ความคิดเห็นที่ 1 พอตัดสินใจได้ว่าการเป็นผู้แทนยาคงเหมาะสมกับตัวเองที่สุดก็ลงมือสมัครงาน ตอนนั้นจำได้ว่ามีหนังสือชื่อ Tims ซึ่งปัจจุบันชื่อ Mims ซึ่งเป็นหนังสือเกี่ยวกับข้อมูลยา และด้านหลังหนังสือจะมี Index ซึ่งบอกชื่อบริษัทยาต่างๆจำนวนมาก พอได้เบอร์มาผมก็ไม่รีรอ โทรไปตามบริษัทต่างๆประมาณ 10 บริษัท แต่เดินเข้าไปหย่อนใบสมัครเพียง 3 แห่ง ซึ่งก็เลือกเฉพาะบริษัทที่อยู่ใน Top Twenty เพราะ ในขณะนั้นผมคิดว่า บริษัทใหญ่ๆ คงจะมียาที่ดีมีคุณภาพและงบการตลาดมาก ( เน้นอย่างหลัง ) พอให้ผมสามารถเรียนรู้และทำงานได้เต็มที่ จากนั้นไม่นานผมก็ได้ก้าวเข้าสู้ชีวิตการเป็นผู้แทนยาอย่างสมบูรณ์แบบ กับบริษัท Sandoz ( ปัจจุบันคือ บริษัท Novartis ) ซึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งจริงๆแล้วจะเป็นที่รู้กันในยุคนั้นว่า ในเขตกรุงเทพจะเป็นผู้หญิงทำมากกว่าผู้ชาย แต่ผมมารู้ตอนหลังว่าเขตที่ผมอยู่นั้นเภสัชกรในเขตนั้นเป็นสาวโสดแยอะ เขาเลยเลือกผู้ชายมาทำงานจะได้เข้ากันได้ง่ายขึ้น ( หนุ่มๆโสดหันควักกันเลยนะ ) จริงๆแล้วผมอยากทำในต่างจังหวัดมากกว่า ซึ่งแน่นอนคงไม่ใช่ผมคิดคนเดียวที่อยากไปอยู่ในเขตต่างจังหวัด โดยเฉพาะเขตภาคเหนือและภาคตะวันออก เพราะเป็นโซนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวแยอะ และที่สำคัญ เขตต่างจังหวัดยังได้เงินเดือนมากกว่าในเขตกรุงเทพ เพราะ มีค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าโรงแรม และค่าอาหาร แต่ในเมือเลือกไม่ได้ ผมคิดในใจที่ไหนผมก็ทำได้ทั้งนั้น แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 16:11:50 จากคุณ : Khun U - [ 20 มิ.ย. 52 16:10:03 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ความรู้อย่างหนึ่งที่ผมได้จากการเข้าไปเรียนรู้งานครั้งแรกนั้น ทำให้ผมรู้ว่า การแบ่งเขตของกรุงเทพฯ ของผู้แทนยา นั้น แบ่งตามโรงพยาบาลหลักๆ เช่น * เขตจุฬา ก็จะเป็นโรงพยาบาลจุฬาและโรงพยาบาลรอบๆ * เขตรามา ก็จะมีโรงพยาบาลรามาและโรงพยาบาลที่อยู่รอบๆนั้น แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ บุคลิกของผู้แทนยาแต่ละเขตในสมัยนั้น ก็จะต่างกันอย่างเห็นได้ชัดมากๆ เช่น ถ้าเป็นเขตพระมงกุฏก็จะหาคนที่หน้าตาสวย เพราะ เป็นเขตทหารเรียกว่าเอาหน้าตาเข้าช่วยไปในตัว หรือ ถ้าเป็นเขตศิริราช ก็จะต้องเป็นคนที่เรียกว่า เก่งวิชาการพอตัว ส่วนเขตจุฬานั้นต้องเก่งวิชาการและงานสังคมไปในตัว จะด้วยความบังเอิญหรือความตั้งใจทำงานที่ผมคิดมาตลอดว่าเวลาทำอะไรแล้วต้องเต็มที่ ทำให้ผมใช้เวลาเพียง 1 ปีก็มีผลงานจนได้เลื่อนขั้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญพัฒนาธุรกิจหรือ Business Develop Specialist   มีหน้าที่ในการนำเสนอยาใหม่ๆ ต้องคอยบุกเบิกตลาด เจาะโรงพยาบาลใหม่ ๆ   เป็นอันรู้กันในวงการว่า  การที่จะทำยอดขายขึ้นนั้นยังง่ายกว่าการนำเสนอยาเข้าโรงพยาบาล   เพราะเป็นงานที่มีขั้นตอนยุ่งยากไม่ใช่เล่น เนื่องจากเกือบทุกโรงพยาบาลจะจำกัดจำนวนยาที่มีอยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งก็เป็นหลักปฏิบัติทั่วไปอยู่แล้ว เหมือนเราจะซื้อสินค้าใดก็ตาม เราคงไม่สามารถซื้อทุกยี่ห้อที่มีอยู่ เราคงจะเลือกแค่ยี่ห้อที่คิดว่าคุณภาพและราคาเหมาะสมกับความต้องการของเรา มากที่สุด   ดังนั้นกว่าจะคุยให้แพทย์และเภสัขกรเห็นความแตกต่าง เห็นความจำเป็นที่ต้องมียานั้นๆในโรงพยาบาล ซึ่งต้องผ่านความเห็นชอบหลายหน่วยงานแล้ว ยังต้องมานั่งต่อรองราคาด้วย กว่าจะลงเอยได้ก็ใช้เวลา 3เดือนถึง 1 ปีทีเดียว...... ตอนนั้นหน้าที่นำยาเข้าของผมคือยาด้านการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เรียกว่าเป็นอะไรที่เฉพาะทางมาก ๆ ต้องหาแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้  ผมใช้เวลากับหน้าที่นี้ประมาณ 1 ปีเต็ม เวลาก็ได้ผ่านพ้นไป ขณะนั้น ผมทำงานได้ประมาณ 3 ปี แต่แล้วก็โชคช่วยตามเดิม พี่ที่เป็นหัวหน้าาที่ Sandoz ซึ่งย้ายไปอยู่บริษัท Astra ในตำแหน่ง Business Unit Manager ได้โทรบอกว่ามีงานตำแหน่ง ผู้จัดการผลิตภัณฑ์  หรือ  Product Manager  ของบริษัท Astra ว่าง เลยได้ลองเขียน Resume และ Application letter  ส่งไป ซึ่งผมจะกล่าวถึงความสำคัญของการเขียน Resume อีกทีเพราะถือเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นประตูแรกที่เขาจะเลือกหรือเขี่ยเราทิ้งก่อนจะได้เจอกัน ( ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากแล้วจะมาเล่าให้ฟังคราวหน้า ติดไว้ก่อน ใครอยากรู้ทวงด้วยนะครับ ) เมื่อ จดหมายสมัครงานของผมเข้าตากรรมการ ด่านต่อไปที่ถือว่าหินสำหรับผมคือการสัมภาษณ์นั่นเอง ที่สำคัญที่นี่ไม่ได้สัมภาษณ์แค่ชั้นเดียวเหมือนที่อื่น แต่มีการสัมภาษณ์ถึงระดับพ่อแล้วไปปู่ทีเดียว ซึ่งก็คือหัวหน้าของหัวหน้าของหัวหน้าอีกทีนั่นเอง ผมต้องบอกว่าตำแหน่งนี้กว่าผมจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องผ่านการแข่งกับคนอื่น ๆ ทั้งคนในและคนนอกบริษัทพอสมควร   ประกอบกับผมเพิ่งอายุ 25 ปี ประสบการณ์ก็ยังไม่มากมายอะไรถ้าเทียบกับคนอื่น ๆ   แต่สิ่งที่ผมประทับใจและเก็บมาไว้ถ่ายทอดให้กับน้อง ๆ ผมคือ คำพูดของหัวหน้าใน วันนั้นว่า ประสบการณ์ไม่ได้สำคัญไปกว่าความสามารถ คนที่มีความสามารถแม้จะมีประสบการณ์น้อยก็สามารถที่จะวิ่งทันคนมีประสบการณ์มากได้ นี่คงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมได้โอกาสนี้มา . .. ... กลับมาอัพต่อให้แล้วครับ แหะๆ  เดี๊ยวมีต่อ ภาค 2 ครับกำลังจัดหน้า แก้ไขเมื่อ 21 มิ.ย. 52 00:00:18 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 23:35:37 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 22:02:43 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 22:01:51 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 21:59:05 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 21:58:31 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 21:53:46 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 21:05:42 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 16:16:56 จากคุณ : Khun U - [ 20 มิ.ย. 52 16:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Wow... เป็นอาชีพที่น่าสนใจมากๆเลยค่ะ จากคุณ : Jet@Japan - [ 20 มิ.ย. 52 17:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 4 มารออ่าน จากคุณ : Phmatzue - [ 20 มิ.ย. 52 17:24:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ได้เรียเภสัช เป็นได้มั๊ยคะ จากคุณ : Shindo_Zen - [ 20 มิ.ย. 52 18:04:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อย่าลืมมาเขียนต่อนะคะ แหะๆ อยากรู้อีก ๆ ^^" จากคุณ : ยำผักกูด - [ 20 มิ.ย. 52 20:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 งะ อารมณ์ค้างเลย จากคุณ : GoSaI - [ 20 มิ.ย. 52 20:32:02 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมก็เคยพลาดไปทำเหมือนกัน... เอาเรื่องผมมาแทรกก่อนละกัน ผมจบโท เคมี อยากเป็น Detail เหมือนกัน หลังจากนั้น ไปสมัครบริษัทหนึ่ง เป็นการไปสัมภาษณ์ครั้งแรกที่จบมา ปรากฏว่า...ได้ แต่เงินเดือน 9000 ค่ารถ 5000 ด้วยความที่ไม่รู้ว่า คอมเท่าไหร หรือเงินดียังไง แต่รู้สึกว่า เงินเดือนน้อย ก็เลย ไม่ทำ บอกปัดไปซะ หลังจากนั้นไม่นาน หามาหลายที่ ด้วยความที่ยังอยากเป็นอยู่ ก็ได้ไปทำบริษัทยา ที่หนึ่ง เชื่อไหมครับ ผมไปรอหมอครั้งแรก รอนานถึง 5 ชม ได้คุย 3 นาที หลังจากนั้น ก็ทำมาตลอด 7 เดือน ไม่ไหวครับ เงินดีจริง แต่ไม่รู้สึกถึง    คุณค่าคำว่า จบโท มาเลย ไปรอหมอ หลังจากเจอ ก็คุยได้แค่้ไม่กี่นาที พอได้ไปกินข้าว ก็คุยเรื่องอืน ไม่ได้คุยเรื่องข้อมูลไรเลย ตลอดเวลาที่รอ ถามตัวเองว่า เรามาทำอะไรที่นี่ แล้วนี่ตูจบโทมาทำไมเนี้ย.... ทำได้ 7 เดือน ก็เลยตัดสินใจลาออก ทุกวันนี้เป็นเซลเหมือนกัน แต่ก็ยังได้ใช้ความรู้อยู่ มีความสุขคับ เงินอาจจะน้อยหน่อย ก็ OK จากคุณ : crccsgt - [ 20 มิ.ย. 52 20:55:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เหอ เหอ มาตั้งใจฟัง พี่ขา มาต่อเร็วๆ นะ จากคุณ : ปากหนัก - [ 20 มิ.ย. 52 21:03:57 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มีเพื่อนๆที่เป็นตัวแทนยา พอจะรู้มาว่ารายได้ดีมาก งบ entertain หมอก็มาก งานที่เพื่อนทำ เหมือนทั้งมีสาระและไร้สาระ รับส่งหมอ ลูหหมอ จองตั๋วหนังตั๋วคอนเสิร์ต พาหมอกินข้าว ซื้อขนมนมเนย ชากาแฟ ของกิมมิคสารพัดสารพันให้หมอ หมอ(บางกลุ่ม) ก็อาจจะชิน คิดว่าเป็นหน้าที่ที่บริษัท ของตัวแทนยา ต้องคอย support เรื่องเหล่านี้ ผู้แทนก็ชิน เพราะมันเหมือนเป็นวัฒนธรรมของวงการไปแล้ว กับงานเทคแคร์หมอรวมถึงคนรอบข้างหมอ บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า ต้นทุนของยา (ที่ไม่เกี่ยวกับต้นทุนการผลิต บด อัดเม็ดยา) ระหว่างต้นทุนการวิจัย กับต้นทุนการดูแลหมอจนกว่าจะสั่งยาเข้า รพ. อันไหนมันจะมากกว่ากัน ที่พูดมา ก็ไม่ได้คิดว่าจะโทษหมอ หรือโทษผู้แทนหรอกค่ะ (อ้าว แล้วพูดไมเนี่ยชั้น - -") เพียงแต่อดคิดลมๆแล้งๆแบบในอุดมคติไม่ได้ว่า ถ้าหมอปฏิเสธของกิมมิค ปฏิเสธขนมไฮโซ อาหารกลางวันโรงแรมหรู ให้เมียหมอไปรับลูกเองแทนที่จะเป็นผู้แทนยา ซื้อตั๋วหนังเอง ต้นทุนพวกนี้ของบริษัทยาทั้ง local, original made ทั้งหลาย คงลดลงเยอะ แล้วบริษัทฯ จะลดค่ายาให้เราไม๊น้ออ ก็บอกแล้ว แค่ความฝัน ป้าก็บ่นไปเรื่อยตามประสาคนแก่ จากคุณ : ... (thekay) - [ 20 มิ.ย. 52 21:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ้าว  วงการที่ผมเคยอยู่  ก็เป็นเหมือนกันครับ ว่ากันว่า ถ้าลูกค้าอยากกินพิซซ่า ไม่ต้องโทรหาพิซซ่าฮัท หรือ เดอะ พิซซ่า ให้โทรหาเซลส์   เดี๋ยวจัดให้ จากคุณ : drof - [ 20 มิ.ย. 52 23:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จขกท โตไวมากค่ะ แล้วตอนนี้ทำไรที่ไหนอะค่ะ เผื่อเป็นคนใกล้ตัว จากคุณ : YaIRkA - [ 21 มิ.ย. 52 00:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 บทความดีครับ รอตอนต่อไปฮะ ^^ ปล.เห็นประวัติใน blog เจ้าของกระทู้แล้วใช่เล่นนะนั้น เหอๆ จากคุณ : TnT4 - [ 21 มิ.ย. 52 11:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถือว่าเป็นอาชีพยอดฮิตในฝันของคนรุ่นใหม่ในสมัยนี้เพราะ เงินดีมาก แต่ก็ทำงานหนักมากเช่นเดียวกัน Insentive ทีกระจาย ยิ่งถ้าช่วงไหนได้ 120% โฮะๆๆๆ หมอคือพระเจ้าสำหรับเรา ตั้งแต่เลี้ยงข้าวยันไปรับ-ส่งลูกหมอ จากคุณ : พีพีจอมซ่า - [ 21 มิ.ย. 52 12:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมก็พอทราบชีวิตของพวกดีเทลขายยาพอสมควร ก็เหมือนกับเซลต่างๆที่ต้องมีกลยุทธการขายและบริการลูกค้าอย่างสุดๆ วงการยาเองก้มีทั้งด้านมืดและสว่าง รอมาฟังคับ จากคุณ : kennyG - [ 21 มิ.ย. 52 13:43:46 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อ๋อ.... ถึงว่า เจ้าเพื่อนผมที่จบหมอพระมงกุฏ เทียวควงดีเทล สาวๆสวยๆ เปลี่ยนหน้าปลี่ยนตา มากินข้าวด้วยกันบ่อยๆ ก็เพราะแบบนี้เอง........ ต้องบอกน้องๆหนุมๆทั้งหลายไว้ว่า... เป็นหมออย่างเดียวไม่ได้... จะให้เจ๋งต้องเป็นหมอทหารด้วย.. 55 เขียนเนื้อเรื่องชวนติดตามครับ มาต่อนะครับ จากคุณ : MESMERIC - [ 21 มิ.ย. 52 18:59:49 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 21 มิ.ย. 52 23:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ต่อยังค่ะ.......:) จากคุณ : jingjingleaw - [ 27 มิ.ย. 52 13:03:27 ]