เมื่อเรารู้ตัวแล้วว่า Excel สำคัญเพียงไร คุ้มค่ากับเวลาที่จะใช้เรียนรู้สามารถสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับเราได้มากแค่ไหนคำถามคือแล้วเราจะเริ่มต้นตรงไหนดี !???จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คำแนะนำง่ายๆแต่ได้ผลเสมอ และใช้ได้ตลอดกับทุกคน นั่นคือต้องมี " ความอยาก " ที่จะได้ " งานที่ต้องการ " หรือพูดง่ายๆคือ" จะเอา Excel ไปทำอะไร? เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อะไร?นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นในการเรียนรู้ เพราะวิธีแบบนี้ จะเริ่มจากความอยากได้ผลลัพธ์ ว่าต้องการให้ได้งานแบบนั้น ต้องการให้ได้งานแบบนี้เมื่อมีความอยาก ความคิดต่อมาคือ มันน่าจะมีวิธีนั้น วิธีนี้ ที่จะมาช่วยทำให้เราได้ตามที่ต้องการผมเคยเห็นคนนั่งซื้อหนังสือมาอ่าน รวมถึงคนที่ไปนั่งเรียนว่า Excel คืออะไร เมนู (Menu) ต่างๆใช้งานอย่างไร ฟังก์ชั่น (Function) ต่างๆใช้งานอย่างไรแล้วก็มานั่งอ่าน Function ต่างๆ ทีละตัวว่าทำอะไรได้บ้างแน่นอนวิธีแบบนี้ไม่ได้ไร้ค่า แต่มันเป็นการ ท่องจำ ที่เสียเวลาความจำมนุษย์มีจำกัด และเราควรเอาไปใช้จำเรื่องงานมากกว่าที่จะเสียพื้นที่กับการจำ Function ต่างๆผมเองก็ไม่ได้จำ Function ได้ครบทุกอัน สารภาพตามตรงว่าใช้คล่องๆ จริงๆ เพียง 20 - 30% เท่านั้นที่เหลือ ถ้าพอถึงเวลาจะใช้ จะเปิดจาก Help หรือ หาเอาใน googleและไม่ใช่ทุก Function ที่จะช่วยให้งานเรามีประสิทธิภาพและพัฒนางานให้ดีขึ้นแท้จริงอาจมีแค่เพียง 20% ของ Function ทั้งหมดเท่านั้นที่ เจ๋ง และ ใช้บ่อย รวมไปถึงเทคนิคต่างๆที่สำคัญที่ Excel สามารถทำได้ 100%ขอเพียงเราเลือกใช้ให้ถูกต้องและตรงกับ ความอยาก แค่เพียง 10% ของพลังที่ Excel ทำได้เพียงเท่านี้เราก็อาจเป็น เทพ ในฝ่ายงานได้พูดมาถึงตรงนี้ หลายท่านคงเห็นแล้วว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เราจะเรียนรู้ และใช้ Excel ให้เกิดประโยชน์สามารถนำไปใช้พัฒนางานให้มีประสิทธิภาพ สร้างคุณค่าให้กับตัวเองให้เหนือกว่าคนอื่นจากจุดนี้ไป ผมจะชี้ให้เห็นว่า แล้ว "ความอยาก" ที่ทั่วๆไปมีนั้นมีอะไรบ้างแล้วเราควรจะรู้อะไรบ้าง เพื่อให้ "หายอยาก"ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆให้เห็นภาพ " ความอยาก " ดังนี้ พนักงานวิเคราะห์และวางแผน / Analyst (นโยบาย แผนกลยุทธ์ การเงิน ฯลฯ) วิเคราะห์ข้อมูลรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน งานซ้ำๆ ไม่อยากเสียเวลาแก้ทุกครั้งที่ต้องทำเสียเวลาทำครั้งเดียวแต่ใช้ไปได้เป็นปี วิเคราะห์ข้อมูล มีฐานข้อมูล 1 ชุด จะสรุปอย่างไรให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ต้องสร้าง Model ที่สามารถจำลองหาผลลัพธ์ที่ต้องการโดยการใส่ข้อมูลสมมติฐาน เช่น Financial Model/ Profitability Model / Business Model / Risk Model / Stochastic Model ฯลฯ ต้องทำประมาณการงบการเงิน ต้องทำการพยากรณ์ผลประกอบการ / ต้องทำ sensitivity analysis / ต้องทำ stress test / ต้องทำ scenario analysis วิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบคู่แข่งขัน เปรียบเทียบผลการดำเนินงาน เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์ โดยมีข้อมูลเป็นรายงวด ต้องทำการนำเสนอผลการวิเคราะห์รายงวดในลักษณะ Dashboard ฯลฯ ฯลฯ เจ้าหน้าที่การตลาด / เจ้าหน้าที่ฝ่ายขาย พยากรณ์ยอดขาย วิเคราะห์ยอดขาย ภายใต้สมมติฐานจากตัวแปรต่างๆ เช่น สถิติราคาเทียบคู่แข่งฤดูกาล การส่งเสริมการขายของคู่แข่ง ฯลฯ สรุปผลยอดขาย รายงวด แยกตามประเภทลูกค้า แยกตามพื้นที่ แยกตามประเภทสินค้า โดยสามารถเลือกดูจาก list แล้วแสดงผลอัตโนมัติ Pricing Model, เปรียบเทียบราคาผลิตภัณฑ์ฅ คำนวณข้อมูลเพื่อใช้วางแผนการตลาด การขาย เช่น การจัดทำงบประมาณการขาย/การส่งเสริมการขาย ฯลฯ ฯลฯ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ / ฝ่ายผลิต / ฝ่ายจัดซื้อ ฯลฯ วางแผนการผลิต คำนวณตัวแปรการผลิต การวิเคราะห์ผลเพื่อใช้ในการปรับปรุงการทำงาน เช่น utilization, yield ฯลฯ การคำนวณต้นทุน ค่าใช้จ่าย การวิเคราะห์เพื่อแยกแยะค่าใช้จ่าย รายสินค้า รายสายผลิตภัณฑ์ รายพื้นที่ เช่น กรณีที่มีสาขา ฯลฯ วางแผนการจัดซื้อ การคำนวณการจัดซื้อให้มีประสิทธิภาพ อื่นๆพอเขียนถึงตรงนี้ผมยอมรับตามตรงว่าเขียนไม่หมดจริงๆ (T-T) เพราะไม่ว่าพูดตรงไหน ก็สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งนั้นคนที่มองเห็นช่องว่างและโอกาส แล้วนำมาสร้างเป็นผลลัพธ์ที่ล้ำค่าได้ย่อมเป็นคนที่ได้เปรียบคนอื่นในการประสบความสำเร็จ ผมขอทิ้งท้ายโดยให้ทุกท่านลองมองตารางข้างล่างแล้วจินตนาการว่า ถ้าต้องสรุปให้ได้ว่า ณ.วันนี้ บริษัทเรามีจุดแข็ง จุดอ่อน ผลประกอบการดีไม่ดีในพื้นที่ไหน สินค้าไหน ทำกำไรได้มากเท่าไหร่ อะไรขาดทุน?? เราจะทำยังไงดี<ดูรูป>ครั้งต่อไป...เราจะมาคุยกันว่า ส่วนไหนของ Excel ที่ควรศึกษา พร้อมตัวอย่างที่น่าสนใจ หากมีำคำแนะนำ ติชม หรือ ติดต่อสอบถาม สามารถ e-mail ได้ที่ LeverageSkill@hotmail.com Create Date : 01 มิถุนายน 2552Last Update : 2 มิถุนายน 2552 0:22:54 น.
จากคุณ : Leverage - [ 3 มิ.ย. 52 09:30:49 ]