ความคิดเห็นที่ 1   ผิดห้องมั้งครับ ไปสินธรดีกว่าครับ จากคุณ : ผมมันจน เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 20:53:43 A:112.142.148.218 X: TicketID:242803

ความคิดเห็นที่ 2 ตื่นๆๆ ได้แล้วค่ะ จากคุณ : บ๊วย...นิยามของคำว่าสวย เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 21:09:04

ความคิดเห็นที่ 3 ขอโทษที่ครับ ถ้าหากผิดห้อง ก่อนตั้งคำถาม ผมก็คิดอยู่เหมือนกันว่า จะไปถามใครดี ไม่ให้เกิดปัญหาแบบนี้ ผมอยากรู้เรื่องอะไร ผมก็แค่ตั้งคำถาม เพื่อหาคำตอบ เท่านั้นเองครับ ไม่ได้มีเจตนาว่า ใครจะจนใครจะรวย เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับคำถามอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ อีกอย่างผมก็ไม่รู้จักใคร จะไปตั้งคำถามโชว์พาว หรืออะไรไปทำไม ขอโทษทีนะครับ ผมแค่อยากรู้ก็เท่านั้นเอง รู้ไว้มันก็ไม่เสียอะไรไม่ใช่หรือครับ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ย. 52 21:12:30 จากคุณ : O-DED เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 21:10:41

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นผมฝากกินดอกแบงค์ อย่างเดียวก็อิ่มแล้วไม่หาเรื่องมาเหนื่อยหรอกครับ ตายไปบาทเดียวยังเอาไปไม่ได้เลย ไม่ต้องถึง 6 พันล้านหรอก แค่ 200ล้านดอกเดือนนึงก็รับกันพุ้งปลิ้นแล้ว ไปเที่ยวรอบโลกและทั่วไทย 5555 คิดแล้วมีฟามสุขขขขข อ่ะโทษทีมันเคลิ้มไปหน่อย หุหุหุ จากคุณ : moovit เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 21:29:33

ความคิดเห็นที่ 5 อยากรู้เช่นกันครับ หวังว่าคงจะมีคนช่วย จขกท ตอบนะครับ ผมคิดว่า เจ้าของกระทู้ อยากรู้จิริง ๆ ครับ ผมช่วยยกมืออยากรู้ด้วยคนครับ :-) จากคุณ : pwit เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 22:16:39

ความคิดเห็นที่ 6 ที่ดินเปล่า ธนาคาร ไม่ปล่อยกู้นะคะ บางแบงค์ที่ปล่อยก็จะแค่ 70% ราคาประเมิน แปลว่าถ้า แบงค์ประเมินต่ำกว่าหกพันล้านบาท คุณต้องเตรียมเงินสด จ่ายส่วนต่าง และถ้าจะคิดตัวเลขเร็วๆ  คือเอารายได้ ของเราคูณด้วย 60 เท่า นั่นคือตัวเลขที่ธนาคารจะปล่อยกู้ สำหรับการผ่อนสูงสุด 30 ปี จากคุณ : อำแดงเฟริ์น เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 22:29:52

ความคิดเห็นที่ 7   จะกู้เงินขนาดนี้ก็ต้องมีแผนธุรกิจที่จะทำเงินได้จริงๆครับ เช่นเอาเงินไปธุรกิจที่ว่ามีโอกาสสร้างรายได้อย่างไร? มีความเสี่ยงแค่ไหน? หนี้จะมีโอกาสสูญหรือไม่? จะคืนทุนในกี่ปี? แค่ราคาไร่ละ300ล้านนี่ที่ดินตกตรว ละเกือบล้านเลยนะครับ กรุงเทพฯยังจะมีอีกเหรอนั่นที่ขนาดนั้น นี่ยังไม่นับเงินลงทุนธุรกิจอื่นๆเลย จากคุณ : -0- เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 22:36:46 A:10.0.3.239 X:125.27.102.63 TicketID:128538

ความคิดเห็นที่ 8 ซื้อที่ดิน20ไร่ในกทม. มูลค่าประมาณ6พันล้านบาท >>>>  ซื้อเอาไปทำอะไรค่ะ >>>>  เพราะดอกเบี้ยประเภท ซื้อเพื่อทำบ้านพักอาศัย กับ ซื้อเพื่อทำธุรกิจ นั้นแตกต่างกัน แต่คิดว่า  ไม่ใช่  ซื้อเพื่อทำบ้านพักอาศัย  เพราะบ้านพักอาศัยไม่จำเป็นต้องใช้ที่ดิน 20 ไร่ มูลค่า6พันล้าน หรอก ดังนั้น  ขอเดาว่า ซื้อเพื่อทำธุรกิจ นะค่ะ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ซื้อเพื่อทำธุรกิจ  ดอกเบี้ยประมาณ 6-7 บาท  โดยกำหนดเวลาผ่อน 7 ปี (เรียกชื่อว่าอะไร คห.อื่นช่วยบอกหน่อยค่ะ MLO MOR อะไรเนี่ยแหละ ฟังคล้ายๆๆกัน สาวกุมภ์จำไม่ได้สักที) แต่การกู้ประเภทธุรกิจนี้ ต้องกู้สินเชื่อโดยนำหลักทรัพย์เข้าค้ำประกัน อีกทั้ง  การที่ธนาคารจะผ่านสินเชื่อให้คุณนั้น ธนาคารไม่ได้มองเพียงหลักทรัพย์ค้ำประกัน เนื่องจากธนาคารไม่ได้ต้องการหลักทรัพย์  แต่ธนาคารต้องการเงินผ่อนของคุณต่างหาก ธนาคารจะทำการพยากรณ์รายได้ของคุณ ดูจากประเภทธุรกิจของคุณที่ทำ  ประเมิณถึงความสามารถในการผ่อนของคุณ กรณีผู้กู้รายเล็กที่กู้เงินไม่กี่ล้านบาทจะไม่มีอำนาจต่อรอง  แต่ผู้กู้รายใหญ่สามารถต่อรองขอดอกเบี้ยในราคาพิเศษและระยะเวลาที่พิเศษกว่า (ทราบมาจากการเล่าของคนรู้จักที่ทำธุรกิจ และเพื่อนแม่ที่เป็นคนธนาคารว่า  หลัก ร้อยล้านจะได้ดอกเบี้ย 5% เวลา 10ปี) ดังนั้น  ถ้าหาก วงเงินกู้6พันล้าน ดอกเบี้ย 5 บาท ระยะเวลาผ่อน 10 ปี   ต้องผ่อนต่องวด 63,639,300 บาท แต่ว่า  ธนาคารจะประเมิณรายได้ที่มีความสามารถผ่อนคือ 70%  ต้องได้ 63,639,300 บาท ดังนั้น  รายได้ที่ควรได้จริงๆ  คือ 82,731,000 บาทต่อเดือน ปล. ข้อมูลหลายส่วนเป็นการ  รับฟังมาอีกที และประเมิณคร่าวๆ  นะค่ะ ดังนั้นกรุณาตรวจสอบข้อมูลนี้อีกที จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 23:01:15

ความคิดเห็นที่ 9 นอกจากเรื่องรายได้แล้ว ทางธนาคารเอง ต้องมีเรื่อง Single Lending Limit ด้วย มีกฏของ แบงค์ชาติว่า ห้ามปล่อยกู้ให้กับกลุ่มใดกลุ่มนึง เป็นจำนวนเยอะเป็นพิเศษ เพราะทำให้แบงค์มีความเสี่ยงสูง ถ้าเข้าใจไม่ผิด ห้ามปล่อยให้กลุ่มใด กลุ่มหนึ่งกิน 25% ดังนั้นถ้าธนาคารใดปล่อยกู้ไม่ถึง 2 หมื่น สี่พันล้าน ก็อดปล่อยให้คุณครับ จากคุณ : noogeng เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 23:05:55

ความคิดเห็นที่ 10 ซื้อที่ดินอย่างเดียว ลืมไปได้เลยครับว่าเค้าจะให้คุณกู้ นอกจากจะมีเส้นสายเท่านั้น ดังนั้น คุณต้องมีแผนธุรกิจรองรับ และได้รับการประเมินรายได้ว่ามีความสามารถชำระหนี้แน่นอน พูดง่าย ๆ ว่า คุณต้องกู้เงินเพื่อทำธุรกิจ เช่น บ้านจัดสรร คอนโดมีเนียม ร้านอาหาร ฯลฯ แต่ก็ยากอยู่ดี จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 52 23:54:53

ความคิดเห็นที่ 11   ที่ดินราคา 6 พันล้าน แบงค์คงปล่อยกู้ให้เฉพาะนิติบุคคลที่เป็นบริษัทที่มีแผนธุรกิจชัดเจนเท่านั้นละมั้งครับ ว่ามีโปรเจ็คทำอะไร ความเป็นไปได้ในการสร้างรายได้มากน้อยแค่ไหน จุดคุ้มทุนอยู่ที่ไหน ใช้เวลานานเท่าไหร่  และที่สำคัญคือดูนามสกุลของกรรมการบริษัทว่ามีใครบ้าง  ส่วนเรื่องคุณสมบัติและรายได้ขั้นต่ำส่วนบุคคลคงไม่ใช้ในการพิจารณาในกรณีนี้   ในเคสนี้ ผมว่าเปลี่ยนมาทำตัวเป็นนายหน้า แล้วหาคนมาซื้อที่ดินแปลงนี้แล้วกินค่าคอมค่านายหน้าจะเวิร์คกว่าครับ คำตอบที่ดีที่สุดน่าจะได้จากห้องสินธรครับ ที่นั่นมีคนที่บริหารเงินจำนวนสูงๆแบบนี้อยู่มากมายหลายคน แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 52 00:14:57 จากคุณ : <SportivO> เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 00:12:43

ความคิดเห็นที่ 12 สิ่งที่แบงค์จะดูคือ 1. คุณจะซื้อที่ดินไปทำโครงการอะไร มีความเป็นไปได้แค่ไหน 2. ผู้บริหารโครงการคือใคร มีประสบการณ์แค่ไหน ประวัติเป็นอย่างไร แบงค์รู้จักคุณหรือไม่ เคยบริหารธุรกิจอะไร ขนาดใหญ่แค่ไหน 3. การแข่งขันในธุรกิจ รวมถึงสภาวะตลาดของธุรกิจที่คุณจะลงทุนเป็นอย่างไร 4. คุณต้องลงส่วนของผู้ถือหุ้น ซึ่งส่วนใหญ่แบงค์จะให้ลงอย่างน้อย 20% หรือ 1,200 ล้านบาท ในกรณีนี้ 5. Project Finance ของโครงการ มี NPV เท่าไหร่ IRR เท่าไหร่ รายได้คาดการณ์แต่ละตัวมาอย่างไร รายจ่ายเป็นอย่างไร จุดคุ้มทุนอยู่ที่เท่าไหร่ กี่ปีคืนทุน ในกรณี  Worst Case ธุรกิจจะอยู่รอดมั๊ย (ถ้าไม่มีพื้นฐานการเงิน ขอแนะนำให้ไปหาหนังสือมาอ่าน เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่คุณควรจะรู้หากต้องการสร้างธุรกิจของตนเอง) เท่าที่เคยเห็นมา การกู้ระดับ 6,000 ล้านบาท จะเป็นโครงการขนาดใหญ่ เช่น การก่อสร้างรถไฟฟ้า โรงไฟฟ้า เหมือง โดยแบงค์จะปล่อยกู้ต่อเมื่อคุณประมูลงานได้แล้ว เซ็นสัญญาแล้ว และโครงการผ่านเงื่อนไขต่างๆครบถ้วน (เช่น การประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม EIA) หรืออาจรวมถึงสัญญาสัมปทาน ซึ่งถ้าเป็นไปได้ แบงค์จะขอเข้าไปมีส่วนในการร่างสัญญา เพื่อลดความเสี่ยงของแบงค์เองในกรณีที่โครงการมีปัญหา หรือในโครงการที่น่าสนใจจริงๆ แบงค์อาจขอเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นด้วยก็ได้ สำหรับบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ อาจจะกู้โดยใช้วิธีลัด คือให้บริษัทแม่เปิด Standby L/C มา ซึ่งหมายความว่าบริษัทแม่เป็นผู้ค้ำ โดยมีธนาคารผู้เปิด L/C รับประกันอีกต่อหนึ่ง สำหรับระยะเวลาการผ่อน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะนำเงินกู้ไปทำอะไร ถ้าเป็นโครงการสัมปทานระยะยาว แบงค์อาจให้คุณกู้มากกว่าสิบปี แต่ถ้าเป็นธุรกิจทั่วไป ส่วนใหญ่ไม่เกินเจ็ดปี จากคุณ : Freeman. เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 01:00:14

ความคิดเห็นที่ 13 เอ้อ.... จากคุณ : chontanon538 เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 10:29:30

ความคิดเห็นที่ 14 หาผู้ร่วมทุนและติดต่อพวก deal maker ครับ อย่าง raimon land ซื้อที่ดินทำ condo ก็ deal ที่ ระดับพันล้าน หรือกลุ่มเบียร์ช้างซื้อที่ดินกลางกรุงของตระกลูเก่าแก่แห่งนึงไปที่ระดับพันล้านบาทเหมือนกัน เรื่องคุณสมบัติก็ของประมาณกลุ่มทุนที่ซื้อที่ดินได้ข้างต้นน่ะครับ ^_^ จากคุณ : KENG76 เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 10:36:00

ความคิดเห็นที่ 15   กู้ขนาดนี้ต้อง syndicate loan แล้ว เอาว่าไวตัวคุณมีสัก 1000 ล้านเงินสด ค่อยมาคุยกันใหม่ดีกว่า จากคุณ : หพ เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 11:20:08 A:10.7.100.10 X:203.148.187.139 TicketID:209675

ความคิดเห็นที่ 16 ผมต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างและรายได้ขั้นต่ำประมาณเท่าไหร่ครับ ผ่อนได้นานสูงสุดกี่ปี แยกเป็นสองคำถาม 1. ต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง - ต้องมีเงินไปลงกับเค้าครับ อย่างที่ด้านบนบอก อย่างน้อยเค้าก็ขอ ให้คุณลงเงินตัวเอง 20-30% เพราะงั้นถ้าคุณไม่มีสัก 1,000 ก็หมดสิทธิ์ (ผมมีพันล้านผมจะฝากธนาคารลงกองทุนกินดอกเบี้ยกินปันผล เที่ยวเล่นไม่ทำงาน ฮา) - คุณต้องมีแผนการดำเนินงานและประสบการณ์ อย่างที่ความเห็น 12 ว่าไว้ครับ มีประสบการณ์ไม่มีแผนงานก็ต้องรีบไปเขียนแล้วหละ มีแผนงานไม่มีประสบการณ์ คุณต้องไปหาคนที่มีประสบการณ์มาช่วย (ใหญ่ประมาณนี้คิดว่าแบงค์ไม่เล่นกับคนไม่มีประสบการณ์) - คุณต้องมีเส้นดีมากๆ ครับ เพราะไม่งั้นเจ้าของที่เค้าคงเอาขึ้นประมูล (ถ้าไม่มีเส้นแล้วต้องมาถามในนี้ คนอื่นคงเอาไปกินแล้ว เอ๊ะ หรือจะไป กว้านมาจากรายเล็กรายย่อยหว่า) 2. รายได้ขั้นต่ำประมาณเท่าไหร่ - เข้าใจว่าแล้วแต่ครับ แล้วแต่ว่าคุณมีเงินสดเท่าไหร่ ถ้าคุณลงเงินสดเยอะ เค้าก็อาจจะไม่สนว่ารายได้คุณหรือบริษัทที่คุณมีอยู่เท่าไหร่ แต่เข้าใจว่าเค้ายังสนใจกระแสเงินสดที่อาจจะเกิดขึ้นจากโครงการ ว่าพอจ่ายหนี้หรือเปล่า แล้วโครงการคุณก็จะเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ถ้าคุณลงเงินสัก 70% ทำแล้วเจ๊ง แบงค์ไม่กลัวหรอกครับ เพราะยึดที่เอาไปขายต่อแล้วเค้าก็ยังน่าจะกำไร   แต่ถ้าคุณมีรายได้เยอะ แล้วเอากระแสเงินสดจากรายได้ตรงนั้นมาค้ำ คุณก็จะกู้ได้เยอะขึ้น อาจได้ดอกเบี้ยต่ำลง อาจได้เงื่อนไข(covenant) ที่ง่ายขึ้น หรือถ้าคุณมีหลักทรัพย์อื่นๆ เช่น ที่ดินที่อื่น ก็อาจจะเอามาช่วยค้ำได้ถ้าอยาก แต่ผมว่าเค้าไม่ค่อยทำกันหรอก(มั้ง ไม่รวยไม่รู้อะ) เพราะเค้ามักแยกเจ๊งเป็นโปรเจคๆ ไป ไม่งั้นล้มที ที่ทำๆมา หายหมดเลย (เป็นผม ก็ไม่เอาทั้งรายได้อันอื่นกับหลักทรัพย์อื่นมาค้ำหรอก เดี้ยวซวยหายหมด ใช้แต่กระแสเงินสดของโครงการกับตัวที่นั่นแหละค้ำ แต่ต้องเครดิตดีนะ ไม่งั้นเค้าไม่ให้หรอก) 3. ผ่อนได้นานสูงสุดกี่ปี ไม่สำคัญมั้งครับ คงไม่ได้ซื้อมาอยู่ใช่ปะ พอหนี้มันจะ mature ก็ refinance ซะ หาแบงค์ใหม่มาโปะ หรือป่านนั้นคุณขายโครงการทิ้งไปแล้วมั้ง (ยกเว้นจะซื้อมาทำบ้านอยู่คงต้องให้เหลนมาผ่อนถึงจะหมด ฮา) จากคุณ : Toey84 เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 11:26:30

ความคิดเห็นที่ 17 d จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 12:07:10

ความคิดเห็นที่ 18 สงสัยว่า จขกท มีโครงการอะไรอยู่? ถ้ามี? ทำไมไม่ติดต่อขอคำแนะนำจากสถาบันการเงินไปเลย ไม่จำเป็นต้องบอกรายละเอียดอะไรมาก แค่แบงค์รู้ก็ตาลุกแล้ว มาโพสต์ถามทำไมทางเนท?? เอาเป็นว่า ถ้ามีโครงการจริง ก็ควรติดต่อสถาบันการเงินเลยครับ น่าจะได้คำตอบที่ดีกว่า จากคุณ : am_alive เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 14:45:50

ความคิดเห็นที่ 19 คุณสมบัติแรกเลยนะครับ 1.คงไม่มานั่งเล่นเน็ทแน่เลย จากคุณ : อมตะไทย เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 17:07:19

ความคิดเห็นที่ 20 ไร่ละ 300 ล้านแหนะ จากคุณ : ตาแป๊ะหวานเย็น เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 21:26:22

ความคิดเห็นที่ 21 คำถามแรกที่ผมจะถามคุณ คุณกู้เอาที่ไปทำอะไร ถ้าบอกผมว่า เอาไปเก็งไว้เล่นๆ ต่อให้คุณมีเงิน ผ่อนได้ เครดิตดี ผมอาจจะยังไม่ให้คุณด้วยซ้ำ 1.ความสามารถในการชำระหนี้ 2.วัตถุประสงค์ของการกู้ 3.เครดิตที่ผ่านมาของคุณ 4.สัดส่วนการลงทุน 5.ความเป็นไปได้ 6.ปัจจัยอื่นๆ จากคุณ : moojiw เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 52 22:45:45

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมาก สำหรับความรู้จากทุกๆความเห็นนะครับ จริงๆผมยังไม่ได้จะซื้อในเร็วๆนี้หรอกครับ เพียงแต่หาข้อมูลไว้ก่อน เวลาต้องการจะใช้ จะได้ใช้ได้ทันทีไงครับ เพียงแค่หาข้อมูลเอาไว้วางแผนล่วงหน้า...เท่านั้น อย่างน้อยก็คงดีกว่า เวลาที่เราต้องการที่ดินตรงนี้ แต่เราไม่มีปัญญาพอจะซื้อมันใช่ไหมล่ะครับ จากคุณ : O-DED เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 52 16:54:21

ความคิดเห็นที่ 23 ผมแนะนำว่า หาความรู้เพิ่มเติม ก่อนที่จะ deal กับเงิน 6 พันล้านก่อนดีกว่าครับ คนที่ deal กับเงินระดับนี้ อย่างน้อยต้องมีที่ปรึกษาทางการเงินที่แกร่ง และ ต้องมีความรู้ในตัวพอสมควร งั้นไม่รอด เสือ สิง กระทิง แรด ในวงการครับ ถ้าแบงค์ปล่อยกู้มั่วๆไป ก็คงต้องไปศึกษากรณี ราเกส และ BBC ครับ จากคุณ : Ushuaia เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 01:58:43

ความคิดเห็นที่ 24   ธุรกิจแบบนี้กำไรง่ายๆครับ ง่ายเหมือนปอกกล้วย แต่ผมว่ายากครับ ยากตรงที่คุณต้องบอกว่าลับว่า ทำไมซื้อที่ดินบริเวณนี้....มันเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาไม่ใช่มหาชนข้ามชาติจะซื้อที่ดินราคานี้ ...นอกจากมีเส้นสาย...รู้ราคาล่วงหน้า - คุณอาจรู้จักนักการเมือง ที่กำลังทำโครงการสำคัญๆ ผ่านย่านนี้ในอีก 3-4ปีข้างหน้า ทำให้ที่ดินราคาขึ้นเป็น 3เท่าตัวในอนาคต -กู้ขนาดนี้ ผู้บริหารคงต้องมาดูข้อมูลคุณด้วยครับ - - แต่ถ้าคุณบอกข้อมูลนี้ไป คนใหญ่ๆในธนาคารก็จะรู้ด้วย ความลับรั่วไหลครับ จากคุณ : อาจารย์แมว เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 52 09:43:07 A:113.53.65.91 X: TicketID:199878

ความคิดเห็นที่ 25   แฮะ ?? ถ้ามีเงินแยอะ ซื้อที่ดินเปล่า เราหน่อยซิ 18 ไร่ 300 ตรว. ตรวละ 8200 บ.เอง เป็นที่ดินเปล่า พื้นที่สีม่วง คุณ ย่าอยากขายมากอยู่เส้นบางนา-ตราด เคหะบางพลี สนใจติดต่อเราได้ รบกวนถ้ามีคนมีตังค์ 088-620-8391 จากคุณ : รุ่งทิวา เพียรบุญ เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 52 10:15:07 A:119.31.59.218 X:

ความคิดเห็นที่ 26 เดจาวววววววววววววววววววววววู ลองถามธนาคารดีกว่าครับ จากคุณ : ตาแป๊ะหวานเย็น เขียนเมื่อ : 4 ธ.ค. 52 14:19:19

ความคิดเห็นที่ 27 ผมว่าคุณลองเดินเข้าไปคุยกับสำนักบริหารธุรกิจของแต่ละธนาคาร จะได้เรื่องกว่ามาถามในนี้นะครับ เพราะผมก้อไม่รู้ ไม่เคยกู้เกิน 2 ล้านเลย 6 พันล้านคงต้องตายแล้วเกิดใหม่ซัก 30 ชาติ บริษัทผมยื่นกู้ไปหมื่นห้าพันล้านบาท ธนาคารที่ปล่อยกู้มีตั้ง 4 ธนาคารแน่ะ แถมวิเคราะห์บริษัทผมยาวนานเกือบครึ่งปี กู้ 6 พันล้านบาท แถมเป็นบุคคลธรรมดา ถ้าไม่เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงระดับโลกที่อยู่ในไทย ผมว่ายากนะ บอกตรงๆ ครับ+ จากคุณ : !+ ส า ม แ ป ด ส า ม +! เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 52 08:42:18