ความคิดเห็นที่ 1 แผ่น 2 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:20:11

ความคิดเห็นที่ 2 แผ่น 3 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:21:30

ความคิดเห็นที่ 3 แผ่นที่ 4 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:21:51

ความคิดเห็นที่ 4 แผ่นที่  5 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:22:11

ความคิดเห็นที่ 5 แผ่นที่  6 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:22:29

ความคิดเห็นที่ 6 แผ่นที่  7 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:22:46

ความคิดเห็นที่ 7 แผ่นที่ 8 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:23:10

ความคิดเห็นที่ 8 แผ่นที่ 9 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:23:29

ความคิดเห็นที่ 9 แผ่นที่  10 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:23:47

ความคิดเห็นที่ 10 แผ่นที่  11 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:24:20

ความคิดเห็นที่ 11 แผ่นที่  12 จากคุณ : Beautybig เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:24:39

ความคิดเห็นที่ 12 จริงของเขาเลยครับ..... จากคุณ : ศุกร์เล็งลัคนา เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:39:48

ความคิดเห็นที่ 13 จริงค่ะ...ถูกทุกอย่าง...ถ้าไทยเราเปลี่ยนแปลงซักครึ่งหนึ่ง อย่างที่ฝรั่งบอกเราคงมีคนคุณภาพมากกว่านี้ในประเทศไทยค่ะ จากคุณ : onsky เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:47:26

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้ามองด้วยใจที่เปิดกว้าง  ก็จะเห็นว่าคำติแต่ละข้อนั้นแฝงไว้ด้วยแนวทางแก้ไขอยู่แล้ว   เพียงแค่เราสำรวจตัวเองว่าเป็นอย่างคำติในข้อนั้นๆ ไหม  ถ้าใช่  ก็เพียงแต่ทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม  แต่ถ้าไม่ใช่  เราก็ผ่านไปดูข้ออื่นๆ จากคุณ : รัษฎา เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 11:59:19

ความคิดเห็นที่ 15   สำหรับผม บอกตรงๆ เห็นด้วยอย่างที่สุด ตัวอย่างง่ายๆ ในที่ประชุมผมเห็นฝรั่งมันเถียงกันแทบเป็นแทบตาย (เรื่องงาน) พอออกมามันยิ้มแล้วไปกินข้าวกันเฉย ผมคิดว่าชาตินี้ไม่มีทางเกิดกรณีแบบนี้กับคนไทย เพราะชอบลากเรื่องงานมาเกี่ยวข้องกับเรื่องส่วนตัวตลอด จากคุณ : ปู๊นปู๊นปุบปับปั๊บปาป้า เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 12:01:01 A:10.29.37.62 X:203.144.139.234 TicketID:170723

ความคิดเห็นที่ 16 ถูกต้องเลยครับ คนไทยส่วนใหญ่เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ แต่ถ้า จขกท คิดว่าต่างชาติมันแต่ติ แต่ไม่สรุปแนวทางแก้ปัญหา ผมขอให้ลองเอากลับไปคิดใหม่ครับ คนดีๆอ่านแค่นี้ก็สมควรจะรู้ได้ด้วยตัวเองแล้วว่าสมควรจะแก้ไขยังไง ไม่จำเป็นต้องให้ต่างชาติมาเขียน how to สรุปให้มังครับ จากคุณ : CoollyCat เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 13:09:50

ความคิดเห็นที่ 17 ฝรั่งที่ว่ามา ทำงานที่ไหนเหรอครับ แล้วจะรู้ได้ไงว่า พูดออกมาจริง กลัวขบวนการไทยต้มไทย เนี่ยแหละ จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 13:14:04

ความคิดเห็นที่ 18 ต่างชาติก็ไม่ได้ดีกว่าคนไทยในบางเรื่องนะครับ การให้เกียรติ การให้ความเคารพ ความเกรงใจ น้ำใจ ผมว่ายังคงต้องมีและต้องใช้ในสังคมไทยนะครับ จะให้ปรับให้มีนิสัยการทำงานแบบต่างชาติทั้งหมดคงจะไม่ไหวนะครับ จากคุณ : ตาชิโบ เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 14:42:57

ความคิดเห็นที่ 19   ขอเสริมข้อเสียคนไทยอีกข้อหนึ่งคือชอบมองว่าฝรั่งดีกว่าเรา เห็นเป็นฝรั่งทำอะไรถูกหมด ทั้งที่ฝรั่งเลว ๆ ก็มีถมไป แต่พอเห็นหัวแดงหัวทองเดินมาต้องเทอดทูนไว้ก่อน จากคุณ : TLL01 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 15:23:19

ความคิดเห็นที่ 20 โดนครับ โดน จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 15:27:05

ความคิดเห็นที่ 21 ยอมรับว่าบางอย่างใช่จริงๆครับ ถึงเขาจะติแต่ติเืพื่อก่อ เป็นกระจกสะท้อนให้เราพัฒนาตนเอง อย่าไปว่าเขากลับ ว่าไม่ได้ดีกว่าคนไทยเลย เราต้องยอมรับและปรับปรุงให้ดีกว่าเขา จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 15:48:49

ความคิดเห็นที่ 22 นิสัยคนไทย เลยครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 15:57:06

ความคิดเห็นที่ 23 เป็นคำตำหนิ ที่มาพร้อมกับคำแนะนำ ชอบมาก ๆ เลยค่ะ จะพยายามพัฒนาตนเองต่อไปค่ะ ^^ จากคุณ : balahala เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:35:06

ความคิดเห็นที่ 24 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:38:18

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยทุกข้อเลย  ไม่ว่าใครเขียนก็ตาม จากคุณ : [[Pillow_P]] เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:42:59

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องแค่นี้ ไม่ต้องให้ฝรั่งมามองหรอกครับ ว่าเป็นข้อเสียของคนไทย คนไทยกันเองก็มองออก ... แต่ที่สำคัญ สาเหตุที่ต้องอ้างว่าเป็นข้อมูลจากมุมมองฝรั่ง ก็เพราะคนไทยบางกลุ่มมักดูถูกตัวเองว่าสมองด้อยกว่าชาวตะวันตก หรือต่างชาติทั้งหลายแหล่นั่นแหละ ซึ่งจริง ๆ แล้ว ข้อเสียเหล่านั้น ไม่ได้เฉพาะคนไทยหรอก ประเทศไหน ๆ ก็มีคนแบบนี้ทั้งนั้น ... จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 16:52:07

ความคิดเห็นที่ 27 โดนซะ .. จากคุณ : Pootalayw เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:12:12

ความคิดเห็นที่ 28 ทัศนคติต่อการเปลี่ยนแปลง คนไทยมักจะยึด ติดกับความเคยชินแบบเดิมๆ เคยทำมาอย่างไรก็จะทำอยู่อย่างนั้น ไม่ค่อยมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลง และถ้าฝรั่งเอาวิธีใหม่ๆ เข้ามาทำให้พวกเขาต้องทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม ก็จะถูกมองว่าเป็นการสร้างความรำคาญให้พวกเขา มักจะไม่ค่อยได้รับความร่วมืออย่างเต็มที่หรือไม่ก็ถึงกับถูกต่อต้านก็มี - เจฟฟรีย์ บาร์น ---------------------------- WBJ - ในวัฒนธรรมของชาติตะวันตกแล้ว การบริหารจะใช้แบบการสั่งการเป็นส่วนใหญ่ เพราะเนื่องจากได้ผลแบบฉาบฉวย และ ได้แสดงอำนาจของตนออกมาได้ อีกทั้งยังทำให้ปกปิดข้อบกพร่องของตนเองไว้ได้ด้วย ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่ผู้กล่าวลักษณะนี้จะพบว่ามีการต่อต้านจากสังคมคนไทยขึ้น การนำเอาทฤษฎี หรือ แนวทางปฏิบัติใดมาใช้กับคนไทย ต้องใช้ในลักษณะซึมซับ เพราะวัฒนธรรมของไทยนั้น ไม่ชอบการบังคับ ดังนั้นเมื่อเกิดการบังคับให้ต้องเปลี่ยนแปลงคนไทยยิ่งจะต่อต้าน ซึ่งนี่เป็นการบ่งชี้ให้เห็นถึงการขาดการบริหารการขัดแย้งของผู้ให้สัมภาษณ์ หรือไม่ ก็ต้องขึ้นกับสภาพแวดล้อมของผู้ให้มุมมองเหล่านี้ ซึ่งอาจจะไม่เป็นไปตามที่ผมกล่าวไว้ก็ได้ แค่วิเคราะห์ตามหัวข้อที่มีเท่านั้น จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:14:29

ความคิดเห็นที่ 29 การโต้แย้ง เมื่อมีการเจรจา คนไทยจะไม่กล้าโต้แย้งทั้งๆ ที่ตัวเองกำลังเสียเปรียบ ส่วนใหญ่มักจะปล่อยให้อีกฝ่ายเป็นคนคุมเกม บางคนบอกว่ามีนิสัยอย่างนี้เรียกว่า “ขี้เกรงใจ” แต่สำหรับฝรั่งแล้ว นิสัยนี้จะทำให้คนไทยไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร - ทานากะ โรบิน (จูเนียร์) ฟูจฮาระ --------------------------------------- WBJ - ผมคิดว่า เขาไมรุ้จักคนไทยจริงๆ คนไทยในตลาดสดเห็นด่ากัน เห็นโต้แย้งกันแบบถึงพริกถึงขิงมากๆ แต่เพราะคนไทยมีการปลูกฝังว่า ฝรั่งเก่ง ฝรั่งดี เขามีอะไรที่เหนือกว่าเรา มาเกินไป ทำให้จิตใต้สำนึกของคนไทยส่วนใหญ่เลยคิดว่า ฝรั่งคิดน่าจะถูกต้องกว่าคนไทยคิด นี่เป็นการปลูกฝังความคิดที่ผิดๆให้กับคนในประเทศของเรา ทำให้คนต่างชาติเอาจุดนี้มาด่าคนไทยเราทั้งประเทศ ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นเพียงข้อด้อยของพฤติกรรมของคนในชาติ ผมก็ยอมรับว่าจำนวนคนที่คิดว่าคนต่างชาติดีกว่าคนในประเทศมีจำนวนมาก แต่ไม่ใช่ทุกคน เพราะไทยที่ไม่เกรงใจฝรั่งพวกนี้ก็มีอีกมาก โดยเฉพาะคนที่ทำงานร่วมกับคนต่างชาติจะเห็นว่า จริงๆแล้ว คนไทยมีความคิด มีแนวทางการปฏิบัติได้ดีกว่าฝรั่งอย่างมาก ไม่อย่างนั้นจะมีคำว่า "ฝรั่งขี้นก" มาเปรียบเทียบกับคนต่างชาติหรือ.. จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:14:57

ความคิดเห็นที่ 30 ม่พูดสิ่งที่ควรพูด เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง ของคนไทยคือ มักจะไม่ค่อยกล้าบอกความคิดของตัวเองออกมาทั้งๆ ที่คนไทยก็มีความคิดดีไม่ไม่แพ้ฝรั่งเลย แต่มักจะเก็บความสามารถไว้ ไม่บอกออกมาให้เจ้านายได้รู้ และจะไม่กล้าตั้งคำถาม บางทีฝรั่งก็คิดว่าคนไทยรู้แล้วเลยไม่บอกเพราะเห็นว่าไม่ถามอะไร ทำให้ทำงานกันไปคนละเป้าหมาย หรือทำงานไม่สำเร็จ เพราะคนที่รับคำสั่งไม่รู้ว่าถูกสั่งให้ทำอะไร - ไมเคิล วิดฟิล์ค -------------------------------- WBJ - เรื่องนี้คนกล่าวอาจจะคิดผิดไป ไม่อย่างนั้นจะมีบทความและบทวิเคราะห์เหล่านี้หรือ? แต่สาเหตุที่คนไทยไม่กล้าตั้งคำถาม หรือ ไม่บอกให้เจ้านายรู้ ไม่ใช่เพราะไม่กล้า แต่จริงๆแล้วคนไทยเป็นสังคมของการใช้ภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาต่างชาติ ถึงแม้นเรียนมามากก็ยังพูดไม่ได้กันเยอะมาก การสื่อสารที่เป็นภาษาอังกฤษเลยไม่สามารถอธิบายได้อย่างที่ความคิดของเขา ต้องการ เอาแค่หัวแดงลองสั่งงานคนไทยเป็นภาษาไทยดูซิ เราก็จะบอกว่า พวกเจ้านายก็ไม่มีความคิด สั่งงานอะไรแบบแย่ๆ ออกมาก็ได้ ดังนั้น การมองในมุมเดียว ไม่ใช่มุมมองของคนที่ฉลาดจริงๆ ผมคิดเช่นนั้น จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:15:23

ความคิดเห็นที่ 31 ความรับผิดชอบ 1. ฝรั่งมองว่าคนไทยเรามักทำไม่ค่อยกำหนดระยะเวลาในการทำงานไว้ล่วงหน้า ทั้งๆทีงานบางชิ้นต้องทำให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดยิ่งงานไหนให้เวลาใน การทำงานนานก็จะยิ่งทิ้งไว้ทำตอนใกล้ๆ จะถึงกำหนดส่ง เลยทำงานออกมาแบบรีบๆ ไม่ได้ผลงานดีเท่าที่ ควร 2. ไม่ค่อยยอมผูกพันและรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าให้เซ็นชื่อรับผิดชอบงานที่ทำคนไทยจะกลัวขึ้นมาทันที เหมือนกับกลัวจะทำไม่ได้ หรือกลัวจะถูกหลอก - สเตฟานี จอห์นสัน ------------------------------------- WBJ - พฤติกรรมเช่นนี้มีในทุกๆชนชาติ ไม่ใช่ในประเทศไทยเท่านั้น ดังนั้น การกล่าวหาโดยยกพฤติกรรมของคนทั่วโลกมาให้คนไทยอย่างเดียวผมว่าไม่ยุติธรรม แต่การกล่าวเช่นนี้ถูกหรือไม่ ผมก็บอกได้ว่ามีคนไทยหลายๆคนเป็นเช่นนี้เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลไม่ใช่คนส่วนใหญ่ ถ้าคนไทยเป็นเช่นนี้ทุกคน บริษัทฯใหญ่ๆโตๆก็คงไม่เกิดขึ้นมาในไทยมากมายเช่นนี้ ปัญหาของจุดนี้คือ ฝรั่งบริหารคนไทยในพฤติกรรมของคนไทย หรือ เขาเอาแต่พฤติกรรมของเขามาบริหารงานคนไทย..? จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:15:45

ความคิดเห็นที่ 32 วิธีแก้ไขปัญหา คนไทยไม่ค่อยมีแผนการรองรับ เวลาเกิดปัญหา แต่จะรอให้เกิดก่อนแล้วค่อยหาทางแก้ไปแบบเฉพาะหน้า หลายครั้งที่ฝรั่งพบว่าคนไทยไม่รู้จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรต้องรอให้ เจ้านายสั่งลงมาก่อนแล้วค่อยทำตามถ้าเจ้านายไม่อยู่ทุกคนก็จะประสาทเสียไป หมด - ดร.มาเรีย โรเซนเบิร์ก ------------------------------------ WBJ - ฝรั่งนี่ก็แปลกเนอะ การที่เขาย้ายฐานการผลิตมาที่ไทย หรือ แม้นแต่เปิดธุรกิจในไทย ส่วนใหญ่ต้องการลดค่าใช้จ่าย และพยายามขยายตลาด โดยการลดค่าใช้จ่ายเพราะต้องการจ้างงานแรงงานถูกๆ ดังนั้น เมื่อได้แรงงานถูกๆ ผลก็จะได้อย่างที่เขากล่าว แต่ถ้าเขาได้แรงงานระดับดีๆไป เขาก็ต้องจ่ายให้แทบจะราคาเดียวกับประเทศของเขา ซึ่งเขาก็ไม่ยอมเช่นกัน ดังนั้น คนเหล่านี้เลยเอาพฤติกรรมของคนทำงานระดับล่าง มาเทียบกับคนไทยทั้งหมด ซึ่งผมคิดว่าไม่ถูกต้อง คนที่คิดแผนสำรองได้ ส่วนใหญ่ต้องได้รับการศึกษาในระดับค่อนข้างสูง การที่ผุ้กล่าวสามารถบอกเช่นนี้ได้ เพราะกำลังเอาพฤติกรรมส่วนตัว มาเทียบกับคนอื่น ดังนั้นจึงไม่ใช่เหตุผลที่สมควรมากนัก ถ้าผู้กล่าวเอาไปเปรียบเทียบกับคนในกลุ่มเดียวกัน ก็จะไม่มีข้อแตกต่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:16:07

ความคิดเห็นที่ 33 บอกแต่ข่าวดี คนไทยมีความเคยชินในการแจ้งข่าวที่แปลกมาก คือ 1. จะไม่กล้าบอกผู้บังคับบัญชาชาวต่างชาติเมื่อเกิดปัญหาขึ้น จนกระทั่งบานปลายไปเกินแก้ไขได้จึงค่อยเข้ามาปรึกษา 2. จะเลือกบอกแต่สิ่งที่คิดว่าเจ้านายจะชอบ เช่น บอกแต่ข่าวดีๆ แทนที่จะเล่าไปตามความจริงหรือถ้าหากเจ้านายถามว่า จะทำงานเสร็จทันเวลาๆไหม ก็จะบอกว่าทัน (เพราะรู้ว่านายอยากได้ยินแบบนี้) แต่ก็ไม่เคยทำทันตามเวลาที่รับปากเลย - โจนาธาน ธอมพ์สัน ------------------------------------- WBJ - การสื่อสารภาษาเป็นเรื่องสำคัญ คนไทยใช้ภาษาไทยภาษาเดียวตั้งแต่เกิด ดังนั้น ภาษาที่สอง จึงเป็นภาษารองๆที่เราจะศึกษากัน ซึ่งอาจจะเกิดจากจุดนี้ก็ได้ พฤติกรรมของคนไทยมักจะพยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุด พยายามทำด้วยตนเองให้มากที่สุด มันอาจจะเป็นทั้งข้อดีและข้อด้อยในตัว ทำให้เราไม่ทำงานเป็นทีม ไม่ปรึกษา แต่ก็เป็นจุดแข็งที่ทำให้เราสามารถแสดงศักยภาพของตนเองได้มาก และสามารถทำในเรื่องแต่ละเรื่องที่แต่ละคนถนัดได้รวดเร็วด้วยเช่นกัน นั่นก็ขึ้นอยู่กับทักษะของหัวหน้างานว่าจะใช้งานเป็นหรือไม่อย่างไร กรณีการ ทำงานที่ต้องรับผิดชอบ หรือ ประมาณการที่ต่ำกว่ากำหนด ก็มาจากการประเมินจากความรู้สึก เพราะคนไทย เมื่อมอบหมายงานแล้ว ก็จะพยายามรับผิดชอบงานที่รับมอบหมายให้ดีที่สุด ผลมาจากการทำงานและตัดสินใจของตนเองเป็นหลัก อาจจะไม่ใช่การต้องการบอกในคำที่เจ้านายอยากได้ยินก็เป็นได้ ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเช่นนั้น มันอาจจะมีเพียงบางกลุ่มคนเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:16:30

ความคิดเห็นที่ 34 คำว่า “ไม่เป็นไร” เป็นคำพูดที่ติดปากคนไทย ทุกคน ทำให้เวลามีปัญหา ก็จะไม่มีใครรับผิดชอบ และจะไม่ค่อยหาตัวคนทำผิดด้วยเพราะเกรงใจกัน แต่จะใช้คำว่า “ไม่เป็นไร” มาแก้ปัญญหาแทน - เจนิส อิกนาโรห์ ---------------------------------------- WBJ - คนไทยเป็นคนที่ไม่ชอบทำร้ายความรู้สึกเหมือนกับคนต่างชาติ ดังนั้น เมื่อระบบงานเกิดความผิดพลาด เราจะไม่ค่อยชอบหาคนที่ทำผิด แต่เราต้องการเพียงหาจุดที่ผิด แล้วแก้ไขจุดผิดเหล่านั้นเพื่อไม่ให้เกิดขึ้น มากกว่าการที่พยายามหาจุดผิดของใคร แล้วมาประนาม หรือ ให้เขารับผิดชอบไป แต่ไม่ได้แก้ไขสาเหตุจริงๆเหมือนฝรั่งบางประเทศ จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:16:54

ความคิดเห็นที่ 35 ทักษะในการทำงาน 1. ไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้ ถ้าทำงานเป็นทีมมักมีปัญหาเรื่องการกินแรงกันบางคนขยันแต่บางคนไม่ทำอะไรเลย บางทีก็มีการขัดแย้งกันเองในทีม หรือเกี่ยงงานกันจนผลงานไม่คืบหน้า 2. ไม่ค่อยมีทักษะในการทำงาน แม้จะผ่านการศึกษาในระดับสูงมาแล้ว และไม่ค่อยใช้ความพยายามอย่างเต็มทีเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด 3. พนักงานชาวไทยที่รู้จัก ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้สึกกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวของ โลกเท่าไรนัก และไม่ค่อยชอบหาความรู้เพิ่มเติมแม้จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงานก็ตาม - เดวิด กิลเบิร์ก ------------------------------------ WBJ - เรื่องการทำงานเป็นทีมนั้น เป็นจุดอ่อนของคนไทยก็จริง แต่การทำงานด้วยตัวของตัวเองของคนไทยนั้น เป็นจุดเด่น ดังนั้น ฝรั่งที่บริหารงานตามแนวฝรั่งจึงมักมีปัญหากับคนไทยในเรื่องนี้ แต่ถ้าฝรั่งที่บริหารตามความสามารถของบุคคลจริงๆ จะสามารถใช้งานคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ประสิทธิผลเต็มที่ การ ศึกษาระดับสูง ไม่ได้รับประกันว่าคนๆนั้นจะมีทักษะการทำงาน การกล่าวเช่นนี้เท่ากับผู้กล่าวไม่รู้ถึงสภาพความเป็นจริงทางการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นสภาพการศึกษาของคนไทยหรือต่างประเทศ ก็ไม่สามารถรับรองเรื่องนี้ได้แน่นอน ส่วนเรื่องความพยายามในการทำงาน หรือ การเรียนรุ้ก็ขึ้นกับปัจเจกบุคคล บางคนอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่บางคนก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น คนต่างชาติก็เป็นเช่นนี้เช่นกัน จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:17:18

ความคิดเห็นที่ 36 ระบบพวกพ้อง คนไทยมักจะนำเพื่อนฝูงมาเกี่ยว ข้องกับธุรกิจเสมอ ผมไม่เคยชอบวิธีนี้เลย ตัวอย่างเช่น การจัดซื้อข้าวของภายในสำนักงาน พวกเขามักจะแนะนำเพื่อนๆ มาก่อนโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ที่บริษัทควรจะได้รับ นี่เป็นประสบการณ์จริงที่ประสบมา การให้ความช่วยเหลือเพื่อนไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเลยเป็นอะไรที่แย่มาก และเมื่อพบว่าเพื่อนพนักงานด้วยกันทุจริต คนไทยก็จะช่วยกันปกป้อง และทำให้ไม่รู้ไม่เห็นจนกว่าผู้บริหารจะตรวจสอบได้เอง - มาร์ค โอเนล ฮิวจ์ -------------------------------------- WBJ - เรื่องนี้เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจก็จริง คนไทยบางคนเท่านั้นที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ คำถามง่ายๆคือ แล้วพฤติกรรมเช่นนี้ไม่มีในคนต่างประเทศหรือ? ถ้าตอบว่าไม่มีแสดงว่าคนในประเทศเขาไม่มีการโกงกินกันเลยหรือ ถ้ายังตอบว่าไม่มี แสดงว่าเขาคนนั้นไม่รู้จริง ต่อให้ประเทศที่มีแต่คนรวย หรือ มีระบบที่ไม่สามารถคอรัปชั่นได้ ก็ยังมีการคอรัปชั่น ไม่เชื่อไปดู PCI ดูได้ว่า ไม่มีประเทศใดได้คะแนนเต็ม ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ไม่มีคนในประเทศใดที่มีความสุจริต 100% เพียงแต่เขาไม่ยอมรับในความทุจริตเหล่านั้น และ พยายามปกป้องตนเองมากกว่า โดยใช้นิสัยการปกป้องตนเอง และ โดนปลูกความรู้สึกรักชาติให้มากๆ มาปกป้องประเทศชาติของเขาเท่านั้น จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:17:49

ความคิดเห็นที่ 37 แยกไม่ออกระหว่างเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว คน ไทยมักจะไม่รู้ว่าอะไรว่าอะไรคือเรื่องงาน และอะไรที่เรียกว่าเรื่องส่วนตัว พวกเขาชอบเอาทั้งสองอย่างนี้มาปนกันจนทำให้ระบบการทำงานเสียไปหมด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งขององค์กร 1. ชอบสอดรู้สอดเห็น โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของเพื่อนร่วมงาน 2. มักจะคุยกันเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานมากเกินไป บางครั้งทำให้บานปลายและนำไปสู่ข่าวลือ และการนินทากันภายในสำนักงาน 3. มักจะลาออกจากบริษัทโดยไม่ยอมแจ้งล่วงหน้าตามข้อตกลง แต่กลับคาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มที 4. ไม่ยอมรับความผิดชอบที่มีมากขึ้นในช่วงวิกฤติ 5. ต้องการเงินมากขึ้นแต่กลับไม ่ค่อยสร้างคุณค่างานอะไรเพิ่มขึ้นเลย - วิลเลี่ยม แมคคินสัน -------------------------------------------- WBJ - มันเป็นพฤติกรรมของคนบางคนเท่านั้น บางคนก็ไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้น และแน่นอนว่า ต่างชาติบางคนก็เป็นคนลักษณะนี้เช่นกัน พฤติกรรมเหล่านี้ผมก็เจอบ่อยๆ ซึ่งผมก็ไม่ชอบคนต่างชาติก็น่าจะไม่ชอบ แต่ก็แปลกว่า คนไทยกับคนต่างชาติ เหมือนกันอยู่อย่างคือ เอาแต่คนไม่ดีสักไม่กี่คน มาทำให้คนดีๆที่ทำเต็มที่ และไม่ได้ทำเช่นนี้ เสียไปด้วย จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:18:13

ความคิดเห็นที่ 38 นับถือระบบอาวุโส คนไทยให้เกียรติคนที่อายุ มากกว่ามากเกินไป จนไม่กล้าทำอะไรที่เรียกว่าเป็นการข้ามหน้าข้ามตา บางครั้งคนที่อายุน้อยกว่าอาจจะมีความคิดความสามารถมากกว่า แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกเพราะเกรงใจคนที่อายุมาก เป็นการทำลายโอกาสของตัวเอง และโอกาสของบริษัท -------------------------------------- WBJ - นี่เป็นวัฒนธรรมของคนไทย ซึ่งชาวต่างชาติขาดแคลน ฝรั่งมักมองว่าคนไทยใช้ลำดับฐานะเป็นเครื่องมือในการกีดกัน แต่ความเป็นจริงแล้ว การให้เกรียติซึ่งกันและกัน และการนับถือผู้อาวุโส หรือ มีประสบการณ์มากกว่า เป็นสิ่งที่คนไทยนั้นทำกันมา คนบางคนเท่านั้นที่เกรงใจคนอายุมากจนไม่กล้าที่เสนอผลงานของตัวเอง หรือ อาจจะโดนคนอายุมากกดขี่ แต่ถ้ามองในทางกลับกัน คนสูงอายุที่โดดเดี่ยวมากที่สุด ก็คือคนที่อยู่ในประเทศที่บอกว่าตัวเองเจริญ หรือ ไม่ต้องให้เกรียติผู้มีอาวุโสกว่า ซึ่งเขากำลังสร้างพื้นฐานความสำเร็จ เพื่อแลกกับความทุกข์ของตนเองในอนาคต เพราะเขาเองก็จะต้องเป็นคนสูงอายุที่โดดเดี่ยว และมีอัตราการฆ่าตัวตายมากที่สุด แต่ในทางกลับกันในสภาพของสังคมไทยในอดีต คนอายุมากๆของไทย กลับมาความสุขในการใช้ชีวิตร่วมกับญาติพี่น้อง ลูกๆ หลานๆ เพราะการนำเอาวัฒนธรรมที่ผิดๆเข้าประเทศ คนสูงอายุของไทยเป็นจำนวนมากที่เลี้ยงลูกแบบตามวัฒนธรรมแบบไม่ใช้ความคิด เลยสูญเสียความสุขในบั้นปลายไป การกล่าวถึง โอกาสของบริษัทฯ เท่ากับมองถึงประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก ซึ่งฝรั่งมักมองในจุดนี้เป็นหลัก บริษัทฯฝรั่งเลยต้องการเวลาทั้งหมดของคนทำงาน แต่กลับให้ค่าตอบแทนแค่เพียงพอต่อมีชีวิตอยู่เท่านั้นไม่มีทางรวยหรือ มีเงินเก็บมากมายได้ โดยใช้วัฒนธรรมองค์กรเพื่อสร้างค่าใช้จ่ายให้กับคนทำงาน เช่น หากตำแหน่งสูงขึ้น ก็จะพยายามให้เล่นกลอฟ หรือ ต้องซื้อบ้าน มีรถที่เหมาะกับฐานะ เป็นต้น เพื่อทำให้พนักงานที่มีรายได้สูงเหล่านั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทำให้พนักงานมีเงินเก็บน้อย ซึ่งเมื่อมีเงินเก็บน้อยก็จะต้องอยู่กับองค์กร เป็นพนักงาน ไม่สามารถออกไปเป็นเจ้าของบริษัทฯได้ แต่ก็ยังให้ความหวังเพียงเงินจากการเกษียร เพื่อไปตั้งตัวเท่านั้น แต่ถามหน่อยเถอะ คุณเคยเห็นคนเกษียรเปิดธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จ สักกี่คน ส่วนใหญ่ใช้จ่ายเงินที่ไม่เคยใช้กันจนหมด แล้วก็ต้องไปพึ่งพาญาติๆ หรือ ลูกหลานกันต่อไป... จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:18:52

ความคิดเห็นที่ 39 http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=wbj&month=06-2008&date=04&group=11&gblog=10 ผมเขียนไว้นานแล้วครับ และ ไม่อยากให้คนไทยดูถูกคนในชาติเราด้วยกัน ความเป็นจริงคนของพวกเขาก็มีลักษณะนิสัยเหมือนของเราทั้งนั้นทั่วโลก แต่มันดูแย่ที่คนไทย พยายาม ด่าคนไทยด้วยกันเองนะครับ... แค่ความคิดเห็นหนึ่งเท่านั้น... จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:20:24

ความคิดเห็นที่ 40 จริงครับ ที่ว่ามาคือข้อเสียของคนไทยจริงๆ   ต้องยอมรับ จากคุณ : eak1111 เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:22:38

ความคิดเห็นที่ 41 แต่ละคน แต่ละชนชาติ ก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ขี้นอยู่กับว่าจะบริหารยังไงเท่านั้นแหละ จากคุณ : Lazy Genius เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 17:49:51

ความคิดเห็นที่ 42 เอ่อคือ อ่านไปขำไป ผมทำงานกับฝรั่งอยู่เมืองนอก ผมว่ามันแย่กว่าคนที่เมืองไทยอีกนะ บริษัทที่ผมอยู่ก็มีมาตรฐานนะครับ แต่ผมว่าคนไทยยังทำงานดีกว่า แม้จะงานออกมาไม่ได้ที่สุด แต่ก็ไม่ได้แย่นะ ส่วนตัวเห็นด้วย แค่บางข้อเท่านั้น เช่นเรื่องการยุ่งเรื่องส่วนตัว แต่ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยนะครับ มันอยู่ที่องค์กร การบริหาร แล้วก็คุณภาพคนมากกว่า จากคุณ : thetoppy เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 21:32:00

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นด้วยกับพี่วิบูลย์เกือบทุกข้อ  ยกเว้นข้อนี้ค่ะ 2. ไม่ค่อยมีทักษะในการทำงาน แม้จะผ่านการศึกษาในระดับสูงมาแล้ว และไม่ค่อยใช้ความพยายามอย่างเต็มทีเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด ไม่ต้องมองต่างชาติด้วย  คนไทยด้วยกันนี่แหละ  เอาแค่รุ่น20-30ปีก่อน  กับรุ่นนี้ สมัยก่อนจบป.ตรีมา  ทำงานได้จริงๆมีความสามารถจริง  แต่สมัยนี้บางคนจบมาแบบไม่รู้จบมาได้ไง  -_-'  เรียนบัญชีมาแต่ไม่รู้เรื่องอัตราเงินเฟ้อ  เรียนพาณิชย์มาแต่พิมพ์ดีดไม่เป็น  เรียนรัฐศาสตร์มาแต่คิดว่าประชากรโลกมี2พันล้านคน -*-  มึนหัว  ย้ำ...แค่บางคนนะคะ เดี๋ยวนี้เหมือนเรียนไปงั้นๆ  เรียนๆไปเดี๋ยวก็จบ  จบมาแบบไม่รู้อะไรเลยก็มี  ???  วิทยานิพนธ์ก็จ้างทำเอา  เร่งให้เรียนจบตั้งแต่อายุน้อย เรียนจบสูงๆ แต่จบมาแบบกลวงโบ๋มาก  ท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองสอบเสร็จก็ลืม ระดับล่างนี่ไม่เท่าไหร่หรอก  แต่ระดับกลางหรือบน  เคยตั้งคำถามกับตัวเอง(หรือถามออกมาดังๆไหมคะ)  ว่า "เด็กคนนี้มันจบป.ตรีมาได้ไง(วะ)  ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง" จากคุณ : กุนซือเอกแห่งรัฐวุ่ย เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 22:13:24

ความคิดเห็นที่ 44   เพิ่มเติมให้น้องกุ่ย อิอิ จบมายังไง?? ทำไม่เป็นซักอย่าง ??? แถมมันไม่มีความอดทนเล้ย ??? เพ้อเจ้อ...อยากทำน้อย แต่ได้เยอะๆ ???? ขอสูตรสำเร็จ แบบมาม่า...ไม่หาความรู้เองก่อนเล้ย ทั้งที่กูเกิ้ลช่วยคุณได้ จากคุณ : มิมิแพนด้า เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 22:37:37 A:124.122.95.137 X: TicketID:203997

ความคิดเห็นที่ 45 ผมเห็นแย้งทุกข้อ... นั่นมันไม่ใช่ลักษณะนิสัยของคนไทย มันเป็นลักษณะนิสัยของผู้ที่ล้มเหลวในองค์กร... ปัญหาหลักที่คนไทยขาด คือเรื่องภาษา.... และทักษะในการนำเสนอ การโต้แย้ง..  ไม่พูดสิ่งที่ควรพูด ฯลฯ มาจากปัญหาข้างต้นทั้งนั้น ผมค่อนข้างเข้าใจลำบากที่เราเรียนภาษาต่างประเทศด้วยสำเนียงไทย... ผมไม่รู้สึกว่า ฝรั่งน่ารักเวลาเค้าพูดภาษาไทย แล้วผมฟังไม่รู้เรื่อง... เพราะสำเนียงมันเพี้ยนสิ้นดี เด็กจบมหาลัยเรียนภาษาที่สอง คือภาษาอังกฤษเป็นสิบๆปี แต่ส่วนใหญ่สื่อสารกับชาวต่างชาติไม่ได้... จะเรียนมาทำไมเป็นสิบๆปี???? เสียทั้งเวลาเสียทั้งเงิน..... ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะมีการปฏิวัตการศึกษา ด้านภาษาเสียที... ผลที่ได้ก็ออกมาไม่รู้กี่รุ่นแล้ว.. ยังไม่หัดเอาไปปรับปรุง.... ผมทำงานกับชาวต่างชาติหลายคน... เชื่อว่าวัฒนธรรม ของแต่ละประเทศมันต่างกัน... มีดีมีเสีย แตกตางกันอย่างเทียบกันไม่ได้..ไม่งั้นมันไม่ต้องจ้างคนไทยให้ทำธุรกิจในประเทศไทย... จ้างคนยี่ปุ่น ให้ทำธรุกิจในยี่ปุ่น.. ฯลฯ ค่านิยมที่ไม่ฉลาดของคนไทย คือการเทิดทูนคนต่างชาติ... บอกอะไรมาต้องดีต้องถูกเสมอ... แค่ presentation ที่เจ้าของกระทู้ post มา ผมถามหน่อย ชื่อแต่ละคนที่เขียนใต้ slide คุณรู้จักซักคนมั๊ย???? เป็นนายหมา นายแมวมาจากใหนยังไม่ทราบเลย... เห็นเป็นชาวต่างชาติ ก็เชื่อเสียก่อนแล้ว ว่ามันพูดถูก น่าเชื่อถือ...... ผมทำงานกับชาวต่างชาติมากพอ ที่จะทราบได้ว่า คุณภูมิใจได้เลยที่เป็นคนไทย.... นอกจากด้านภาษาแล้ว ความสามารถด้านอื่นๆ เรานำ ระดับประเทศ รอบๆบ้านไกล้เรือนเคียงเราทั้งนั้น.... ผมทำงานกะคนยุโรป, เมกา, เอเชีย ฯลฯ... ที่เห็นเก่งๆ ก็เจอฟิลิปปินส์ แล้วก็อินเดีย... จะว่าอินเดียวเก่ง ก็ไม่เชิง เพราะประเทศ มีคนมหาศาล ที่มาทำงาน กะเรานี่ คัดระดับ ไม่ถึง 0.001 ของประชากรที่ หัวกระทิ ที่สุดมาแล้ว... พอซักที่เถอะครับ ค่านิยมดูถูกตัวเอง.... อย่านิยมอะไรที่บ่อนทำลายตนเองและประเทศชาติแบบนี้เลย.. จากคุณ : MESMERIC เขียนเมื่อ : 30 ก.ค. 52 23:39:11

ความคิดเห็นที่ 46 แต่ว่าวันก่อนผมได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนเกาหลี   เค้าบอกว่า คนของประเทศเค้า ทำอะไรด้วยความรีบเร่ง กินข้าว 5 นาที เป็นต้น  เพื่อที่จะเอาเวลาไปทำงาน พัฒนาประเทศ  เพราะประเทศเค้าไม่มีอะไรเลย...  เค้าอิจฉาประเทศเรามาก ที่มีชายหาดสวยๆ มีต้นมะพร้าว ต้นกล้วย มีภูเขา มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์....  ประเทศเค้าทั้งหนาว แถมยังมีสงคราม ถ้าไม่มีงาน เค้าก็คงอดตายไม่มีอะไรกิน ไม่เหมือนเรา ที่ยังเก็บเอากล้วยมากินได้ (ดูมันคิดสิ)    จนทุกวันนี้ ประเทศเค้าเป็นประเทศที่เจริญ ติดอันดับสิบของประเทศที่เจริญแล้ว (เหรอ ไม่รู้นะ เค้าบอกมา)    อย่างไรก็ตามเค้าก็ยังอิจฉาเราอยู่ดี ที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์  เค้าบอกว่า เค้า Amazing มากเวลามาไทยแล้วเห็นต้นมะพร้าวตามชายหาด....       หลังจากสิ้นสุดบทสนทนา  ผมกลับรู้สึกว่า ผมอิจฉาประเทศเค้าที่ ทรัพยากรบุคคล ของประเทศเค้าดีกว่าประเทศเราเยอะมากๆ  ถามว่าหัวสมองของผมกับเค้า ต่างกันมั๊ย (ผมว่าบางเรื่องผมฉลาดกว่าเค้า แต่ก็พูดไม่ได้ ผมจบ Engineer เค้าจบ Arts)        ส่วนประเด็นของกระทู้นี้ ผมเห็นด้วยนะ   แต่ก็เชื่อว่านิสัยแบบนี้ฝรั่งก็มี ปัญหาส่วนใหญ่คือ Attitude Problem ซึ่งผมก็เชื่อว่า คนเหมือนกัน ต่างกันแค่เชื้อชาติ วัฒนธรรม แต่ความคิด บางอย่างมันไม่ได้ต่างกันหรอก ยิ่งในโลกที่แคบลง แคบลงทุกๆ วัน จากคุณ : NO one see ME เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 00:23:42

ความคิดเห็นที่ 47   อืม...อะไรที่มีประโยชน์ก็เก็บมาพัฒนาตน อะไรที่ไม่ใช่ก็อย่าเอามารกสมอง....เนอะ จากคุณ : Pampang เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 07:50:08

ความคิดเห็นที่ 48 ที่ผมเห็นชัดๆ อยู่อย่างนะครับ คนไทยไม่เก่งเรื่องทีม อย่างกีฬาอะไรที่แข่งเป็นทีม เราจะไม่ค่อยจะรุ่งสักเท่าไร กีฬาที่แข่งเดี่ยวๆ เช่น มวย  เทวันโด  ยกน้ำหนัก  เราจะมีโอกาสรุ่งได้มากกว่า แต่กีฬาที่เราเราเก่งเรื่องทีมที่เด่นๆก็มี เช่น ตะกร้อ อะไรที่แย่ๆ เราเก็บมาปรับปรุงตัว ก็ดีเหมือนกันนะครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 52 09:04:56 จากคุณ : mr.wisdom เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 09:02:55

ความคิดเห็นที่ 49 ที่คนไทยทำงานเป็นทีมไม่เก่งคือไม่เข้าใจบทบาทตนเอง บทบาทผู้อื่น และไม่เคารพผู้อื่น อีกทั้งระบทการอัพเกรดของคนไทยมันจะอัพทีละคน ดังนั้นเวลาทำงานเป็นทีมก็จะพยายามชิงดีชิงเด่นกัน ถ้าระบบอัพเกรดของไทยมันอัพไปทีเดียวทั้งกระบิอะไรๆมันคงดีขึ้น แต่ยังไงพื้นฐานของการทำงานเป็นทีมคือเข้าใจบทบาท ถ้ายังไม่เข้าใจก็ยากที่จะสำเร็จ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 10:11:22

ความคิดเห็นที่ 50 ถูกที่สุดดดดดดดดดด จากคุณ : eizagi เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 10:13:35

ความคิดเห็นที่ 51 เท่าที่ฟังๆมา น่าจะเป็นเรื่องธรรมชาติทั่วๆไปของมนุษย์มากกว่าข้อบกพร่องหรือลักษณะพิเศษของเชื้อชาตินั้นๆ และการสื่อสารที่ยังไม่สมบูรณ์จากความแตกต่างกันของภาษา จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 10:20:14

ความคิดเห็นที่ 52 มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทั้งส่วนของต้นเรื่องและส่วนของพี่จุง จริงอยู่มันไม่ใช่จะเป็นลักษณะนิสัยของคนไทย 100% ชาติไหนก็มีแบบนี้เหมือนกัน แต่จะมาแย้งว่า "ไม่จริงๆ เราไม่ได้เป็นอย่างนี้ อย่ามาดูถูกเรา อย่ามาดูถูกชาติเดียวกันเอง" อันนี้ก็ไม่เห็นด้วย เพราะก็ต้องยอมรับว่า "ส่วนใหญ่" ของแรงงานภาคธุรกิจในประเทศไทย เป็นแบบนี้จริงๆ คนที่อยู่ในธุรกิจส่วนบนๆ ที่ได้รับเอาแรงงานชั้นดีในระบบไป คุณอยู่ในส่วนปลายของกราฟ แล้วตรงส่วนระฆังตรงกลางของกราฟล่ะ เป็นแบบนี้จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ยอมรับข้อบกพร่อง ก็ไม่มีการแก้ไขเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นยอมรับแล้วแก้ไขเสียดีกว่า จากคุณ : สาวน้อยร้อยแปด เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 12:43:48

ความคิดเห็นที่ 53 คนให้สัมภาษณ์ใต้ Powerpoint พวกนี้คือใครครับ ไม่รู้จักสักคน??? แล้วแต่ละคนเป็นผู้บริหารที่ไหนบ้างครับ... แก้ไขเมื่อ 31 ก.ค. 52 15:41:48 จากคุณ : TT@BKK เขียนเมื่อ : 31 ก.ค. 52 15:33:09

ความคิดเห็นที่ 54 มีคำกล่าวไว้ว่า เมื่อประมาณ 2000 กว่าปีที่แล้ว คนดี คือ คนที่มีคุณสมบัติทั้งหมด 4 ประเภท 1. ไม่พูดถึงเรื่องไม่ดีของคนอื่น แม้จะไม่ถูกถามถึง 2. ไม่พูดถึงเรื่องไม่ดีของคนอื่น แม้จะถูกถามถึง 3. ไม่พูดเรื่องดีของตน  แม้จะถูกถามถึง 4. ไม่พูดเรื่องดีของตน แม้จะไม่ถูกถามถึง เหล่าผู้เชื่อ กฏ หรือ คำประกาศ (Define) เหล่านั้น ต่างคิดว่า กฏเพียง 4 ข้อสามารถ แยกกลุ่มคนออกได้ 2 ประเภทจริงๆ แล้วถ้าถามกลับมาว่า กฏ 4 ข้อ นั้นแยกคนออกเป็น 2 ประเภทได้หรือไม่ คำตอบคือได้  ได้ตลอดสภาพแวดล้อมตลอดชีวิต และ ประสบการณ์ของผู้ตั้งกฏ (ในช่วงเวลาที่คนผู้นั้นเริ่มสังเกตุ และตั้งกฏเกณฑ์) เช่นกัน Slide แต่ละ Slide เกิดจากคน ต่างคนกัน ที่อยู่ใน "ช่วงเวลาที่ต่างกัน" และ "สภาพแวดล้อมที่ต่างกัน" ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น "10 ความคิดเห็น เกี่ยวกับ Internet ในปี 1995 ในมุมมองของ ชาวบ้านอำเภอ บางระจัน" กับ "10 ความคิดเห็น เกี่ยวกับ Internet ในปี 2009 ในมุมมองของ ชาวกรุงเทพ" จะเห็นว่า คำถาม เป็นคำถามเดียวกัน ต่างกันที่ ระยะเวลา และ มุมมอง "อย่า เชื่อ เมื่อรับข้อมูลจากแหล่งๆเดียว" เวลา 14 ปี สามารถทำให้เด็กคนนึงเกิดมา และ เรียนจนจบ ป6 ได้ เลยเชียวนะครับ และ "ข้อพบเห็นเพียงแค่ 11 ข้อ ไม่สามารถแบ่ง คนไทย และ คนทั้งโลก ออกจากกันได้อย่างหมดจด เช่นกัน" สุดท้าย ถ้าถามผมว่า Slide ตรงมั้ย ขอตอบว่า >>>มีบางส่วนที่เห็นได้ว่า พฤติกรรมซึ่ง ชาวต่างชาติบางคนมองคนไทย ซึ่ง ปัจจุบัน มีคนไทยบางส่วนเป็นเช่นนั้น แล้วจะแก้ไขอย่างไร >>>ในระดับบุคคล ผมคิดว่าเราควรมีการเพิ่ม "ความคิดได้" ให้กับคนในประเทศ หลักสูตรการสอนของไทย สอนคนให้เรียน ตั้งแต่ อนุบาล ปฐม มัธยม แต่ไม่ยักกะมีวิชาชื่อ "การศึกษา" ที่บอกให้ละเอียดว่า ทำไมคนเราถึงต้องเรียน นอกจากนี้ยังไม่มีวิชา "ประเทศชาติ" เพื่อบอกให้รู้ถึงความสำคัญของการอยู่ร่วมกัน และนอกเหนือจากนี้ จากสถานการณ์ปัจจุบัน ผมคิดอยู่เสมอว่า น่าจะมีวิชาอีกวิชานึง รวมเข้าไปด้วย คือวิชา "ความถูกต้อง" ซึ่งสอนให้คนไทย ค้นหาและแยกแยะข้อมูล ระหว่าง สิ่งที่ถูกและ สิ่งที่ผิด แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 22:50:44 แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 22:49:42 แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 22:49:04 แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 01:21:56 แก้ไขเมื่อ 01 ส.ค. 52 01:21:02 จากคุณ : Snowwave เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 01:02:00

ความคิดเห็นที่ 55 สัตตบุรุษ... จากคุณ : kkkai525 เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 10:56:41

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้าช่วยกันคิดแนวทางการแก้ปัญหาจะดีมากเลยครับ จากคุณ : ออสระโอ (ออสระโอ) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 11:52:54

ความคิดเห็นที่ 57 ผมว่าที่กล่าวมาทั้งหมดมันมีในคนทุกชาติทุกภาษาแหละครับ ถ้าฝรั่งมันดีจริงทำไมเกิดเหตุการณ์ฉ้อโกงต่าง ๆมากมายในประเทศของมัน ถ้ามันดีจริงทำไมจึงเกิดเหตุการณ์"วิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์"ละครับ เพราะจริง ๆแล้วผมว่าฝรั่งผิวขาวนี้แหละครับเป็นจอมโกงตัวพ่อเลยละครับ ในประวัติศาสตร์ที่ผ่าน ๆมามีแต่พวกมันละครับที่อาศัยความเจริญทางด้านการทหารปล้นสดมภ์ทรัพยากรของแต่ละประเทศแต่ละทวีปที่เค้าเคยอยู่กันอย่างสงบสุขจนแทบจะสูญสิ้นเผ่าพันธ์ไปเช่น พวกอินคา พวกมายา พวกอินเดียนแดงในอเมริกาใต้และอเมริกา หรือแม้แต่พวกเอเซียหรืออัฟริกา ก็ถูกมันปล้นสดมภ์จแทบไม่เหลือทรัพยากรธรรมชาติใด ๆอยู่เลย ของประเทศเราที่เห็นชัดเจนคือ ป่าไม้และแร่ดีบุก ที่ปัจจุบันแทบจะไม่เหลือให้เห็นแล้วไงละครับ. จากคุณ : แคบ ซุ่มซ่าม (แคบ ซุ่มซ่าม) เขียนเมื่อ : 1 ส.ค. 52 14:04:09

ความคิดเห็นที่ 58 ปัญหาก็คือต่างชาติบางคนไม่มองว่าตัวเองอยู่ในระดับ "ผู้บริหาร" แต่คนไทยอยู่ในระดับ "ลูกจ้างที่เป็นพนักงานเบื้องล่างที่ต้องทำตามคำสั่ง"   มีการตำหนิว่าทำไมพนักงานพวกนี้ไม่มองอนาคตไกลๆอีก 5 ปี 10 ปี ทำไมไม่วางแผนการทำงาน ทำไมไม่เสนอความเห็นปรับปรุงสิ่งใหม่ๆ ฯลฯ พนักงานแค่รายได้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 200 บาท เค้าแค่เอาตัวเองเอาครอบครัวรอดในพรุ่งนี้มะรืนนี้ได้ก็เก่งแล้วครับท่าน ! ! จากคุณ : ทังโคริริน เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 16:44:19

ความคิดเห็นที่ 59 ที่ยกมาเป็นบางข้อเท่านั้นที่ถูก เรื่องภาษาคือสิ่งสำคัญที่ทำให้คนไทยกลัวฝรั่งไม่กล้าพูดด้วย  และ ฝรั่งก็รู้ข้อนี้ดีเลยมักเอาเป็นจุดมาข่มคนไทย และ เอาเปรียบคนไทยเพราะความด้อยด้านภาษาของคนไทย แม้แต่ระดับผู้บริหารคนไทยบางคนไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ แต่มักทำทีท่าว่าพูดกับฝรั่งรู้เรื่องเอาไว้แสดงกับลูกน้องว่าคุยกับฝรั่งได้ แต่ความจริงคือ มักจับใจความรายละเอียดได้น้อย  เวลาฝรั่งให้นโยบายมามักไม่กล้าเถียงแต่จะมาบีบเอากับลูกน้องคนไทยว่าฝรั่งสั่งซึ่งสาเหตุเริ่มมาจากไม่เก่งภาษาอังกฤษนั่นเอง สุดท้ายถ้าตัดปัญหาเรื่องภาษาออกไป จากคุณสมบัติทั่วๆไป ฝรั่งไม่ได้เก่งกว่าคนไทยแต่ขี้เกียจกว่า  และเรียกร้องค่าตอบแทนมากกว่า ครับ จากคุณ : MeteoStorm เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 18:23:53

ความคิดเห็นที่ 60 ถ้ามีความคิดเห็นจากเจ้านายคนไทย ก็คงจะดีนะ เพราะ ทำงานกับเจ้านายคนไทย เขาจะดูแลลูกน้องไม่เหมือน ฝรั่งหรือญี่ปุ่น เจ้านายฝรั่งและญี่ปุ่น จะกดดันลูกน้องมากๆ แต่เจ้านายคนไทย ไม่เป็นเช่นนั้นเลย จากคุณ : N'Wan เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 18:43:36

ความคิดเห็นที่ 61   หาเหตผล ว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงได้กล่าวอย่างนั้น อย่ามัวแต่มานั่งแย้งว่าข้อนี้ใช่ข้อนี้ไม่ใช่ มันไม่เป็นประโยชน์ จะทำให้ปัญหามันมากขึ้นกว่าเดิม เวลาถ้ามีคนอื่นหรือ ชาวต่างชาติจะได้ตอบได้ ตอบเจ้าของกระทู้ ถ้าทำความเข้าใจเหตุผลต่างๆที่ บุคคลที่ว่าเป็น"ผู้บริหาร"กล่าวมาได้ท่านก็จะได้คำตอบครับ ปล.คำตอบหรือคำถามทุกอย่างมี ปัจจัย เหตุผลและบริบพ ต่าง กันตามแต่เวลาและสถานที่ ฉะนั้นจงทำความเข้าใจ ไม่ใช่ หาคำตอบถูกผิด เพราะ จะทำให้เกิดสาเหตุการทะเลาะ กันไม่จบไม่สิ้น ปล.นี่เป็นแค่ความคิดของผม อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกหรือสิ่งที่คนอื่นต้องการก็ได้ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : พอดีกดมาดู เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 20:46:29 A:58.10.33.39 X: TicketID:226612

ความคิดเห็นที่ 62 ผมมองว่า ถ้าฝรั่งคนไหน ได้ประโยชน์จากองค์กรนั้น ก็จะสรรเสริญ กันไป ลองฝรั่งเสียเปรียบ ไม่ได้ดั่งใจดูสิครับ เหตุผล 108-1009 มาเหมือนกัน ผลประโยชน์ เป็นตัวตัดสิน แท้ๆ เลย คนไทยส่วนมากคนพุทธนี่ครับ เดินทางสายกลาง รู้จักบาปบุญคุณโทษ ฯลฯ จากคุณ : Mikeschweiz เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 52 23:17:23

ความคิดเห็นที่ 63 ทัศนคติต่อการเปลี่ยนแปลง คนไทยมักจะยึด ติดกับความเคยชินแบบเดิมๆ เคยทำมาอย่างไรก็จะทำอยู่อย่างนั้น ไม่ค่อยมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลง และถ้าฝรั่งเอาวิธีใหม่ๆ เข้ามาทำให้พวกเขาต้องทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม ก็จะถูกมองว่าเป็นการสร้างความรำคาญให้พวกเขา มักจะไม่ค่อยได้รับความร่วมืออย่างเต็มที่หรือไม่ก็ถึงกับถูกต่อต้านก็มี - เจฟฟรีย์ บาร์น ---------------------------- WBJ - ในวัฒนธรรมของชาติตะวันตกแล้ว การบริหารจะใช้แบบการสั่งการเป็นส่วนใหญ่ เพราะเนื่องจากได้ผลแบบฉาบฉวย และ ได้แสดงอำนาจของตนออกมาได้ อีกทั้งยังทำให้ปกปิดข้อบกพร่องของตนเองไว้ได้ด้วย ดังนั้น ไม่แปลกเลยที่ผู้กล่าวลักษณะนี้จะพบว่ามีการต่อต้านจากสังคมคนไทยขึ้น การนำเอาทฤษฎี หรือ แนวทางปฏิบัติใดมาใช้กับคนไทย ต้องใช้ในลักษณะซึมซับ เพราะวัฒนธรรมของไทยนั้น ไม่ชอบการบังคับ ดังนั้นเมื่อเกิดการบังคับให้ต้องเปลี่ยนแปลงคนไทยยิ่งจะต่อต้าน ซึ่งนี่เป็นการบ่งชี้ให้เห็นถึงการขาดการบริหารการขัดแย้งของผู้ให้สัมภาษณ์ หรือไม่ ก็ต้องขึ้นกับสภาพแวดล้อมของผู้ให้มุมมองเหล่านี้ ซึ่งอาจจะไม่เป็นไปตามที่ผมกล่าวไว้ก็ได้ แค่วิเคราะห์ตามหัวข้อที่มีเท่านั้น ============= ไม่เห็นด้วย ความเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายไม่ใช่สิ่งที่จะต้องซึมซับ แต่จะเป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับที่ทุกคนต้องเปลี่ยนหน้าที่ตนเอง ต้องขวนขวายพยายามที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ถ้ามององค์กรณ์ของคนไทย โดยเฉพาะพวก องค์กรณ์ที่มีคนแก่เยอะๆๆๆ (รัฐวิสาหกิจ) หรือ ธุรกิจครอบครัว จะเห็นได้ชัดว่าคนไทยต่อต้านการเปลี่ยนแปลง จริงๆฝรั่งก็เป็นเหมือนกัน มนุษย์สวนมากจะต่อต้านการเปลี่ยนแปลง เพราะจะกลัวในสิ่งที่ตนเองไม่รู้เสมอ และจะกลัวว่าตนจะทำไม่ได้ ฯลฯ แต่อย่างที่คุณ WBJ ว่า ด้วยการทำงานที่เป็น "ระบบ" มากกว่า ทำให้การเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้ง่าย ถ้าอยากมองตัวอย่างก็ดูเลย การบินไทย และรัฐวิสาหกิจอื่นๆที่เป็นเสือนอนกิน (หรือหลายที่ที่เป็นเสือนอนตาย) จากคุณ : ! o_o ! (! o_o !) เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 02:17:12

ความคิดเห็นที่ 65 ความรับผิดชอบ 1. ฝรั่งมองว่าคนไทยเรามักทำไม่ค่อยกำหนดระยะเวลาในการทำงานไว้ล่วงหน้า ทั้งๆทีงานบางชิ้นต้องทำให้เสร็จภายในระยะเวลาที่กำหนดยิ่งงานไหนให้เวลาใน การทำงานนานก็จะยิ่งทิ้งไว้ทำตอนใกล้ๆ จะถึงกำหนดส่ง เลยทำงานออกมาแบบรีบๆ ไม่ได้ผลงานดีเท่าที่ ควร 2. ไม่ค่อยยอมผูกพันและรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์อักษร ถ้าให้เซ็นชื่อรับผิดชอบงานที่ทำคนไทยจะกลัวขึ้นมาทันที เหมือนกับกลัวจะทำไม่ได้ หรือกลัวจะถูกหลอก - สเตฟานี จอห์นสัน ------------------------------------- WBJ - พฤติกรรมเช่นนี้มีในทุกๆชนชาติ ไม่ใช่ในประเทศไทยเท่านั้น ดังนั้น การกล่าวหาโดยยกพฤติกรรมของคนทั่วโลกมาให้คนไทยอย่างเดียวผมว่าไม่ยุติธรรม แต่การกล่าวเช่นนี้ถูกหรือไม่ ผมก็บอกได้ว่ามีคนไทยหลายๆคนเป็นเช่นนี้เหมือนกัน แต่ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลไม่ใช่คนส่วนใหญ่ ถ้าคนไทยเป็นเช่นนี้ทุกคน บริษัทฯใหญ่ๆโตๆก็คงไม่เกิดขึ้นมาในไทยมากมายเช่นนี้ ปัญหาของจุดนี้คือ ฝรั่งบริหารคนไทยในพฤติกรรมของคนไทย หรือ เขาเอาแต่พฤติกรรมของเขามาบริหารงานคนไทย..? ================ อันนี้ก็จริงอีก เอาง่ายๆ ถ้าคุณคิดว่าการทำงานถึง 9 โมงเย็น โดยไม่ได้โอที ชาตินี้คุณก็ไม่ยอมทำ คุณเป็น "คนไทย" ในนิยามนี้แล้วล่ะ การทำงาน คือต้องทำงานให้เสร็จ ให้ดี ในเวลาที่กำหนด ไม่ใช่ทำเช้าชามเย็นชาม 5 โมงเย็นกลับบ้าน ไร้สาระมากๆ จากคุณ : ! o_o ! เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 02:21:24

ความคิดเห็นที่ 66 นับถือระบบอาวุโส คนไทยให้เกียรติคนที่อายุ มากกว่ามากเกินไป จนไม่กล้าทำอะไรที่เรียกว่าเป็นการข้ามหน้าข้ามตา บางครั้งคนที่อายุน้อยกว่าอาจจะมีความคิดความสามารถมากกว่า แต่ก็ไม่กล้าแสดงออกเพราะเกรงใจคนที่อายุมาก เป็นการทำลายโอกาสของตัวเอง และโอกาสของบริษัท -------------------------------------- WBJ - นี่เป็นวัฒนธรรมของคนไทย ซึ่งชาวต่างชาติขาดแคลน ฝรั่งมักมองว่าคนไทยใช้ลำดับฐานะเป็นเครื่องมือในการกีดกัน แต่ความเป็นจริงแล้ว การให้เกรียติซึ่งกันและกัน และการนับถือผู้อาวุโส หรือ มีประสบการณ์มากกว่า เป็นสิ่งที่คนไทยนั้นทำกันมา คนบางคนเท่านั้นที่เกรงใจคนอายุมากจนไม่กล้าที่เสนอผลงานของตัวเอง หรือ อาจจะโดนคนอายุมากกดขี่ แต่ถ้ามองในทางกลับกัน คนสูงอายุที่โดดเดี่ยวมากที่สุด ก็คือคนที่อยู่ในประเทศที่บอกว่าตัวเองเจริญ หรือ ไม่ต้องให้เกรียติผู้มีอาวุโสกว่า ซึ่งเขากำลังสร้างพื้นฐานความสำเร็จ เพื่อแลกกับความทุกข์ของตนเองในอนาคต เพราะเขาเองก็จะต้องเป็นคนสูงอายุที่โดดเดี่ยว และมีอัตราการฆ่าตัวตายมากที่สุด แต่ในทางกลับกันในสภาพของสังคมไทยในอดีต คนอายุมากๆของไทย กลับมาความสุขในการใช้ชีวิตร่วมกับญาติพี่น้อง ลูกๆ หลานๆ เพราะการนำเอาวัฒนธรรมที่ผิดๆเข้าประเทศ คนสูงอายุของไทยเป็นจำนวนมากที่เลี้ยงลูกแบบตามวัฒนธรรมแบบไม่ใช้ความคิด เลยสูญเสียความสุขในบั้นปลายไป การกล่าวถึง โอกาสของบริษัทฯ เท่ากับมองถึงประโยชน์ขององค์กรเป็นหลัก ซึ่งฝรั่งมักมองในจุดนี้เป็นหลัก บริษัทฯฝรั่งเลยต้องการเวลาทั้งหมดของคนทำงาน แต่กลับให้ค่าตอบแทนแค่เพียงพอต่อมีชีวิตอยู่เท่านั้นไม่มีทางรวยหรือ มีเงินเก็บมากมายได้ โดยใช้วัฒนธรรมองค์กรเพื่อสร้างค่าใช้จ่ายให้กับคนทำงาน เช่น หากตำแหน่งสูงขึ้น ก็จะพยายามให้เล่นกลอฟ หรือ ต้องซื้อบ้าน มีรถที่เหมาะกับฐานะ เป็นต้น เพื่อทำให้พนักงานที่มีรายได้สูงเหล่านั้นมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ทำให้พนักงานมีเงินเก็บน้อย ซึ่งเมื่อมีเงินเก็บน้อยก็จะต้องอยู่กับองค์กร เป็นพนักงาน ไม่สามารถออกไปเป็นเจ้าของบริษัทฯได้ แต่ก็ยังให้ความหวังเพียงเงินจากการเกษียร เพื่อไปตั้งตัวเท่านั้น แต่ถามหน่อยเถอะ คุณเคยเห็นคนเกษียรเปิดธุรกิจแล้วประสบความสำเร็จ สักกี่คน ส่วนใหญ่ใช้จ่ายเงินที่ไม่เคยใช้กันจนหมด แล้วก็ต้องไปพึ่งพาญาติๆ หรือ ลูกหลานกันต่อไป... ============ อันนี้ผมโคดจะเกลียด ผมค่อนข้างผิดหวังนะที่คุณ wbj มีความเห็นแบบนี้ คำว่า "เคารพ" คือสิ่งที่ควรทำ แต่การที่แค่คำว่า "อาวุโส" มีผลต่อผลงานของบริษัท มันคืออะไรที่ค่อนข้างจะป ญ​ อ สิ้นดี ผมบอกไว้เลยว่าผมจะไม่ทำงานในบริษัทที่ผมไม่สามารถโต้แย้งเจ้านายผมได้ จากคุณ : ! o_o ! เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 02:25:02

ความคิดเห็นที่ 67   Some is true & some is not true. I think, that would be great if you can give me a little bit more information about the background of this research. จากคุณ : BeBeeMe เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 52 10:47:57 A:60.242.114.67 X: TicketID:226965

ความคิดเห็นที่ 68 http://74.125.153.132/search?q=cache:L2R1iU3_-cIJ:qa.buu.ac.th/form/common/QA2.ppt+http://qa.buu.ac.th/form/common/QA2.ppt&cd=1&hl=th&ct=clnk จากคุณ : numnumnum1 เขียนเมื่อ : 4 ส.ค. 52 23:26:17

ความคิดเห็นที่ 69 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 02:43:56

ความคิดเห็นที่ 70   สิ่งที่เขียนมานี่ดีแน่นอน แต่น่าจะแยกมุมมองฝรั่งหรือไทยออกไป เพราะเคยทำงานกับฝรั่งที่นิสัยเหมือนหลายๆข้อในสไลด์ก็มีหลาย หรือคนไทยที่ไม่ได้เป็นอย่างในสไลด์ก็มากอยู่ จากคุณ : gungjazz เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 20:57:38

ความคิดเห็นที่ 71 เหอ ๆ จริงในหลาย ๆ ข้อ จากคุณ : bewii เขียนเมื่อ : 8 ส.ค. 52 21:31:58