ความคิดเห็นที่ 1   นอกเรื่องนิดนึง ตอนไปสัมภาษณ์ควรเตรียมเอกสารดีๆ เจอ candidate หลายคนมากชอบเขียน สำเนาถูกต้องต่อหน้าดิฉันบ่อยๆ มันบ่งบอกว่าคุณไม่มีทักษะวางแผน มันมีผลกับบางงานค่ะ แล้วควรเขียนรายละเอียดประวัติการทำงาน ช่วงเวลา เงินเดือน สาเหตุที่ลาออกที่เป็นความจริงเพราะตอนที่โทรไปเช็คแล้วฝ่ายบุคคลเค้าบอกไม่ตรงกับหลักฐานที่คุณแสดงมันทำให้ภาพลักษณ์คุณดูไม่ดีได้ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ย. 52 21:43:11 จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 20:27:51

ความคิดเห็นที่ 2 เอ่อ... candidate คนนั้นเล่นอยู่ในห้องนี้หรอคะ? อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจว่าคุณต้องการอะไร ตำหนิ candidate ให้รู้ตัว , เตือนคนในห้องนี้ว่าถ้าไปสัมภาษณ์ไม่ได้ก็บอกแคนเซิลหน่อย , เล่าปัญหาของงานที่คุณรับผิดชอบ , ระบายอารมณ์โกรธ ฯลฯ ?? ส่วนตัวเรามองว่าค่อนข้างเป็นปัญหาที่เบสิคของรีครูทนะ คือกำหนดไม่ได้ว่า candidate จะไปสมัครเป๊ะๆๆตามที่ควรจะเป็น ตำแหน่งงานอื่นๆก็เจอปัญหาไปคนละแบบ จากคุณ : ทังโคริริน (ทังโคริริน) เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:08:48

ความคิดเห็นที่ 3   คุณ ทังโคริริน  ค่ะดิฉันจะบอกว่าถ้าไม่ไปสัมภาษณ์ให้โทรไปบอกฝ่ายบุคคลด้วยค่ะ เดี๋ยวติดแบล็คลิส เพราะมันเช็คได้ จากdatabase ทำให้อนาคตคุณอาจไม่ได้งานที่อื่นได้ จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:25:56

ความคิดเห็นที่ 4 กระทู้รายสัปดาห์ห้องสีลมช่วงนี้ "ไม่ไปสัมภาษณ์ไม่โทรแคนเซิล จะติดแบล็คลิสต์มั้ยคะ/ครับ" อยากจะบอกน้องๆว่าช่วงนี้เศรษฐกิจมันเริ่มดีขึ้น บริษัทต่างๆเริ่มรับคนอีกครั้ง แต่ถ้าเราย่ามใจว่าเรามีตัวเลือกแล้วไม่ทำตัวเป็นมืออาชีพตอนไปสัมภาษณ์งาน อนาคตอาจจะต้องเสียใจก็ได้นะครับ จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:36:22

ความคิดเห็นที่ 5   เจ้าของกระทู้เข้ามาเตือนด้วยความปราถนาดี อย่าไปว่าเขาเลย เพราะมันก็เป็นไปตามที่เขาพูด ลองคิดดูสิ ถ้าคนหางานทำพลาดบ่อยๆ แล้วนายจ้างที่ไหนจะรับเข้าทำงาน เป็นกระทู้คำเตือนที่มีประโยชน์ครับ ยิ่งโดยเฉพาะการรับรองสำเนาฯ ต่อหน้าอย่าง เจ้าของกระทู้พูดถึง เพราะถ้าผมเป็นนายจ้าง ผมคงมองแล้วว่าคุณไม่เตรียมพร้อมอะไรเลย จากคุณ : ไอ้ลิงกัง เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 21:49:04 A:125.26.216.219 X: TicketID:187224

ความคิดเห็นที่ 6   ใช่ค่ะคุณไอ้ลิงกัง วันนี้มี candidate ไม่ได้ xerox ปัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านมา ฝากให้ดิฉัน xerox ให้ด้วย รู้สึกว่าเค้าไม่เตรียมอะไรมาเลย  ตอนสัมภาษณ์ก็เล่นปากกาไปด้วย ดีดสปริงไปไปมามา มันแสดงว่าคุณให้เกียรติคนอื่นแค่ไหน จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 22:14:34

ความคิดเห็นที่ 7 มุขอุบัติเหตุเนี่ย 75% ของทั้งหมดเลยครับ อีก 20% จะไม่สบายกะทันหัน ซึ่งส่วนใหญ่จะท้องเสียกัน ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อครับ แต่มันซ้ำกันเยอะไปหน่อยจนอดสงสัยไม่ได้ จากคุณ : The Ghost Buster เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 22:36:46

ความคิดเห็นที่ 8 ทุกอย่างมีเหตุถึงมีผล คิดบวกไว้ค่ะ เค้าอาจมีเหตุผลที่เราไม่ทราบก็เป็นได้ เรื่องที่คุณเล่ามา สุดท้ายน้องเค้าก็บอกคุณว่าแฟนน้องเค้าประสบอุบัติเหตุไม่ใช่เหรอคะ ไม่ได้หายไปเฉยๆ อย่างตัวดิฉันเคยเจอบางที่ต้องเซ็นรับรองสำเนาถูกต้องในพื้นที่ที่กำหนด เช่น มุมล่างซ้าย มุมล่างขวา เป็นต้น เมื่อก่อนเคยเซ็นไปเรียบร้อย แต่หลังจากเจอแบบนั้นก็ต้องเตรียมไป 2 ชุด แบบเซ็นและไม่เซ็น บางทีก็เอาแบบไม่เซ็นไป จากคุณ : baboa_tu เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 22:48:17

ความคิดเห็นที่ 9   ใช่ค่ะคุณ baboa_tu ดิฉันพยายามคิดแบบนั้นค่ะ แต่มันอดคิดไม่ได้จริงๆ เพราะก่อนหน้านั้นบอกว่าทำธุระกับแม่ซือของอยู่แถวย่านช้อปปิ้ง เตรียมเอกสารมาทั้งหมดแล้ว ขอเลทแค่ 1 ชม.ถึงแน่นอน ดิฉันโทรหา 4 ครั้งไม่รับสายค่ะ เลยส่งเมสเสจไป แล้วเค้าส่งเมสเสสมายาวมาก แต่ดิฉันก็ต้องแบนด์เค้าไปค่ะ คงไม่สามารถเสนองานให้ได้อีก ดิฉันกลัวว่าถ้าเค้าไปทำงานจริงๆกลัวเค้าออกเลยไม่แจ้งออกมันจะมีปัญหามากกว่านี้ แค่อยากมาเตือนคนในห้องสีลมค่ะ จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 23:05:53

ความคิดเห็นที่ 10 จขกท ตั้งกระทูในที่นี้ถูกต้องแล้วครับ เป็นการแชร์ประสบการณ์และความรู้สึก ไว้เตือนสติคนที่ไร้ความรับผิดชอบด้วย แต่บางเรื่องใน คห1 ผมว่าถ้าคนทำงานจริงๆ เรื่องแค่นี้มันไม่ได้มีผลหรือชี้ชัดว่าคนๆนั้นต้องเป็นแบบนั้นจริงๆในการทำงาน อย่างเรื่องการเซ็นสำเนาถูกต้อง คือผมเชื่อว่าเอาเข้าจริงๆ ความรับผิดชอบและการวางแผนในการทำงานจริง ระหว่างคนที่เซ็นเตรียมไว้ก่อน กับคนที่พึ่งเซ็นมันไม่แตกต่างกันเลย ผมเองก็คิดตลอดว่าการสัมภาษณ์กับผู้จัดการแผนกที่จะทำ กับสัมภาษณ์กับ HR ผมตีค่าว่าการสัมภาษณ์กับผู้จัดการแผนกมีผลถูกต้องมากกว่าเพราะคนในแผนกย่อมรู้ว่าเค้าต้องการคนยังไงมาทำงานร่วมกับเค้า วัดคนในสิ่งที่ควรวัด ส่วน HR ส่วนใหญ่ มักจะคิดแบบ จขกท ให้และหักลบคะแนนผู้สมัครกว้างไปในเรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือจะบอกว่าหลักการมากเกินไปนั่นเอง อย่างเช่นเรื่องที่ผมว่ามาข้างบน หรือหลายๆเรื่องที่ได้ฟังมาจาก HR เช่น ให้กรอกใบสมัคร มีช่องให้ใส่ชื่อ แยกกับ ช่องนามสกุล ถ้าใครเผลอใส่ชื่อกับนามสกุลในช่องใส่ชื่อ ก็ไปตีว่าเค้าสะเพร่าไม่รอบคอบซะแล้ว... ซึ่งถ้าคนทำงานจริงๆ คิดแบบนี้ ผมว่าสอบตกนะ จริงๆทำอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามันไม่ได้มากเกินไป ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรมาเลย แล้วใช้ให้บริษัทถ่ายให้หน่อย ผมว่าอันนี้ก็ควรด่าเหมือนกันนะ จากคุณ : CoollyCat เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 23:24:27

ความคิดเห็นที่ 11 น่าจะยากพอ ๆ กับ ไม่ติดต่อไปที่ candidate ว่าตกลงที่สัมภาษณ์ไป แล้วจะรับเค้าเข้าทำงานรึเปล่า มั๊งครับ :) จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 18 พ.ย. 52 23:41:18

ความคิดเห็นที่ 12 ขอเล่าประสบการณ์ตรง ของตัวเองนะคะ เมื่อไม่กี่ปีมาแล้ว เรียนจบตรี สมัครงาน หางานทำเหมือนคนทั่วไป หว่านมันไปทุกบริษัทเพราะเศรษฐกิจไม่ดี หลังจากนั้นได้รับโทรศัพท์ นัดให้ไปสัมภาษณ์จากหลายที่ ทีนี้เริ่มมั่นใจ ตัวเลือกเยอะ ได้ไปสัมภาษณ์กับที่หนึ่ง ตอนแรกอยากทำมาก แสดงความสามารถสุดฤทธิ์กับการสัมภาษณ์รอบแรก กลับมาบ้าน ดีใจ ได้งานที่นี่แน่ๆ ไม่กี่วันเค้าก็โทรมาให้ไปสัมภาษณ์รอบสอง เราก็ตกลงทันทีไม่รีรอ หลังจากนั้น ได้ offer จากอีกที่หนึ่งซึ่งดีกว่า อยากทำมากกว่า เอาหละสิ ทำไงดี เชื่อมั้ยคะว่าเราทำสิ่งที่ไม่น่าจะทำ คือ พอถึงวันที่ต้องไปสัมภาษณ์รอบสองกับบริษัทนั้น เราก็ไม่ไปมันซะเฉยๆ หายตัวไปเลย ความรู้สึกตอนนั้นคือ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหา ไม่อยากโทรไปบอกว่าพี่คะ หนูไม่ไปสัมภาษณ์แล้วเพราะได้งานที่อื่น เราเลยตัดสินใจหายตัวไป เค้าโทรมาตาม เราก็ไม่รับโทรศัพท์ มาถึงวันนี้ มันก็ผ่านไปสองสามปีแล้ว ตอนนี้ถ้าเราจะไม่ไปสัมภาษณ์เราโทรบอกค่ะ เพราะคิดได้ ว่าการหายตัวไปไม่ใช่นิสัยที่ดีของคนมีการศึกษา แถมยังไปสร้างชื่อเสียให้สถาบันอีก แล้วถ้ารุ่นน้องมาสมัครบ้าง เค้าจะมองน้องเรายังไง เราอยากขอโทษแทน candidate ที่เค้าหายตัวไปค่ะ หวังว่าตอนนี้จขกท. คงถึงบางอ้อ ว่าทำไม้ทำไม มันชอบหายตัวกันจัง จากคุณ : ลูกเอี้ยง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 00:00:53

ความคิดเห็นที่ 13   คุณ coollycat ดิฉันก็เห็นด้วยกับเหตุผลของคุณเหมือนกันค่ะ แต่ดิฉันเป็นคนสัมภาษณ์ครั้งแรกต้องเก็บรายละเอียดไว้มากที่สุด ถ้าถึงขนาดดูการกรอกในใบสมัคร ดิฉันอาจจะไม่ใส่รายละเอียดขนาดนั้น ดิฉันแค่เช็คกับ resume ว่าตรงกันรึเปล่าเพราะบางคนระบุช่วงเวลาต่างกัน ตำแหน่งงานหนึ่งก็ส่งcandidate ไปหลายคน ซึ่งคนที่ตัดสินใจก็คือฝ่ายลูกค้าของดิฉันค่ะ ดิฉันก็จะส่งคนไปหลายแบบค่ะ ให้เค้าเลือก ซึ่งเค้าจะเลือกคนที่มีทัศนคติที่เข้ากับองค์กรเค้าได้ บางองค์กรที่ใช้ความละเอียดในการทำงานเค้าจะใส่ใจ พฤติกรรมของcandidate มากค่ะ บางคนไม่ได้งานเพราะสาเหตุเล็กน้อยมาก ยิ่งกว่าการเซ็นสำเนาถูกต้องต่อหน้าอีกค่ะ เพราะบางองค์กรถือคติว่าเรื่องเล็กมันอาจเป็นเรื่องใหญ่ได้เหมือนกัน เช่นรองเท้ากับกระเป๋าไม่แมทช์กัน เป็นคนละรูปแบบ ถ้าคุณไปสมัคร match maker อาจจะตกรอบเลยค่ะ เพราะคุณไม่มีทักษะการ matching อยู่ในตัว มันหมายถึงว่าคุณอาจจะ match คนให้เข้ากันยาก บางคนไม่ได้งานเพราะสาเหตุมาจากสีทาเล็บก็มีนะคะ โดยเฉพาะสังคมผู้หญิงๆ บางคนที่ไม่ได้รับเข้าทำงานก็เพราะการตอบคำถามบางเรื่องที่ candidate คิดว่าไม่สำคัญนั่นแหละค่ะ แต่ละองค์กรมีการคัดเลือกไม่เหมือนกันดังนั้นเราควรเตรียมตัวให้เราพร้อมที่สุดจะดีกว่าค่ะ จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 00:01:04

ความคิดเห็นที่ 14   คุณ morning star ค่ะ ดิฉันโทรไปหา candidate ทุกคน ค่ะว่าที่ไม่ได้เพราะอะไรเค้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลารอ ถึงไม่ได้รับการสัมภาษณ์แค่ส่ง resume ไปเฉยๆดิฉันก็จะโทรไปบอกค่ะ ถ้าได้รับข่าวจากลูกค้า  เพราะดิฉันไม่อยากเล่นกับความหวังของคนอื่น การรอคอยมันทรมานสำหรับคนมีความหวัง และคนที่ได้ดิฉันก็จะบอกว่าที่เค้าได้เพราะอะไรเหมือนกัน จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 00:10:41

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ recruitgirl คะ จาก # 13 อ่านแล้วเกิดคำถามค่ะ - matching กระเป๋า รองเท้า คิดว่าโดยทั่วไป professional recruitment ดูอยู่แล้ว แต่อยากทราบว่าคุณกำหนดขึ้นมาเองหรือลูกค้ากำหนดมาให้ดูคะ ว่าแต่งตัวที่เข้าท่าจะต้องเป็นแบบนี้ๆๆ ตัวเราไม่มีปัญหาเรื่องการ matching แต่เรามองว่าการแต่งกายสมัยนี้มันค่อนข้างหลากหลายกว่าแต่ก่อนเยอะค่ะ แต่งตัวดูดีมีหลายแบบในการ matching และเอามาใช้ได้กับชุดสัมภาษณ์งานน่ะค่ะ เลยอยากทราบว่าการดูแบบนี้ recruiter ดูและตัดสินเอาเอง หรือลูกค้ากำหนดสไตล์มาคะ - สีทาเล็บ ที่คุณบอกว่า "บางคนไม่ได้งานเพราะสาเหตุมาจากสีทาเล็บก็มีนะคะ " ขอช่วยอธิบายค่ะ คุณหมายถึงเพราะทาเล็บมาไม่ว่าจะสีสุภาพหรือไม่ก็ตาม หรือว่าสีนั้นไม่สุภาพคะ แล้วอย่างเรื่องนี้ คุณดูเองหรือบริษัทส่ง characteristic & personalities มาคะ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 52 01:02:09 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 52 01:01:28 จากคุณ : By the sea เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 01:00:41

ความคิดเห็นที่ 16 คห13 คุณ จขกท ขอบคุณครับ รับทราบครับ ชอบจัง ตามงานแบบนี้ ^_^ จากคุณ : CoollyCat เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 01:24:04

ความคิดเห็นที่ 17 เด็กยุคใหม่  กว่าจะเรียนรู้ว่า ความรับผิดชอบ และ ความตรงไปตรงมา เป็นสิ่งสำคัญ  ก็คงเสียเวลาเรียนรู้เสียหลายปี เพราะคนยุคใหม่ ส่วนใหญ่ ไม่ได้ทำงานหรือ ช่วยงานพ่อแม่ ตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ ขาดประสบการณ์ในการทำงานจริงไป   ว่า ล้อเล่นไม่ได้ จากคุณ : รถไฟสายใต้ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 08:15:34

ความคิดเห็นที่ 18 ดูสีทาเล็บด้วยหรือเนี่ยยยยยย ถ้าใครแต่งตัวไม่เป็นก็มีโอกาสได้งานน้อยลงหรออ ??? โอ้ววววว มายยยย ก้ออดดดดดด .... //ชิ่งไปอัพเดท แฟชั่นโต้ะแป้งแป๊บ เดี๋ยวมาใหม่ จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 09:50:42

ความคิดเห็นที่ 19 ครับ อีกมุมนึง คนไปสัมภาษณ์งาน เค้าก็อยากได้คำตอบเหมือนกันครับว่า ตกลงเค้าไม่ผ่านสัมภาษณ์ใช่ไหม หรือ ว่ายังอยู่ในกระบวนการอยู่ เค้าจะได้ไม่รอเก้อน่ะครับ บอกเค้าบ้างก็ดีนะครับ จากคุณ : mix_more เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 10:18:13

ความคิดเห็นที่ 20 เคยทำแบบ #12 อิอิ เราเคยสำภาษณ์และสอบได้โปรแกรมเมอร์ของ ธ.ไทยพาณิชย์ ตอนแรกว่าจะไป แต่ว่าอยู่ๆมีอีกที่โทรมาเราก็ไปดูได้อีก เงินเดือนดีกว่า สวัสดิการณ์ดีกว่าเราก็เลย เบี้ยว เหมือน #2 ซะเลย รู้สึกผิดเหมือนกัน แต่ทำไงได้ไม่อยากโกหกอะ  ถ้าบอกไปตรงๆเด๋วจะโดนด่าเอา ก็เลย ไม่รับโทรศัพท์ เขาก็น่าจะรู้แล้วว่าเราไม่ไป เหตุก็เป็นเช่นนี้แล แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 52 10:22:04 จากคุณ : darkmetter เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 10:21:27

ความคิดเห็นที่ 21 ขอเล่าบ้างค่ะ ปรกติถ้าเราจะไม่ไป หรือจะไป เลทบริษัท เรามักจะโทรไปเลื่อนเวลา หรือโทรแจ้งยกเลิกการสัมภาษณ์ทุกครั้งค่ะ แต่HR หลายๆที่ ก็ไม่ให้ความร่วมมือเลยค่ะ แบบว่าบางทีเราไปไม่ได้จริงๆ หรือป่วยจริงๆ หรือต้องการยกเลิกจริงๆ เนี่ยพอเราโทรไป เรามักจะได้รับคำตอบว่า ดิฉันนัดเจ้านายไปแล้วค่ะ ยังไงก็ต้องมา นัดผุ้บริหารไปแล้วค่ะ มาเลทนิดนึงก็ได้ ยังไงก็จะรอ (จริงๆก็ดีอ่ะนะคะ เหมือนเราดูมีค่านิดนึงที่เค้าจะรอ) แต่แบบว่าบางทีเวลานั้นไปไม่ได้แล้วจริงๆ นี่มันอึดอัดและยากนะคะ แล้วพอเค้ากดดันให้เราไป เค้าจะรอ ถึงแม้จะเลท แล้วพอเราไปเลทจริงๆ HR เองก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ และตำหนิที่เรามาช้าไม่ตรงต่อเวลา .... ทั้งๆที่เราพยายามจะแจ้งแล้วว่าเรามาไม่ได้ และไม่สะดวก ยังงี้ไม่รู้ต้องแกยังไงดีค่ะ จากคุณ : Minnie_me เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 10:38:31

ความคิดเห็นที่ 22 เข้าใจเอาเองว่า หลังจากนั้นแล้ว คุณ recruitgirl ได้โทรไปถามข่าวคราวของน้องเค้าอีกทีแล้ว พบว่าแฟนไม่ได้เจ็บหนักจริงอย่างที่ว่า หรืออาจจะติดต่อไม่ได้แบบมีพิรุธ ถ้าอย่างนั้น candidate ก็สมควรจะได้รับบทเรียนบ้าง การขึ้น blacklist ก็น่าจะแจ้งให้เจ้าตัวทราบด้วยนะ เค้าจะได้รู้ตัวและจะได้ไม่ทำกับคนอื่นอีก จากคุณ : อาวุธ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 11:37:33

ความคิดเห็นที่ 23 เข้าใจจขกท.จริงๆค่ะ แค่คิดง่ายๆว่าเรามีนัดกับใครคนหนึ่งที่เราต้องจัดสรรเวลารอ แล้วคนคนนั้นเกิดเบี้ยวนัดเรา ไม่บอกไม่กล่าว ติดต่อไม่ได้ อย่างนี้ไม่ต้องพูดถึงมารยาทการสมัครงานหรอกค่ะ แค่มารยาทโดยรวมก็ผิดแล้ว จากคุณ : booklovers เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 12:07:05

ความคิดเห็นที่ 24   อ่าน คห. 13 แล้วตลกจัง ดิฉันเป็นเอชอาร์มาก่อน เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยมาใส่ใจเลยค่ะ เพราะเป็นเอชอาร์ แต่ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท สมัยตอนที่เรียนจบใหม่ ๆ ก็ยังเด็ก ๆ ไปสมัครงานที่นึง ณ ตอนนั้น เอชอาร์คนนั้นดีมาก เค้าไม่ได้ติเรื่องการแต่งตัวหรอกนะคะ แต่เค้าบอกให้ติดกระดุมแขนเสื้อด้วยนะ โบ๊ะแป้งมานิดนึงนะน้อง แล้วพยายามยิ้ม ๆ หน่อย ๆ นี่เป็นตัวอย่างเอชอาร์ที่ดีค่ะ ซึ่งพอมาถึงคราวตัวเองได้เป็นเอชอาร์บ้าง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยเอามาใส่ใจเลยค่ะ เวลาคนมาสัมพาดแต่งตัวไม่เรียบร้อย ก็จะค่อย ๆ บอก ค่อย ๆ ติ บอกด้วยนะว่าประธานจะสัมพาดอะไรบ้าง บอกหมดเลย แล้วให้คนมาสัมพาดเตรียมตัว นี่คือตัวอย่างเอชอาร์ที่ดีค่ะ ดิฉันว่าคุณ รีครุทเกิร์ลเนี่ย มองอะไรแคบไปรึเปล่าคะ คุณควรที่จะบอกกล่าวในสิ่งที่คิดว่าไม่ถูกต้องกับผู้สมัครค่ะว่าอะไรควรหรืออะไรไม่ควร ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ไปตัดคะแนนเค้า ไม่มีใครเพอร์เฟค สมบูรณ์แบบหรอกค่ะ ไม่รู้นะคะ โดยส่วนตัวนัดคนมาสัมพาดงานบ่อยมาก เป็นหลายต่อหลายปี แต่ไม่เคยเจอผู้สมัครเบี้ยวสัมพาดสักครั้ง อันนี้เรื่องจริง เจอมากับตัวจริง ๆ ไม่เคยเลยจริง ๆ อาจจะขึ้นอยู่กับศิลปะการพูดด้วยมั้ง ขอต่ออีกนิดนึงนะคะ...............เคยแบบว่าบริษัทโทรมา โม้งั้นโม้งี้ว่าคุณสมบัติตรงเป๊ะ อยากได้มาก ๆ อยากได้จังเลยยย โทรมาหาดิฉันแล้วโทรแล้วโทรอีก โทรมาตลอดดด ว่าอยากได้เราไปสัมพาด แต่สุดท้ายเสียทั้งเวลาตื่นนอน เสียทั้งเงินค่ารถ เสียมันทุกอย่าง เพื่อไปสัมพาด เพราะคิดว่ายังไงเราก็ได้ เพราะดูจากประสบการณ์เราแล้วมันก็ตรงกับที่เค้าต้องการจริง ๆ ปรากฏว่ารอไปเหอะค่ะ รอแล้วรออีก รอแล้วรอเล่า ไม่มีเสียงตอบรับเลยค่ะ ให้กรูรอไปเถอะค่ะ แอบคิดในใจเหมือนโดนซื้อตัวยังไงไม่รู้ แล้วอย่างนี้จะให้ด่ายังไงล่ะคะ แล้วเอชอาร์จำพวกรับตำแหน่งเดียว แต่เรียกคนมาสัมพาดประมาณแสนคนเนี่ย บอกตรง ๆ ว่ารับไม่ได้เลยค่ะ คุณจะเลือกไปถึงไหนคะ ดิฉันคิดว่ามันมากเกินไป คนสัมพาดเค้าเสียเวลา เสียเงินมาสมัคร อยากได้งาน แต่สุดท้ายตัวเองกลับไมไ่ด้รับเลือก เข้าใจอยู่ค่ะว่าต้องการมีตัวเลือกเยอะ ๆ แต่โทรตามสัมพาดเยอะ ๆ แบบนี้คุณจะทำเพื่ออะไรคะ มันก็สมควรอยู่หรอกค่ะ ที่พูดมาเนี่ยเจอกับตัวเอง ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีจากไหนหรอกนะคะว่าบริษัทต้องเลือกฉันคนเดียว ไม่เคยคิดค่ะ แต่บางครั้งมันทำให้คิดเหมือนกัน แต่ไม่ชอบวิธีการให้คนมาสัมพาดเยอะ ๆ แบบบนี้ มันเสียเวลาคนอื่น คุณทำงานในบริษัท แต่คนสัมพาดต้องตื่นนอน อาบน้ำ แต่งตัว ออกจากบ้าน เสียค่ารถไป-กลับ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ ไหนเค้าจะต้องลางานไปสัมพาดอีก โอโห........ได้หรือไม่ได้บอกกันมาเลยว่าคุณผ่านหรือไม่ผ่าน ไม่ต้องมารออาทิตย์ สองอาทิตย์ เพราะดิฉันเชื่อว่าเอชอาร์คงไม่ใช่เด็กเพิ่งจบมาทำงาน มันต้องรู้บ้างสิคะว่าคนนี้เข้าตา ไม่เข้าตา คุณจะต้องรู้ใจผู้ัจัดการฝ่ายนั้น ๆ ด้วย แล้วให้เค้าดูตัวเลือกว่ามีกี่คน สัก 5 คน หรือ 10 คนมันก็มากพอแล้วค่ะ คนเป็นเอชอาร์จะต้องมีจริยธรรมเหมือนกันนะคะ เคยเจอเคสนึง.............ข้ามน้ำข้ามทะเลมาสัมพาด มาจาก ตจว...ปรากฎว่าเจ้านายเอาอีกคน จริง ๆ อารมณ์นั้นเราก็เหวอนะ เพราะคิดว่าคนนี้จะได้ แต่กลับกัน คนที่ได้งาน กลับเป็นคนที่วันสัมพาดพูดจาไม่รู้เรื่อง คุณสมบัติไม่ตรงซะงั้น แต่เจ้านายอยากได้คนนี้ ทำเอชอาร์มาหลายปียังเหวอและคิดไม่ึถึงจริง ๆ สรุป คนที่เจ้านายต้องการนั้น เธอปฏิเสธว่าเงินเดือนที่เก่าเธอมากกว่า ขอไม่ทำแล้วกัน ไป ๆ มา ๆ เปลี่ยนใจไปเลือกคนที่ที่ไม่ต้องการตั้งแต่ทีแรก ถ้าดิฉันมารู้ว่าตัวเองไม่ได้ถูกเรื่องตั้งแต่ทีแรกก็เสียความรู้สึกเหมือนกันแหล่ะี่ค่ะ จากคุณ : รักเธอที่สุด เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 13:01:49 A:124.122.156.214 X:

ความคิดเห็นที่ 25   ชอบคุณรักเธอที่สุด จากคุณ : เดินสะพัด เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 15:36:08 A:117.121.214.90 X: TicketID:214963

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าถามว่ายากมั้ย มันก็ยากนะ สำหรับคนที่กลัวการเผชิญหน้า ถ้าไม่รับ 2 ครั้ง เราคงเลิกโทร และก็เป็นอันรู้กัน สำหรับเรา บอกตรงๆว่าเมื่อมีคนโทรนัดสัมภาษณ์งาน เรารับนัดหมดแหล่ะ(ยกเว้นประกันชีวิต,MLM,เดินขายของ) แล้วหลังจากนั้นก็หาข้อมูลบริษัท ว่าจะไปหรือไม่ไป จะได้ไม่เสียเวลาทั้งคู่ แล้วก็จะโทรบอกล่วงหน้า 1 ชั่วโมง ก่อนสัมภาษณ์ ว่ามีประชุมด่วน!! คือประมาณว่าขอตัดสินใจช่วงวินาทีสุดท้าย จากคุณ : ice_icecool เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 15:59:03

ความคิดเห็นที่ 27 อยากให้กีบคุณรักเธอที่สุด คห.24 แต่ให้ไม่ได้อ่ะ จากคุณ : oillyy27 เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 16:21:59

ความคิดเห็นที่ 28   มีบริษัทนัดให้ไปสัมภาษณ์เหมือนกันครับ  ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่คอมพิวเตอร์ออกแบบกราฟฟิค รับสมัครทั้งหมด 10 อัตตรา บริษัทอยู่แถว bts ช่องนนทรี ซอยวัดดอน ออฟฟิตตั้งอยู่บริเวณศูนย์การค้าวรรัตน์ ถนนทนุรัตน์ "บริษัทเป็นผู้ผลิต และได้รับลิขสิทธิ์จากต่างประเทศทั้ง video และ cd ประเภทสารคดี การ์ตูน สื่อการศึกษา แต่เพียงผู้เดียวในประเทศ" ในประกาศรับสมัครเค้าบอกอย่างนั้นไม่ขอบอกนะครับว่าบริษัทไร แต่ถ้าคนอยู่แถวนั้นก็จะรู้ว่าบริษัทไร บริษัทใหญ่ทีเดียว วันนัดสัมภาษณ์ก็เตรียมเอกสารและแต่งตัวไปเรียบร้อยตามแบบคนมีการศึกษาและอยากได้งานใหม่ ช่วงสัมภาษณ์ก็ดูจะเป็นไปแบบอย่างราบเรียบไม่มีอุปสรรคอะไร มีผลงานจากบริษัทเก่าไปให้ HR ดูด้วย HR ก็ชมว่าดี จากนั้นก็ให้ไป test งานจากฝ่ายศิลป์ test เสร็จฝ่ายศิลป์ก็บอกให้กลับบ้าน จวบจนใกล้จะถึงบ้านแล้ว กำลังจะลงรถตู้ก็มีสายจาก HR โทรมาบอกว่า "คุณได้ร่วมงานกับเราแล้วค่ะ ยินดีด้วย" หลังจากนั้น HR ก็ถามว่าจะเริ่มงานได้วันไหน ผมบอกว่าเริ่มงานได้ทันที HR ก็บอกค่ะ เดี๋ยวคุณรอสายคอนเฟิร์มอีกครั้งนะค่ะ ตั้งแต่นั้นมาจนวันนี้สองเดือนแล้วครับ ผมก็รอด้วยความหวัง ล่าสุดสองอาทิตย์ก่อนลองโทรไปถาม HR ดูว่าจะให้ผมทำงานไหม เขาก็เออ......ออ...อยู่พักนึงแล้วเขาก็บอกว่า เดี๋ยวจะปรึกษากับหัวหน้าฝ่ายศิลป์ก่อนนะค่ะว่าจะให้เริ่มงานวันไหน 555 จนวันนี้ก็ยังไม่โทรมาบอกว่าให้เริ่มงานวันไหน ได้ไม่ได้ยังไงก็โทรบอกด้วยซิครับ คนเขารอด้วยความหวัง นี่เหรอมารยาทของ HR บริษัทก็ใหญ่นะ ปล.ผมก็อยากจะถามกลับไปเหมือนกันว่ามันยากไหมครับกับการโทรมาบอกสักคำว่าคุณได้หรือไม่ได้!!! แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 52 17:48:07 จากคุณ : mr.pak เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 17:38:29

ความคิดเห็นที่ 29 เข้าใจคุณ recruitgirl ค่ะ เราก็เคยเจอบ่อยๆ candidate ที่นัดแล้วไม่เป็นนัด ส่งผลให้เราเสียงาน เรา blacklist ทันทีค่ะ ถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอ profile ดีแค่ไหนก็ไม่ไหวนะคะ ถ้าคุณไม่มีความรับผิดชอบ แต่ถ้าเหตุจำเป็นจริงๆก็อภัยได้ค่ะ ส่วนเรื่องเซ็นต์สำเนาถูกต้องนั้น เราว่า บางบ.เค้าก็คิดว่ามันสำคัญนะคะ ลองคุณสมัครงานพวก ตรวจสอบบัญชี ตรวจสอบภายใน  คุณจะเข้าใจว่า บางอย่างแม้จะเล็กน้อยก็มี สาระคำคัญที่นำมาประกอบการพิจารณานะคะ เราเคยสัมภาษณ์งาน ผู้สมัครงานบัญชี ร่วมกับ หัวหน้าฝ่ายบัญชี ผู้สมัครตกรอบเพราะ เซ็นต์สำเนาถูกต้องต่อหน้าเลยค่ะ และในบางใบ เซ็นต์ชื่อเฉยๆ เพราะรีบด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 52 18:17:09 จากคุณ : daizymelody เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 18:11:41

ความคิดเห็นที่ 30   ค.ห. 15 คุณ by the sea ค่ะ มันเป็นหน้าที่ของทางดิฉันอยู่แล้วค่ะ ที่ต้องดูบุคลิกและเสื้อผ้า เพราะดิฉันต้องเขียน present ให้กับลูกค้า และต้องดูการแต่งตัวเค้าว่าเป็นคนแบบไหน เพราะต้องหางานและบริษัทที่เหมาะกับเค้าค่ะ  ดังนั้นต้องมองเป็นกลางที่สุดค่ะ เพราะบางคนให้ความสำคัญมากกับเรื่องการแต่งตัวแล้วดิฉันจะพูดเป็นนัยๆว่าวันที่สัมภาษณ์กับบริษัทต้องแต่งตัวให้หล่อที่สุดนะคะ ใช้สำหรับคนที่ใส่กางเกงยีนมาค่ะ หรือแต่งตัวไม่สุภาพ ก่อนจะไปดิฉันจะส่งวิธีการแต่งตัวไปสัมภาษณ์ไปให้เค้าค่ะ ในกรณีแต่งตัวไม่เป็น แต่ถ้าแต่งตัวเป็นก็ไม่ได้ส่ง ถ้าใครแต่งตัวดีมาดิฉันก็จะชมเค้าต่อหน้าเลยค่ะ ว่าเราชอบ ดิฉันจะดูการเลือกโทนสีของเค้า กระเป๋าที่แมทกับรองเท้าก็คือstyle เดียวกันค่ะ เช่นใส่รองเท้าบูทกับกระเป๋าออกงานกับชุดราตรีมันก็ไม่เหมาะใช่มั๊ยค่ะ  คือบางคนนี่คนละแนวจริงๆค่ะ ถ้าเห็นแล้วตกใจแน่นอน ถ้ายิ่งผู้บริหารยิ่งสำคัญมาก ถ้าคุณยังเลือกกระเป๋ๅแมทช์กับรองเท้าๆไม่ได้ ในอนาคตคุณจะสั่งงานลูกน้องให้เหมาะกับความสามารถเค้าได้ยังไง ผู้บริหารบางคนให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กน้อยมาก ตอนดิฉันทำงานที่นึงในอาทิตย์แรก ผู้บริหารเรียกคุยแล้วซื้อน้ำยาขัดรองเท้าให้เรา ตอนนั้นอายมากค่ะ แล้วบอกว่าเราต้องขัดให้เงากว่านี้ เพราะมันคือภาพลักษณ์ขององค์กร เวลาเราคุยกับลูกค้าอีกกลุ่มนึงเค้าให้ความสำคัญมากค่ะ วันนั้นดิฉันจึงมองว่าการเป็นผู้บริหารได้ต้องใส่ใจรายละเอียดเล็กๆเสมอ คุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวด้วยราคาแพงค่ะ แค่คุณใส่แล้วเหมาะกับคุณและงานก็พอแล้ว ถ้าคุณชอบแต่งตัวแนวเชยๆหน่อย ดิฉันก็คงส่งคุณไปสัมภาษณ์บริษัท fashion ไม่ได้ ต้องหา character ที่เหมาะกับองค์กร ถ้าเหมาะแล้วเวลาที่เค้าสัมภาษณ์มันจะ คลิกอัตโนมัติจากทัศนะคติค่ะ จากนั้นคุยเรื่องงานอาจจะลงตัวมากขึ้น บางองค์กรบอกมาเลยค่ะ ต้องการ character แบบไหน แบบไหนไม่เอา แล้วแต่ค่ะ เหมือนกับตอนนี้สมมติว่าดิฉันเป็นโมเดลลิ่ง หานางแบบที่ใส่ชุดว่ายน้ำให้กับงานนึง ดิฉันก็จำเป็นต้องเลือกคนรูปร่างดี และกล้าที่จะใส่ชุดว่ายน้ำ ถ้าเลือกคนขี้อาย ไม่มั่นใจรูปร่างตัวเอง ก็อาจจะขัดกับงานนี้เหมือนกัน งานลูกค้าก็เสีย นางแบบก็รู้สึกไม่สบายใจถึงแม้จะได้เงินเยอะมากก็ตาม แต่ถ้าคุณมาสมัครงานเอกสาร งานแอดมิน แต่แต่งตัวอลังการมาก มันก็ดีค่ะ ที่เค้าตั้งใจ แต่เค้าจะใส่ใจคนมากกว่าเอกสารที่เค้าต้องทำ ก็จะแนะนำเค้าไปว่าลองทำงานที่ร่วมกับคนจะดีกว่ามั๊ย เค้าอาจจะมีความสุขมากกว่าทำแล้วรุ่งกว่า เรื่องสีทาเล็บเช่นองค์กรนั้นต้องการคนหัวอ่อน แต่คุณทาเล็บสีแดงมาอาจจะไม่ได้เพราะคุณดูมั่นใจไป อาจจะเหมาะกับองค์กรอื่นมากกว่าค่ะ ที่เค้าอยากได้คนมั่นใจมาทำงานให้เค้า เพราะรสนิยมมันก็บอกตัวตนของคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 52 17:55:06 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 52 01:00:13 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 52 23:25:47 จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 23:23:13

ความคิดเห็นที่ 31   คุณ รถไฟสายใต้ค่ะ เห็นด้วยค่ะ ถ้าดิฉันเจอเด็กเพิ่งจบดิฉันก็จะบอกเลยว่าอย่าทำอย่างนี้ไม่เหมาะนะ เคยเจอเด็กนั่งขัดสมาธิ แล้วกรอกใบสมัครค่ะ เราก็จะไปเตือนเค้าค่ะว่ามันดูไม่สุภาพ คนเดินไปเดินมามันดูไม่ดี และให้ปิดมือถือด้วยเพราะมือถือเค้าเสียงดังค่ะ จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 23:29:36

ความคิดเห็นที่ 32   คุณ kinkyvans ค่ะ ขึ้นอยู่กับงานค่ะ บางงานอาจจะไม่มีผล แต่ถ้าคุณทำงานที่ต้องเจอลูกค้าสำคัญแน่นอน เคยถามพี่คนนึงที่เค้าเป็นฝ่ายคัดคนเข้าทำงานค่ะ เค้าดูแม้กระทั่งเนือผ้าเลยนะคะ บางที่เค้าอาจจะไม่รับคนที่ใส่ผ้าไหมมาสมัครงาน ดิฉันก็ถามเพราะอะไร เค้าบอกว่าดูทำงานหนักไม่ได้ เหมาะกับการออกงาน บางที่ไม่รับคนที่เกิดวันนั้นวันนี้ก็มีนะคะ อาจจะมีหมอดูทักเรื่องดวง ซึ่งมันก็เป็นสิทธิ์ของเค้าเพราะเป็นกิจการของเค้าเอง แต่ละองค์กรก็มีการรับที่ต่างกันไป จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 23:38:46

ความคิดเห็นที่ 33   คุณ mix_more บางงานต้องรอประมาณ 2 เดือนก็มี แต่ถ้ามีอะไรเคลื่อนไหวดิฉันแจ้งเค้าไปแน่นอน ให้รู้ถึงความเคลื่อนไหว ถ้าบริษัท เค้าได้คนอื่นไปแล้วที่ไม่ใช่จากทางดิฉันก็จะบอก candidate เหมือนกันค่ะ จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 23:41:23

ความคิดเห็นที่ 34 กระทู้นี้เป็นกระทุ้ที่ดีครับ ได้พูดคุย ได้เรียนรู้จากหลายๆมุมมอง ขอโหวตกระทู้นะครับ อยากให้ขึ้นกระทู้แนะนำ อยากให้คนหลายๆคนได้อ่านบ้างจัง จากคุณ : CoollyCat เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 23:41:27

ความคิดเห็นที่ 35   คุณ darkmetter ค่ะ ไม่เป็นไรมันผ่านไปแล้ว แต่ถ้าในอนาคตวันนึงคุณเป็นเจ้าของกิจการ ถ้าปิดบริษัทโดยไม่บอกลูกน้อง จะมีอีกหลายชีวิตที่โดนกระทบไปด้วย เวลามันจะสอนคุณเองค่ะ ให้เป็นคนรับผิดชอบมากขึ้น จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 23:46:14

ความคิดเห็นที่ 36   คุณ อาวุธค่ะ ในเมื่อเค้าไม่รับสายของดิฉัน และไม่เคยโทรกลับ ดิฉันก็เข้าใจแล้วค่ะ แต่ยังไม่ได้ส่งไปบอกเจ้าตัวค่ะ เพราะแต่ละคนมีความคิดไม่เหมือนกัน เค้าอาจจะมองว่าเราทำตัวไม่ดีก็ได้ที่ไปยุ่งเรื่องเค้า มีcandidate ของพี่ที่ทำงาน คนนึงสัมภาษณ์ในตำแหน่ง ผู้จัดการเงินเดือนเกือบแสน เค้าไม่ไปสัมภาษณ์โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากตื่น นาฬิกาปลุกหลายครั้งแล้วไม่ตื่น เค้าบอกว่าทางดิฉันผิดที่นัดเค้าเช้า เค้าไม่ได้อยากจะได้งานนี้หรอก แล้วก็ตัดสายไปเลย คนเราไม่เหมือนกันค่ะเวลาทำผิดมักจะโทษคนอื่นเสมอ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 52 00:00:48 จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 00:00:05

ความคิดเห็นที่ 37 ลบนะคะ ซ้ำค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 52 01:14:15 จากคุณ : แม่บ้าน ทอ. เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 00:13:05

ความคิดเห็นที่ 38   คุณ Minnie_me ค่ะ เข้าใจคุณค่ะ แต่ที่เค้าทำอย่างนั้นอาจจะเป็นเพราะผู้บริหารเค้ามีธุระที่ต้องทำอีกมากมาย รอสัมภาษณ์คุณก่อนไปต่างประเทศเย็นนั้นก็ได้ เค้าจะมีตารางชีวิตของเค้า ว่าแต่ละวันต้องทำอะไรบ้าง ในฐานะที่เป็นคนมาของานเค้าทำบางที่เราคงหลีกเลี่ยงอะไรมากไม่ได้ แต่คนบางคนเมื่อได้รับโอกาสนั้นแล้ว เค้าจะรักษามันไว้ให้ดีค่ะ ถ้าคุณคิดว่ามันมีค่าคุณจะไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไปเด็ดขาด แต่ถ้าคุณคิดว่าโอกาสมันเกิดขึ้นกับตัวคุณเสมอก็แล้วแต่คุณค่ะ ที่คุณโทรไปมันถูกต้องแล้วค่ะ แต่หลายๆที่ถ้าโทรไปบอกเค้าก่อนก็ไม่มีปัญหานะคะ ที่เค้าโกรธอาจจะเป็นเพราะอารมชั่ววูบค่ะ คิดซะว่าตอนคุณนัดกับแฟนไว้ แต่แฟนคุณโทรมาเลื่อนนัดให้คุณรอซัก 2 ชั่วโมง เพราะติดธุรสำคุญ ตอนที่คุณเจอหน้าแฟนครั้งแรกคุณอาจจะแอบงอนเค้านิดนึงก็ได้นะคะ จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 00:15:39

ความคิดเห็นที่ 39   มๅตอบกระทู้ใหม่พรุ่งนี้นะคะ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 52 01:43:57 จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 01:42:18

ความคิดเห็นที่ 40   อ่าน คห. 13 แล้วตลกจัง ดิฉันเป็นเอชอาร์มาก่อน เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยมาใส่ใจเลยค่ะ เพราะเป็นเอชอาร์ แต่ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท ก็เป็นสิทธิ์ของคุณค่ะที่คุณจะตลก เดาว่าเจ้าของความเห็นคงยังเด็กและคงอาจยังไม่รู้เรื่องระบบการทำงานของอาชีพต่างๆมาก เพราะดิฉันก็เคยเป็นเหมือนคุณตอนที่ดิฉันเพิ่งจบใหม่ๆ ตอนนั้นเพื่อนไปสมัครสายการบินนึงเค้าตรวจสิวที่หลังด้วย เราก็มองว่าไร้สาระจังในความคิดของเด็กโง่เขลาคนนึงมองว่าอาชีพนี้ต้องตรวจขนาดนั้นเลยเหรอไม่ได้ใส่สายเดี่ยวไปทำงานซะหน่อย แต่พอมารู้ความจริงภายหลังว่า การที่เค้าขอดูนั้นเพราะอยากรู้ว่าผิวเราดีจริงหรือเปล่า เค้ากลัวว่าถ้าเรา ผิวไม่ดีจริงไปอยู่ตะวันออกกลางอาจจะเป็นโรคผิวหนังได้เพราะอากาศ เวลาคนเข้ารอบสุดท้ายเค้าให้ไปล้างหน้าออกให้หมดด้วยเพราะอยากรู้ผิวจริง ถ้าผิวมีปัญหาก็ตกรอบไปตามระเบียบ พอรู้ความจริงดิฉันก็รู้สึกเสียใจที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางตัดสินทุกอย่างจากสมองเด็กๆ ดิฉันเลยเปลี่ยนความคิดว่าการที่เค้าตั้งกฎกติกาบางอย่างเพราะล้วนแต่มีเหตุผล คุณ เป็น HR คุณยิ่งต้องใส่ใจรายละเอียดของคนเพราะคนที่เป็น HR ต้องมีจิตวิทยาที่สูง สมมติว่าคุณเป็นนักจิตวิทยาแล้วตอนนี้ดิฉันเป็นคนไข้คนหนึ่งเป็นคนกลัวผักชีมาก คุณจะมองว่าตลกว่ะคนอื่นไม่เห็นกลัวเลย จะกลัวไปทำไม คุณต้องมองว่าทุกคนล้วนมีเหตผลในตัวเองในการที่จะแสดงออกมา ทุกคำพูดทุกการกระทำล้วนมีความหมายหมด คุณจะเป็นนักจิตวิทยาที่วิเคราะห์คนไข้ได้อย่างไร คุณจำเป็นใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยมากกว่านี้ ฝ่ายบุคคล ที่เก่งๆอย่างต่างประเทศ เวลาเค้าให้ทำ group discussion แค่5 นาทีเค้าสามารถตัดสินได้เลยว่าใครจะตกรอบหรือเข้ารอบในรอบแรกเพราะคนมาสมัคร 4000 คน คัดเข้ารอบประมาณ 500 คนรอบที่ 2 อาจจะใช้เวลาที่ละเอียดมากขึ้นเพื่อมองสิ่งที่เค้าต้องการในตัวคุณว่าคุณมีรึเปล่า เพราะทุกคำพูดที่ออกมา วิธีถือแฟ้ม ยื่นแฟ้มให้กรรมการ ทุกอิริยาบถมีความหมายหมด ดิฉันยังต้องฝึกอีกเยอะเพื่อจะได้วิเคราะห์คนได้เก่งเหมือนเค้า ต้องใช้เวลาอีกนานมาก ตอนอยู่ที่ทำงานเก่ามี คนมาสมัครงาน ขๅยสินค้า นำเข้ๅ แต่manager ดิฉันไม่รับเพราะResume สะกดคำผิดอยู่ 3 ตำแหน่ง ตอนแรกดิฉันก็มองว่าเว่อร์ไปรึเปล่า แต่พี่manager บอกว่าถ้าทำงานจริงกลัวเค้า ใส่ตัวเลขผิด เพราะถ้าสั่งของจากเมืองนอกแล้วใส่รหัส code ผิดแค่ตัวเลขเดียวความหมายจะเปลี่ยนทันที กลัวว่าจะทำงานพลาด ของชิ้นนึงมันไม่ได้ถูกๆเลย แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 52 08:21:03 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 52 22:46:10 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 52 21:54:26 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 52 21:21:02 จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 21:17:49

ความคิดเห็นที่ 41   สมัยตอนที่เรียนจบใหม่ ๆ ก็ยังเด็ก ๆ ไปสมัครงานที่นึง ณ ตอนนั้น เอชอาร์คนนั้นดีมาก เค้าไม่ได้ติเรื่องการแต่งตัวหรอกนะคะ แต่เค้าบอกให้ติดกระดุมแขนเสื้อด้วยนะ โบ๊ะแป้งมานิดนึงนะน้อง แล้วพยายามยิ้ม ๆ หน่อย ๆ นี่เป็นตัวอย่างเอชอาร์ที่ดีค่ะ ซึ่งพอมาถึงคราวตัวเองได้เป็นเอชอาร์บ้าง เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เคยเอามาใส่ใจเลยค่ะ เวลาคนมาสัมพาดแต่งตัวไม่เรียบร้อย ก็จะค่อย ๆ บอก ค่อย ๆ ติ บอกด้วยนะว่าประธานจะสัมพาดอะไรบ้าง บอกหมดเลย แล้วให้คนมาสัมพาดเตรียมตัว นี่คือตัวอย่างเอชอาร์ที่ดีค่ะ ดิฉันว่าคุณ รีครุทเกิร์ลเนี่ย มองอะไรแคบไปรึเปล่าคะ คุณควรที่จะบอกกล่าวในสิ่งที่คิดว่าไม่ถูกต้องกับผู้สมัครค่ะว่าอะไรควรหรืออะไรไม่ควร ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ไปตัดคะแนนเค้า ไม่มีใครเพอร์เฟค สมบูรณ์แบบหรอกค่ะ HR ส่วนใหญ่บางครั้งเค้าก็ไม่พูดให้เราฟังหรอกนะคะ ว่าเราแต่งตัวยังไง แต่ที่ดิฉันบอกไปเพราะอยากให้เค้ารู้เพราะบางคนไม่รู้จริงๆ เช่นมีเด็กใส่ชุดนักศึกษามาสัมภาษณ์ดิฉันก็จะบอกไปว่าไม่ควรแต่งตัวแบบนี้ไปสัมภาษณ์ที่อื่น เพราะเค้าอาจมองว่าคุณยังไม่โต ดิฉันติเพื่อก่อค่ะเพื่อให้เค้าพัฒนาตัวเอง HR ที่ดีเค้าจะมองว่าเรื่องเล็กน้อยคือเรื่องใหญ่ บางคนไม่ได้งาน account manager เพราะถือแฟ้มลายคิตตี้ก็มี ยิ่งองค์กรใหญ่ๆเค้ายิ่งใส่ใจรายละเอียดเยอะ เพราะเค้าละเอียดเค้าถึงเติบโตมาถึงวันนี้ ถ้าเค้ามองคนแบบลวกๆ ระบบบริษัทก็ลวกๆ วันนึงถ้ามีข้อผิดพลาดมาคุณอาจจะมองไม่เห็นปัญหา ถ้าระบบบัญชีที่ละเอียดเวลาใครโกงคุณ คุณก็จะรู้หมด ก็แล้วแต่ค่ะถ้าคุณมองว่าดิฉันความคิดแคบก็เป็นสิทธิ์ของคุณ ดิฉันจะบอกเสมอว่าคำตอบเค้าควรจะพูดในรอบถัดไปหรือไม่ และดิฉันอยากจะดึงศักยภาพในตัวเค้าออกมามากที่สุด เพราะดิฉันคือที่ปรึกษาของเค้าไม่ใช่แค่ recruit  อย่างเดียว บางคนเค้าเคยเป็นเซลล์ขายของทื่คิงพๅวเว่อร์เค้าบอกว่าเค้าทำยอดได้ไม่ได้มากเท่าไหร่ หลังจากสัมภาษณ์ได้ฟังระบบความคิดของเค้า ดิฉันแนะนำให้เค้าไปทำ designerหรือ marketingที่ทำ event เพราะเค้าจะรุ่งกว่าเยอะเพรๅะมีควๅมคิดสร้ๅงสรรค์เยอะมๅกดิฉันบอกเค้าไปว่าน่าเสียดายที่เค้ามองข้ามศักยภาพในตัวเองไป แล้วเค้าก็ขอบคุณที่ดิฉันที่จุดประกายความคิดเค้า ก่อนจะไปสัมภาษณ์จริงดิฉันจะซ้อมสัมภาษณ์กับCandidate และอาจจะไกด์คำตอบว่าควรตอบยังไงถึงจะตรงตามคุณสมบัติที่เค้าต้องการ และสร้างความมั่นใจให้เค้าก่อนจะไปสัมภาษณ์แล้วดิฉันจะส่ง คำถามไปให้เค้าทางอีเมลล์ เท่าที่จะหาได้ ดิฉันไม่มีคะแนนหรอกค่ะ ว่า100 คะแนนเค้าได้เท่าไหร่ แต่ดิฉันจะเก็บรๅยละเอียดควๅมเป็นเค้ๅให้ได้มๅกที่สุดดิฉันก็จะพูดข้อเสียและข้อดีของเค้าหลังสัมภาษณ์ ใช่ค่ะ ไม่มีใครเพอร์เฟค และไม่เคยพูดข้อเสียของcandidate ให้ลูกค้าฟังแม้แต่ครั้งเดียว ถ้าเค้ารู้เค้าจะเรียก candidate ของดิฉันสัมภาษณ์เหรอค่ะ ข้อเสียเค้าคงเห็นเองจากวันที่สัมภาษณ์จริง แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 52 08:46:08 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 52 08:34:33 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 52 23:02:50 จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 21:52:45

ความคิดเห็นที่ 42 เป็นเอชอาร์ แต่ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท 24  ถูกจายยยยย ------------------------------------------------------- แค่5 นาทีเค้าสามารถตัดสินได้เลยว่าใครจะตกรอบหรือเข้ารอบ นั่นมันวิธีการของเค้า อาจจะมั่ว อาจจะมีสถิติเก่า อาจจะมีตำราหมอดูโหงวเฮ้ง แต่ผมว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น เรื่องมนุษย์คนเนี่ย จากคุณ : ไฟลามทุ่ง เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 22:02:34

ความคิดเห็นที่ 43   ขอต่ออีกนิดนึงนะคะ...............เคยแบบว่าบริษัทโทรมา โม้งั้นโม้งี้ว่าคุณสมบัติตรงเป๊ะ อยากได้มาก ๆ อยากได้จังเลยยย โทรมาหาดิฉันแล้วโทรแล้วโทรอีก โทรมาตลอดดด ว่าอยากได้เราไปสัมพาด แต่สุดท้ายเสียทั้งเวลาตื่นนอน เสียทั้งเงินค่ารถ เสียมันทุกอย่าง เพื่อไปสัมพาด เพราะคิดว่ายังไงเราก็ได้ เพราะดูจากประสบการณ์เราแล้วมันก็ตรงกับที่เค้าต้องการจริง ๆ ปรากฏว่ารอไปเหอะค่ะ รอแล้วรออีก รอแล้วรอเล่า ไม่มีเสียงตอบรับเลยค่ะ ให้กรูรอไปเถอะค่ะ แอบคิดในใจเหมือนโดนซื้อตัวยังไงไม่รู้ แล้วอย่างนี้จะให้ด่ายังไงล่ะคะ แล้วเอชอาร์จำพวกรับตำแหน่งเดียว แต่เรียกคนมาสัมพาดประมาณแสนคนเนี่ย บอกตรง ๆ ว่ารับไม่ได้เลยค่ะ คุณจะเลือกไปถึงไหนคะ ดิฉันคิดว่ามันมากเกินไป คนสัมพาดเค้าเสียเวลา เสียเงินมาสมัคร อยากได้งาน แต่สุดท้ายตัวเองกลับไมไ่ด้รับเลือก เข้าใจอยู่ค่ะว่าต้องการมีตัวเลือกเยอะ ๆ แต่โทรตามสัมพาดเยอะ ๆ แบบนี้คุณจะทำเพื่ออะไรคะ มันก็สมควรอยู่หรอกค่ะ ที่พูดมาเนี่ยเจอกับตัวเอง ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรีจากไหนหรอกนะคะว่าบริษัทต้องเลือกฉันคนเดียว ไม่เคยคิดค่ะ แต่บางครั้งมันทำให้คิดเหมือนกัน แต่ไม่ชอบวิธีการให้คนมาสัมพาดเยอะ ๆ แบบบนี้ มันเสียเวลาคนอื่น คุณทำงานในบริษัท แต่คนสัมพาดต้องตื่นนอน อาบน้ำ แต่งตัว ออกจากบ้าน เสียค่ารถไป-กลับ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ ไหนเค้าจะต้องลางานไปสัมพาดอีก โอโห........ได้หรือไม่ได้บอกกันมาเลยว่าคุณผ่านหรือไม่ผ่าน ไม่ต้องมารออาทิตย์ สองอาทิตย์ เพราะดิฉันเชื่อว่าเอชอาร์คงไม่ใช่เด็กเพิ่งจบมาทำงาน มันต้องรู้บ้างสิคะว่าคนนี้เข้าตา ไม่เข้าตา คุณจะต้องรู้ใจผู้ัจัดการฝ่ายนั้น ๆ ด้วย แล้วให้เค้าดูตัวเลือกว่ามีกี่คน สัก 5 คน หรือ 10 คนมันก็มากพอแล้วค่ะ คนเป็นเอชอาร์จะต้องมีจริยธรรมเหมือนกันนะคะ คุณ คิดว่าถ้าการประกวดนางงามถ้ามีคนสมัครคนเดียวอะไรจะเกิดขึ้นค่ะ คนดูจะได้เห็นอะไร ถ้าคุณไปร้านอาหารร้านนึงแล้วมีแค่ menu เดียว สั่งอย่างอื่นกินไม่ได้มันก็ดี สำหรับแม่ครัวที่ขี้เกียจทำอาหารหลายอย่าง แต่ถ้าอาหารไม่อร่อยพอลูกค้าก็คงเบื่อได้ แล้วเจ้าของร้านอาหาร จะอยู่ได้ยังไงค่ะ ทุกอยางคือการลงทุนยิ่งตำแหน่งสูงๆ บางคนบินมา จ่ายค่าตั๋วเครื่องบินหลายบาทเค้าไม่เคยมองว่ามันแพงเลย คนรู้จักดิฉันคนนึง ยอมไม่รับปริญญาเพื่อจะไปสัมภาษณ์งานก็มีค่ะ เพราะเค้ามองว่าโอกาสเค้าจะไม่มีอีก ปีหน้าอายุเค้าเกินจะสมัครไม่ได้แล้ว พอผลสัมภาษณ์ออกมา เค้าไม่ผ่านการสัมภาษณ์ แต่เค้าไม่เคยเสียใจเลย ไม่เคยมองว่าเปลืองเงินเปลืองทองเปลืองชุดเลย เค้ากลับดีใจว่าเค้าทำดีที่สุดแล้วจะไม่ค้างคาในชีวิตเค้าอีก เพราะ ปีหน้าเค้าไม่ได้มีโอกาสแล้ว ตอนที่ดิฉันฟังรู้สึกอึ้ง ว่าถึงแม้ความฝันของเค้ามันไม่ได้กลายเป็นความจริง แต่อย่างน้อยเค้ายังเคยเดินเฉียดเส้นทางฝันของเค้า คุณต้องมองอีกมุมนึงค่ะว่าการที่เค้าไม่รับเพราะอาจจะมีอีกคนที่เหมาะกว่าเราและทำงานได้ดีกว่าเราก็ได้ ดีซะอีกที่บริษัทนั้นได้เจอคนที่เหมาะมากกว่าเรา และคุณควรมาทบทวนหลังการสัมภาษณ์หาเหตุผลว่าสาเหตุคืออะไร คนนั้นมีอาจมีจุดแข็งมากกว่าคุณบางอย่างแล้วเราควรพัฒนาตัวเองให้ดีมากขึ้น เพราะถ้าเราพัฒนาตัวเองก็จะมีงานที่ดีกว่าเห็นคุณค่าของเรามากกว่ารอเราอยู่ คุณต้องมองอีกมุมนึงของบริษัทถ้าเค้าเรียกมาคนเดียว ถ้าคุณได้งาน แล้วช่วงเวลา1เดือนที่ให้เค้ารอคุณหลังลาออกที่เดิมแล้วคุณได้งานอีกที่ ไม่มาทำงานให้เค้า บริษัทเค้าก็เสียหายเหมือนกัน ดังนั้นเค้าก็มีสิทธ์ที่จะเลือกคนที่ดีที่สุด ให้กับองค์กรและเลือกคนสำรองไว้เผื่อมีเหตุฉุกเฉิน ถ้าตอนนี้มีผู้ชายคนนึงมาจีบคุณแต่เค้ายังไม่มีแฟนเค้าก็มีสิทธิ์ที่จะไปเดทกับผู้หญิงคนอื่นเพราะเค้าก็อยากเลือกคนที่ใช่ให้กับตัวเอง การที่เค้าไม่เลือกเราเป็นแฟน เราก็ไม่สมควรโกรธเค้า ทำไมคุณไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่คุณไม่มีบ้างค่ะ แล้วคุณก็ไปเปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วทำให้ดีกว่าเดิมคุณอาจจะเจอคนที่ดีกว่าเค้าก็ได้ บริษัทดังๆหลายที่ใช้ recruit เยอะมากทั้งเปิดรับสมัครเองด้วย เพราะเค้าอยากได้คนที่ดีที่สุด ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัทวันหนึ่งคุณอาจจะอยากให้คนมาสมัครมากกว่านี้ก็ได้ ถ้าคุณจะจ่ายเงินเดือนให้ใครซักคนคุณก็คงต้องคิดแล้วคิดอีกเหมือนกัน ปล. ขอชื่นชมคุณรักเธอที่สุดในมุมนึงอยู่ข้างพนักงานค่ะ ถ้าคุณไปทำในส่วนของกระทรวงแรงงานคุณอาจจะทำได้ดีมาก ถ้าอยู่ในส่วนของคนจ่ายเงินเดือน คุณต้อง ทำให้บริษัทจ่ายเงินเดือนพนักงานตรงเวลา แต่ดิฉันกลัวว่าถ้ๅคุณเป็น HR แล้ววันนึงเค้าสั่งให้ไล่คนนึงที่ทำผิดออกคุณอาจจะยังรู้สึกผิดแล้วมีความเห็นใจเค้ามากเกินไป คุณอาจจะไม่สามารถเป็นเพชฒฆาตที่ประหารฆาตกรได้ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 52 08:58:11 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 52 08:56:58 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 52 23:07:53 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 52 22:58:39 จากคุณ : recruitgirl เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 52 22:40:23

ความคิดเห็นที่ 44 แปะ  แปะ   จองที่ไว้ จะเข้ามาอ่านต่อ   ปล. แก้ไขคำผิด แทนท่านที่เขียนผิด สัมพาด  เปลี่ยนเป็น  สัมภาษณ์        ( อ่านเจอแล้วไม่คุ้น) คำอื่นเฉยๆ   แต่คำนี้  เป็น HR  ต้องเีขียนต้องพิมพ์ให้ถูกไว้ค่ะ จากคุณ : สี่สิบดีกรี เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 52 01:57:30