โตโยต้า 16,762 คัน ลดลง 41.2% ส่วนแบ่งตลาด 40.6%         อันดับที่ 2 อีซูซุ 8,761 คัน ลดลง 40.2% ส่วนแบ่งตลาด 21.2%         อันดับที่ 3 ฮอนด้า 7,244 คัน ลดลง 16.4% ส่วนแบ่งตลาด 17.5%         2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 16,194 คัน ลดลง 23.4%         อันดับที่ 1 โตโยต้า 6,951 คัน ลดลง 33.4% ส่วนแบ่งตลาด 42.9%         อันดับที่ 2 ฮอนด้า 6,760 คัน ลดลง 7.0% ส่วนแบ่งตลาด 41.7 %         อันดับที่ 3 เชฟโรเลต 537 คัน ลดลง 45.2% ส่วนแบ่งตลาด 3.3 %         3.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 21,610 คัน ลดลง 44.8%         อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,880 คัน ลดลง 45.4% ส่วนแบ่งตลาด 41.1 %         อันดับที่ 2 อีซูซุ 8,211 คัน ลดลง 40.7% ส่วนแบ่งตลาด 38.0 %         อันดับที่ 3 นิสสัน 1,645 คัน ลดลง 46.1% ส่วนแบ่งตลาด 7.6 %         *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 2,205 คัน         โตโยต้า 1,249 คัน — มิตซูบิชิ 463 คัน - อีซูซุ 450 คัน — ฟอร์ด 43 คัน         4.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 19,405 คัน ลดลง 47.0%         อันดับที่ 1 อีซูซุ 7,761 คัน ลดลง 39.4% ส่วนแบ่งตลาด 40.0 %         อันดับที่ 2 โตโยต้า 7,631 คัน ลดลง 48.6% ส่วนแบ่งตลาด 39.3 %         อันดับที่ 3 นิสสัน 1,645 คัน ลดลง 46.1% ส่วนแบ่งตลาด 8.5 %         5.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 25,134 คัน ลดลง 44.5%         อันดับที่ 1 โตโยต้า 9,811 คัน ลดลง 45.8% ส่วนแบ่งตลาด 39.0 %         อันดับที่ 2 อีซูซุ 8,761 คัน ลดลง 40.2% ส่วนแบ่งตลาด 34.9 %         อันดับที่ 3 นิสสัน 1,658 คัน ลดลง 47.0% ส่วนแบ่งตลาด 6.6 % จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม — มีนาคม 2552         1) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 107,774 คัน ลดลง 33.4%         อันดับที่ 1 โตโยต้า 44,444 คัน ลดลง 33.7% ส่วนแบ่งตลาด 41.2%         อันดับที่ 2 อีซูซุ 23,558 คัน ลดลง 34.5% ส่วนแบ่งตลาด 21.9%         อันดับที่ 3 ฮอนด้า 18,360 คัน ลดลง 18.2% ส่วนแบ่งตลาด 17.0%         2) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 43,968 คัน ลดลง 17.4%         อันดับที่ 1 โตโยต้า 20,578 คัน ลดลง 19.4% ส่วนแบ่งตลาด 46.8%         อันดับที่ 2 ฮอนด้า 17,250 คัน ลดลง 10.0% ส่วนแบ่งตลาด 39.2%         อันดับที่ 3 นิสสัน 1,075 คัน ลดลง 44.7% ส่วนแบ่งตลาด 2.4%         3) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการ ขาย 55,095 คัน ลดลง 40.9%         อันดับที่ 1 อีซูซุ 22,096 คัน ลดลง 34.5% ส่วนแบ่งตลาด 40.1%         อันดับที่ 2 โตโยต้า 21,493 คัน ลดลง 42.8% ส่วนแบ่งตลาด 39.0%         อันดับที่ 3 นิสสัน 4,109 คัน ลดลง 40.9% ส่วนแบ่งตลาด 7.5%         *ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 5,489 คัน         โตโยต้า 3,151 คัน — มิตซูบิชิ 1,155 คัน - อีซูซุ 1,090 คัน — ฟอร์ด 93 คัน         4) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 49,606 คัน ลดลง 43.0%         อันดับที่ 1 อีซูซุ 21,006 คัน ลดลง 33.4% ส่วนแบ่งตลาด 42.3%         อันดับที่ 2 โตโยต้า 18,342 คัน ลดลง 45.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.0%         อันดับที่ 3 นิสสัน 4,109 คัน ลดลง 40.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.3%         5) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 63,806 คัน ลดลง 41.2%         อันดับที่ 1 โตโยต้า 23,866 คัน ลดลง 42.5% ส่วนแบ่งตลาด 37.4%         อันดับที่ 2 อีซูซุ 23,558 คัน ลดลง 34.5% ส่วนแบ่งตลาด 36.9%         อันดับที่ 3 นิสสัน 4,199 คัน ลดลง 41.8% ส่วนแบ่งตลาด 6.6% จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 00:26:52 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สวัสดีค่ะ  ไม่มีความรู้เรื่องรถ  แต่มานั่งอ่านเพิ่มความรู้แถวหน้าค่ะ ปล.มาฟังนักวิเคราะห์คุยกัน จากคุณ : CoffeeBake - [ 22 พ.ค. 52 01:50:49 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เดี๋ยวจะกลับมาอ่านอย่างละเอียดครับ จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก - [ 22 พ.ค. 52 07:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าอีุซุซุ มักมีข่าวร้ายๆออกมาด้วยมั่งครับ ทำให้ความศัทธาในแบรนจึงลดลง เช่น มีข่าวว่าน้ำมันเครื่องหายบ้าง แชสซี่หักบ้าง อันหลังนี่ล่ำลือในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ชาวไร่ชาวสวน และตัวอย่างให้เห็นชัดๆ ผมเห็นยังมีบางไปซื้อฟรอนเทียใช้ ทั้งๆที่ไม่ใช้คอมมอลเรล เชื่อว่าบรรทุกหนักดี จากคุณ : suwanich - [ 22 พ.ค. 52 08:40:42 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วิเคราะห์ได้ดีแบบนักการตลาด แต่ถ้าอยู่ในวงการรถจริงๆ จะรู้ว่าเบื้องหลังมีอะไรมากกว่านี้ ถ้าอยากรู้เหตุผลจริงๆที่วีโก้ชนะในช่วง 2 ปีก่อน ลองเอาแคมเพจน์+ส่วนลดของรถแต่ละยี่ห้อช่วงก่อนหน้านั้น ลากถึงปัจจุบันมาดู แล้วดูราคาขายต่อ จำนวนรถยึด จำนวนรถมือสองตามเต้นท์ แล้วจะเห็นอะไรมากขึ้นครับ ผมเชื่อว่าโตโยต้าสามารถสร้างการรับรู้ ความเชื่อ กลยุทธ์ราคาที่รุนแรงได้ดีในช่วงที่เศรษฐกิจดี แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจแย่ ผู้บริโภคจะมองตราสินค้าที่"คุ้มค่าที่สุด" แทน มาคอยดูตลาดกระบะปีนี้กันว่าจะซ้ำรอยปปี40 รึเปล่า จากคุณ : ของมีคม - [ 22 พ.ค. 52 09:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนแบ่งตลาดนี้ เค้าวิเคราะห์ออกมาจากตรงไหนค่ะ ? อยากรู้จังเลยค่ะ จากคุณ : 54 - [ 22 พ.ค. 52 12:49:12 A:58.9.135.196 X: TicketID:192420 ]

ความคิดเห็นที่ 19 การที่อีซูซุ โดนโตโยต้าแย่งตลาดไปได้ เพราะการนิ่งนอนใจครับ คิดว่าเทคโนโลยี่ของตัวเองไม่มีใครตามทัน ใครจะรู้ละครับว่ากว่าจะเป็นโตโยต้าวีโก้ บริษัทรถโตโยต้าเองต้องซื้อรถอีซูซุ มาถอดชิ้นส่วนมาวิธีเคราะห์ มาทำเลียนแบบ หลายร้อยคัน กว่าจะเป็นโตโยต้าวีโก้ การทุ่มทุนด้านการตลาดโดยอาศัยคนมีชื่อเสียงชั้นแนวหน้ามายืนยันตัวสินค้า การปล่อยข่าวโจมตีคู่แข่งกัน ในด้านร้ายๆ ถ้ามองกันแค่ด้านเดียวก็จะมองว่าอีซูซุ มันอ่อนจังว่ะ เทคโนโลยี่ล้าสมัยจังเลย นักการตลาดไม่เก่งนี่หว่า จริงๆแล้วไม่ใช่หรอกครับ ปัญหานี้ฟันธงได้เลยว่านักการตลาดบางครั้งทำเต็มที่แล้ว แต่วิศวกรของอีซูซุเอง รวมทั้งผู้บริหารยุคนั้นโครตจะอ่อนเลย จึงเป็นการแจ้งเกิดของโตโยต้าในตลาดรถกระบะยังไงละครับ จะบอกให้อีกนิด เจ้าของอีซูซุ เป็นคนญี่ปุ่น มีเครือข่าย คือตัวแทนขายรถซาป ตรงเพชรบุรี ใครผ่านก็จะเห็นนะครับ ว่ามะก่อนรถซาบเป็นยังไง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แล้วตอนนี้เป็นยังไง ก็เพราะผู้บริหารนั่นแหละ นี่แหละครับที่เค้าเรียกกันว่า human error ไม่ใช่ระบบครับ แต่มันเป็นที่ตัวคน อย่าคิดนะว่าคนญี่ปุ่นจะต้องเก่งเสมอไปนะครับ โง่ๆ ผมเห็นมาเยอะแล้วครับ เหอเหอ จากคุณ : lordwatt - [ 22 พ.ค. 52 12:59:39 A:125.25.195.175 X: TicketID:045033 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ท่าน จขกท.วิเคราะห์ได้ดีมากครับ สอดคล้องกับความเป็นจริงทั้งในอดีต,ปัจจุบันและอนาคตได้อย่างน่าสนใจ ขอออกความเห็นช่วยเสริมเพิ่มเติมในฐานะผู้บริโภคที่ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดรถปิ๊กอัพอยู่ห่างๆด้วยนะครับ  เริ่มตั้งแต่ประมาณสี่สิบปีที่แล้วที่รถปิ๊กอัพรุ่นแรกๆของทั้งนิสสัน,อีซูซุและโตโยต้าในสมัยนั้นที่รถปิ๊กอัพมีแค่หัวเดียวใช้เพื่องานบรรทุกจริงๆ ไม่มีใครซื้อรถปิ๊กอัพมาเพื่อขับแทนรถเก๋งแบบสมัยหลังๆ สมัยแรกๆนิสสันหรือดัทสันน่าจะเป็นเจ้าตลาดอยู่ครับ เริ่มตั้งแต่รุ่นช้างเหยียบ,พลายน้อย ฯลฯ แต่ละยี่ห้อก็มีกลุ่มลูกค้าแฟนใครแฟนมันไม่ทิ้งห่างกันมากและยอดขายรถปิ๊กอัพยังไม่สูงเป็นหมื่นๆแสนๆคันอย่างทุกวันนี้ วันดีคืนดีอีซูซุก็สร้างความแตกต่างโดยการดัดแปลงกระบะปิ๊กอัพรุ่นหัวเดียวให้กว้างขึ้นสูงขึ้นกว่าปกติแล้วตั้งชื่อว่าสเปซแคบ และต่อมามีการนำรถปิ๊กอัพรุ่นนี้ไปดัดแปลงเป็นรถแวน ทำให้ผู้บริโภคเริ่มรับรู้ว่าอีซูซุเป็นผู้นำในการออกแบบผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ อีซูซุเริ่มมีกลุ่มลูกค้ากว้างขึ้นยอดจำหน่ายสูงขึ้นเริ่มมีคนซื้อรถปิ๊กอัพแบบมีแค๊ปไปใช้งานทั่วไปที่ไม่ใช่งานบรรทุกของ ขณะที่ทั้งโตโยต้าและนิสสันที่จำหน่ายรถยนต์นั่งด้วยยังให้ความสำคัญกับตลาดของรถยนต์นั่งมากกว่า ได้พยายามปรับปรุงรถปิ๊กอัพให้เป็นแบบมีแค็บตามอีซูซุ  แต่พยายามไม่ให้ดีกว่ารถยนต์นั่งของตัวเอง ทำให้แฟนรถปิ๊กอัพรู้สึกตลอดเวลาว่าตัวเองเป็นชนชั้นสองเกรดต่ำกว่าพวกที่ใช้รถยนต์นั่ง จนกระทั่งถึงจุดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของวงการรถปิ๊กอัพไทย คือวันที่อีซูซุออกรถปิ๊กอัพรุ่นใหม่รุ่นมังกรทอง ปฏิวัติรูปแบบของรถปิ๊กอัพเมืองไทยโดยสิ้นเชิง คือออกแบบและตกแต่งทั้งภายนอกและภายในรถปิ๊กอัพให้ใกล้เคียงกับรถเก๋งอย่างมากที่สุดเท่าที่อีซูซุจะทำได้ ทั้งๆทีเทคโนโลยีของเครื่องยนต์ยังเป็นแบบเก่าแต่ปรับปรุงขึ้นเล็กน้อยแต่พยายามย้ำโฆษณาว่าแรงที่สุด 91 แรงม้าและเน้นความประหยัดน้ำมัน รถรุ่นสเปซแค็บออกแบบได้ลงตัวสวยงามสามารถมีคนเข้าไปนั่งโดยสารในส่วนแค๊ปได้จริง  ส่งผลให้ปิ๊กอัพรุ่นมังกรทองนี้ขายดีอย่างถล่มทลาย มีผู้ซื้อไปใช้ทั้งผู้ต้องการใช้งานบรรทุกจริง ผู้ที่ต้องการซื้อไปขับใช้งานธรรมดา วัยรุ่นนำไปแต่งโหลดเตี้ย ฯลฯ ทำให้รถรุ่นนี้ติดตลาดลอยลมบนมีอายุอยู่ได้นานเป็นสิบปีมียอดขายเป็นที่หนึ่งทุกๆปีเป็นจุดกำเนิดของการเป็นแชมป์ตลาดปิ๊กอัพต่อเนื่อง 20 ปี แค่ปรับปรุงไมเนอร์เชนจ์นิดๆหน่อยๆเปลี่ยนไฟหน้า,กระจังหน้ายอดขายก็พุ่งกระฉูดทุกๆครั้ง ทั้งๆที่เครื่องยนต์มีข้อด้อยอยู่มากเนื่องจากเป็นเทคโนโลยี่เก่ามาก คนที่เคยใช้งานจะรู้ดีว่า เครื่องเสียงดังและกำลังน้อย,วิ่งอืด แต่อีซูซุพยายามท่องอยู่คำเดียวว่าประหยัดๆๆๆและทนทานๆๆๆ ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่มองข้ามข้อด้อยเหล่านี้ไป แถมอีซูซุยังออกรถรุ่นเพิ่มเติมเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อชื่อโรดิโอและต่อมายังเพิ่มเป็นปิ๊กอัพยกสูงแต่ไม่มีระบบ 4x4 เรียกชื่อว่าไฮแลนเดอร์ทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูดออกไปอีก ขณะที่คู่แข่งคือโตโยต้าและนิสสันรวมถึงมิตซูบิชิที่ได้เข้ามาร่วมวงในตลาดนี้ด้วย พยายามปรับปรุงตัวทั้งเปลี่ยนเครื่องเปลี่ยนรูปแบบตัวถังมาหลายรูปแบบตามอีซูซุแต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้ยอดขายของอีซูซุที่เป็นแชมป์อยู่ได้เลย ผ่านไปเป็นสิบปีจนอีซูซุจำเป็นต้องเปลี่ยนรุ่นของปิ๊กอัพมังกรทองเสียที ด้วยความมั่นใจของผู้ที่ครองแชมป์ยอดขายมาตลอดมากกว่าสิบปี อีซูซุออกรุ่นใหม่ด้วยการใช้โครงสร้างตัวถังของรุ่นเดิมมาใส่เปลือกใหม่และยังใช่เครื่องยนต์เทคโนโลยีเดิมแต่เพิ่มความจุเป็น 2800 และ 3000 ซีซีตั้งชื่อว่ารุ่นดรากอนอายหรือไฟ(หน้า)ตาเพชร ก็ยังทำให้ยอดขายรถปิ๊กอัพของอีซูซุนำเป็นอันดับหนึ่งอยู่เหมือนเดิมต่อไป  ขณะที่โตโยต้าพยายามสู้ต่อโดยออกรถรุ่นใหม่ชื่อไทเกอร์แต่ในระยะแรกยังใช้เครื่องยนต์เดิมเพิ่มความจุและต่อมาก็ทุ่มทุนใช้เทคโนโลยีใหม่คอมมอนเรลมาเป็นจุดขาย แต่ยอดจำหน่ายก็ยังตามอีซูซุมาห่างๆเพระเป็นของใหม่ที่ผู้บริโภคเพิ่งรับรู้ไม่นานนักขณะที่จุดขายเรื่องความประหยัดและทนทานของอีซูซุนั้นแข็งแรงในการรับรู้ของผู้ซื้อมากกว่า พร้อมกันนั้นโตโยต้าได้ออกรถดัดแปลงรุ่นใหม่เพิ่มเติมเป็นรถแวนตั้งชื่อว่าสปอร์ตไรเดอร์ที่มีรูปทรงตรงใจตลาดมาก ทำให้ตลาดส่วนนี้โตโยต้าเข้ามากินส่วนแบ่งได้มากกว่าอีซูซุที่มีแค่รถดัดแปลงจากบริษัทคนไทยชื่อไทยรุ่งที่ไม่สามารถสู้กับสปอร์ตไรเดอร์ได้เลย   แต่ในรถรุ่นไทเกอร์และสปอร์ตไรเดอร์นี้โตโยต้าได้ทำการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์หลายรุ่นมากเพื่อพยายามแก้ไขปรับปรุงให้ตรงใจผู้บริโภค แต่ส่งผลให้ผู้บริโภคเกิดการรับรู้ว่ารถปิ๊กอัพโตโยต้ายังมีเครื่องยนต์ที่ไม่ลงตัวต้องปรับปรุงมาเรื่อยๆ ใครซื้อไปก่อน เมื่อมีรุ่นไมเนอร์เชนจ์เป็นเทคโนโลยีใหม่ คนซื้อก่อนก็จะกลายเป็นรุ่นโบราณทันที  ไม่เหมือนอีซูซุเครื่องเดียวรุ่นเดียวตลอดกาล  ส่งผลให้โตโยต้ายังตามอีซูซุไม่ทันแต่ก็ใกล้เข้าไปเรื่อยๆ ขณะที่ยี่ห้ออื่นๆเช่นมิตซูบิชิ,นิสสัน,ฟอร์ด,มาสด้า ยังตามมาห่างๆ จนมาถึงยุคสี่ห้าปีที่ผ่านมา หลังจากโตโยต้าเอาชนะตลาดรถยนต์นั่งได้อย่างเด็ดขาดแล้วจากที่ฮอนด้าพยายามเข้ามาแย่งตลาดรถยนต์นั่งได้อย่างสูสีใกล้เคียงจนโตโยต้าต้องพยายามทุ่มทรัพยากรไปต่อสู้ในตลาดส่วนนั้นอย่างเต็มที่และเอาชนะมาได้   โตโยต้าหันมาให้ความสำคัญกับสมรภูมิที่ตัวเองตกเป็นรองมาตลอดยี่สิบปีคือตลาดรถปิ๊กอัพ  โตโยต้าทุ่มทรัพยากรจากระดับภูมิภาคลงมาในตลาดเมืองไทยอย่างเต็มที่ในโครงการ IMV ที่มีรถปิ๊กอัพเป็นตัวแกนกลาง ตั้งโปรเจ็คใหญ่ระดับโลกใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกรถปิ๊กอัพไปทั่วโลกเพื่ออาศัยความได้เปรียบนี้เพื่อโค่นอีซูซุลงไปให้ได้  ปิ๊กอัพวีโก้หรือ IMV1 จึงได้กำเนิดมาโดยพยายามสร้างตัวถังให้เหนือกว่าอีซูซุทุกจุด ขณะที่ใช้เครื่องยนต์เทคโนโลยีเดิมคอมมอนเรลแต่ปรับปรุงให้เต็มพิกัดมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าคราวนี้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ของโตโยต้าลงตัวแล้ว  และโตโยต้าออกแบบภายในของรถวีโก้ให้มีความสวยงามสะดวกสะบายใกล้เคียงรถเก๋งอย่างมาก และที่สำคัญที่สุดคือปิ๊กอัพวีโก้ตั้งราคาขายต่ำลงถูกว่ารุ่นเก่าไทเกอร์ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าคุ้มค่ากว่าดีกว่าในราคาที่ถูกลง อีกทั้งยังได้ออกรถดัดแปลงชื่อฟอร์จูนเนอร์ให้มีความสวยงามลงตัวอย่างมากด้วยอุปกรณ์ตกแต่งภายในระดับเหนือกว่ารถเก๋งทั่วไปซึ่งนอกจากทำให้ยอดขายของรถฟอร์จูนเนอร์นี้พุ่งสูงจนเป็นปรากฏการณ์พิเศษของตลาดแล้ว ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของรถปิ๊กอัพวีโก้ให้ดีขึ้นด้วย และโตโยต้าอัดฉีดทรัพยากรลงไปในตลาดเพื่อส่งเสริมสื่อสารข้อมูลเหล่านี้อย่างหนัก ขณะที่ทั้งรถปิ๊กอัพดีแมกซ์รุ่นใหม่ของอีซูซุที่ออกตัวถังใหม่แต่ใช้เครื่องยนต์เดิมรวมทั้งรถแวนดัดแปลงของอีซูซุเองที่ชื่อมิว7 ก็มีภาพพจน์เสียเปรียบรถของโตโยต้าในหลายจุด ทำให้ยอดขายในที่สองและสามปีที่ผ่านมาตกเป็นของแชมป์หน้าใหม่อย่างโตโยต้ามาจนได้ จนอีซูซุต้องยอมปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์มาเป็นเครื่องคอมมอนเรลบ้าง ก็ทำให้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ของทั้งโตโยต้าและอีซูซุไม่ต่างกันอีกต่อไปแล้ว แต่อีซูซุก็ต้องเสียภาพพจน์ของความประหยัดและทนทานไป ส่วนยอดขายของปีนี้และปีต่อๆไปผมมีความเห็นคล้ายๆของท่านเจ้าของกระทู้ คงต้องติดตามรอดูกันต่อไปครับ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 52 23:42:05 จากคุณ : <SportivO> - [ 22 พ.ค. 52 23:31:20 ]

ความคิดเห็นที่ 21 สวัสดีครับ คุณ CoffeeBake เข้ามาทักทายอย่างเร็ว คุณ วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก ติดตามอ่านแล้วคิดยังไงกับตลาดรถกระบะในบ้านเราบ้างครับ คุณ suwanich รถทุกคันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันจริงๆครับ ไม่ใช่แค่อีซูซุเท่านั้นที่มี  ข่าวด้านลบวีโก้ก็เยอะเหมือนกัน  เรื่องพวกนี้อ่านได้ตามกระทู้เชียร์ต่างๆ ครับ รับรองเพียบ คุณ ของมีคม ใช่ครับผมก็ไม่ทราบพวกเบื้องหลังลึกๆ เหมือนกัน ซึ่งผมว่าโต้ตาช่วงที่หวังเบอร์ 1 นี่ ขายๆๆๆๆๆๆๆ แบบสุดๆ แบบว่าขอยอดชนะให้ได้  ซึ่งถ้าถามผมว่าใครสามารถทำกำไรได้มากกว่า  ผมก็ว่าอีซูซุทำกำไรได้ดีกว่า จากรถโมเดลนึงมีอายุขายที่ยาวนานกว่า  ไมเนอร์เชนจ์ก็ไม่บ่อย  เทคโนโลยีก็ใส่ทีหลังชาวบ้าน  นั่นหมายถึงชิ้นส่วนรถมีการปั๊มออกมามากกว่าเจ้าอื่นๆ ยิ่งมากก็ยิ่งมีต้นทุนการผลิตต่ำลง  กำไรก็จึงน่าจะดีกว่าวีโก้(หรือว่าวีโก้ส่งออกมากกว่า ไม่ได้หาข้อมูลอ่านแฮะ) คุณ 54 ผมก็หาอ่านข้อมูลสำเร็จรูปตามเวปนี่แหละครับ แต่พอดูตัวเลขยอดขายแบบละเอียดๆ บางจุดผมก็งง เหมือนกันแฮะ คุณ lordwatt โอ้ ข้อมูลเชิงลึกที่ผมก็ไม่ทราบ  รู้แล้วผมเก็บไว้เป็นความลับครับหุหุ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 23:32:26 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ้อ  สำหรับคุณ 54 ส่วนแบ่งตลาดไม่ต้องวิเคราะห์ครับ  ใช้การคำนวณ เช่น  เดือนที่แล้วมีรถขายไปทั้งหมด 100 คัน ถ้ายี่ห้อ A ขายได้ 30 คัน ก็แปลว่า ยี่ห้อ A มีส่วนแบ่งตลาด 30% ในเดือนนั้น สำหรับยอดขายรายไตรมาส(3 เดือน)ก็เหมือนกัน  นำยอดการขายของรถมารวมกันแล้วคำนวณครับ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 52 00:00:38 จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 22 พ.ค. 52 23:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โอ้โห....ละเอียดมากๆ เลยครับ คุณ <SportivO> ได้ความรู้ใหม่ๆ อีกเยอะเลย  ขอบคุณครับ เรื่องในอดีตมากๆ  ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน ก็เลยเขียนเริ่มต้นที่ไทเกอร์ท้าชิงมังกรทองแทน อ้อ  ลืมบอกไปสัปดาห์หน้าการตลาดเรื่องที่ 3 ว่าด้วยเบียร์ในขวดครับ  ขอบคุณที่ติดตาม จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 23 พ.ค. 52 00:09:21 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ ว่างช่วงบ่ายนะครับ ค่อยอ่านรายละเอียดนะ จากคุณ : กวน (jinpin) - [ 23 พ.ค. 52 07:56:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณครับ สำหรับบทความดี ๆ แบบนี้ ... เรื่องการตลาด ผมไม่ค่อยจะรู้นะครับ แต่ที่ชอบโตโยต้า เป็นพิเศษ เพราะครั้งหนึ่งเคยทำงาน บริษัท ที่สามารถเดินเข้าออก บริษัท ผู้ผลิตรถค่าย ต่าง ๆ ได้นะครับ และได้ดู ขบวนการผลิต นะครับ ก็เลย ชอบรถค่ายนี้ เป็นพิเศษ ^   ^ จากคุณ : D_YONG - [ 23 พ.ค. 52 08:25:14 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุรทุกความเห้นครับ เป็นประโยชน์มากๆเลย ผมเองก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถกระบะเท่าไหร่ แต่ก็พอทราบบ้งเพราะญาติๆที่เป็นอาของผมแกก็ใช้รถกระบะมาหลายคัน เพราะแกเป็นเกษตรกร ตอนผมยังเด็ก อาผมถอนอีซูซุมาคนหนึ่ง ผมก็ถามแกว่าทำไมเอายี่ห้อนี้ ? (20 ปี ก่อน) แกบอก ไม่มีรถกระบะไหนทน แรง และดีเท่าอีซูซุแล้วละ แต่พอยุคหลังๆนี้ตลาดรถกระบะกระแสเปลี่ยนไปพอสมควร ไม่รู้ว่าแกจะยังชอบอีซูซุหรือเปล่า ^^ จากคุณ : kennyG - [ 23 พ.ค. 52 10:01:17 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตามมาอ่านกระทู้ของ จขกท. แล้วค่ะ ขอบคุณที่หลังไมค์ไปบอกนะคะ แอบเข้ามามองหาอยู่หลายวันแล้ว แต่ไม่เจอ วันนี้ได้อ่านแล้ว ดีใจค่ะ รอติดตามตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อด้วยค่า~ ขอบคุณสำหรับสาระความรู้ดีๆที่นำมาฝากกันนะคะ จากคุณ : Breakfast@Noon - [ 23 พ.ค. 52 13:10:48 ]

ความคิดเห็นที่ 28 มีเกร็ดความรู้มาเสริมอีกนิดหน่อยนะครับว่าทำไมโตโยต้าถึงได้เริ่มให้ความสำคัญกับตลาดรถปิ๊กอัพในเมืองไทยมากนอกเหนือจากการที่เป็นตลาดรถปิ๊กอัพใหญ่อันดับสองของโลก ในระดับโลกอีซูซุเป็นบริษัทขนาดเล็กที่แทบไม่มีใครรู้จัก รถยนต์อีซูซุไม่ได้มีจำหน่ายแพร่หลายทั่่วไปในประเทศต่างๆ ไม่เหมือนกับบ.โตโยต้า  เมื่อก่อนบ.อีซูซุในยี่ปุ่นแยกตัวมาจากบ.มิตซูบิชิและภายหลังบ.จีเอ็มของอเมริกาได้เข้ามาถือหุ้นมานานแล้ว  ซึ่งก็เป็นคำอธิบายถึงการใช้ชิ้นส่วนและเทคโนโลยีเดียวกันระหว่างรถรุ่นดีแม็กกับเชพฯโคโรราโด  ในเมืองไทยตั้งแต่แรกอีซูซุเริ่มต้นด้วยการผลิตรถบรรทุกหนักขนาด 6 ล้อและ 10 ล้อ  ส่วนรถปิ๊กอัพรุ่นแรกๆใช้ยี่ห้อว่าเชพโรเล็ตด้วยซ้ำไป แต่เนื่องจากขณะนั้นแบนด์อีซูซุเป็นที่รู้จักมากกว่าเชพโรเล็ตในหมู่ของผู้ใช้รถยนต์เพื่อการการพาณิชย์  เมื่อมาเป็นรถปิ๊กอัพจึงเริ่มใช้ยี่ห้ออีซูซุตั้งแต่ันั้นเป็นต้นมาโดยอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญจากการจำหน่ายรถบรรทุกขนาดใหญ่จึงเข้าใจว่าผู้ซื้อรถที่เป็นพ่อค้าชาวไร่ชาวนาต้องการอะไรจากรถบ้าง   แม้แต่บ.ผู้ทำการตลาดและจัดจำหน่ายรถยนต์ก็เป็นบริษัทที่มีที่มาจากมิตซูบิชิ ถึงได้ใช้ชื่อว่าตรีเพชรอีซูซุ ซึ่งคำว่าตรีเพชรก็หมายถึงเพชรสามเม็ดซึ่งก็เป็นสัญลักษณ์โลโก้ของมิตซูบิชินั่นเอง ต่างจากบ.โตโยต้าที่รถปิ๊กอัพเป็นผลิตภัณฑ์ของโตโยต้าเองตั้งแต่ต้น และมีหลายรุ่นหลายแบบจำหน่ายในหลายประเทศ ซึ่งก็ควรจะมีความยิ่งใหญ่มีข้อได้เปรียบในทุกประการ  กลับปล่อยให้บริษัทเล็กๆอย่างอีซูซุครองตลาดรถปิ๊กอัพในเมืองไทยได้ จนอีซูซุทำท่าจะขยายตัวจากเมืองไทยส่งออกไปจำหน่ายในอีกหลายประเทศ  บ.โตโยต้าจึงยอมไม่ได้ครับ  ในระดับโลก บ.โตโยต้าจะถือเป็นคู่แข่งกับ บ.จีเอ็มยักษ์ใหญ่ด้วยกันเท่านั้น จากคุณ : <SportivO> - [ 23 พ.ค. 52 13:51:11 ]

ความคิดเห็นที่ 29 โตต้าไทเกอร์    กระบะอะไรว่ะ บินได้ โฆษณาตอนนั้น แรงมากจริงๆ อ้อ  คุณภาพไม่ขี้เหร่นะครับ ถ้าเป็นตัวที่ใช้คอมมอนเรล  แรง ประหยัด มีเครื่องหลากหลาย ทั้งเครื่องเดิม 2L 5L กะคอมมอนเรล สามพัน สองห้า เทียบกับตัวก่อนหน้า ไมตี้ มันดีกว่าไมตี้แทบจะทุกจุด จากคุณ : drof - [ 23 พ.ค. 52 18:41:23 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ข้อมูลดีๆเต็มกระทู้ ^ ^ จากคุณ : kirofsky - [ 23 พ.ค. 52 19:15:28 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สนุกดีครับ แวะมาโหวต จากคุณ : นายแบบแอบรักเธอ - [ 23 พ.ค. 52 21:15:19 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีครับคุณ jinpin ขอบคุณที่มาเยี่ยมเยี่ยนอีกครั้ง คุณ D_YONG  จริงๆ ผมก็อยากเข้าไปดูตามไลน์การผลิตรถยนต์บ้างครับ  เพราะเทคโนโลยีระดับเทพมันรวมอยู่ตรงนั้น  ทั้งระบบ just in time  การผลิตตามรุ่น สี ออฟชั่นรถที่แตกต่างกันในไลน์     โชคดีจังเลยครับที่ได้เข้าไปดู  ผมเคยเห็นแต่ไลน์การประกอบแอร์ กับเครื่องซักผ้า คุณ kennyG ในยุคนั้นภาพลักษณ์ของอีซูซุอยู่ระดับที่ 1 ในใจ เรียกว่าใครใช้กระบะอีซูซุจะดูดีอีกระดับเลย(หุหุ ใช้ข้อมูลจากคุณ <SportivO>) ครับ คุณ Breakfast@Noon คือเรื่องนึงใช้เวลาเขียนอยู่เหมือนกัน กว่าจะพร้อมลง  แฮะๆ สัปดาห์หน้าว่าด้วยเบียร์ในขวด ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเขียนได้เร็วแค่ไหนจะพยายามครับ สำหรับ คุณ <SportivO> ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ มาเสริมครับ  เพิ่งทราบที่มาที่ไปของคำว่าตรีเพชรอีซูซุจริงๆ นะเนี่ย  ว่างๆ มาเติมความรู้กันอีกนะครับ คุณ drof  ใช่เลยครับคุณก็เห็นเหมือนกับผม  โตโยต้าสามารถสร้างโฆษณาที่สามารถสร้างความจดจำได้ดีมาก ขนาดผ่านมาเป็น 10 ปี ก็ยังจำกันได้เลยเพราะแตกต่างโดดเด่นจริงๆ(กระบะบินได้ กับกระบะลงบันได เอ่อ...กระบะมันขับบนถนนนะ555) โฆษณาดีมากชอบๆ คุณ kirofsky และคุณ นายแบบแอบรักเธอ  ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 24 พ.ค. 52 01:32:39 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คนนอกอย่างผมเพิ่งรู้ว่าทำไม คนอเมริกันสำคัญคนหนึ่ง จึงถือว่าอิซุซุในเมืองไทยมีอเมริกาเป็นเจ้าของ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 24 พ.ค. 52 07:57:12 A:71.114.54.31 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ถูกใจให้หนึ่งกิฟท์ครับ จากคุณ : Bronx_Wizard - [ 24 พ.ค. 52 12:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 35 การสู้กันระหว่าง เบอร์หนึ่งกับเบอร์สองนี่สนุกครับ ความท้าทายของเบอร์หนึ่งต้องไม่ให้เค้ามาชิงตำแหน่งได้ ส่วนเบอร์สองต้องโค่นเบอร์หนึ่งให้ได้ สามารถศึกษาต่อได้จาก marketing warfare ของ al ries & jack trout จากคุณ : High Bridge - [ 24 พ.ค. 52 12:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณคุณ อิสวาสุ และคุณ Bronx_Wizard ที่ติดตามอ่านครับ คุณ High Bridge ใช่เลยครับหนังสือเล่มเดียวกันกับที่ผมอ่าน marketing warfare อ่านง่าย สนุก มีแปลเป็นภาษาไทยโดย ดร.ก้องเกียรติ  โอภาสวงการ สำนักพิมพ์ซีเอ็ด ก็เคยสงสัยว่าหนังสือการตลาดทำไมเล่มนี้มันนิดเดียวเอง แล้วมันจะครบถ้วนป่าวหว่า แต่หนังสือเล่มนี้ให้หลักการครบถ้วนเลย ครอบคลุมภาพรวมการตลาดจริงๆ ขอเน้นว่าภาพรวม แนวคิดนะครับ  ไม่ใช่รายละเอียดในการปฏิบัติ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 52 23:59:47 จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 24 พ.ค. 52 18:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 37 Marketing Warfare เป้นเล่มที่ผมชอบมาก เพราะว่าเห็นภาพและสามารถนำมาวิเคราะห์ และกำหนดกลยุทธได้ดี ถ้าจะดูไปที่เบอร์สองขึ้นขั้นได้ ส่วนใหญ่ก็เพราะเบอร์หนึ่งย่ามใจทั้งนั้น สิงห์ vs ช้าง AIS vs DTAC BBL vs SCB/KBANK etc จากคุณ : High Bridge - [ 24 พ.ค. 52 22:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เยี่ยมมากๆครับ ผมอยากลองถามต่อได้ใหมครับ ว่าไม นาวาร่า ไทรตัน จึง โดนทิ้งห่างกันไปขนาดนั้น ทั้งๆที่อดีตนิสสันก็เป็นรถกระบะยอดนิยมมากกว่าโตโยต้าเสียอีกครับ ขอบคุณครับ ถ้ามีตอนใหม่แอบกระซิบด้วยนะครับ จากคุณ : seto16 - [ 24 พ.ค. 52 23:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เอาล่ะครับงานเข้าเมื่อเจอคำถาม ทำไมยอดขาย นาวาร่า กับ ไทรทัน ถึงถูกเจ้าตลาดทิ้งห่างกระจุย เมื่อถามว่าในอดีตนิสสันเป็นกระบะยอดนิยมมากกว่า  เอ่อ...เรื่องนานมากขนาดนั้นผมก็ไม่ได้ติดตามตลาด   หากแต่ก่อนนิสสันเป็นเจ้าตลาดรถกระบะจริง  ก็หมายความว่าผู้บริหารการตลาดนิสสันไม่สามารถดำเนินกลยุทธ์ใดๆ ที่เป็นการปกป้องตลาดของตัวเองได้   ขอตอบเรื่องเก่าแบบกว้างๆ แล้วกันครับ เอาเรื่องปัจจุบันดีกว่า นาวาร่า กับ ไทรทัน ทำไมกระบะ 2 ยี่ห้อนี้ยังเป็นลูกไล่ในตลาดไม่สามารถแย่งชิงเจ้าตลาดได้เลยหรือ?   ธรรมชาติของตลาดสินค้าที่มีความต้องการสูง(หมายถึงรถกระบะมีความต้องการสูง)  ส่วนใหญ่ตลาดกว่า 90% จะอยู่แค่ 2 – 3 ยี่ห้อ หรือ 3 – 4 ยี่ห้อเท่านั้น  ขอเน้นว่าเป็นธรรมชาตินะครับ จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 25 พ.ค. 52 01:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เหมือนกับสินค้าไหนเป็นเจ้าตลาด  คนทั่วไปไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แค่มีความรู้สึกดีกับภาพลักษณ์ของยี่ห้อนั้น  พอคิดจะบริโภคสินค้านั้นก็ตัดสินใจซื้อได้อย่างง่ายดาย   เป็นเจ้าตลาดยิ่งนานเท่าไหร่ยิ่งมีภาพลักษณ์ดีเท่านั้น  ไม่ต้องมีสินค้าที่เหนือกว่ามากมายด้วย แค่คุณภาพเท่าๆ กับทั่วๆ ไป ก็ใช้ได้แล้ว  สิ่งนี้แหละเรียกว่าคุณค่าของ “แบรนด์” ถ้าผมจำไม่ผิดได้มีการจัดอันดับแบรนด์ที่มีค่ามากที่สุดในโลก(คำนวณเป็นตัวเงินออกมา) รู้สึกว่าเป็นบุหรี่มาโบโร่มั้ง(จากความจำล้วนๆ)  เฮ้ย...ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวหน้าแตก หาข้อมูลตามเน็ทดีกว่า.................และแล้ว หน้าก็แตกจริงๆ ด้วย   - _ - 10 แบรนด์ที่ทรงอิทธิพลปี 2008 ตามนี้ครับ 1.  กูเกิล 2.  จีอี 3.  ไมโครซอฟ 4.  โคคา-โคล่า 5.  ไชน่าโมบาย 6.  ไอบีเอ็ม 7.  แอปเปิ้ล 8.  แมคโดนัลด์ 9.  โนเกีย และ 10. มาโบโร่ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 52 01:11:18 จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 25 พ.ค. 52 01:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 41 กลับเข้าเรื่องต่อ นาวาร่าและ ไทรทัน จัดว่าเป็นแค่ตลาดรองเท่านั้น  ซึ่งหน้าที่ของตลาดรองคือรักษาส่วนแบ่งไว้ให้ได้และ “แอบแย่งตลาดมาทีละเล็กละน้อย”  หากไปหักหาญเอาชนะเจ้าตลาดแบบทันทีทันใด  เจ้าตลาดก็จะปกป้องตลาดโดยแตกหักเอาชนะเท่านั้น(เจ้าตลาดไม่ใช่แค่โตโยต้าเท่านั้นนะครับ  อีซูซุก็จะปกป้องตัวเองด้วย คิดดูว่าเวลาจะเอาชนะทีต้องชนะทั้ง 2 ยี่ห้อนะครับ ไม่ใช่ทำศึกทีละด้าน) ซึ่งไปเป็นผลดีกับทั้ง 2 ฝ่ายเลย  การตลาดเป็นสิ่งที่ค่อยเป็นค่อยไป  ไม่สามารถทำได้ทันทีทันใดเหมือนเปิดปิดสวิทช์ไฟนะครับ นาวาร่าและไทรทันถูกส่งลงมาในตลาดช้ามาก  เรียกว่ารอดูสถานการณ์ในตลาดให้นิ่งเสียก่อน  (เรียกว่านิ่งจนลิงหลับ)แล้วจึงลงมือ  ผลของการลงมือทีหลังจึงได้แค่รักษาตลาดรองเท่านั้น   แต่นาวาร่าตอบโจทย์ได้ดีกว่าไทรทัน ถึงมาทีหลังสุดก็สามารถมียอดขายเป็นอันดับ 3 ได้  ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูบึกบัน  ถูกใจคอกระบะ  เครื่องยนต์สมรรถนะดี  โครงสร้างรถแข็งแรง  ขับขี่ได้ดี  แถมแค็ปเปิดได้  ครบถ้วนกว่าไทรทันที่มาก่อนแต่แค็ปเปิดไม่ได้  แถมมีฉายาขิกน้อยอีก  เรียกว่าต้องใจรักจริงๆ  ไม่ชอบก็เกลียดกันไปเลย  ท้ายกระบะก็ให้มาเตี้ยไป ต้องมาไมเนอร์ให้สูงขึ้นอีกจม  เรียกว่าตอบโจทย์ได้ไม่ครบ  ทั้งๆ ที่ก่อนนาวาร่าออกขายไทรทันมียอดขายเป็นอันดับ 3 รองจากวีโก้กับดีแม็ค จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 25 พ.ค. 52 01:13:18 ]

ความคิดเห็นที่ 42 การตลาดของนาวาร่า กับไทรทันต้องใช้วิธีน้ำซึมบ่อทรายไปก่อนค่อยๆ เพิ่มสัดส่วนการจำหน่าย  แล้วต้องพยายามออกแบบสินค้าให้ตรงกับผู้บริโภคมากที่สุด  เมื่อใดที่มีความแข็งแกร่งพร้อมในทุกๆ ด้านจากนั้นค่อยเปิดศึกแย่งที่ 1 ที่ 2 ก็ได้(แต่ผมว่าความห่างกันมากขนาดนี้  โอกาสที่จะไปชิงกับเขาแทบไม่มีเลย ยกเว้นอีกฝ่ายเปิดจุดอ่อนออกมาแบบเป้งๆ ให้ซัดเข้าไปน่ะแหละครับ) แต่ลองคิดดูว่าช่วงที่โตโยต้ายังไม่ออกวีโก้แล้ว นิสสันเกิดอาการมองทะลุตลาดออกนาวาร่ามาขายก่อนเพื่อน  อาจจะสามารถทำตลาดเป็นเบอร์ 1 หรือ เบอร์ 2 ก็เป็นไปได้  การเป็นผู้นำตลาดต้องออกสินค้าที่สามารถมัดใจลูกค้าในวงกว้างได้อย่างรวดเร็วนำหน้าชาวบ้านเท่านั้น  หากทำออกมาช้าก็ต้องเป็นผู้ตามล่ะครับ(นี่พูดถึงแค่ตัวสินค้านะครับ  เรื่องรถยนต์ยังมีเรื่องบริการหลังการขาย  จำนวนศูนย์บริการที่ต้องมากพอ  พนักงานที่ชำนาญ คือมีอะไรอีกเยอะอยู่ข้างหลัง ไม่ใช่แค่ขายรถมันออกไปอย่างเดียว) จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 25 พ.ค. 52 01:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ได้ความรู้เยอะเลยค่ะ พอดีเราก็กำลังหัดวิเคราะห์ตลาดของผลิตภัณฑ์ต่างๆ อ่านแล้วทำให้เราเห็นช่องว่างที่เราควรแก้ไขมากมายเลย ขอบคุณมากค่ะ สำหรับความรู้เรื่องส่วนแบ่งตลาด จากคุณ : 54 - [ 25 พ.ค. 52 01:26:56 A:58.9.93.171 X: TicketID:192420 ]

ความคิดเห็นที่ 44 มาเสริมอีกแล้วอย่าว่ากันเลยนะครับ พอดีผมสนใจติดตามเรื่องในวงการนี้มานานเลยมีข้อมูลเยอะหน่อยจึงอยากจะแบ่งปัน อย่างที่คุณ Y (yoyolandk) บอกว่าการขายรถมันต้องมีเรื่องหลังการขายเข้ามาเกี่ยวด้วย ซึ่งมันก็รวมไปถึง ราคาอะไหล่ จำนวนศูนย์บริการ คุณภาพศูนย์บริการ ราคาขายต่อ ฯลฯ เพราะรถยนต์เป็นสินค้าที่มีราคาแพง คนจะตัิดสินใจซื้อยากจนกว่าจะพิจารณาข้อมูลอย่างละเอียด ส่วนใหญ่คนที่จะซื้อรถเขาก็จะนึกถึง ราคาอะไหล่เมื่อต้องซ่อมแซม เมื่อจะเข้าศูนย์มีจำนวนมากน้อยแค่ไหน แล้วถ้าต้องขายต่อจะได้ราคาขาดทุนเท่าไหร่  ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทั้งโตโยต้าและอีซูซุมีมากพอๆกัน สมัยก่อนในต่างจังหวัดศูนย์บริการของอีซูซุมีมากกว่าด้วยซ้ำไปเพราะเปิดกว้างให้มีตัวแทนจำหน่ายได้หลายราย ขนาดเปิดห้องแถวเป็นโชว์รูมก็มี โตโยต้าและอีซูซุจึงมีข้อได้เปรียบตรงจุดนี้เมื่อผู้บริโภคคิดจะซื้อรถสักคัน ขณะที่ยี่ห้ออื่นๆด้อยกว่าในจุดนี้ทั้งหมด ยิ่งนิสสันที่เคยเป็นเจ้าตลาดมาก่อนประสบปัญหาการบริหารโดยตระกูลผู้บริหารคนไทยมานานหลายปีกว่าจะเปลี่ยนผู้บริหารเป็นคนต่างชาติ ทำให้โปรดักส์ขาดการพัฒนามาเป็นเวลานานและจำนวนศูนย์บริการที่เคยเป็นอันดับสองที่เคยสูสีกับอันดับหนึ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ แต่ด้วยชื่อเสียงในอดีตเมื่อออกรถรุ่นนาวารามา จึงทำให้ขึ้นเป็นอันดับสามได้ไม่ยากจากแฟนประจำลูกค้าเก่าที่ยังจดจำในแบรนด์นี้ได้ ซึ่งเป็นที่มาของสโลแกนที่ว่า ขอบคุณที่(แฟนเก่าๆยัง)รอ(อยู่) ขณะที่มิตซูบิชิซึ่งก็มี่โปรดักส์็โดดเด่นพอสมควรไม่มีในจุดนี้ ส่วนยี่ห้ออื่นยิ่งไม่มีเลยสักอย่าง มีบางสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นนโยบายการตลาดอย่างฉลาดล้ำลึกของบ.โตโยต้าอย่างมากก็คือ ตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน บ.โตโยต้าให้การสนับสนุนเครื่องยนต์ไปให้โรงเรียนช่างต่างๆได้ฝึกงานเรียนรู้การศึกษาซ่อมบำรุงมาตลอด เป็นผลให้ช่างยนต์ในเมืองไทยส่วนใหญ่คุ้นเคยกับการซ่อมรถโตโยต้า ยิ่งสมัยก่อนมีการปล่อยให้มีอะไหล่เทียมจำหน่ายกันอย่างแพร่หลาย ยิ่งทำให้เจ้าของรถรู้สึกว่ารถโตโยต้าซ่อมง่ายอะไหล่(เทียม)ถูก เป็นผลให้ราคารถมือสองของโตโยต้ามีราคาสูงกว่ายี่ห้ออื่น ซึ่งก็เป็นจุดที่ทำให้ลูกค้าเก่าและใหม่ตัดสินใจซื้อรถยนต์โตโยต้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งหลักการนี้เป็นเหตุและผลเดียวกับการที่เราเห็นอู่รถแท็กซี่ส่วนใหญ่เลือกรถโตโยต้ามาทำแท็กซี่นั่นแหละครับ แก้ไขเมื่อ 25 พ.ค. 52 03:16:55 จากคุณ : <SportivO> - [ 25 พ.ค. 52 03:01:08 ]

ความคิดเห็นที่ 45 - ช่วงปี 2007 ที่โตโยต้าพยายามจะเอาชนะอีซูซุให้ได้ทุกวิถีทาง ยอมทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อ"ซื้อลูกค้า" จากอีซูซุให้ได้ ถ้าจำกันได้ เราจะเห็นแคมเพจน์โตโยต้าตั้งแต่กลางปี 07 รุนแรงมากๆ ตั้งแต่ ส่วนลดเงินสด 65k หรือ เงินดาวน์10% รวมไปถึงผ่อนปีหน้า และถ้าลูกค้าเคยเป็นลูกค้าอีซูซุ เอาทะเบียนคันเก่ามาโชว์ โตโยต้าจะเพิ่มส่วนลดให้อีก ทำให้ได้ยอดขายมามากมายทั้งจากลูกค้าอีซูซุเอง และลูกค้ายี่ห้อรองอย่างนิสสัน และมิตซู (แหงล่ะ ยี่ห้อดังกว่าแต่ออกรถได้ง่ายกว่า ลูกค้าก้อหนีมาโตโยต้ากันหมด) อีกทั้งการที่เปิดโตโยต้าลีสซิ่งขึ้นมา เพื่อรับเคสลูกค้าดาวน์ต่ำโดยเฉพาะ ทำให้โตโยต้า ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งได้สำเร็จในปีนั้น (แม้ว่าจะแทบไม่มีกำไรเลยก้อตาม แต่ยังพอไปได้ด้วยกำไรของรถเก๋ง) ส่วนอีซูซุก็แทบช๊อค เพราะเกิดมาไม่เคยแพ้มากขนาดนี้มาก่อน เงินก็ไม่ถึงเท่า งานนี้คิดกันหัวระเบิดเลย ว่าจะแก้เกมยังไงในปี 08 จากคุณ : ของมีคม - [ 25 พ.ค. 52 09:20:50 ]

ความคิดเห็นที่ 46 -ปี2008 โตโยต้าเปิดเกมต้นปีด้วยแคมเพจน์แรงๆเหมือนปีก่อนอย่างต่อเนื่อง ส่วนอีซูซุเริ่มกลับมาแก้เกมด้วยการทำตลาดแบบเจาะจงเลือกเป็นอาชีพๆ ไป ซึ่งก็ยังไม่สามารถแก้เกมได้นัก ตัวเลขยังตามโตโยต้าอยู่ทุกเดือน จนกระทั่งช่วงกลางปี ที่วิกฤตราคาน้ำมันเข้ามา ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 45 บาทต่อลิตร ทำเอาคนใช้รถเก๋ง หนีไปติดแกสกันยกใหญ่ ตอนนี้แหละ อีซูซุ ที่ชูภาพลักษณ์ความประหยัดน้ำมัน และสะสมบารมีในเรื่องนี้มาตลอด เริ่มกลับมาเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค (ช่วงน้ำมันแพง ประหยัดกว่ากันไม่กี่ลิตรก็เป็นเงินไม่น้อย) ทำให้อีซูซุเริ่มมียอดขายตีตื้นขึ้นมาได้บ้าง แต่วิกฤติเศรษฐกิจกำลังจ่อรอเข้ามาต่อจากราคาน้ำมันอยู่ในช่วงปลายปี จากคุณ : ของมีคม - [ 25 พ.ค. 52 09:50:46 ]

ความคิดเห็นที่ 47 มาถึงช่วงปลายปี 08 แคมเพจน์ที่โตโยต้ากระหน่ำไปเมื่อปีก่อน เริ่มย้อนกลับมาทำร้ายโตโยต้าเองแล้ว เมื่อไฟแนนซ์เริ่มมีปัญหา ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อรถมากขึ้น ทำให้โตโยต้าไม่สามารถรับลูกค้าที่ประวัติการเงินไม่ดีได้เหมือนก่อน อีกทั้งลูกค้าดาวน์ต่ำเมื่อปีก่อน เริ่มประสบปัญหาชำระค่างวดไม่ไหว รถยึดที่เข้ามาทางโตโยต้าชัวร์เริ่มเยอะมากขึ้น สต๊อครถใหม่เริ่มไปได้ช้าลง เพราะดีลเลอร์โตโยต้าเองก็ไม่อยากขายรถกระบะในช่วงนี้ (เพราะขายรถเก๋งกำไรดีกว่า) แม้ว่าจะทำการไมเนอร์เชนจ์ ก็เปลี่ยนแปลงน้อยซะจนสังเกตแทบไม่ออก เว้นแต่แคปเปิดได้เท่านั้นที่ดูแตกต่าง (แต่ไม่ฮือฮา เพราะยี่ห้อรองมีมานานแล้ว) ทำให้ปี2008 นี้ โตโยต้ายังเฉือนเอาชนะตัวเลขยอดขายกับอีซูซุได้อีกปี (แต่สถิติจดทะเบียนอีซูซุชนะ?) - ปี 2009 โตโยต้าเริ่มประสบปัญหาหนัก ไม่มีเงินจากนอกมาช่วยเหลือแคมเพจน์เท่าที่ควร ทำให้อีซูซุออกนำได้ตั้งแต่ต้นปี อีกทั้งรถเก๋งก็เริ่มแย่ ผลิตภัณฑ์สู้คู่แข่งอย่างฮอนด้าแทบไม่ได้เกือบทุกโมเดล (ยอดขายเดือนเมษายนโตโยต้าแพ้ฮอนด้าเป็นครั้งแรกในรอบสิบปี!) ส่วนตลาดกระบะ ผู้จำหน่ายก็ให้ความสนใจน้อยลง ไฟแนนซ์ผ่านยากขึ้น บางผู้จำหน่ายเริ่มขาดสภาพคล่องทางการเงิน ปัญหาต่างๆเหล่านี้ส่งผลต่อยอดขายรวมของโตโยต้าทั้งสิ้น ต้องรอดูกันต่อไปว่าปลายปี โตโยต้าจะแก้เกมอย่างไร จากคุณ : ของมีคม - [ 25 พ.ค. 52 10:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สวัสดีครับคุณ <SportivO> มาแบ่งปันกันได้ตลอดเลยครับ แชร์ข้อมูลที่ทราบได้เลย  เพราะจากผมคนเดียวคงไม่ได้ละเอียดมาก ส่วนใหญ่พูดในภาพกว้างๆ มากกว่า  สำหรับผมได้ความรู้อะไรเพิ่มอีกเยอะเลย หุหุ คุณ ของมีคม มีรายละเอียดระหว่างปีเยอะเลย  ทำให้เห็นภาพอาการซวนเซของโตโยต้าที่ต้องรับศึกทั้งฮอนด้า และอีซูซุพร้อมๆ กัน   เรียกว่าสู้กันมันหยดทั้งผู้นำ และผู้ท้าชิงเลย   ต้องดูโตโยต้าว่า เมื่อขึ้นแท่นเบอร์ 1 ทั้งเก๋ง และกระบะแล้วจะวางแผนรับมือยังไง จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 25 พ.ค. 52 12:05:10 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ต่ออีกนิด ว่าทำไมนิสสัน มิตซู ถึงแย่ลง แย่ลง นอกจากปัจจัยภายในอย่างตัวเจ้าของค่ายเอง ที่ไม่มีงบทุ่มมากนัก บวกกับสต๊อกรุ่นเก่าเหลือเยอะ ทำให้เปิดตัวล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น ผู้บริโภคก็ขี้เกียจรอเลยหนีไปยี่ห้ออื่นกันหมด เพราะรถกระบะเป็นรถใช้งาน ไม่เหมือนรถเก๋ง ผู้บริโภคมักมีความจำเป็นที่จะซื้อจริงๆ คนที่รอได้ (ตามคอนเซป ขอบคุณ ของนิสสัน) จึงเป็นกลุ่มน้อย ที่ใช้รถกระบะแบบรถส่วนตัวซะมากกว่า ส่วนมิตซูก็มีรูปลักษณ์ที่ฉีกแนวเกินตัว กว่าผู้บริโภคจะรับได้ก็ต้องใช้เวลาเหมือนกัน และนอกจากหน้าตาก็ไม่ได้มีอะไรใหม่มากนัก นี่คือเหตุผลในด้านของปัจจัยภายใน ส่วนปัจจัยภายนอกก็ยังคงเป็นเรื่องของราคาขายต่อ รวมไปถึงการอนุมัติจัดสินเชื่อของไฟแนนซ์รถ ที่ยังคงต้องยึดยี่ห้อตลาดเป็นหลักมากกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าลูกค้ามีประวัติเหมือนกัน รายได้พอกัน อาชีพเหมือนกัน ดาวน์รถด้วยเงินก้อนจำนวนเท่าๆกัน เชื่อหรือไม่ว่า คนที่เลือกยี่ห้ออีซูซุกับโตโยต้า มีโอกาสผ่านไฟแนนซ์ง่ายกว่ายี่ห้ออื่นๆ !!!! จากคุณ : ของมีคม - [ 25 พ.ค. 52 13:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 50 โอ้ว...ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ ชอบตรงประโยคที่ว่า ยี่ห้อหลักมีแค่ไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้นที่เป็นหลัก พอมาคิดอีกครั้งมันก็จริงครับ รวมทั้งธุรกิจที่ผมอยู่ด้วยครับ สำหรับตลาดใหม่ที่ผมว่าน่าสนใจนะครับ ผมว่าตลาดของรถกระบะตอนเดียว ขับสี่ล้อ แต่ออปชั่นไม่ต้องมาก เพื่อรองรับชาวสวนในที่ใกลๆต่างๆ แต่พอเอาเข้าจริงจะมีคนซื้อหรือเปล่า แต่ถ้าให้ผมดูนะ ภาคใต้ หรือ เหนือ ที่มีการปลูกพืชในที่เข้าถึงยากก็น่าจะต้องการ ปัจจุบันเราเห็นแต่พวก ln106 หรือเรียกว่ารถป่าไม้ หรือไม่ก็รถกระบะเอาไปดัดแปลง แต่ได้ข่าวว่าฟอร์ดเองได้ริเริ่มทำมาแล้ว แต่ยังไม่เห็นของจริงครับ ว่าเป็นตอนเดียวขับสี่ล้อ แถวบ้านผมมีบางคนซื้อรถแค๊ปขับสี่ (เพราะขับสี่เริ่มมีในแค๊ป) แล้วเอาไปให้อู่ตัดแค๊ปออก เอากระบะตอนเดียวไปใส่แทนด้วยหละ เอาใว้ขนปาล์มน้ำมัน ขอบคุณครับ จากคุณ : seto16 - [ 26 พ.ค. 52 21:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอแจมด้วยคน คุณต้าเน้นการขาย ปล่อบง่าย ไฟแนนซ์ (เมื่อปี 50 - 51 กลางๆปี)หลวมการเช๊คเครดิต (ตอนนี้รถยึดเพียบ) คุณซุ อนุรักษ์นิยม การตลาดไม่เก่งเท่า เน้นหา PRESENTER มาแข่ง  รักการอยู่รอดปลอดภัย ลูกค้าซื้อรถดูราคาเงื่อนไข แต่ไม่ดูสมรรถนะเท่าไร คุณต้า หากมือใหม่ หรือมืออ่อน จะลงถนนประจำเพราะฝนตกถนนมีน้ำท่วมขังมาเร็วๆ เสียการทรงตัว คนขับตกใจหักพวงมาลัย หรือเบรค คุณต้าสนองเกาะกลางถนน หรือต้นไม้ข้างทางมากกว่าทุกยี่ห้อ   ส่วนการออกตัวตีนต้นตีนปลายเป็นผู้นำแน่นอน ประเภทกระต่าย กับเต่า คุณซุ รุ่นแค๊บด้วยกันคุณซุ ช่วงล่างนุ่มนวลกว่า ไม่กระด้างเท่ากับคู่แข่ง จึงมีลูกค้าที่ใช้เป็นรถบ้านร่วมการพาณิชย์  น่าจะเป็นข้อได้เปรียบทีลงถนนน้อยกว่า  ตีนต้นนี่อืดและเคยกับความปรู๊ดปร๊าด ซดน้ำมันสุดๆ เช่นเร่งรอบเกิน 4000 rpm. แล้วเปลี่ยนเกียร์ หรือลากรอบ อันนี้สู้คู่แข่งไม่ได้แน่   จะต้องไปตามแรง ไล่เกียร์ไม่เบิ้ลรอบ รถเริ่มลอยตัวจะดีปลาย การบำรุงรักษา คุณต้าจะต้องถ่ายน้ำมันเครื่องทุก 5000 แต่ คุณซุ 10000 โล คุณต้านำเฉียบขาด ไม่การตกแต่ง เครื่องเก่าญี่ปุ่น ทดแทนง่าย ดัดแปลงแท่นน้อยกว่า  หากเทียบกับคุณซุ เชื่อไหม เซียงกงไม่มีเครื่องดีเซลเก่าจากญี่ปุ่น ต้องเอาคุณต้าไปแปลง งานนี้จะรักษา หรือแย่งความเป็นแชมป์ ต้องอยู่ที่ BRAND LOYALTY ของลูกค้า ที่จะเชื่อมั่นใคร จากคุณ : คนบางพาน - [ 27 พ.ค. 52 05:22:50 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แวะมาชมคุณ yoyolandk อ่านเกมได้ขาดดีจริงครับ ผมแวะมาจากรัชดานะครับ ผมขอเสริมให้นะครับว่าทำไม Nissan Navara ถึงออกมาช้า(มาก) และไม่สามารถดึงภาพพจน์เจ้าแห่งกระบะมาได้ในระยะสั้น ๆ ถ้าไม่เข้าใจแย้งได้นะครับ มันเป็น Timeline ที่ลึกซึ้ง คำตอบ เพราะว่าการซื้อขายหุ้นระหว่างเจ้าของเดิม (ตระกูลพรประภา) กับคนญี่ปุ่นสมัยต้นยุค 2000 ทำให้สินค้าทุกตัวที่จะต้องวางจำหน่ายในอนาคตต้องถูกเลื่อนไปนาน 2-3 ปี มันน่าแปลกใจอย่างไร ก็แค่ขอเจรจากับบริษัทแม่ก่อนไปสิแล้วซื้อขายหุ้นกันสิ ยากตรงไหน? แต่คำตอบคือยากครับเพราะแต่เจ้าของเดิมนั้นไม่อยากให้ขาย ทั้ง ๆ ที่ญี่ปุ่นเจรจามาเป็นสิบปีแล้ว ประกอบกับการบริหารภายในยุคพรประภาที่เป็นยุค 90 เกิดปัญหามาก (หรือคนในวงการพูดกันว่า พี่น้องทะเลาะกัน)แย่งขึ้นชิงอำนาจห้ำหั่นโดยไม่สนใจเลยว่าทั้ง Nissan และ Yamaha กำลังจะตกเป็นเบี้ยล่างคู่แข่งโดยไม่รู้ตัว ในเมื่อสยามกลการไม่ยอมขายหุ้นนิสสันให้ญี่ปุ่นซะที ดังนั้นนิสสันญี่ปุ่นก็ตอบแทนด้วยการไม่ให้ความร่วมมือกับสยามกลการในการส่ง Model ใหม่ ๆ มาให้เลย ทำให้ Model ใหม่ ๆ ไม่สามารถปรับตัวกับคู่แข่งได้ทันเวลา หรือไม่สามารถเจรจาขอเทคโนโลยีการผลิตจากบริษัทแม่ได้เลย ทั้ง ๆ ที่คู่แข่งยักษ์ใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากญี่ปุ่นเต็มที่ นี่คือข้อเสียของสยามกลการในอดีตที่ไม่มี Know-how ทั้งการผลิต กลยุทธ์ต่าง ๆ ในระดับสากลที่จะนำมาใช้ในไทยเลย ซึ่งสำคัญมากๆ สรุปคือไม่ Global นั่นเอง ทำให้นิสสันญี่ปุ่นยิ่งต้องบีบบี้ให้พวกเขาขายให้ได้ และกว่าเจรจาซื้อขายหุ้นกันเสร็จก็ราวเมษายน 2003 (ซะที)สิ้นสุดการดีลที่ยืดยาว ด้วยหุ้นมูลค่าหลักหมื่นล้านแลกกับ Brand Equity ที่ทำไว้กว่า 50 ปี (เคยมีข่าวลือว่าก่อนหน้านั้นว่า หุ้นที่จะขายไปนั้นแพงกว่า 1 หมื่นล้านเสียอีก แต่ช่วงที่ขายคือเป็นช่วงที่จำใจต้องขายแลกกับอนาคตที่สยามกลการเองไม่สามารถต้านทานคู่แข่งได้) ดังนั้น บริษัทแม่ได้สาขาลูกในไทยมาเรียบร้อยการนำรถใหม่มาขายได้ก็ต้องใช้เวลานานพอควร การออกตลาดรถยนต์ใช่ว่าจะทำได้แค่ 12 เดือนนะครับแต่มันนานกว่า 3 ปีครับ นั่นแสดงว่าถ้า Navara จะออกขายช่วงเวลาใกล้เคียง Vigo ได้จะต้องพูดคุยและวางแผนการตลาด ส่งพิมพ์เขียวให้ซัพพลายเออร์ ราวปี 2001 ได้แล้ว แต่ช่วงเวลานั้นมันสยามกลการยังเป็นเจ้าของอยู่ จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv - [ 27 พ.ค. 52 11:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ถึงเวลาสมใจที่ได้ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของ Nissan แต่ความนิยมนั้นตกลงไปมาก นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของบริษัทที่จะให้ ไทยและอาเซียนกลับมาผงาดในวงการรถเหมือนครั้งอดีต Navara เองมาในจังหวะที่ไม่มีคู่แข่งแข็ง ๆ เปิดตัวเลย แต่อย่างว่ารถรุ่นนี้มันเปิดตัวช้ากว่าตลาดโลกนานถึง 3 ปีเกิดจากการเจรจาซื้อหุ้นที่ยืดเยื้ออย่างช่วยไม่ได้ ในฐานะที่เป็นผู้ตามอยู่ยอดขายระยะแรกจะดี แต่ระยะหลังก็พอทรงตัวได้แต่ไม่อาจจะผงาดเทียบเคียง Isuzu และ Toyota เหมือนครั้งอดีตเพราะคู่แข่งทุกรายนั้นพัฒนาตัวเองไปไกลแล้ว แม้กระทั่ง Ford ช่วงต้นปี 2000 ก็อัพตัวเองได้รวดเร็วจากการเป็นผู้นำนวตกรรมรถกระบะทำให้ชื่อเสียงติดตลาดรวดเร็ว (แต่มาแผ่วตอนหลัง 2005 เพราะไม่มีอะไรใหม่ๆ นำเสนอ) จุดด้อยที่สำคัญอย่างนึงคือ King Cab เปิดได้ที่แคบมาก จุดนี้เป็นจุดด้อยใหญ่ เพราะรุ่นนี้ไมไ่ด้ออกแบบมาสำหรับตลาดเมืองไทย 100% (อย่าลืมว่าช่วงที่พัฒนากระบะรุ่นนี้อยู่ นิสสันยังไม่ซื้อหุ้นและตั้ง r&d ในไทยเลย)ข้อมูลการพัฒนาล้วนแต่เอาใจตลาดอเมริกันมากกว่าเอเชีย ก็เป็นปัญหาที่ประสบมาสมัย BigM ก่อนจะขยายความยาวแค๊บ แล้วขายดีเทน้ำเททิ้ง จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv - [ 27 พ.ค. 52 11:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แต่ถึงแม้ Isuzu และ Toyota จะนำยอดขายรถกระบะมากกว่า Nissan หลายเท่า แต่จุดแข็งที่เจ้าตลาดทั้งสองด้อยกว่าเห็นได้ชัด รถกระบะ Nissan มีภาพลักษณ์ที่บรรทุกทนทานมากที่สุดอยู่ดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตรงนี้คู่แข่งไม่อาจดึง ภาพพจน์ตรงนี้มาจากนิสสันได้ก็ไม่ทราบเหมือนกัน ถือเป็นบุญเก่าที่สร้างเอาไว้ด้วย เกมส์ที่น่าสนใจเรามองว่าตอนนี้ เขาคงไม่เน้นตลาดรถกระบะแล้วล่ะ เพราะทำยังไงก็คงแย่งแชร์ไม่ไ่ด้มาก และตลาดรถกระบะอยู่ในช่วง "ขาลง" (เรามองว่าถ้านิสสัน เน้นเรื่องความทนทานไว้ได้น่าจะพอมีโอกาสยืนหยัดอันดับ 3 แบบยาวๆ) แต่บริษัทแม่มองไกลมากกว่านั้น หากจะต้องการมีภาพลักษณ์แบรนด์ที่เป็นผู้นำแล้วล่ะก็ จะต้องเปิด Segment ใหม่ถึงจะสู้ได้ ดังนั้นต้นปีหน้าเราจะเห็น Nissan เป็นผู้นำตลาด segment ใหม่ของเมืองไทย แถมยังเป็นผู้นำสบาย ๆ อย่างน้อย 2-3 ปีจนกว่าจะมีคู่แข่งเข้ามา (จากการสืบของผมนะ) และเป็น segment ที่ใหญ่เข้ากับสถานการณ์น้ำมันโลกพอดีเป๊ะ ด้วยการสนับสนุนของบริษัทแม่ 100% เราคงดูกันว่าเขาจะประสบความสำเร็จมาก เหมือนที่ Yamaha เป็นผู้บุกเบิก Automatic จนพลิกกลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิมได้หรือไม่ ขอบคุงที่สละเวลาอ่าน อิอิ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 12:11:04 จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv - [ 27 พ.ค. 52 12:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สวัสดีครับคุณ seto16 มาตอบแบบการตลาดกว้างๆ ครับ หากรายละเอียดมากๆ   อ่านตาม คห.คุณ HOMY DEMIO sport mpv แปลว่านิสสันในไทยมีปัญหากันภายในจนไม่สามารถปกป้องตลาดของตนไว้ได้ คุณคนบางพาน  เรื่องต่างๆที่ผมเขียนส่วนใหญ่มาจากการอ่านในเน็ท + หนังสือพิมพ์ เป็นหลักครับ  มีความสนใจในตลาดรถยนต์บ้างทำให้พอได้ติดตาม  แต่รายละเอียดเชิงลึกหลายๆอย่างผมก็เพิ่งมาทราบก็จากความเห็นของคนอื่นๆ คุณ HOMY DEMIO sport mpv รายละเอียดเยอะดีจังเลย  อันนี้แหละตัวจริงในวงการรถ  ขอบคุณที่มาตอบให้ความรู้เพิ่มเติม  ผมจัดการอ่านเมมไว้เรียบร้อยแล้ว หุหุ ขอบคุณทุกๆ คนนะครับที่ติดตาม จากคุณ : Y (yoyolandk) - [ 27 พ.ค. 52 23:37:46 ]

ความคิดเห็นที่ 56 สวัสดีค่ะ ได้เข้ามานั่งอ่านกระทู้หน้านี้ แล้วน่าสนใจมากๆ ประกอบกับ ตอนนี้กำลังหานักวิเคราะห์ตลาดรถยนต์อยู่ ไม่ทราบว่าท่านใดรู้จักหรือแนะนำได้หรือไม่ค่ะ หากมีคำแนะนำ รบกวนแจ้งทาง ququpoon@hotmail.com นะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : queen - [ 30 พ.ค. 52 11:18:51 A:10.0.0.113 X:202.29.39.11 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 22 มิ.ย. 52 20:37:26 ]