ความคิดเห็นที่ 1 1. ก็น่าจะใช่นะคะ ถ้าเค้กหน้าตาเหมือนกันสูตรเดียวกันก็น่าจะขายราคาส่งเดียวกัน 2. ถ้าใช้เตาอบตัวเดียว ที่ตีแป้งตัวเดียว ผลิตมากขึ้น นานวันต้นทุนคงที่ก็จะลดลง ส่วนต้นทุนแปรได้ พวกวัตถุดิบ ถ้าสั่งครั้งละมากขึ้นแล้วได้ส่วนลด ต้นทุนต่อหน่วยก็จะลดลง แต่เค้ก ถ้าอร่อยก็ไม่จำเป็นต้องขายถูกมากเพราะเราจะบวกค่าความพอใจได้ 3.คิดว่ายืนราคาเดิมเท่ากันทุกร้านน่าจะดี(ถ้าเค้กของคุณอร่อยจริงๆนะคะ) ร้านใกล้กันค่าขนส่งก็คงไม่ต่างกัน แต่เสนอเงื่อนไขร้านไหนสั่งมากหรือซื้อขาดก็ให้ส่วนลด ยกเว้นคุณจะเปลี่ยนรูปแบบหรือหน้าตาของเค้กนะคะ ว่าแต่ว่า... คงไม่ใช่แครอทเค้กนะคะ คือเราชอบที่สุดเลย จากคุณ : ศนิ xxx - [ 24 มิ.ย. 52 15:22:29 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่เคยขายเค้ก  แต่ก็ขอแสดงความเห็นด้วยละกันนะคะ ๑. เราส่งสินค้าของเราให้แต่ละที่ในราคาที่ไม่เท่ากันไม่ใช่เรื่องแปลก  เพราะถึงเราจะส่งเขาในราคาที่สูงกว่าอีกเจ้าแต่เขาก็ปรับราคาขายปลีกด้วยเช่นกัน  ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากรักษาระดับกำไรและราคาขายปลีกไว้ที่ชิ้นละเท่าไร     ๒. งืม ๆ เราว่าต้องมองอนาคตของสินค้าเราไว้ว่าเราอยากให้สินค้าเราเติบโตไปแบบไหน และเราขายสินค้าให้กับใคร (ใครคือลูกค้า)  ถ้าสินค้าของเราเป็นสินค้าพิถีพิถัน ปราณีต เราว่าควรมีมาตรฐานเรื่องราคาไว้เผื่ออนาคตสินค้าเราจะเป็นแบรนด์กับตัวเราเอง  ไม่ตอ้งไปรีบร้อนขายถูก  ขายให้สมราคาก็พอแล้ว ๓. หรือจะตัดเค้กเท่าเดิมแต่ลดความสูง(หรือความหนา?)ลง   ไม่เคยทำเค้กเลยคะ  แหะๆ กินเป็นอย่างเดียว อิ อิ  ถ้าตัดเล็กเกินนี่มันก็เสียมาตรฐานสินค้าของเราเองด้วยหรือเปล่า  งืม ๆ  เพราะดูเหมือนว่าร้านที่สี่นี่เขาจะมีลูกค้าเยอะด้วย  เป็นเราก็ต้องอยากขายให้เขามั่งอ่ะน้า.. แหม...ร้านที่สองกับสามเนี่ย หินจริงๆเลย ขายไม่ได้มากสักเท่าไร(สองร้านรวมกันเท่าร้านแรกใช่อ่ะป่าว)แต่ต่อราคาซะโหดจริงๆ จากคุณ : ไหมพรมสีชมพู - [ 24 มิ.ย. 52 15:34:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณ คุณศนิ นะคะสำหรับคำตอบ ขอถามต่อนะคะ สำหรับข้อ 1..... ถ้าให้ราคาเดียวกัน แต่ถ้าร้านแรกขายดีอยู่แล้ว (แถมขายแยอะด้วย) เราไปลดราคา จะไม่เป็นการตัดกำไรของเราไปหรอค่ะ(กำไรจาก $1.5 เหลือแค่ $1 ต่อชิ้น เท่านั้นนะคะ)........ (แต่ถ้าไม่ลด ก็กลัวว่าถ้าเขามารู้ทีหลัง เขาจะไม่พอใจอีก)...... เรื่องให้ส่วนลดในการซื้อขาด น่าสนใจมากค่ะ...... เดี๋ยวลองเอาไปพิจรณาดูอีกทีนะคะ....... ส่วนเรื่องเค้กที่ขาย มีเค้กแครอทด้วยค่ะ..... ไม่อยากจะโม้ว่าสูตรของดิฉันอร่อยด้วย ฝรั่งกินแล้วทำตาโตกันทุกคนเลยค่ะ....... จากคุณ : antzBZ - [ 24 มิ.ย. 52 15:39:49 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณไหมพรมสีชมพู....... ร้านสองกับสาม ต่อราคาโหดจริงๆค่ะ แต่ที่ดิฉันให้ไปเพราะอยากได้ลูกค้า และถือว่าใกล้บ้าน เดินทางสะดวก ดิฉันก็ได้กำไรนิดๆหน่อยๆก็เลยไม่ว่ากัน ร้านที่สี่ลูกค้าเยอะค่ะ แต่ว่าลูกค้าเป็นกลุ่มคนที่รายได้ปานกลาง-น้อย เพราะเขาขายอาหารราคาถูก ปริมาณเยอะ....... ก็เลยขายดีน่ะค่ะ........ (อาหารถูก แต่จะมาขายเค้กเราแพง Y_Y) สำหรับอนาคตของสินค้าตัวนี้หรอค่ะ....... ดิฉันตั้งใจว่าจะทำแบรนด์ของตัวเอง ขายเค้กสำหรับคนรายได้ปานกลาง-สูงน่ะค่ะ...... อยากทำเป็นเหมือนไอติม I-berry นะคะ ที่เริ่มต้นจากอุตสาหกรรมในครัวเรือนก่อน แล้วอนาคตก็เปิดร้านขึ้นมาน่ะค่ะ (แต่ติดที่ว่า ดิฉันทุนต๊อกต๋อยน่ะสิค่ะ) จากคุณ : antzBZ - [ 24 มิ.ย. 52 15:52:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมคิดว่าราคาควรจะเป็นมาตรฐานนะครับ ถ้าอยากจะสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองในอนาคต เดี๋ยวสาขาแรกๆมารู้ทีหลังว่าคุณส่งให้เขาแพงกว่า ก็ไม่รู้จะไปตอบเขาว่าอย่างไร พอเขาเสียความรู้สึก แล้วอาจจะไม่ซื้อของเราน่ะครับ จากคุณ : เทพ - [ 24 มิ.ย. 52 15:58:41 A:125.25.104.16 X: TicketID:151433 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนี้ตีสองแล้ว นอนไม่ค่อยหลับเลย..... นั่งกลุ้มอยู่ว่าจะให้คำตอบร้านที่สี่ยังไงดี...... (พึ่งไปเสนอเค้กมาเมื่อตอนเย็นน่ะค่ะ) ทำการค้าขายเนี่ย เหนื่อยนะคะ..... ไม่ใช่ว่าเหนื่อยแรงที่ทำนะคะ ถ้ามีลูกค้าสั่งเนี่ย ทำออเดอร์ได้ทั้งคืนเลยค่ะ...... แต่เหนื่อยใจที่ต้องมานั่งลุ้น ว่าลูกค้าจะสั่งของรึเปล่า...... เหนื่อยที่ต้องมานั่งคิดว่าธุรกิจจะไปได้ดีไหมนี่....... เหนื่อยแบบนี้สะสมค่ะ เพราะจะนอนก็นอนไม่หลับ จะกินก็กินไม่ลง...... นักธุรกิจเป็นอย่างนี้กันทุกคนรึเปล่าคะนี่ หรือว่าเราจับจดเกินไปค่ะ..... Y_Y จากคุณ : antzBZ - [ 24 มิ.ย. 52 15:59:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณเทพ..... นั่นล่ะค่ะที่ดิฉันกลัว..... กลัวเสียความรู้สึกเนี่ยล่ะค่ะ..... (แต่เพราะความงก ก็เลยต้องมานั่งสองจิตสองใจอย่างนี้) แต่มีเพื่อนของดิฉันให้ความเห็นว่า ทีเบียร์ตามผับที่ทองหล่อกับเบียร์ที่ข้าวสาร ยังราคาไม่เท่ากันเลย..... เพราะฉนั้น ขายเค้กราคาไม่เท่ากัน ก็ไม่ผิดตรงไหน...... ดิฉันว่า......ที่เพื่อนดิฉันพูดก็มีเหตุผล....... แต่ดิฉันก็ลืมถามมันกลับว่า แล้วทั้งสองร้านไปซื้อเบียร์จากแม็คโครเหมือนกันรึเปล่าเนี่ย....... แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 52 16:11:56 แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 52 16:07:14 จากคุณ : antzBZ - [ 24 มิ.ย. 52 16:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 #7 กรณี Pub ทองหล่อ กับถนนข้าวสารขายเบียร์ ราคาไม่เท่ากัน มันคนละประเด็นกับการขายเค้กของคุณ antzBZ น่ะครับ ยกตัวอย่าง ร้านที่เมืองนอกเขาซื้อเค้กคุณไปขาย ร้าน A เขาเอาไปขายชิ้นละ 10 us (ทองหล่อ) ร้าน B เอาไปขายชิ้นละ 5 US (ถนนข้าวสาร) ยังไงคุณก็ต้องส่งให้ทั้ง2ร้านนี้ราคาเท่ากันครับ(เจ้าของเบียร์) นอกเสียจากว่า เค้กที่คุณส่งให้ทั้ง2ร้าน คุณภาพไม่เหมือนกัน ผมเชื่อว่า ผับที่ทองหล่อ เขาก็ซื้อเบียร์มาในราคาเดียวกับที่ร้านถนนข้าวสารซื้อนั่นแหละครับ แต่เขามีต้นทุนของการให้บริการที่ดีกว่า จึงต้องนำมาบวกในสินค้าด้วย ถ้าผมเข้าใจผิดก็ขออภัยด้วยครับ จากคุณ : เทพ - [ 24 มิ.ย. 52 17:32:54 A:125.25.104.16 X: TicketID:151433 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เคยเหมือนกันค่ะ  แต่จากประสบการณ์ที่ขายส่งสินค้ามา เราให้ราคาเดียวกันหมด  แล้วผู้ที่รับจากเราจะไปทำตลาดขายแพง หรือ ขายถูกกว่าก้อแล้วแต่ฝีมือการขายของแต่ะรายค่ะ แต่เป็นธรรมชาติที่ ลูกค้าจะต้องต่อรองราคากับเรา  แถมต่อแบบมากๆๆด้วย แต่เราก้อยืนยันราคาที่ตั้งไว้ค่ะ   ยกเว้นจะลดให้แนวของแถมแทนค่ะ  เพื่อไม่ให้เสียราคาที่ตั้งค่ะ จากคุณ : เอมี่ (Wai-ta-min) - [ 24 มิ.ย. 52 20:36:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มาให้กำลังใจอีกรอบ  เริ่มต้นธุรกิจก็เป็นแบบนี้(ทั้งนั้น)มั้งคะ -*-  เดิมพันเราสูงนินา.... การให้ส่วนลดถ้าซื้อขาดก็น่าสนนะคะ แต่การลดราคามากไปก็ทำให้เสียราคาตั้งแต่แรกเริ่มธุรกิจเลย ซึ่งไม่ดีเท่าไร(ในความคิดเรา) สินค้าถ้าลดราคาแล้วการมาขอเพิ่มราคาในภายหลังจะยากกว่ามากมาย   คือ ร้านที่สี่เนี่ย จะขอเค้กชิ้นเล็กลงเพื่อให้ส่งได้ถูกลงและเขาจะขายราคาต่ำลงนิดนึง  แต่เมื่อเทียบตามสัดส่วนแล้วมันก็คือแพงอ่ะแหล่ะใช่ไหม   อย่างนี้แบ่งเค้กเป็น 2 ขนาดเลยได้ไหมเนี่ย  ขนาดธรรมดาส่งราคา 2.5 - 3 $ แล้วก็ขนาดเล็กส่ง 1.5 - 2 $ คือ เล็กไปเลย  แล้วให้เขาขาย 3.5 $ หรือถ้าเขาเก่งมากหรือร้านเขาสามารถเสนอขายให้ลูกค้าในราคาแพงกว่านั้นได้ก็แล้วแต่เขา  (เช่น แซนวิชแบบเดียวกัน วางขายในโชว์ห่วยอาจขายได้แค่ 15 บาท แต่พอไปอยู่ในสตาร์บัคอาจจะชิ้นละ 40 บาท เป็นต้น ทั้งที่ต้นทุนสินค้าเท่ากัน  แต่ร้านเขามีต้นทุนอื่นๆทำให้เขาตอ้งบวกและบวกได้เพราะลุกค้าของเขายอมจ่าย) ถ้าเขาต่อรองมากๆ เราอาจเสนอเขาไปว่า  ถ้าของเสีย เปลี่ยนให้สองต่อหนึ่งนะ  เพราะเราตัดราคาให้เขาถูกกว่าร้านอื่น  อะไรงี้ มองว่ามันเป็นเรื่องท้าทาย  และสนุกกับการคิดกลยุทธใหม่ๆนะคะ  นี่แหล่ะเสน่ห์ของการเป็นการเป็นเจ้าของกิจการ  ^_^ จากคุณ : ไหมพรมสีชมพู - [ 24 มิ.ย. 52 23:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีอีกครั้งค่ะคุณเทพ...... จริงๆแล้วเราก็คิดเหมือนที่คุณเทพคิดนะคะ...... คุณเอมี่...... ลูกค้ามักจะต่อรองราคาแบบ.... เรางงเลยค่ะ..... วันนี้ก็พึ่งไปเจอมา ต่อรองราคาเราเหลือแค่ $2..... ไม่รู้คิดได้ไง....... คุณไหมพรมสีชมพู...... ตอนนี้สิ่งที่ดิฉันต้องการมากที่สุดก็คือกำลังใจเนี่ยล่ะค่ะ..... ส่วนเรื่องการมองในแนวบวก เดี๋ยวดิฉันจะลองพยายามดูค่ะ..... (ยากนะนี่)...... จากคุณ : antzBZ - [ 25 มิ.ย. 52 07:20:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไปตามอ่านความคืบหน้าของดิฉันได้ต่อที่กระทู้นี้นะคะ จากคุณ : antzBZ - [ 25 มิ.ย. 52 08:45:31 ]