ความคิดเห็นที่ 1 เข้าใจคับ ว่าพัฒนา เห็นด้วย ที่อยากให้พัฒนา แต่ผมขอแย้งนิดนึง ราคาการซ่อมกับเปลี่ยนของใหม่เผลอๆ เปลี่ยนถูกกว่า ข้อหนึ่งนะคับ เวลาที่ใช้ในการเปลี่ยนกับซ่อม  นี้ข้อสองละคับ ความซับซ้อนของวงจร เมื่อก่อน แผ่นพรินท์ มันแค่สองเลเยอร์คับ แต่เดี๊ยวนี้ สี่ เอย หก เอย มันอยากกว่าหลายเท่า แถมเสียเวลาหนักไปอีก นี้ข้อสามนะคับ บวกลบแล้วมันก็จะกลับมาที่ว่า "ในเมื่อดินสอมันเขียนบนกระดาษในอวกาศได้  เราจะทำปากกาให้เขียนในอวกาศได้ไปทำไม"(มองในด้านธุรกิจนะคับ อย่ามองด้านความรู้ หุหุ) จากคุณ : maninbox - [ 11 มิ.ย. 52 12:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 " เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย " น่าจะประมาณนี้ ... เจ้าของคอมเอง ก็ควรมีความรู้ หรือหาข้อมูล สิ่งที่จะเอาไปซ่อมบ้าง จะได้ไม่โดนเปลี่ยนอย่างเดียว ... ^    ^ จากคุณ : D_YONG - [ 11 มิ.ย. 52 12:47:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับ จขกท ยกตัวอย่างของผมเอง เครื่องซักผ้าแบบถังเดียวเปิดฝาบนยี่ห้อ Whirlpool เสียแต่เป็นที่ขั้นตอนที่2เท่านั้นคือเปิดระบบการทำงานในขั้นที่1(pre wash)น้ำเข้าเดินเครื่องซักได้ตามปรกติ แต่เมื่อถึงขั้นตอนที่2น้ำไม่เข้าเครื่องระบบตัดทั้งหมด จึงไปเรียกช่างแถวบ้านที่เขียนป้ายบอกว่ารับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดรวมถึงเครื่องซักผ้าด้วย พอช่างมาถึง ก็ไม่มีการซักถามอาการที่เกิดขึ้นเลยครับ จัดการเปิดเดินเครื่องเอาน้ำเข้าน้ำเต็มเครื่องก็เริ่มซักครบเวลาเครื่องตัดปล่อยน้ำออกและจังหวะที่2เครื่องตัดระบบน้ำไม่เข้าเครื่องไม่ทำงานต่อ ช่างหันมาบอกกับผมว่า แผงควบคุมการทำงานเสีย ต้องเปลี่ยนยกแผงราคาประมาณ 4000 บาท ผมถามช่างไปว่าระบบไฟฟ้าทำงานอยู่ หน้าแผงไฟฟ้าโชว์ไฟครบทุกขั้นตอน เพี่ยงแต่เมื่อเดินไปถึงขั้นที่2น้ำไม่เข้าเครื่องเท่านั้นทำให้เครื่องไม่ทำงาน แล้วคุณบอกว่าแผงเสียได้อย่างไร คุณไม่ลองเอามิเตอร์วัดไฟหาจุดที่เสียดูหน่อยไม่ดีกว่าหรือ ช่างสวนขึ้นมาทันที่ว่าผมบอกว่าแผงเสียก็เสียซิ ผมก็เลยบอกว่าเอาไว้ก่อน ผมกลับมานั้งคิดว่าทำไม่น้ำระบบที่2ไม่เข้า จึงถอดเอาวาวน้ำไปเทียบซื้อที่บ้านหมอราคา 260 บาท เครื่องก็ใช้ได้มาจนถึงทุกวันนี้ ที่เขียนมาเล่าให้ฟังนี้ ผมก็เป็นอีกคนที่อึดอัดใจกับคนที่เรียกตัวเองว่า "ช่าง" ไม่ได้โจมตีใครเช่นกันนะครับ ช่างบ้างคนก็ดีมีเหมือนกัน จากคุณ : ต๋อยยางพารา (ต๋อยยางพารา) - [ 11 มิ.ย. 52 13:25:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อย่างที่คุณ maninbox คห.1 บอก ก็จริงนะครับ ที่ว่า 1. ราคาการซ่อมกับเปลี่ยนของใหม่เผลอๆ เปลี่ยนถูกกว่า 2. เวลาที่ใช้ในการเปลี่ยนกับซ่อม การเปลี่ยนย่อมเร็วกว่า 3. ความซับซ้อนของวงจร เมื่อก่อน แผ่นพรินท์ มันแค่สองเลเยอร์ แต่เดี๊ยวนี้ สี่ เอย หก เอย มันอยากกว่าหลายเท่า แถมเสียเวลาหนักไปอีก ผมเห็นด้วยครับ และไม่ได้โต้แย้งในเรื่องนี้ แต่ที่ผมมองก็คือ เพราะความฉลาดของผู้ผลิต ที่พยายามผลักดันให้เรา เปลี่ยนชุดอุปกรณ์ แทนที่จะหาวิธีซ่อม เพราะเขาจะได้ขายของได้ คนที่ผลิต หรือประเทศผู้ผลิต นอกจากจะเก่งแล้ว ยังได้ความรู้ในการออกแบบ ได้เงินทองจากผลกำไร แต่ประเทศผู้ใช้ เสียเปรียบ ต้องยืมจมูกเขาหายใจไปตลอดชีวิต หากมองในภาพรวม การซ่อม ช่วยลดปริมาณขยะ ลดการใช้ทรัพยากร ลดภาวะโลกร้อน ลดภาระการนำเข้า ลดการเสียดุลการค้า ฯลฯ และอื่นๆ อีกมากมาย แถมยังได้เรียนรู้ และพัฒนาทักษะอีกด้วย ผมคิดแบบนี้นะ คือ ถ้าเรารู้แล้ว เป็นแล้ว เก่งแล้ว จะไปลองใช้วิธีการอื่นๆ เพื่อให้มันเร็วขึ้นก็ไม่ว่ากัน เปลี่ยนไปแล้ว เอาของเก่ามาซ่อม แล้วใช้ใหม่ได้ ขายใหม่ได้ อันนี้ดี แต่ถ้าเปลี่ยนแล้ว ของเก่าก็ทิ้งเป็นขยะ นอกจากไม่ได้เรียนรู้ และพัฒนาแล้ว ยังเพิ่มขยะ เพิ่มมลภาวะ เสียดุล ต้องพึ่งพาแต่อะหลั่ยที่ผู้ผลิตจะทำออกมาขาย เสียเวลาหน่อยที่จะเรียนรู้เพื่อทำการซ่อม น่าจะได้อะไรมากกว่า ฯลฯ อีกร้อยแปดพันอย่าง ประเทศญี่ปุ่น มีการบริหารจัดการเรื่องขยะอิเลคทรอนิคส์ ที่เป็นระบบ และจริงจัง แม้ว่าเขาจะใช้ของ แล้วทิ้ง แต่เขาก็มีระบบการจัดการที่ดี เรารู้ว่าในซิปคอมพิวเตอร์ ลายวงจรจะเป็นทองคำ ญี่ปุ่นมีบริษัทที่หลอมทองคำจากขยะพวกนี้ แต่บ้านเราไม่ใช่ครับ เพราะบ้านเราไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง และไม่มีการพัฒนาคน ให้ไปถึงขั้นนั้น เราเน้นความสะดวกสบาย รวดเร็ว แต่ขาดการเรียนรู้ รัสเซียบอกว่า เขาสามารถที่ลอกเลียน ซิปคอมพิวเตอร์ ได้เหมือนกับของแท้ ในขณะที่อเมริกาปลอบใจตัวเองว่า ถึงแม้รัสเซียจะมีความสามารถในการลอกเลียนแบบ แต่ยังห่างไกลนักในเรื่องของการออกแบบ อเมริกาทุ่มงบประมาณในการคิดค้นและพัฒนา ปากกาที่เขียนได้ในอวกาศ ขณะที่รัสเซียใช้ดินสอ แน่นอนว่า เมื่อเสียงบไปกับการวิจัยและพัฒนา เขาย่อมต้องหาวิธีการคืนทุน ทำยังงัยก็ได้ ให้ผลการวิจัยเหล่านั้นสร้างมูลค่าทางธุรกิจ ดังนั้น ประเทศที่ไม่มีเทคโนโลยีเอง จึงเป็นตลาดใหญ่ของอเมริกา มูลค่าของสิ่งของทุกวันนี้ เป็นภาพลวงตา เพราะเป็นราคาที่คิดโดยดูจากเทคโนโลยี เป็นราคาที่ไม่ยั่งยืน เป็นราคาที่จับต้องไม่ได้ เช่น โทรศัพท์มือถือบางรุ่น แพงกว่าสร้อยคอทองคำ แต่ผ่านไปไม่กี่ปี มือถือรุ่นนั้นแลกก๊วยเตี๋ยวกินยังไม่ได้ แต่ทองคำ..ไม่ใช่ ดังนั้น ถ้าเสียเงินซื้อของที่มีราคาสูงมากๆ ต้องเรียนรู้ที่จะหาประโยชน์จากสิ่งนั้น และใช้ให้คุ้ม เพราะในวันที่เอาไปแลกก๊วยเตี๋ยวกินไม่ได้ เราคงย้อนกลับมาคิด  "กรูซื้อมาได้งัยว๊ะเนี่ย" หุหุ จากคุณ : ลีซานบ้านไกล - [ 11 มิ.ย. 52 14:20:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คือสำหรับช่างประเภทนั้น ก็คงหากิน กับคนแบบเจ้าของกระทู้ไม่ได้ครับ แต่..อย่าลืมครับ มีคนอีกมากมาย หลายสิบล้านที่ไม่มีความสามารถด้านนี้ แม้กระทั่งการลงโปรแกรม ฆ่าไวรัส ลง Windows ก็ยังมีมากมาย ไม่งั้น คนหิ้วเครื่องไปให้ช่างลงโปรแกรมที่ pantip จะมีเยอะแยะเหรอครับ ร้านเหล่านั้น เขาก็ยังอยู่กันได้ ช่างประเภทนั้น ก็คงต้องหากินกับคนหลายสิบล้านที่ยังทำไม่เป็นอยู่   อย่าลืมครับ อย่าลืม คนประเภทแบบเจ้าของกระทู้ เป็นส่วนน้อยในประเทศนี้ครับ ยังมีอีกมากมาย หลายล้านคนที่ยังต้องพึ่งช่างประเภทนั้น เพราะฉะนั้น ป่วยการไปเรียกร้องครับ จากคุณ : เดิมพัน - [ 11 มิ.ย. 52 15:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ร้านเค้าสื่อถูกต้องแล้วค่ะ ซ่อมคอมก็บอกว่าซ่อมคอม แม้วิธีการซ่อมอาจเข้าข่าย "มักง่าย" ไปบ้าง แต่สุดท้ายคอมก็กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ประเด็นที่จขกท เป็นห่วงว่า ขยะจะล้นโลก อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ เพราะร้านซ่อมคอมเค้ารู้ว่าเสียที่เมนบอร์ด ก็เปลี่ยนเอาเมนบอร์ดใหม่ใส่ให้ เมนบอร์ดตัวที่เสีย ถ้าเจ้าของไม่ต้องการคืน เค้าก็ได้กำไรเพิ่มขึ้นโดยเอาไปส่งซ่อมที่ร้านรับซ่อมเมนบอร์ด (ที่จขกทเรียกว่า "ช่างจริงๆ") แล้วเอามาประกอบขายเป็นเครื่องมือสองอีกที ในเมื่อจขกท รู้แล้วว่าเสียที่เมนบอร์ด เข้าร้านรับซ่อมเมนบอร์ดก็จะไม่เกิดปัญหานี้นะคะ จากคุณ : ม่วยถ่าว - [ 11 มิ.ย. 52 15:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอแสดงความคิดเห็นนะครับ อาการแบบนี้ ถ้าไม่ระดับโรงงาน หรือเจ้าของผลิตภัทฑ์ ทำเองไม่ได้ หรอกครับที่จะมาพิจารณาว่าอะไรเสีย เพราะทุกวันนี้ วงจรต่างมันลงไปใน แผงวงจรรวม หรือ IC แต่มันไม่เหมือนแต่ก่อนนะครับที่ไอซีแต่ละตัวมันทำหน้าที่ของมัน แต่ตอนนี้อุปกรณ์พวกนี้ ส่วนใหญ่เป็น FPGA คือ IC ที่มันโปรแกรมได้ ถึงได้ ไอซีเบอร์เดียวกันมา (แต่ส่วนมาเจ้าของจะสั่งผลิต ไม่มีขายตามท้องตลาด) และยังต้องรู้จัก ซีเควนการทำงานของอุปกรณ์ ถ้าไม่จับสัญญาณบัส ไม่มีทางรู้ได้หรอกครับว่ามันผิดปกติจากอะไร อันนี้ เค้าจะวิเคราะห์ในระดับโรงงานไว้แก้ไขในการออกแบบ ครับ ที่เล่ามานี่ จากประสบการณ์ ที่ทำอยู่ในโรงงานผลิต ของพวกนี้ และผม เป็นคน ออกแบบเครื่องมือทดสอบบอร์ด ถ้าจะทดสอบอะไรนี่ บ้างอย่างต้อง ขอไปยังฝ่ายออกแบบ ว่าขอฟักชันสำหรับเทส ภาคนี้โดยเฉพาะ เพราะไม่งั้นจะทำงานยากเพราะบางอย่างเราต้องการจะทดสอบเฉพาะภาคนั้นๆ อย่างเดียว ดังนั้น ถ้าไม่ใช่เจ้าของผลิตภัณฑ์ นี่ยากครับ อย่าง ฮาร์ดดิส นี่ ถ้าซ่อมระดับ บอร์ดเสีย ต้องการข้อมูลจาก HDD นี่ต้องเครื่ิองระดับเดียวกับโรงงาน และห้องสูญกาศ เลยครับ จริงๆ ปัญหานี้ ถ้าเจ้าของผู้ผลิต ฮาร์ดดิสจะใส่ใจ ตั้งแผนกรับเรื่องกู้ ข้อมูลแล้วส่งเข้าโรงงาน นี่จะได้ใจผู้บริโภคมากเลย เพราะโรงงาน ฮาร์ดดิส อยู่บ้านเรา เกือบทุกเจ้าอยู่แล้ว แต่เค้าไม่ทำ ดังนั้นยากส์ ครับจะหาช่างแบบเดิม ที่ช่อมเปลี่ยน R C TR เพราะมันไม่มีให้เปลี่ยน แล้วไงครับ มิเตอร์ อันเดียวจิมๆ นี่ ซ่อมได้แต่ไฟไม่เข้าเท่านั้นละครับ จากคุณ : นักเรียนโข่ง (นักเรียนโข่ง) - [ 11 มิ.ย. 52 16:24:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เอิ๊กๆๆ ล่าสุดพึ่งเจอช่างโง่ ๆ ที่ ฟอจูนชั้น 4 มาครับ เอาโน๊ตบุ๊คไปซ่อม วนไปหลายรอบ รอบแรกบอก HD ก็เปลี่ยน 2200 บาท แต่ไม่หาย ไปรอบสองบอก VGA เสีย เปลี่ยน  chip set คืน HD แต่เสียค่า chipset 2500 เท่ากับว่าเพิ่มเงินไปอีก 300 บาท แต่ไม่หายอาการเดิม สรุป สล็อตแรมเสีย :-)ถอดแรมช่องที่เสียออก  แล้วบอกซ่อมไม่ได้ต้องเปลี่ยน บอร์ด เอ้าแล้ว chipset ที่เมิงเปลี่ยนให้กรุล่ะ เอาวะ ค่าโง่ -*- ถ้าแค่นี้กุก็ซ่อมเองได้ แสรด ฟอจูน ชั้น 4 ร้านที่ติดหน้าร้านว่า รับซ่อมโน๊ตบุ๊ค ด่วน ps. ผมไม่แก้ไขข้อความให้ หากใครเปิดร้านที่ฟอจูน และอยู่ชั้นสี่ แล้วได้รับผลกระทบ ถือว่าปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้องละกัน จากคุณ : BiGTeDDy - [ 11 มิ.ย. 52 16:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จริงๆครับเห้นด้วยกับเจ้าของกระทู้ แถวๆบ้านผม ผมเอาคอมไปซ่อมบอกเขาว่าเข้าวินโดว์ไม่ได้ เขาก็ถามมาว่ามีข้อมูลอะไรสำคัญมั้ยล่ะ ผมก้ งงๆ จะถามทำมั้ยกรูไม่มีคลิ๊บอะไรหรอก ก็บอกเขาว่าไม่มี แล้วก็ไปที่อื่น พอกลับมาอีกที่  ลงวินโดว์ใหม่ให้ผมเฉยเลยทั้งๆที่ไม่ได้บอกก่อนว่าจะลงวินโดว์ใหม่ ซึ่งก็เท่ากับว่าข้อมูลของผมและของพี่สาวหายหมดเกลี้ยง ผมเสียใจมากๆ เพราะข้อมูลของพี่สาวสำคัญมากๆ รีบโทรไปหาพี่สาวทางโทรศัพท์เสียงสั่นว่าข้อมูลหายหมดแล้ว พี่ผมก็โกรธ แต่เขาก็เห็นว่าผมคงไม่ได้ตั้งใจจึงว่ามาบ้างนิดหน่อยเท่านั้น คือผมนึกว่า ช่าง เขาจะสามารถแก้อะไรที่ไม่ใช่การลงวินโดว์ใหม่ไงครับ เพราะลงใหม่มันง่ายกว่า นั่งขี้ อีก จากคุณ : fete - [ 11 มิ.ย. 52 18:45:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เรียน จขกท อย่างที่ คุณ นักเรียนโข่ง พูดไว้นะคับ มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด อย่าว่าแต่ซ่อมเลย แค่อธิบายโปรดักที่สั่งเข้าเผลอเข้ายังไม่รู้ ในหลายเรื่องเลยคับ ส่วนเรื่องที่ว่าได้ know how  นั้นผมเข้าใจ คับ ว่ามันสามารถทำให้เราต่อยอดได้ แต่บ้านเราทำอะไรไป คน บ้านเราเองกลับไม่เชื่อใจ กลับกดราคาหาว่าเป็นของไทยต้องถูก ซึ่งถ้าทำอย่างที่ จขกท พูดแล้ว ลงทุนเท่าไหร่ เวลาเท่าไหร่ จะให้ถูกเท่าของจีนได้อย่างไร ??? ก็กลับมาที่ว่า แล้วคนทำจะกิน อะไร(เหมือนผมในตอนี้ 555+) จากคุณ : maninbox - [ 11 มิ.ย. 52 18:58:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ช่างทาง HARDWARE ไม่เท่าไหร่ ซ่อมทุกอาการ ลง WINDOWS อย่างเดียวเป็นแล้วไม่ถามลูกค้าด้วยต้องสำรองข้อมูลไรก่อนจะ FORMAT อย่างเดียวก้อเยอะ จากคุณ : artchula66 - [ 11 มิ.ย. 52 19:04:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จริงๆมันghostข้อมูลไว้ก่อนลงwindowได้นะ หรือformat ลงwindowไปแล้วก็ยังใช้โปรแกรมrecovery กู้ข้อมูลมาได้นี่ถึงจะกู้ไม่ได้100%แต่ส่วนใหญ่ก็ยังกู้ได้ถ้ายังไม่มีข้อมูลไปทับ จากคุณ : lovewhite - [ 11 มิ.ย. 52 20:03:48 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ธุรกิจ ก็แบบนี้ล่ะครับ คิดอะไรมากมาย หากินกับคำว่า รู้-ไม่รู้ หรือ เสียเวลา-ทำเอง จริงๆ คอมพิวเตอร์ ปัญหามันมีไม่กี่อย่าง แต่บางคนที่ไม่รู้ สำหรับเค้ามันคือเรื่องใหญ่ไกลตัว และค่านิยมของคนไทยคือ อยากสั่ง มีเงินหน่อย อะไรพอทำเองได้ก็ทำไม่ได้แล้ว มีอะไรก็เข้าศูนย์ เข้าร้าน มันแสดงถึงความมีระดับ คอมพิวเตอร์ ประกอบเอง ไม่ซื้อ ไม่มีระดับ ไม่มียี่ห้อ ไม่เอา ต้องซื้อของดัง ของมียี่ห้อ ทั้งๆที่ มันก็ไปซื้อ อุปกรณ์ จากบริษัทอื่นมาประกอบแล้ว ติดย่อห้อตัวเอง แต่เวลาซื้อมา ไม่เคยใช้ให้คุ้มประกันเลย คู่มือไม่เคยอ่าน ประกันก็เอาเปรียบ ของแบบนี้ เกิดตามหลัก อุปสง-อุปทาน ทายว่าจขกท คงไปเจอร้านอะไรที่มันไม่เข้าท่า ก็เลยหัวเสีย แต่เรื่องแบบนี้มันเป็นปกติของสังคมครับ มีทุกส่วนของสังคม ทุกอาชีพ นั่นแหละ จากคุณ : small - [ 12 มิ.ย. 52 00:51:13 A:58.8.112.18 X: TicketID:214759 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอออกความเห็นหน่อยครับ ในฐานะซ่อมคอมอยู่ พาวเวอร์ซัพพลายนะครับ หากเจอว่าเสีย เปลี่ยนครับ 300 กว่าบาท จะไปซ่อมทำไมครับ ขายไป 300 กว่าลูกค้ารอรับกลับเลย ได้กำไรขายของ ของเสียลูกค้าไม่เอากองๆไว้หลังร้าน รอขายของเก่าได้ตังอีกรอบ บอร์ดซ่อมได้ครับ(บางอาการ)ร้านผมรับซ่อมนะแต่ต้องสอบถามก่อน ว่าลูกค้าจะเอาแบบไหน เปลี่ยน 1400 ซ่อม(ถ้าหากได้ 500-600) ส่วนจอนะครับค่าซ่อม 600-700 ซื้อมือสอง 1000-1400 แล้วแต่ลูกค้าเลือก ไม่จำเป็นว่าต้องเปลี่ยนเสมอไป ลูกค้าคือพระเจ้าครับ คุณอาจไปเจอร้านที่ไม่ได้ซ่อมเองจริงๆจังๆ เลยพบประสบการณ์แบบนั้น จากคุณ : นพดล (nopnid) - [ 12 มิ.ย. 52 05:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หรืออย่างฮาร์ดดิสก์ใหม่ ที่อยู่ในระยะประกัน คิดว่าหลายคนคงจะเคยเจอปัญหานี้ นั่นคือ ฮาร์ดดิสก์เสีย เอาไปเคลม เขาจะเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ลูกใหม่ให้เรา แต่...ผมต้องการ "ข้อมูล" ในฮาร์ดดิสก์ลูกเก่าต่างหาก ซึ่งในชีวิตที่ผ่านมา ไม่มีร้านไหนที่ทำได้เลย แต่ผมรู้ว่า ในทางเทคนิคจริงๆ นั้น "ทำได้" แต่ต้องใช้ทักษะขั้นสูงสักหน่อย และผมก็คาดหวังว่า "ช่าง" ที่กล้าประกาศตัวเองว่า "เก่ง" ซ่อมได้ทุกอาการนั้น น่าจะมีทักษะ ที่สูงกว่าผม หรือผู้ใช้ทั่วไป หากมีประกันจะไปยุ่งของคุณทำไมครับ หากทำไม่ได้สินค้าหมดประกันทันทีคุณจะโทษตัวเองหรือช่างครับ ใครจะรับผิดชอบ การกู้ข้อมูลคุณส่งตามศูนย์ใหญ่เค้าจะมีบริการกู้ข้อมูลให้ครับ ต้องทำในโรงงานเท่านั้น จะให้ร้านแกะมากู้ในสภาพแบบโรงงานได้เหรอครับ จากคุณ : นพดล (nopnid) - [ 12 มิ.ย. 52 05:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอขอบคุณ กับทุกๆ ความคิดเห็น ที่ได้ร่วมกันแลกเปลี่ยน ทุกความเห็นล้วนถูกต้องครับ แต่ก็เป็นมุมที่แต่ละคนมอง ที่นำมาเล่าให้อ่าน ก็เพียงแต่ผมเสียความรู้สึก เมื่อไปเจอร้านรับซ่อม ที่ประกาศตัวเองว่า "เก่ง" แก้ไขได้ทุกอาการ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้จริง ทักษะของ "ช่าง" แบบนั้น ผมก็มั่นใจว่า ไม่แตกต่างจากทักษะของผมเท่าไรนัก แต่ที่ผมไม่เปิดร้านรับซ่อม ก็เพราะรู้สึกรับผิดชอบต่อผู้บริโภคมั้ง เพราะผมไม่ได้เก่งขนาดจะเป็น "ช่าง" ในนิยามของผมได้ นั่นเอง จริงๆ แล้วกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภค มีระบุไว้ว่า ห้ามมีข้อความโฆษณาเชิญชวนที่เกินจริง เช่น ดีที่สุด, ทำได้ทุกอย่าง, รับรอง 100% ฯลฯ อะไรประมาณนี้ แต่พักหลังๆ ก็เห็นมีโฆษณาบางอย่างที่ฝ่าฝืน แต่ก็ไม่มีใครทำอะไร คนที่อายุรุ่นๆ ผม คงพอจะจำสโลแกนของเครื่องดื่มแป็ปซี่สมัยก่อนได้ นั่นคือคำว่า "แป็ปซี่..ดีที่สุด" แต่ตอนหลังต้องเปลี่ยนเป็น "แป็ปซี่..ชื่นฉ่ำใจ" ก็เพราะกฏหมายดังกล่าว (รายละเอียดข้อกฏหมาย ผมจำไม่ได้ ใครอยากรู้ไปค้นคว้าเองนะครับ" ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ชั้นนำ หลายยี่ห้อ จะบอกว่า"จากสถิติผู้ใช้กว่า 9x.xx% ให้การยอมรับว่า........" ประมาณนี้ เพราะไม่สามารถใช้คำว่า "ทั้งหมด" หรือ "100%" ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กฏหมายคงลงมาไม่ถึงร้านค้าเล็กๆ ก็เลยมีโฆษณาว่า "ซ่อมได้ทุกอาการ" และทำให้ผมคิดว่า "เขาซ่อมได้จริงๆ" เอาเถอะครับ ไม่เป็นไร เมื่อสภาพสังคมปัจจุบันมันเปลี่ยนไป ค่านิยมมันเปลี่ยนไป เราก็คงหมุนไปตามโลก ผมไม่ได้ขวางโลกนะครับ และเข้าใจในทุกความเห็นข้างต้น เพียงแต่รู้สึกเสียดายว่า เรา (คนไทย) ตกอยู่ในฐานะผู้เสียเปรียบ ยอมรับเอาระบบธุรกิจแบบฉลาดของคนฉลาดมาใช้ อีกห้าปี สิบปี ข้างหน้า จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ วันนี้เครื่องใช้ไฟฟ้า มือถือ ฯลฯ ล้วนมาจากเมืองจีน เขาเปิดประเทศทีหลังบ้านเราอีก แต่เขาศึกษา พัฒนา เรียนรู้ ลอกเลียนแบบ และพัฒนาต่อยอด จนสามารถผลิตสินค้า มาตีตลาดบ้านเราได้ อีกไม่กี่ปี ก็คงจะมีสินค้าจากเวียดนามมาตีตลาดบ้านเรา ผมเชื่อว่า มันจะมีวันนั้นแน่ๆ ในช่วงชีวิตของผมนี่แหละ วันนั้น เราจะยังยิ้มแย้มภูมิใจ หน้าชื่นตาบานได้อีกหรือไม่ ผมไม่รู้ เพียงแต่คิดวันนี้ ผมก็เศร้าใจแล้วครับ ขอบคุณที่เข้ามาฟัง คนแก่บ่น หุหุ จากคุณ : ลีซานบ้านไกล - [ 12 มิ.ย. 52 10:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 17 โลกเปลี่ยนไปมากครับ จขกท โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุปกรณ์คอม เดี๋ยวมันสลับซับซ้อนกว่าแต่ก่อนมากนะครับ ขนาดพี่ชายผมเป็นช่างซ่อมคอมแท้ๆยังไม่อยากจะซ่อมระดับฮาร์ดแวร์ให้เลย เพราะซื้อใหม่ถูกกว่าซ่อมอย่างว่า (เพราะการซ่อมต้องบวกอะไรหลายๆอย่างเข้าไป ไม่งั้นมันไม่ไม่คุ้มที่จะทำ ดังนั้น การซื้อเปลี่ยนใหม่จึงแฮบปี้กว่าทั้งช่างและคนเอามาซ่อม) ยกเว้นว่า คอมของคุณเป็นสมัยพระเจ้าเหาที่หาอุปกรณ์ใหม่ไม่ได้แล้ว อันนี้จะซ่อมให้ บวกแพงหน่อยเพราะเสียเวลาและต้นทุนอื่นๆในร้านอย่างว่า อันที่จริงนะครับ พวกบริษัททำอุปกรณ์คอมเขาก็ผลิตอะไรที่มัน "ง่าย" ต่อผู้ใช้ทั่วๆไปมากกว่าสมัยก่อนเยอะนะครับ เพราะเดี๋ยวนี้คุณแค่ซื้อหนังประกอบคอมมาอ่านซักเล่ม คุณก็สามารถ DIY ได้เลย บริษัทเขาออกแบบอุปกรณ์มาให้ใช้ง่ายๆแล้วล่ะครับ ไม่ยากเย็นอะไร เอาแค่การโอเวอร์คล๊อกก็ได้ครับ สมัยก่อนโน้น คนจะเอามาคล๊อกต้องมีความรู้พอสมควร แต่สมัยนี้แค่มีตังซื้อเมนบอร์ดดีๆซักอัน ไม่แพงมาก ก็สามารถลากซีพียูหรือการ์ดจอได้แล้ว ไม่ยุ่งยาก เข้า Bios ทีเดียวจบ (แต่ก่อนต้องมา แงะ แกะ ตัวซีพียูกันวุ่นวาย) นี่แหละครับ ทำไมจึงเป็นที่มาของ "การเปิดร้านคอมอย่างง่ายๆ" ของคนบางคนที่เขาพอรู้เรื่องบ้าง เพราะ... หนึ่ง... ไม่ยากในการทำความเข้าใจอุปกรณ์ต่างๆ สอง... มีช่องว่าง คือ คนทั่วๆไปที่ใช้คอมอย่างเดียว ซ่อมไม่เป็น ก็จะยกมาร้าน ซ่อมครับ พวกนี้มีเยอะอย่างน่าตกใจนะ จะบอกให้ สาม...สืบเนื่องจากข้อสอง คือ อุปกรณ์เดี๋ยวนี้ราคาถูกเป็นอันมาก ทำให้คนเข้าถึงคอมได้มากกว่าสมับก่อนๆมากมาย ดังนั้น ลูกค้าจึงเยอะเป็นเงาตามตัว สี่...เปิดร้านง่าย ทุนไม่เยอะ บวกกับความรู้นิดหน่อยก็ทำได้ แต่สิ่งที่จะทำให้อยู่รอดในระยะยาวก็คือ ความซื่อสัตย์ ความขยัน การมองการไกลอย่างใช้ปัญญาและความ อดทน ครับ จากคุณ : นายอึเหม็น - [ 12 มิ.ย. 52 11:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 18 test จากคุณ : okb - [ 12 มิ.ย. 52 13:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 19 1. อาการ Power Supply เสีย (ไม่จ่ายไฟ, ไฟไม่เข้า, ฯลฯ) ถ้าเป็นช่างสมัยก่อน ก็จะเอา Power Supply มาตรวจเช็คหาจุดที่เสียใน Power Supply แล้วทำการซ่อม-เปลี่ยนอุปกรณ์ ในจุดที่เสีย แต่ช่างสมัยนี้ จะเปลี่ยน Power Supply ตัวใหม่ให้เลย 2. อาการที่แสดงว่า Main Board มีปัญหา ช่างสมัยก่อน จะตรวจดูอุปกรณ์บนเมนบอร์ดนั้น ตัว R ตัวไหนไหม้บ้าง, ตัว C ตัวไหนบวมบ้าง ฯลฯ อะไรเหล่านี้ แล้วก็บัดกรีเปลี่ยนอุปกรณ์ แต่ช่างสมัยนี้จะเปลี่ยนเมนบอร์ดยกแผง 3. อาการอื่นๆ เช่น การ์ดจอเสีย ซาวด์การ์ดเสีย การ์ดโมเด็มเสีย ฯลฯ อาการที่เกิดกับการ์ดเหล่านี้ แน่นอนว่า ช่างสมัยนี้ย่อมเปลี่ยนการ์ดใหม่ทันที (ประมาณว่า เอาของใหม่มาลองเสียบดู ถ้าอาการหาย ก็สรุปว่าเป็นที่การ์ด เปลี่ยนใหม่ ก็จบ) ขอตอบมั่ง ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ผมเรียนปวส.อิเล็กฯ อยู่นะครับ พอมีความรู้อยู่บ้าง 1. ค่าซ่อมใกล้เคียงของใหม่ โลกทุนนิยมอยู่แล้ว ของทำมาเยอะราคาถูกครับ ซื้อใหม่ดีกว่า 2. สมัยนี้ลายทองแดงไม่ได้มี แค่ 2ด้าน ด้านหน้ากับหลังนะครับ มีมากกว่า 2 layer แน่นอน บัคกรีถอดออกเปลี่ยนใหม่ อาจจะใช้ไม่ได้แล้ว... 3. เทคโนโลยีมันไปเร็วมากครับ ถ้าของคุณยังไม่ถึง3 ปี ก็ยังมีประกันให้เคลมเอาของใหม่ ถ้าเลยไปแล้ว ซื้อมา 1450.-  3 ปีต่อมา รุ่นใหม่กว่า แรงกว่า ดีกว่า 950.- ค่าซ่อม 300-400.- ผมยอมซื้อใหม่ครับ (ตัวต้านทาน R มันเล็กมากกก ผมยังนึกไม่ออกเลยจะเอา หัวแร้งจี้ออกยังไง) ป.ล. แต่เรื่องของ software ร้านพวกนี้ มักง่าย ชอบ format ลงใหม่กันจริงๆ ใช้แผ่นวินโดว์โม ไม่ต้องหา driver แต่ยังไง แผ่นไม่โมหา driver เอง ดีกว่าแผ่นโมหลายเท่าตัวครับ มองเรื่อง การลงโปรแกรมของร้านดีกว่าสมัยนี้ notebook บางตัวลงเสร็จ บูตได้ โปรแกรมผ่าน มันก็ปล่อยให้ลูกค้าแล้ว ลองดูเถอะ driver ลงครบเปล่า จากคุณ : Silent key - [ 14 มิ.ย. 52 04:01:54 ]