ความคิดเห็นที่ 1   ไม่รูครับ แต่เป็นผมจะเอา ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเข็มแข็ง อาทิตย์หน้าละ ที่ธนาคาร ได้ดอกเฉลี่ย4% ระยะเวลา5ปี เงินห้าแสน จะกลายเป็นหกแสน ช่วงนี้เศรษฐกิจขาลง ไม่ค่อยอยากแนะนำไรมาก จากคนเงินเก็บไม่ถึงหมื่น จากคุณ : เปิ้ลฮักตั๋วเน้อ เขียนเมื่อ : 10 ก.ค. 52 23:57:14

ความคิดเห็นที่ 2   เงินคือภาพลวงตา  ทำให้หลง  ทำให้ติดกับ เริ่มด้วยเงินคือเริ่มด้วยความง่ายแต่จะจบด้วยความลำบาก มีเงืนซื้อของใครก็ได้ใครๆก็อยากขาย  ง่ายนิดเดียว แต่ตอนขายยาก  เพราะไม่ได้ดูให้ดี  ของอาจค้างสต็อก ไม่มีประสบการ์ณหรือบางครั้งซื้อสดให้เขาติดอีก จะรอดไหม ไม่ได้เริ่มด้วยเงินจะเอาของมาขายก็ยาก ต้องหาวิธีเอาของมาก่อนค่อยจ่าย  เลยต้องหาตลาดก่อนตลาดต้องชัวร์ หรือไม่ก็ลองขายเล็กๆน้อยๆศึกษาตลาดก่อน แต่ขายง่ายเพราะกลัวเลยไปศึกษามาอย่างดีแล้วหรือมีลูกค้าอยู่แล้ว เรียกว่าเริ่มด้วยความยากแต่จบด้วยความสบาย มีเงินทำให้ง่าย  ทำให้หลง หลายคนๆทำงานเงินเดือนเป็นสิบปีก็ติดอยู่ในกรอบของวงเงิน ออกมาทำธุรกิจ   ก็ยังติดอยู่ในกับดัก  วงเงิน  จะพอหรือเปล่าน๊า  ทั้งที่ยังไม่เริ่มธุรกิจเลย   ส่วนคนที่ไม่มีเงินบางทีเขาไม่ต้องคิดวงเิงินแต่เขาสามารถถามลูกค้าว่าจะเอาเท่าไหร่ล่ะ เครดิตดีไม่ใช่ว่าซื้อสดแล้วเอามาขายจะทำได้กี่ครั้งเมื่อมองตลาดไม่ทะลุ ลองทิ้งเรื่องเงินเก็บไปฝากพ่อแม่   เพราะแม้มีเงินมากมันก็ไม่พอหรอก ถ้าเราโง่     มองตลาดให้ดี   สมมุติว่าเราไม่มีเงินจะทำยังไง  ทำได้ไหม อยากจะศึกษาทำธุรกิจ  ต้องทิ้งคราบพนักงาน  ทิ้งหัวโขน  ทั้งหมดออกก่อน แล้วใส่หัวใจใจนักธุรกิจ พ่อค้า ลงไป   เหมือนเรือลอยอยู่กลางทะเล มีขึ้นมีลง   มีได้มีเสีย  เพียงแต่จะคุมเรือ  ยังไง ลูกค้าเขาไม่ดูหรอกว่า  จบได้เกียรตินิยมหรือไม่   เกรดเท่าไหร่เขาถึงจะซื้อของเป็นลูกค้าคุณ   และไม่ได้รับประกันว่าเงินห้าแสนทำแล้วจะประสบความสำเร็จ... แค่ลองเสนอเล็กน้อย  คิดดูครับ.... แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 01:45:49 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 01:43:51 แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 01:33:29 จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 01:27:31

ความคิดเห็นที่ 3   ขอบคุณพี่ นิ้วจิ้ม คห2 ครับ ผมยังมีกรอบความคิดของพนักงานบริษัทอยู่จริงๆ ต้องหาทางปรับความคิดก่อนแล้วค่อยลงเงินลงแรง พอเข้าใจแนวทางหน่อยๆละ รอท่านอื่นมาชี้ทางสว่างอยู่ครับ จากคุณ : เกือบเจอทางสว่าง (oh wow) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 07:30:37

ความคิดเห็นที่ 4   ทำงานบริษัทมา10ปีนี่ทำด้านไหนคะ ที่คุณคิดจะทำทั้งหมดรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือเพียงพอในการดำรงชีวิตไหม ดิฉันว่าคนที่ทำงานบริษัทนี่ง่าย ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความสามารถนะ แต่ไม่ว่าบริษัทจะกำไรหรือขาดทุนก็ต้องจ่ายเงินเดือนครบถ้วน แต่ถ้าเราออกมาทำธุรกิจเองณ เวลานี้ทำอะไรก็ยากมากๆค่ะ จากคุณ : jomo (jomoland) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 09:23:32

ความคิดเห็นที่ 5   เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 09:59:34

ความคิดเห็นที่ 6   ใจเย็นๆ "เปิดร้านหยอดเหรียญสารพัด พวกเครื่องซักผ้า ตู้น้ำหยอดเหรียญ ที่ล้างมอเตอร์ไซค์หยอดเหรียญ, ซื้อแฟรนไชส์ต่างๆมาทำ"   เอ้อ ไม่ต้องสารพัดหรอก เดี๋ยวเงินห้าแสนหมดกับการจ่ายซื้ออุปกรณ์เต็มร้านไปหมดนะ -*-  จะกลายเป็นว่าแค่อุปกรณ์ก็หมดเงินทุนแล้ว สำหรับคนมีเงินเย็นๆลงทุนไม่ต้องไปกู้มาเนี่ย  เราว่าหากิจการที่ลงทุนแค่สัก๑/๔ ของเงินที่มีก็พอ   ส่วนที่เหลือก็แบ่งไปลงทุนในรูปแบบต่างๆอย่าง คห ๑ เป็นต้น แล้วก็มีส่วนหนึ่งที่ฝากไว้เป็นเงินออมเผื่อฉุกเฉิน   ไม่ตอ้งเริ่มแบบบิ๊กๆหรอกคะ    แต่ก็ไม่ใมช่ว่าจะบิ๊กไม่ได้หรอกนะ แต่มันเสี่ยงมากแค่นั้นเอง   ทำอะไรก็เซฟตัวไว้หน่อยก็ดี จากคุณ : ไหมพรมสีชมพู เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 10:13:05

ความคิดเห็นที่ 7   เอาประสบการณ์ตัวเองนะครับ ตอนกลับจากต่างประเทศใหม่ๆ มีเงินทุนพอประมาณทั้งของตัวเองกับของครอบครัว หลักทรัพย์อีกเกือบ 50 ล้าน ตอนติดต่อที่ปรึกษา ติดต่องาน หมดเงินเวอร์ไปกับ การนั่งกินข้าวในร้านหรูๆ โรงแรมใหญ่ๆ ไม่ค่อยใส่ใจ พอเอาเข้าจริงๆ คนที่จะมาร่วมงาน ประสบการณ์ยังไม่ถึง เน้นแต่รายได้ที่ตัวเองจะได้ มากกว่าช่วยหาทางออกให้กับงาน ตอนหลังผู้ใหญ่เห็นท่าไม่รุ่ง เลยเลิก ต่อมาทางพ่อแม่ให้ไปทำงานประจำ แต่อายุมากแล้ว ไม่อยากกลับไปเริ่มใหม่ เลยตัดสินใจใช้เงินเก็บที่มีน้อยนิด(ของตัวเองคนเดียว) ลงมือทำงานเองกับแฟน ครั้งแรกล้มเหลว แต่สิ่งที่ได้รับคือประสบการณ์ที่ทำให้ได้รู้เลยว่า การลงทุนทำธุรกิจ มันต้องมีความเสี่ยงบวกความกล้า และการประหยัดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เรากลายเป็นคนรอบคอบ ก่อนจะซื้ออุปกรณ์ เครื่องไม้เครื่องมือ ต่างๆ ก็ศึกษาอย่างละเอียด งานแรกที่ล้มเหลว ไม่ได้เกิดจากตัวเรา แต่เกิดจากโปรดักส์ มันไม่ถูกกับนิสัยเรา เลยเลิกไป แต่ที่แน่ๆ งานแรกเราลงทุนน้อยกว่า องค์กรอื่นเกือบสามเท่า ตอนนี้กำลังเริ่มงานใหม่ ใช้แนวเดิม ประหยัด รอบคอบ ใช้เงินลงทุนน้อย แต่คุณภาพไม่แพ้ใคร เริ่มดีวันดีคืน ถึงแม้อาจจะดูไม่เทห์ มีระดับ แต่มันค่อยๆ มีพัฒนาการ ในขณะที่เงินลงทุนที่ใช้ น้อยนิดอย่างไม่น่าเชื่อ ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ลงทุนด้วยเงินเริ่มต้นเพียง 40,000 - 50,000 บาท แต่ปัจจุบันมีสาขาแทบจะทุกจังหวัดในภาคหนึ่ง และในจังหวัดที่เราอยู่ ถือเป็นร้านที่ดังที่สุดเลยก็ว่าได้ อาเรา ทำบ้านจัดสรร มีเงินสดในมือเพียง 10 ล้าน ในขณะที่รวมแล้วทั้งที่ดินและค่าก่อสร้างเกือบ 40 ล้าน แกใช้วิธีจ่ายเงินบางส่วน แล้วตกลงกับเจ้าของที่ดินเป็นการส่วนตัว (ไม่บอกนะครับ) งานนั้นประสบความสำเร็จ ปัจจุบัน อาเราทำธุรกิจบ้านจัดสรร มีทั้งโครงการในกรุงเทพ และต่างจังหวัด มีเงินน้อย ยอมรับว่า ลำบาก และจินตนาการมันหดหายไปพอควร แต่สิ่งที่ได้รับในด้านดี ก็คือ ทำให้เราทำอะไรด้วยความรอบคอบ ละเอียด และรู้ลึกถึงงานของตัวเอง มากกว่าการใช้เงินเพียงอย่างเดียวในการสั่งการ จากคุณ : เป็นกำลังใจให้ เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 11:07:14 A:118.172.29.50 X: TicketID:202545

ความคิดเห็นที่ 9   เริ่มต้นจากธุรกิจที่เรามี"ช่องทาง"ก่อน จะมีโอกาสสำเร็จมากกว่า เพราะเหมือนมีตัวช่วย   แต่เราไม่มีช่องทางอะไรเลย ลองหาธุรกิจที่มีอะไรเกี่ยวกับสิ่งที่เราชอบ เพราะ เราจะรู้ดี และมีแรงฮึดมากกว่าอย่างอื่น อย่าลงทุนเกินตัว ถ้ามี ห้าแสน ก็ต้องเลือกธุรกิจที่ลงทุนน้อยกว่านั้น เหลือเงินไว้เป็นสายป่าน หรือถ้าล้มเหลวจะได้ยังมีเงินเหลือให้ลองทำอย่างอื่นอีก ธุรกิจเริ่มต้นแล้วสำเร็จเลยมีน้อย จากคุณ : บอดี้หนอนเลนส์อาม่า เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 12:35:51

ความคิดเห็นที่ 10   ต้องเปลี่ยนแว่นตาใหม่ครับ หยิบแว่นตาของผู้ประกอบการมาสวมเสียก่อน ถ้าไม่มี ต้องออกตามหาครับ... อยากให้คุณ oh wow ลองลืมทุนที่มีไว้ก่อนครับ แล้วมานั่งคิดว่าเราเก่งอะไร ถนัดอะไร อะไรคือไอเดียและช่องทางของธุรกิจที่เราจะทำ ลองวางแผนดูว่าต้องการทรัพยากรอะไรบ้าง คน แรงงาน เงิน เวลา แล้วค่อยไปชักทุนมาใช้ตามความเหมาะสม ผมขอกล่าวอย่างนอบน้อมว่าคุณหลงทางครับ หลงทางที่เอาเงินมาเป็นฐานทางความคิด... อย่าตีกรอบเลยครับ บางทีธุรกิจของคุณอาจไม่ต้องลงทุนเลยสักบาทก็ได้ครับ ผมยืนยัน หรือบางที ห้าแสนบาท อาจจะเป็นงบโฆษณาอย่างเดียวเลยก็ได้ ตามรูปแบบแล้วทุกธุรกิจถ้าทำให้ดี ก็สามารถรวยได้ข้ามคืนเช่นเดียวกัน อยู่ที่ความสามารถ เอาใจช่วยครับ ปล.เมื่อเช้าดูรายการทีวี รายการหนึ่ง เอาเรื่องของ น้ำดื่ม เอเวียน มาลง เอเวียนไม่เช่าสถานีเพื่อออกอากาศโฆษณา แต่ใช้การโฆษณาผ่านเว็ปไซต์แทน และโฆษณาก็ทำได้ดีทีเดียว ... เอเวียน เลยเข้าถึงคนทั้งโลก โดยใช้ทุนน้อยมาก... นี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของไอเดียครับ อินโนเวชั่นมาก ขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วยคนครับ... จากคุณ : plotinus (plotinus) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 12:50:54

ความคิดเห็นที่ 11   ตอบในฐานะเจ้าของบ้านเช่า  ที่มีคนมาเช่าเปิดร้านทำธุรกิจ อยากบอกว่าธุรกิจที่เช่าที่ของคนอื่น  โอกาสรอดแค่ 20% ในขณะที่ผู้เช่า 100% วาดวิมานสวยหรู  ว่าเปิดร้านแล้วจะขายดี ผู้เช่าที่จะอยู่รอดได้  ควรมีคุณสมบัติดังนี้ 1. มีจุดแข็งของตัวเองที่คนอื่นทำไม่ได้  เช่น  จะเปิดร้าน PDA ก็ควรซ่อมเป็น จะเปิดร้านหยอดเหรียญก็ควรจะซ่อมเป็น  มีวิธีป้องกันการงัดแงะ ถ้าคิดง่าย ๆแค่เอาเครื่องมาวางแล้วเก็บตังมีกำไร   ใคร ๆก็ทำได้วางเครื่องหยอดเหรียญกันเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว 2. ถ้าผ่านข้อ 1 มาได้ก็เบาใจมีโอกาสรอดสูง  ข้อ 2 ก็แค่ประหยัด  ไม่ปล่อยบัญชีหนี้เน่า  ไม่โดนหุ้นส่วนโกง ปล. แฟรนด์ไชส์ 100 เจ้า  มีที่ทำแล้วรอดไม่ถึง 10 มั้ง  หลอกลวงซะเยอะ ลอง search ดูก่อนในเน็ต จากคุณ : --^ไชโย^-- เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 13:07:36

ความคิดเห็นที่ 12   .......ผมยังมีกรอบความคิดของพนักงานบริษัทอยู่จริงๆ ต้องหาทางปรับความคิดก่อนแล้วค่อยลงเงินลงแรง........ เห็นด้วยครับ  ไม่ต้องรีบ  ใจมันอยากทำ   เดี๋ยวมันก็ได้ทำ อีกวิธีที่จะช่วยได้ให้ดีขึ้น  ลองศึกษา  ธรรม บางส่วนครับ เช่น    อนิจจัง  ทุกขัง  อนัตตา  ความโลภ มีทรัพย์เสียทรัพย์   หลักความไม่แน่นอน  ต่างๆเหล่านี้ทำให้ทุกข์ ซึ่งในการประกอบธุรกิจมีแน่  แต่ถ้าเรามีความเข้าใจบ้าง ก็จะห็นเป็นเรื่องธรรมดา  จะได้มองมองโลกเป็นเรื่องธรรมดา พิจารณาอะไรก็เป็นกลาง  มีสติ  เจอวิกฤตก็ไม่ตกใจ   เจอช่องทางก็จะได้ไม่โลภจนขาดสติ   มีดีก็ไม่อวดจนคนเกลียด มีไม่เท่าคนอื่นก็ไม่ทุกข์จนทำอะไรไม่ได้   เป็นต้น จริงๆมี  ธรรม อีหลายข้อที่เอามาใช้ได้  ทำให้ทำธุรกิจอย่างมีความสุข เช่น   การรู้จักให้...เป็นต้น..... ฝึกมากๆ  ตาก็จะสว่างมากขึ้น   รวยไม่รวยก็มีความสุขได้.... ไปนู่นเลย..... แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 13:49:06 จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 13:42:53

ความคิดเห็นที่ 13   มีเงิน 5 แสนแล้วยังไม่รู้ว่าจะทำอะไร นี่เสี่ยงกว่าคนมีเงิน 5 หมื่นแต่มีเป้าหมายชัดเจนอีกครับ จริงๆมีเงินเยอะนี่อันตรายกว่ามีเงินน้อยอีก เพราะพอมีเงินเยอะจะมือเติบ ไม่รอบคอบ ลงทุนแบบสุ่มเสี่ยง ไม่นานเงินนั้นก็หมด ผมเคยเตรียมไว้ 3 ล้าน หมดไป 1 ล้านในปีเดียวโดยไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย ตอนมีเงินเยอะนึกจะจ่ายอะไรก็จ่าย พอรู้ตัวก็เลยรีบเอาเงินทุนทีเหลือไปเก็บเป็นทุนสำรองที่จะไม่เอาออกมาใช้เลย  ให้เหลือแต่เงินที่ต้องใช้จริงๆจำนวนให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น จะได้รู้สึกว่าเราไม่ค่อยมีทุน จากนั้นก็ไม่ค่อยขาดทุนอีกแล้วครับ ใช้จ่ายได้รอบคอบขึ้น จากคุณ : <SportivO> เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 13:49:54

ความคิดเห็นที่ 14   กระทู้นี้ดีจังคะ   เข้ามาเก็บข้อมูล...... จากคุณ : minimezz เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 16:52:01

ความคิดเห็นที่ 15   ผมเคยเป็นแบบคุณมาก่อนครับ  มีเงิน 3 แสน  ก็หาธุรกิจทำในงบที่ตัวเองมี  พอหาช่องทางได้ ก็เอาเงินทั้งหมดทุ่มลงไป  สุดท้าย พอพลาดท่า  ธุรกิจเจ๊ง  ทุนก็หมด  แถมเป็นหนี้บัตรตอนหาเงินมาพยุงกิจการก่อนเจ๊งอีก เรื่องเงิน แนะนำว่า  ให้คุณเก็บเงินไว้ 3 แสน เอาไปทำอะไรก็ได้เช่น ฝากประจำ ซื้อทองแท่ง ซื้อสลากออมสิน  ฯลฯ แล้วเอาทุนแค่ 2 แสนมาตั้งต้น  คิดดูว่าในงบ 2 แสนทำอะไรได้บ้าง เรื่องธุรกิจ ถ้าให้แนะนำ ลองดูธุรกิจที่คุณทำงานประจำมา 10 ปี  มันเป็นงานด้านไหน  แล้วพอจะมีธุรกิจไหนที่ทำแล้วคล้ายกับสายธุรกิจที่คุณเคยทำ ถ้าเอาความถนัดของคุณเป็นที่ตั้ง โอกาสรอดสูงครับ จากคุณ : pongpan_ch เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 17:04:12

ความคิดเห็นที่ 16   เคยลงทุน ขายอาหารปลาสลิด แถวบ้านแพ้ว 6เดือน ขายไม่ได้เลย หมดไป สองแสน (เหลือทรัพย์สิน กับอาหารปลา ไม่เกิน 4 หมื่น) จากคุณ : กาฟิว เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 17:12:24 A:10.11.12.28 X:203.155.9.163 TicketID:155104

ความคิดเห็นที่ 17   ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่เข้าให้ความเห็นครับ อ่านแล้วรู้สึกว่าส่วนที่ยากที่สุดคือ ยกกรอบของพนักงานบริษัทออกจากความคิด ความจริงแล้วผมทำงานเป็นวิศวกร แต่เป็นวิศวกรเฉพาะด้าน คือเชี่ยวชาญด้านคอนกรีตผสมเสร็จที่เป็นรถโม่หมุนๆครับ แต่ความเชี่ยวชาญของผมไม่ได้ช่วยผมในโลกของเจ้าของกิจการเลย ตอนนี้รู้สึกว่าอยากจะออกมาเผชิญโลกเพราะอยู่ก็รู้สึกว่ามีความกลัวในการทำงาน คือตอนเริ่มทำงานใหม่ๆทำงานด้วยความสุขต้องการเผชิญโลกด้วยการท้ายทาย สนุกมาก แต่พอทำงานไป 10 ปีรู้สึกว่าถ้าทำอยู่อย่างนี้แล้วอยู่มีเหตุกาณร์อะไรก็ตามที่ต้องทำให้ออกจากงาน ผมจะไม่มีอะไรรองรับเลย คือความรู้สึกที่ "ไม่ปลอดภัย" นั่นเอง ผมเลยพยายามเปลี่ยนแปลงความกลัวเป็นแรงที่จะขับตัวเองออกมาทำธุรกิจเอง รู้ว่าจะลำบากกว่าทำงานบริษัท ล้มลุกคลุกคลานมากกว่า แต่สิ่งที่ได้ยังเป็นประสบการณ์ที่ต่อยอดการไปทำอย่างอื่นในอนาคต แล้วผมจะทำอะไรดีครับ... แก้ไขเมื่อ 11 ก.ค. 52 19:21:25 จากคุณ : oh wow (oh wow) เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 19:20:21

ความคิดเห็นที่ 18   จะเลือกทำอะไรเนี่ยมันต้องมีองค์ประกอบมากซึ่งตัวคุณเป็นผู้รู้ดีที่สุด   ทุน(เงิน อุปกรณ์ แรงงาน) ทำเล ความถนัด เป้าหมาย  ลองไล่ๆดู  อย่าไปต้องคิดให้ออกในวันสองวันเลย  ไม่ต้องรีบเพราะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นภายในสองวันนี้แน่นอน  -*- จากคุณ : ไหมพรมสีชมพู เขียนเมื่อ : 11 ก.ค. 52 23:34:54

ความคิดเห็นที่ 19   แนะนำจากใจครับ ด้วยทุนขนาดนี้ ถ้าคิดจะทำธุรกิจ  อยากให้เป็นการฝึกฝนทักษะเฉพาะด้าน มากกว่าใช้ทุนที่มี หรือใช้ให้น้อยที่สุด ผมยกตัวอย่าง ถ้าคุณมีที่ต่างจังหวัดที่พอเลี้ยงปลาได้ ถ้าพอมีความรู้ หรือศึกษาเพิ่มเติมได้ เช่นปลาที่ต้องการทางเศรษฐกิจ ศึกษาวิธีเพาะพันธุ์ เช่นการผสมเทียม ใช้อาหารที่ใช้ประยุกต์เอง เช่นขี้หมู ขี้ไก่ รำ ด้วยพ่อแม่ปลา 2-3 คู่กับทุนไม่กี่หมื่น คุณอาจได้กลับมาหลายแสนในปีเดียว  แต่ต้องรู้จักสร้างสรรค์ ทำเอง ลดต้นทุนในทุกส่วน เช่นถ้าใช้แต่อาหารสำเร็จรูป ไปไม่รอดครับ ถ้าไม่รู้จักเพาะพันธุ์เองก็ไปไม่รอด   ถ้าไม่ศึกษาความหนาแน่นที่จะปล่อย ปลาก็จะเป็นโรค ไปไม่รอดเช่นกัน เรื่องต้นทุนผันแปร เช่นค่าเช่า ไม่ควรมี   ถ้าทำคนเดียวได้ ไม่ควรจ้าง พนักงาน  เน้นโฆษณา ขายผ่านเว็บไซต์ก็ได้   การทำธุรกิจส่วนตัว สำคัญที่สุดคือการมองภาพมุมกว้าง ความเสี่ยง การรู้ จังหวะว่าตอนใดเราควรเก็บตัว  ถ้ามีความไม่แน่นอน ห้ามทุ่มทุน เมื่อโอกาสที่แทบไม่มีความเสี่ยง   มาถึง  เราค่อยทุ่มหน้าตัก จากคุณ : พิซซ่าหน้าปลาเค็ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 01:14:25

ความคิดเห็นที่ 20   หลายคนเบื่องานประจำอยากทำส่วนตัว หลายคนชอบถามว่าแลัวจะทำอะไรดี........... ก็ไม่รู้เหมือนกัน....แต่ควรทำอะไรที่ชอบถนัดและเป็นประโยชน์น่าจะดีกว่าเช่น บอกว่าชำนาญเรื่องคอนกรีต   เคยไหมเดินผ่านคูน้ำหน้าบ้านแล้วนั่งมอง มองนานๆ   มองแล้วคิดต่อ   .....ใช้ปูนเท่าไหร่  จะทำให้ดีกว่านี้ได้ไหม  แบบใช้ได้ไหม ใครเป็นคนทำ   ใช้ทุนเท่าไหร่    มีแบบใหม่ไหม  เทคโนโลยีใหม่ๆ   ที่ต้นทุนต่ำลง  เหมาะสม   แข็งแรง  ทนทาน รักษาสิ่งแวดล้อมคือน้ำ ไม่เป็นที่ะสมของโรค  ทำได้รวดเร็ว  แห้งเร็ว   ไม่ใช่ขุดแล้วขุดอีก    เราจะอยู่ในวงจรนี้ยังไง   คนทำท่อ  ออกแบบ   ที่จะพัฒนาคูน้ำให้ดีขึ้น เพื่อสังคม   คุณอาจเป็นคนที่เชี่ยวชาญเรื่องคูระบายน้ำที่สุดในประเทศก็ได้  เป็นต้น จะทำให้คุณมีเป้าหมายในการทำงาน  กระตือรือร้น   หรืออื่นๆก็ได้ที่คุณชำนาญแต่คนอื่นๆไม่รู้.... ผมว่ามันอาจจะต่อยอดไปมากมาย   นะ หลายคนบอกเรียนสูงๆนะเพื่อจะทำงานดีได้เงินเยอะๆ ลืมกันหมดว่าที่ให้เรียนสูงศึกษาให้มากเพื่อจะได้ไปช่วยเหลือคนอื่นได้เยอะ หลักการทำงานจึีงผิดไป  คิดแต่ว่าจะทำงานได้เงินเท่าไหร่  ลืมไปว่า เราจะใช้ความรู้ไปช่วยคนอื่นได้เท่าไหร่   เขาขาดอะไรบ้าง ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากได้แต่ลืมที่จะทำสิ่งที่คนอื่นต้องการ ถ้าจะหลุดจากกรอบก็ต้องหา  ปรัชญาหัวใจแนวคิด  ในการทำงานให้ได้ก่อน คนต้องการความช่วยเหลือจากคุณอีกมาก..... แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 09:31:49 จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 03:10:06

ความคิดเห็นที่ 21   เป็น Specialist 3 ปีแรก ถ้าหลังนั้นไม่ได้ก้าวออกไปจับงานด้าน ตลาด ในปีที่ 4-5 -6 แล้ว การออกมาทำธุรกิจส่วนตัว จะขาดความเข้าใจ ในการรักษาหัวใจลูกค้า การผูกสัมพันธ์ และ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งหมดนี้เป็น หัวใจ ที่ทำให้ธุรกิจไม่ตาย... เป็นแมวเก้าชีวิต ... พื้นฐานที่มาจาก production ระบบ การผลิต การจัดการ จะช่วยลดงบ ประมาณ การผลิตสิ่งของ ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆที่ มาจากรากความเข้าใจ ในตัวเอง ทำให้ออกมา ง่าย สวย ดี ถูก และเป็นที่ร่ำลือ โดยทำได้เอง จัดการได้ลงตัว ==> ทำให้ลูกค้าจ่ายเงินในความรุ้สึกที่ไม่เสีย และ เราได้เงินอ้วนพีดี... ส่วนการก้าวผ่านธุรกิจในขวบปีแรก ทุก3เดือนฟ้าจะกรองคนที่ไม่จริง ออกไป พอครบหนึ่งปี ลูกค้าจะพาคนของเค้าทุกคนมาให้ แต่ถ้ามีเฮง เพียงเดือนที่สอง ฐานลูกค้าโตเป็นสองเท่า แต่ยังเป็นลูกค้ากระแส ไม่ได้กรอง ไม่ใช่ตัวจริงทั้งหมด พอครบหนึ่งปี ฐานยังโตต่อ แต่กรอง เลือกออก เหลือแต่ลูกค้าคุณภาพไว้... นี่แหล่ะตัวจริง Cost การตลาดเป็น Zero พราะคุณได้หัวใจลูกค้ามา จะนำลูกค้าใหม่ ที่มีนิสัยทำตามกฏกติกา การซื้อขายมาให้ถึงชานตึก โดยไม่ต้องกรอง บางแห่ง การเข้ามาเป็นลูกค้า ต้องสืบสายเลือดเท่านั้น เช่น มาแตร์เดอี โชค มีส่วนเป็นอย่างหนึ่ง แต่เป็นแค่แรงดัน แต่ แรงผลักที่แท้จริง อยู่ที่ อีกหนึ่งก้าวถอย ดิ่งลงปากเหว การไม่มีจะกิน ถ้าตีเมืองไม่แตก ... การเริ่มต้นของเรา ในอดีต หลังชนฝา และเริ่มด้วยเงินสด 1/4  ส่วนที่มีติดกระเป๋า กับออกแรงลงพื้นที่เอง ได้รู้ข้อมูล ความคิด ของคนที่จะควักกระเป๋าในละแวกนั้น และไกลออกไป ทำตลาดเองแบบค่อยเป็นค่อยไป ได้ลูกค้ามาเริ่มต้น 5 บวกเฮง เป็น 7 ผ่านไปจวบสองปี ทำกำไร ทวีค่าอยู่ที่  33.5 เท่าของตอนลงทุน ค่าใช้จ่ายเหลือ 14% แต่หัวใจสำคัญ อีกอย่าง คือ การลงทุนเป็นเจ้าของในบ้าน ที่ดิน ก่อนนี้ ไม่เป็นหนี้แบงก์ ไม่ผ่อนแบงก์ ลอยลำ . . . เลย 3.5 ปีเมื่อไร จะย้ายไปที่ดินสีเขียวที่ใหญ่ขึ้น เป็น multipurpose หาพันธมิตรธุรกิจอื่น มาอยู่ในร่มโพธิ์ ร่มไทร เป็น complex แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 11:35:25 จากคุณ : kuddle เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 11:30:02

ความคิดเห็นที่ 22   ได้อ่าน   ของคุณ  kuddle  ได้ ความรู้ครับ   การทำธุรกิจ  มองกว้างๆ  คล้ายๆกันของผม...   การลงพื้นที่เอง  ทำเองให้รู้ ความเข้าใจ ในการรักษาหัวใจลูกค้า การผูกสัมพันธ์ และ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทั้งหมดนี้เป็น หัวใจ ที่ทำให้ธุรกิจไม่ตาย... เป็นแมวเก้าชีวิต ... ได้หัวใจลูกค้ามา จะนำลูกค้าใหม่ ที่มีนิสัยทำตามกฏกติกา การซื้อขายมาให้ถึงชานตึก โดยไม่ต้องกรอง การกรอง  ทั้งลูกค้า  งาน  เหลือแต่ลูกค้าที่ดี   เริ่มจากไม่มีอะไร  เล็กไปใหญ่   อื่นๆ  ครับ และอีกอย่างที่เป็นหัวใจ  คือ  ปรัชญาที่ดี   ก่อนทำงานนั้นครับ ที่คอยเป็นกำลังใจ  ให้สู้กับงานที่ทำอย่างถูกต้อง  ไม่แกว่งมากนัก แก้ไขเมื่อ 12 ก.ค. 52 15:18:07 จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 13:18:09

ความคิดเห็นที่ 23   วิธีคิดให้ลงตัว คืออย่าไปลงทุนกับทรัพย์สินคงที่หรือที่มันก่อให้เกิดหนี้สินประจำ เพราะมันจะมีความเสี่ยงและดอกเบี้ย ลำดับขั้นตอนน่าจะเป็น 1) พยายามหารายได้ จากการขายสินค้าหรือบริการให้ได้มากที่สุด 2) ทำอะไรก็ตามให้มีต้นทุนคงที่ หรือต้นทุนในการดำเนินงานให้ต่ำที่สุด โดยแปลงโสหุ้ยให้เป็นต้นทุนขาย หากต้องการซื้อเครื่องจักร เครื่องซักผ้า ตู้หยอดเหรียญ หรืออะไรก็ตาม ก็ต้องดูว่ามีต้นทุนแฝงอีกหรือไม่ ค่าบำรุงดูแลรักษา และการซ่อม รวมถึงระยะเวลาในการส่งซ่อม เพื่อป้องกันการเสียโอกาส ซึ่งทำให้ระยะเวลาคุ้มทุนห่างออกไปจากเป้าหมายที่กำหนด 3) สร้างส่วนต่างระหว่างราคาขายและราคาซื้อหรือต้นทุน ให้ห่างไว้ 4) ตั้งใจบริการลูกค้าด้วยความซื่อสัตย์ บริการด้วยใจและเต็มความสามารถ ทุกครั้งในแต่ละวัน 5) ศึกษาความต้องการของลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทั้งระดับบุคคล องค์กร ว่าต้องการสินค้าหรือบริการอะไรใหม่ๆ ที่ต้องการจากเราอีกหรือไม่ อย่างไร นอกเหนือจากสินค้าหรือบริการที่เรามีอยู่ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างรายได้ ในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากคุณ : หัวใจจากท้องทะเล เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 15:05:59

ความคิดเห็นที่ 24   ขอออกความเห็นซักเล็กน้อยครับ (สร้างส่วนต่างระหว่างราคาขายและราคาซื้อหรือต้นทุน ให้ห่างไว้) อันนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดี     หลายคนเข้าใจผิด  ไปลดต้นทุนแบบผิดวิธี   ไปลดคุณภาพงาน  ซึ่งทำง่ายที่สุด   เพื่อให้ได้กำไรเยอะๆ  ซึ่งสมัยนี้เป็นกันมาก   อยากรวยเร็วๆ    ซึ่งจะแย้งกับข้อข้างล่างที่ว่า   ซื่อสัตย์กับลูกค้า  รักษาผลประโยชน์ให้ลูกค้า   ตัวอย่าง  ผมมีคนรู้จัก   พ่อเขาเปิดร้านอาหาร  ทำอร่อยคุณภาพดี ลูกค้าเยอะ    ลูกมาทำต่อ   แรกๆก็ดี    หลังๆ  ซื้อข้าวถูกๆมาหุง  กุ้งปลาเลือกซื้อที่ตัวเล็กๆถูกมาทำ  เพื่อที่จะได้กำไรเยอะขึ้น ในราคาเดิม  สุดท้ายไม่รอด..... ครับ แต่ผมเข้าใจว่า  คุณหัวใจจากท้องทะเลไม่ได้หมายถึงที่ผมกล่าวมาแน่นอน จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 15:36:07

ความคิดเห็นที่ 25   โอยทำธุรกิจเองนี่ยากจริงๆ ผมแกะสเปคงานคอนกรีตสะพาน IRR (สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ที่คู่กับสะพานพระรามเก้า) ยังง่ายกว่าเลย ต้องให้พี่ๆในนี้ช่วยแนะนำ และเตือนสติ เยอะๆ ความชอบ ความถนัด ใจรัก โอกาส อย่างไหนสำคัญที่สุดครับ เช่นตอนนี้เพื่อนคนนึงชวนไปทำสปาปลาตอด ( ที่เอาเท้าไปแช่แล้วปลามาตอดเท้าครับ) คุยได้ซักพักนึงแล้วเห็นว่ามีโอกาสรุ่ง แต่ใจนึงก็ไม่กล้าเพราะไม่รัก ไม่ชอบ และไม่ถนัด เลยยังงึกๆหงึกๆอยู่เลยครับ จากคุณ : oh wow (oh wow) เขียนเมื่อ : 12 ก.ค. 52 18:45:46

ความคิดเห็นที่ 26   ปลูกผักปลอดสารพิษ จากคุณ : chem chem เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 16:20:22

ความคิดเห็นที่ 27   เราว่าแบ่งๆกระจายความเสี่ยงหน่อยดีมั๊ย ลงทุน + ซื้อทอง + ซื้อพันธบัตร + เก็บ อย่างเพื่อนเราเงินเก็บไม่เท่าไหร่ ลองลงทุนตู้น้ำ รายได้ก็พอได้นะ คุณอาจจะลองดูซักตู้ ถ้าดีค่อยขยับขยาย 5 แสนทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง ถ้าตู้มเดียวลงหมด เงินมันก็อาจหายไปหมดได้เหมือนกัน จากคุณ : หนูจะเป็นเด็กดี เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 16:42:38

ความคิดเห็นที่ 28   ตอนแรกว่าจะลงทีเดียวให้รวยไปเลย อ่านกระทู้แล้ว น่าจะแบ่งแล้วละครับ แต่กำลังมองหาอะไร อะไร ที่ลงตัว จากคุณ : oh wow (oh wow) เขียนเมื่อ : 13 ก.ค. 52 18:37:05

ความคิดเห็นที่ 29   คนเริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ มักจะวาดฝันไว้สวยหรู เป็นแบบตัวเลขด้าน บวก ล้วนๆ แต่จำไว้นะ ให้คิดต่ออีกนิดว่า.......   แล้วหากตัวเลขมันเป็น ลบ ควรจะต้องทำอย่างไรต่อไปบ้าง จากคุณ : เดินดงพงไพร เขียนเมื่อ : 14 ก.ค. 52 12:32:03

ความคิดเห็นที่ 30   คห29 เป็นลบก็กู้ต่อดีไหมครับ..........ล้อเล่นครับ นั่นซิทางถอยก็ต้องคิดเพื่อไว้ด้วยครับ แต่แค่คิดก็เริ่มสนุกแล้วครับ ทำงานประจำน่าเบื่อกว่าเยอะ จากคุณ : oh wow (oh wow) เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 19:44:36

ความคิดเห็นที่ 31   ผมเริ่มต้นด้วยเงิน เพียง2-3หมื่นเองครับ แต่ทำให้มันงอกเงิน เป็น แสน เป็นล้าน ซื้อบ้าน ซื้อรถได้ ก็เพราะ ค้าขายนี่แหละครับ ........................................................................ ตอนปี40 ทางบ้าน ทำกิจการโชว์ห่วย เจ๊ง (ขายโชว์ห่วย ยอดขายวันละแสนกว่าบาทแต่กำไรน้อยมาก ขายส่ง ช่วงเศรษกิจฟองสบู่ ยี่ปั้วขายแต่เงินสดเท่านั้น ประกอบกับ ห้างต่างชาติเริ่มบานเป็นดอกเห็ด เลยตัองปิดตัวลงครับ ช่วงนั้นครอบครัวเครียดมาก  ) ............................................................................ ปี43 ออกมาหางานทำเอง ค้าขายเล็กๆน้อยๆ ไม่มีเงินทุนเป็น แสนเป็นล้าน พอมีเงินเก็บส่วนตัว อยู่ 3หมื่นเศษๆ เลยเอาไปลงของเล็กๆน้อยๆ แต่ขายปลีก กำไรจะดีกว่าขายส่ง ค่อนข้างมาก เพียงแต่ยอดเงินจะน้อยกว่าเท่านั้น จากที่เคยกำเงินวันละแสนต้องมาเก็บเงินวันละ หลักพัน จากที่เคยนั่งร้านใหญ่โตต้องมานั่งแผงขายของ แต่ดีหน่อยที่ ของเรากำไรค่อนข้างดี อาศัย ซื้อมาขายไป ขยันซื้อของบ่อยๆ จนเดี๋ยวนี้จะ10ปีแล้วครับ ถึงจะพอลืมตาอ้าปากได้บ้าง .................................................................... ของพวกนี้ต้องใช้เวลาครับ จะให้ตัดสินว่าอยู่หรือไป เพียงแค่เงินทุนอย่างเดียวไม่พอครับ คุณต้องมีความอดทน รู้จักต่อยอดธุรกิจ มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ประหยัดไม่ใช้เงินนอกระบบ แล้วเวลาจะพาคุณไปพบกับความสำเร็จเอง จากคุณ : popvcd1 เขียนเมื่อ : 16 ก.ค. 52 22:43:07

ความคิดเห็นที่ 32   คุณทำงานเกี่ยวเกี่ยวกับรถปูนผสมเสร็จคุณก็ก็รู้ระบบเครื่องจักรดีทุกอย่างผมว่าคุณน่าจะมาทำพวกรับซ่อมรถโม่ปูนหรือผลิต/พัฒนาระบบให้ดีขึ้นให้ผู้ประกอบการลงทุนน้อยๆเขาก็มาใช้บริการของคุณผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ขายให้พวกผู้ประกอบการผลิตรถโม่ปูนขนาดเล็กๆสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยและอีกอย่างคือทำรกิจอะไรก็ได้ที่ถนัดและเป็นสินค้าที่มีความต้องสูงๆในขณะนี้ จากคุณ : atspro9@hotmail.com เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 18:19:02 A:125.24.132.151 X:

ความคิดเห็นที่ 33   ขอบคุณ คห32 ครับเหมือนเห็นแสงสว่างในอุโมงค์มือเลยครับ ทำถามว่าจะทำมาหากินอะไรดี นี่ตอบไม่ง่ายเลยนะครับ ความคิดยังวนๆอยู่เลยครับ จากคุณ : oh wow (oh wow) เขียนเมื่อ : 21 ก.ค. 52 19:22:38