ความคิดเห็นที่ 1   กำลังศึกษาของธนาคารกรุงไทย ไม่ได้จ่ายรายปีอย่างที่จขกท ต้องการ แต่คิดว่าน่าสนใจเพราะจ่ายเบี้ยประกันแค่ 2 ปีคุ้มครอง 10 ปี ได้ดอกเบี้ย 3% ทุกปี เข้าใจว่าสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย แต่ไม่คุ้มครองสุขภาพนอกจาก 2 ปีแรกได้ประกันอุบัติเหตุถึง 1 ล้านบาท ถ้าฝากเงินก้อนโต แค่รับดอกเบี้ยทุกปี ๆ ละ 3% ก็น่าจะคุ้มนะ รายละเอียดเพิ่มเติมลอง Search ใน google เอาเอง จากคุณ : หนึ่งหญิงสองชาย เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 11:21:05

ความคิดเห็นที่ 2 เอาแบบสะสมทรัพย์สิค่ะ  ดี ได้ทั้งมีเงินออม คุ้มครอง ถ้าอยากได้ประกันสุขภาพซื้อเพิ่มเติม ได้ค่ะ ส่วนเรื่อง ที่ว่าทำกับบริษัทใหนดี  ในฐานะ ผจก หน่วย บ ประกันแห่งนึง จะบอกว่า  บ ประกันดีทุกที่ค่ะ  สามารถทำได้ทุกที่ ก่อนที่จะทำรบกวรอ่านรายละเอียดของเนื้อหาในสัญญาให้ดีนะค่ะ และถามตัวแทนให้ครบ ว่า เราจะได้ไกลับมาบ้าง เพื่อลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระยาว จากคุณ : ajstar เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 11:26:01

ความคิดเห็นที่ 3 สำหรับผมนะครับ ผมคิดว่า ทำประกันชีวิต นั้นน่าจะแยกกับเงินออมนะครับ ทำประกันทำให้ครอบคลุมไปเลย เช่น อุบัตเหตุ เจ็บไข้ได้ป่วย ส่วนเงินออมก็ออมทางอื่นแทน หรือจะเอามาลงทุน สำหรับคนรายได้ไม่มาก การออมผ่านประกัน ถือว่าความคล่องตัวต่ำมาก ไม่สามารถเอามาหมุนได้ หรือไปลงทุนทางอื่นได้ ต้องรอเวลาครบกำหนดถึงจะได้ การแยกออกมาลงทุนซึ่งจะได้ดอกออกผลมากกว่า นานาจิตตังครับ จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 12:23:07

ความคิดเห็นที่ 4   เงิน 15,000 บาท นี่คงได้เพียงเงินออม และลดหย่อนภาษี ครับ ถ้าจะซื้อประกันสุขภาพด้วย ไม่น่าจะพอ (ปกติ ก็เกือบหมื่น/ปี และเป็นเบี้ยกินเปล่า) ถ้าพอ ก็จะได้ความคุ้มครองเพียง นิดเดียวครับ เอาไปใช้งานจริงๆ ไม่ค่อยจะได้ (ได้ค่าห้องประมาณ 500 / 800 บาท) ส่วนจะซื้อ "ที่ใหน/บริษัท" ไม่สำคัญครับ สำคัญว่าคุณซื้อกับ "ใคร" ต่างหาก "ใคร" ในที่นี่ หมายถึง "ตัวแทน" นะครับ ต้องมีความจริงใจสุดๆ เคยเจอตัวแทนที่ให้ลูกคเ โกหก/ปกปิด ประวัติ หรือการแถลงสุขภาพ เพื่อให้ได้มาซึ่ง "งาน" และ "เบี้ยประกัน" แต่พอเวลาเกิดเหตุ จะต้องใช้จริงๆ ก็ไม่สามารถเรียกร้องเคลมได้ครับ โชคดีครับ ปล. ถ้าอายุยังไม่เกิน 30 ประกันสุขภาพ ไม่ค่อยจะจำเป็นสักเท่าไหร่หรอกครับ ย้อนหลังกลับไป 3 ปี คุณได้เข้านอนในโรงพยาบาลกี่ครั้งครับ? จากคุณ : IamsoGus เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 13:49:08

ความคิดเห็นที่ 5   เรา ทำมา 3 ปีค่ะ ขอแนะนำอีกทางเลือก ว่า ซื้อแยกเป็นสุขภาพ+ตลอดชีพ 1 เล่ม >> คุ้มครองค่ารักษาจนแก่เลย เพราะถ้ามีโรคประจำตัวแล้ว ซื้อไม่ได้แล้วค่า ประกันสุขภาพเนี่ย และออมทรัพท์อย่างเดียวอีก 1 เล่มค่า >> รับดอกอย่างเดียว ซึ่ง ลดภาษี ได้ ทั้ง 2 เล่ม ไม่เกินงบค่ะ มัน จัดได้ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 52 15:45:38 จากคุณ : หนมจีบ กระต่ายน้อย (หนมจีบ กระต่ายน้อย) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 15:45:10

ความคิดเห็นที่ 6   ที่ซื้อประกันไว้มี 3 เล่มค่ะ 1. แบบออมทรัพย์ส่ง 16 ปี รับเงินคืน ระหว่างนั้นรับเงินปันผลทุก ๆ 2 ปี 2. แบบออมทรัพย์  คุ้มครอง 42 ปี แต่ส่ง 20 ปีได้เงินปันผลทุก ๆ 3 ปี และตั้งแต่ปีที่ 21 ขึ้นไป ได้เงินปันผลทุกปี - ปีที่ 42 3.แบบประกันสุขภาพ เบี้ยเสียเปล่า คุ้มครองตลอดชีพ/ 99 ปี ส่งเบี้ย 20 ปี จากคุณ : nearunda เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 16:48:08

ความคิดเห็นที่ 7   ที่ซื้อเองก็ส่ง 20 ปี มีออมเงิน ประกันสุขภาพด้วย จ่ายถูกด้วย ไงคุยได้จ้า แอมเอง จากคุณ : แอม (Ammania1) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 16:59:43

ความคิดเห็นที่ 8 คือว่าที่ต้องการทราบเพราะเพิ่งไปนอน แอ๊ดมิท อยู่ที่โรงพยาบาลมาค่ะ ได้ค่าเคลมประกันของบริษัทไป จ่ายส่วนต่างนิดหน่อย ก็เลยเล็งเหนถึงประกันสุขภาพพ่วงมาด้วย เพราะไม่รู้ว่าเราจะเป็นอะไรตอนไหนค่ะ ส่วนในเรื่องการออมเงิน ก็คือว่า อยากให้มีเงินปันผล กลับคืนมาบ้างค่ะ เพราะอยากให้มีเงินออม นิดหน่อย ที่สามารถเป็นเงินเก็บได้ เวลาต้องการใช้ฉุกเฉิน สุดท้ายในเรื่องภาษีคือ ต้องการที่มีส่วนลดภาษีเพิ่มเติม เพราะตอนนี้ต้องจ่ายภาษีหักหลังค่าลดหย่อน เยอะเหมือนกันต่อปี ค่ะ ยอดไม่ถึงหมื่นหรอกค่ะ แต่เรามองเห็นความคุ้มค่า ในส่วนของเงินหนึ่งหมื่นที่ต้องเสียไปเนี่ย นำไปเป็นประโยชน์ให้แก่ตัวเราเอง มันจะมองแล้วคุ้มกว่า ในฐานะของนักบัญชีอ่ะจ้า เราอายุไม่ถึง 30 ค่ะ แนะนำเยอะๆ นะค่ะ จะได้มีตัวเลือกในการตัดสิน เพราะจะได้มีข้อมูลกับตัวแทนประกันมากๆ หน่อยค่ะ หาความรู้ไว้ เผื่อว่าใครมีความเห็นที่แตกต่างจะได้มาแชร์กันค่ะ ขอบคุณมากๆ สำหรับทุกความเห็น แล้วก็เสียดายที่ไม่สามารถให้กิฟ บางคนได้ค่ะ เพราะติดว่าล็อกอิน เป็นเบอร์โทรศัพท์ ไม่ใช่บัตรประชาชน จากคุณ : ทิวลิปสีเงิน5800 เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 18:06:09

ความคิดเห็นที่ 9   คุณทิวลิปสีเงิน5800 ฝากอีเมลล์ไว้ติดต่อได้มั้ยคะ เผื่อไว้คุยกันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องการวางแผนการเงินส่วนบุคคลได้ค่ะ :D จากคุณ : Nathalie apprends a conduire (nathalie apprends a conduire) เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 21:34:44

ความคิดเห็นที่ 10   ผมแชร์นะครับ ผมเป็นตัวแทนของ SCNYL ครับแต่อยู่ที่นครสวรรค์ ผมแนะนำอย่างนี้ครับ ให้ทำเฉพาะตัวหลักพอครับเพราะคุณมีตัวสุขภาพแล้ว และหากเป็นแบบสะสมทรัพย์ผมแนะนำแบบชำระเบี้ย 12 ปี คุ้มครอง 18 ปี มีเงินปันผลคืนตั้งแต่ปีที่ 2-17 ปี่ที่ 18 รับเงอนคืน 120% ของทุนประกัน(ทุน 100,000 บาท) ความคุ้มครอง 130%ตลอดอายุสัญญา หรือสะสมทรัพย์อีกแบบ ชำระเบี้ย 20 ปี คุ้มครองจนอายุ 70 ปี มีปันผลทุก 3 ปีกรมธรรม์ช่วงระยะ 20 ปีแรก ปีที่ 20 รับเงิน 15,000 บาท ปีที่ 21 จนอายุ 69 รับเงินปีละ 8,000 บาท v อายุ 70 ปี รับเงินคืน 140% ของทุนประกัน(ทุน 100,000 บาท) ความคุ้มครอง 300%ตลอดสัญญา ทั้งสองแบบค่าเบี้ยไม่เกิน 15,000 บาทครับ แต่กรณีของคุณอาจจะต้องเพิ่มค่าเบี้ยแต่อาจจะเล็กน้อยเพราะเคยมีประวัติเข้ารับการรักษา หากต้องการข้อมูลเพิ่มติดต่อได้ทุกเมื่อครับ ยินดีครับ watcharapol_p@hotmail.com แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 52 20:57:15 จากคุณ : Watcharapol เขียนเมื่อ : 14 ส.ค. 52 22:37:59

ความคิดเห็นที่ 11   ผมก็เป็นตัวแทนนะคับ ปกติถ้าลุกค้าจะทำประกันสุขภาพ ผมจะแนะนำทำกับตัวประกันหลักที่เป็นตลอดชีพอ่ะคับ ไม่แนะนำผูกกับออมทรัพย์ เพราะออมทรัพย์เมื่อครบกำหนดแล้ว  ตัวสุขภาพก็จะไม่สามารถซื้อต่อได้แล้วคับ  ต้องทำใหม่ซึ่งถ้าทำออมทรัพย์สัก 10 ปี พอครบกำหนด  จะมาทำใหม่ตอนอายุ 40  ต้องตรวจสุขภาพใหม่ เผลอๆไม่ผ่าน ก็ซวยเลยคับ ข้อดีคือ เบี้ยหลักจะไม่แพงมาก เมื่อรวมกับประกันชีวิตและความคุ้มครองสุขภาพก็สามารถซื้อไปได้ถึงอายุ  70  ปีเลยคับ ซึ่งตัวเบี้ยหลักก็นำไปหักภาษีได้ด้วย ส่วนที่บอกว่า อายุ 30 ไม่ต้องทำสุขภาพก็ได้ไม่จำเป็น ผมมองว่าประกันสุขภาพเนี่ยยิ่งทำตอนอายุยังน้อยยังไม่เป็นโรคเนี่ยยิ่งดีคับ ผ่านง่าย ไม่ต้องตรวจสุขภาพ  เบี้ยไม่แพง  อายุ 30 กับอายุ 31 นี่เบี้ยแพงกว่ากันเยอะเหมือนกันนะคับ แล้วก็ผูกพันไปจนเราแก่เลย  ถ้าคุณมาทำตอน 40 ตอนนั้นเป็นเบาหวานหรือโรคประจำตัวอะไรไปแล้ว บริษัทก็ไม่รับประกันแล้วคับ   ทำประกันต้องทำตอนที่เป็นปกติเนี่ยแหละคับ เราทำเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงตอนเวลาที่มันไม่ปกติ ประกันสุขภาพไม่เฉพาะแค่ป่วยนะคับ อุบัติติเหตุต้องเข้าโรงบาลก็ได้ใช้แล้วคับ ปรึกษาเพิ่มเติมหลังไมล์ได้คับ ^ ^ จากคุณ : PeBoyBan เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 52 00:28:47

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีค่ะคุณทิวลิปสีเงิน ดิฉันชวนเจริญ ผู้จัดการหน่วยบริษัทเอไอเอ สังกัดหน่วย RT3Z3 ในกรณีที่คุณทิวลิปต้องการฝากเงิน แนะนำให้ฝากแยกจากกรมธรรม์ ที่เป็นค่ารักษาพยาบาลนะคะ เพราะข้อดีคือ สามารถซื้อเฉพาะค่ารักษาพยาบาลได้หลังจากที่กรมธรรม์ครบกำหนด โดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยใหนส่วนของเบี้ยประกันภัยหลัก ทำให้ลดการจ่ายเบี้ยประกันลงไปได้ค่ะ และยังสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ถึงอายุ 70 ปี ส่วนในเรื่องการลดหย่อนภาษี ก็ลดหย่อนภาษีได้ปกติค่ะ ถ้าคุณทิวลิปต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถโทรหรืออีเมลล์ มาถามได้ตลอดเวลาค่ะ ฟรีไม่มีค่าบริการ ดิฉันและทีมงานมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ทีมงานเรายินดีให้คำแนะนำค่ะ email: ch2n@hotmail.com Tel.081-5668359 , 081-9111561 จากคุณ : chuancharoen (chuancharoen) เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 52 22:58:57

ความคิดเห็นที่ 13   ทำไมไม่เรียกตัวแทนไปคุยด้วย ลองถามเพื่อน ๆ พี่ ๆ ว่ามีใครทำประกัน และตัวแทนดีไหม ถ้าดีก็เรียกมาคุย และถ้าจะให้ดีที่สุด ก็ถามหาหลาย ๆ บริษัทมาเปรียบเทียบกัน ใช้ excel ช่วยในการคำนวณหาผลตอบแทนของแบบประกันด้วย อย่าซื้อเพราะ "ความรุ้สึก" รู้สึกว่าตัวแทนดูดี รู้สึกว่าตัวแทนคุยดี ฯลฯ ให้ซื้อเพราะตัวแทนให้ข้อมูลเราได้ชัดเจนที่สุด ไม่หมกเหม็ด ถามอะไรตอบได้ทุกเรื่อง  แล้วคุณจะได้สิ่งที่ดีที่สุดครับ แล้วปีนี้ กรมธรรม์ที่ซื้อใหม่ปีนี้จะลดหย่อนภาษีได้เฉพาะตัวหลัก ส่วนอนุสัญญา จะลดไม่ได้ครับ  อีกทั้งแบบประกันชีวิตที่มีเงินคืนระหว่างสัญญา บางแบบก็ลดไม่ได้ครับ ต้องถามตัวแทนให้แน่ ๆ ครับ ว่าแบบนี้ลดได้แน่น่ะ ไม่งั้นยุ่งครับ จากคุณ : ตัวแทน 17 ปี (rujiphan) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 52 13:32:30