มีเรื่องด่วนครับ รบกวนขอความเห็น ...น้องคาร์แคร์คนเดิมครับ!!
|
|
สวัสดีครับพี่พี่ห้องสีลม ผมน้องเจ้าของคาร์แคร์คนเดิมครับ
วันนี้จะมาขอความคิดเห็น เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนเอาเปรียบ หรืออาจเพราะผมใจดีเกินไปครับ...
สิ่งที่ผมอยากจะพูดมี 2 ประเด็น
1 ผมมีเรื่องคนงานคาร์แคร์ ซึ่งตอนนี้กำลังคิดไม่ตก คือนาย ก คนลาว และเป็นพนักงานคาร์แคร์ผมมาขึ้นเดือนที่ 4 มีตำแหน่งสำคัญมาก คือเป็นพนักงาน ขัดเคลือบสี ที่ผมส่งไปอบรม และฝึกจนเรียกว่า โอเคมาก แต่ก่อนที่จะมาเป็นพนักงานผม นาย ก เป้นพนักงานร้านอาหาร เป็นผู้ช่วยกุ๊กในพื้นที่ติดกัน แล้วลาออกมาเพราะว่า เจ้านายเก่าไม่ทำบัตรต่างด้าวให้ และไม่ถูกกับเพื่อนร่วมงานที่เป็น คนเวียดนาม ตลอดระยะเวลา นาย ก เป็นลูกน้องที่ รับผิดชอบงานดีมากครับ ขยัน อดทน และรู้จักวางตัว พูดง่ายๆคือ นิสัยใช้ได้เลยทีเดียว แต่เมื่ออาทิตย์ก่อน ลูกจ้างร้านอาหารลาออก หรือเรียกว่า ลาออกจนชินครับ เพราะตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่ ลูกจ้างเค้าเปลี่ยนบ่อยมาก และมีวันนึงขณะที่ลูกน้องผม ทำงานอยู่ เค้าก็ให้คนมาเรียกลูกน้องผมไป ทำกับข้าวให้แขกร้านอาหาร เพราะกุ๊กป่วย ผมก็คิดว่า อยู่ๆลูกน้องผมหายไปไหน และพอหลังจากนั้นไม่นาน นาย ก ก็มาบอกผมว่า พี่ครับ ผมขอลาออกไปทำงานร้านอาหาร แถวๆนี้ ( ผมเอะใจแล้วว่า ต้องเป็นร้านนี้แน่ๆ )
แต่ผมก็อนุญาตครับ เพราะเห็นว่า ช่วงนี้หน้าฝน งานร้านผมก็ไม่ได้เยอะอะไร แต่นาย ก บอกว่า พี่ครับ แต่ผมจะมาทำงานให้พี่ตั้งแต่ 9.00- 16.00 เพราะร้านอาหารร้านนี้เปิดตอนเย็น ปิดก็ตีสองได้ ผมก็ถามว่า แล้วจะไหวหรอ ถ้าคิดว่าไหวก็ลองดู ( นี่ผมให้โอกาสมากเลยน่ะครับ)
อีกอย่างสาเหตุที่ลูกน้องคนนี้ลาออก ก็ไม่เชิงว่าลาออกน่ะครับ เพราะว่า กุ๊กคนที่ทำอาหารร้านนี้ เป็นคนที่ลูกน้องผมเคารพมาก เค้าเรียกว่าพ่อ คือจู่ๆผู้ช่วยกุ๊ก และเด็กเสริฟก็ลาออก กุ๊กคนนี้แหละ เลยมาขอให้ลูกน้องผมกลับไปช่วย เพราะไม่งั้ลแกจะเหนือยคนเดียว
แต่ผมกำลังคิดว่าเริ่มไม่แฟร์ เพราะว่า พอเอาเข้าจริงๆ จู่ๆร้านอาหารก็เรียก นาย ก ไปทำงานในเวลางานผม ซึ่งก็คือช่วงเช้า ถึง 4 โมงเย็น เด๋วก็บอกให้ไปยกของ ไปกวาดพื้น ไปทำโน่นทำนี่ แต่นาย ก ก็บอกเค้าไปว่า เวลาเข้างานคือ 4 โมงเย็น คนที่ร้านอาหารบอกว่า ตอนนี้ งานที่ร้านอาหารคืองานหลัก งานคาร์แคร์ผมคืองานเสริมซ่ะงั้ล ใช่ครับงานร้านอาหารงานหลัก แต่ร้านเปิด 6 โมงเย็น แต่ให้ลูกน้องผมเตรียมของตั้งแต่ 4 โมง ...นี่คือความใจแคบของคน หรือว่าอะไรครับเนี่ย
และพอผมมานั่งคิดๆคือ 1 การที่เค้าบอกว่า งานร้านอาหารคืองานหลัก ใช่ครับ งานหลักแต่มันคือ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป ตามที่ตกลงรึป่าว ไม่ใช่ว่าก่อน 4 โมงเย็น ก็มาเรียกไปทำโน่นทำนี่ เช่นวันนี้ งานเข้า 9โมง แต่เค้ามาเรียกลูกน้องผมไปทำงาน ไปยกอิฐ ยกไม้ถึงเที่ยง ผมก็โอเคครับ ไม่พูดอะไร ...จะทำไรก็ทำไป พอตอนเย็น เค้ามายําอีกรอบกับลูกน้องผมว่า งานเค้าคืองานหลัก เรียกตอนไหนก็ต้องไปตอนนั้น ผมเลยฝากไปบอกว่า ใช่ครับ เค้าคืองานหลัก แต่ผมเป็นคนขึ้นทะเบียนต่างด้าวให้ แต่ตามกฎหมาย ขณะนี้ผมคือนายจ้าง บางทีเค้าอาจจะลืมไป...และที่ลืมไปอีกอย่าง ถ้าวันนั้นผมไม่อนุญาตให้ออก เค้าก็คงไม่ได้ลูกน้องผมไป แต่ที่ผมบอกว่า โอเค เพราะว่าผมเห็นว่าช่วงนี้งานผมก็ไม่ได้เยอะ ฝนเล่นตกทุกวันขนาดนี้ ...เฮ้อๆๆ อีกอย่างตอนแรกเข้าใจว่า เค้าอยากลาออก เพราะไม่อยากทำงานกับผม แต่พอคุยด้วยเหตุผลเลยเข้าใจว่า เค้ายังขอทำงานกับผมตอนกลางวัน แต่กลางคืนขอไปช่วยพ่อที่เป็นกุ๊ก ก็เลยคุยว่า โอเคงั้ล นาย ก ยังเป็นลูกน้องผมน่ะ...นาย ก โอเค ถึงตรงนี้ ผมควรทำไงกับปัญหานี้ ใจนึงผมเข้าใจลูกน้องผมคนนี้มาก ทั้งเรื่องพ่อบุญธรรม และอีกอย่างผมเสียดายมากถ้าผมจะตัดไปเลย เพราะลูกน้องคนนี้ นิสัยดีมาก ขยัน อดทน เหมือนแบบรู้งานกัน ไม่ต้องพูดไรมาก
แต่อีกใจก็อยากตัดทิ้งไป เอาคนใหม่ ไม่ต้องให้มาช่วยแล้ว แต่วันนี้ นาย ก มาถามผมว่า พี่ครับ ถ้ามีคนใหม่เข้ามาแล้ว แล้วพี่จะให้ผมออกรึป่าว ผมถามว่าแล้วอยากทำรึป่าว เค้าบอกว่า อยากทำ ผมชอบรถ..เลยคิดไม่ตกเลยงี๊
2 ปัญหาเจ้าของที่ คืออย่างที่บอกว่า ที่ดินที่ผมอยู่เสียเปรียบมาก เพราะอยู่ด้านใน ซึ่งจะต้องขับผ่านลานจอดรถร้านอาหารมาก่อน นึงถึงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าติดถนนเป็นร้านอาหาร ที่เสียค่าเช่าถูกกว่าผมเกือบ 2 เท่า และถัดมาเป็นที่ดินผม ก่อนเช่า เจ้าของที่บอกว่า จะยกป้าย และเปิดทางให้กว้างขึ้น แต่พอเช่าจริง เจ้าของที่ นิ่ง เงียบ หายหน้า จากที่เคยเป็นรุ่นพี่ของพี่ชายของผม ก็ทำหายหน้า หายตา คือแต่ก่อนที่ดินที่ผมอยู่เคยเป็นอู่ซ่อมรถของพี่เค้า แล้วปรากฎว่า ปิดกิจการไป ด้วยเหตุผลอะไรผมไม่ทราบ แต่ผมก็มาทำต่อ และสร้างอะไรเพิ่มอีกมากมายเพื่อเปิดเป็นคาร์แคร์ ขนาดใหญ่ และพี่เค้าก็ไม่ได้ทำงานอะไรเกือบสามเดือน พี่ชายของผมเลยลองชวนมาทำงาน ให้เงินเดือน 15000 คือเค้ามี 2 สถานะครับ อันแรกคือ เจ้าของที่ อันที่สองคือ ช่างซ่อมรถยนต์ในคาร์แคร์ แต่พอเอาเข้าจริงๆ มาทำให้ครับ ทำวันนึง หายอาทิตย์นึง ไม่มาก็ไม่บอก วันที่มา มีรถเข้ามาซ่อม ก็ปฏิเสธ บางทีบอกว่า ซ่อมไม่คุ้ม บางทีบอกลูกค้าของผมว่า นานน่ะครับ จะรอหรอ ลูกค้าบอกว่า โอเคครับ งั้ลผมไปที่อื่นก็ได้ หรือบางทีโทรไป ไม่รับครับ แล้วโทรกลับมาตอนที่รถต้องการจะซ่อมออกไปแล้ว แล้วถามว่า มีไรหรอ?...ผมได้แต่อึ่งครับ ทำไมพี่เค้าถึงทำแบบนี้ คือผมไม่คิดว่า คนที่ดูเป็นคนโอเคคนนึง แต่พอมาทำงานด้วยแล้วจะแบบ เป็นได้มากขนาดนี้ ขาดความรับผิดชอบอย่างรุนแรงครับ แต่ก็ไม่อยากพูดไรครับ...เห็นเป็นเพื่อนพี่ชาย และเงินแค่ 15000 ต่อให้ผมต้องจ่ายอีก 1 ปี ผมก็จะจ่ายให้ ถือว่าซื้อใจมาก ประสบการณ์อย่างรุนแรง...แล้วพอผมจะตั้งป้ายอะไรสักอย่าง ก็มาทำพูดโน่นพูดนี่ บอกว่าบังร้านอาหารบ้าง ไรบ้าง ไม่คิดเลยหรอครับว่า ร้านอาหารแทบจะบังผมมิดแล้ว...หรือว่าไงครับพี่!!
พูดเเล้วเหลืออดครับ ผมก็พยายามจะทำให้คาร์แคร์ผมไปรอด ประคองให้ลูกน้องอยู่ได้ กำไรไม่ต้องคิดแล้วครับ ติดหน้าฝนอีก ที่ดินทำเลเหมือนจะดีอี เพราะรายได้หลักตอนนี้ เงินเก็บผมล้วนๆ ดึงมาใช้เยอะพอควรแล้ว แต่เหมือนมีแต่มารพจญครับ ยิ่งทำดี ก็ยิ่งมีแต่คนขัดขวาง จะล้อมผม ปิดผมทุกทางเดิน ผมไม่ได้เก่งหรอกครับที่ทำให้คาร์แคร์มันเดินต่อไปได้ ผมมียอดขัดเคลือบ ฟอกเบาะ อย่างที่หลายคนต้องตกใจก็เพราะ ความอดทนของผม ผมขยันคิด ขยันทำ ผมเอาความจริงใจให้ลูกค้า ผมเป็นเด็กที่ทำตัวอ่อนน้อมกับลูกค้า เพราะผมมีภาระต้องจ่าย ทั้งค่าเช่า ค่าคนงาน ค่าไฟ ค่าโน่น ค่านี่ ... มีแต่คนพยายามเข้ามาปั่นคาร์แคร์ผม อะไรมากมายไปหมด... ผมอยากตะโกนบอกพวกนี้มากน่ะครับว่า ถึงจะปั่นให้คาร์แคร์ผมล้ม ผมก็ยังมีเงินพ่อเงินแม่อีกเยอะ ที่จะมาทำครับ ไม่ลำบากง่ายๆหรอก...
จากคุณ |
:
เก้าอี้สีเทา
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ย. 52 00:45:41
|
|
|
|