ความคิดเห็นที่ 1 เป็นเรื่องที่ถึง จุด  ๆหนึ่ง เมื่อการงานไม่สามารถ ตอบโจทย์ชีวิตเราได้แล้ว ก็จะเบื่อและอยากออกมาทำเองครับ ไม่มีคำแนะนำ แต่อยากบอกว่า ถ้าคิดจะทำอะไรให้ทำในสิ่งที่เราชอบ สนใจ และเรารุ้จักมันดีที่สุดครับ อย่าไปเริ่มกะสิ่งที่ไม่รุ้ หรือว่า เริ่มในสิ่งที่เห็นว่าเค้าทำแล้วดี เพราะมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราถนัด ถามตัวเองก่อนครับ ว่าเราชอบอะไร มีจุดแข็งด้านไหน ผมเชื่อว่า เราจะทำสิ่งที่เรารักและชอบได้ดีครับ จากคุณ : inizz เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 52 20:07:51

ความคิดเห็นที่ 2 คิดอย่างไรในการออกมาทำธุรกิจส่วนตัวเหรอ ... ก็คิดแบบที่คุณคิดนั่นแหละ !! สมัยที่ทำงาน ทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมา ทุก ๆ เย็นที่ต้องทนนั่งรถติดกว่าจะถึงบ้าน หรือแม้กระทั่งหลาย ๆ วันที่กลับถึงบ้าน สองทุ่ม สามทุ่ม .... ถามตัวเองอยู่ตลอดว่า ถ้าหักค่าใช้จ่ายในการไปทำงานแล้ว ... เหลือเงินเดือนเท่านี้ ... ชีวิตเราเดือน ๆ หนึ่งมีค่าแค่นี้เองเหรอเนี่ย บางวันขับรถกลับบ้านก็เหนื่อยเกือบวูบหลับ ถ้าวันหนึ่งหลับในรถชนตายไป ... จะได้อะไร ที่ทำงานอยู่ทุก ๆ วัน ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีจะเป็นยังไง เงินเดือนจะขึ้นมั๊ย ถ้าอยากไปต่างประเทศล่ะ ต้องเก็บเงินกี่ปี ถึงจะเที่ยวได้ 1 สัปดาห์ ?? สุดท้ายก็เริ่มหาลู่ทางธุรกิจของตัวเองในช่วง 3-6 เดือนก่อนออกจากงาน ค่อย ๆ พัฒนาเรื่อย ๆ จนวันหนึ่ง ธุรกิจที่ทำควบคู่กันไป สามารถให้รายได้ ได้ไม่แพ้งานประจำที่ทำอยู่ ... ก็ตัดสินใจออก และลงมาทำเต็มที่ ตอนนี้ ก็ประมาณ เกือบ 2 ปีแล้ว ... รายได้เติบโตค่อนข้างก้าวกระโดด และมาเริ่มเสถียรคงที่ (คงต้องพัฒนาระบบและคนถ้าต้องการโตกว่านี้) ทุกวันนี้ ชีวิตมีเวลาว่าง บอกได้เลยว่าเหลือเฟือ มีเวลาเที่ยว มีเงินมากพอ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะโชคดีด้วย แต่ก็ต้องไม่ประมาท เงินที่ได้จากธุรกิจ ก็เอาไปลงทุนในสินทรัพย์ เช่นหุ้น ให้ปันผลตอบแทนปีละ 10-15% เป็นตัวรับประกันความเสี่ยงเผื่อธุรกิจมีปัญหาในอนาคต ส่วนธุรกิจก็ทำไปเรื่อย ๆ อีกไม่นานระบบที่ฝันไว้ก็คงเสร็จ หลังจากนั้นคงให้ลูกน้องทำต่อ ส่วนเราก็ดูแค่ตรวจสอบ คงได้เกษียณที่อายุ 35 ไปทำอะไรที่ชอบอย่างอื่นต่อไป ไม่ให้เป็นคนขี้เกียจ หรือทำอะไรไม่เป็นไปซะก่อน ธุรกิจอะไรที่จับเป็นตัวแรกเหรอ .... ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก เพราะที่เล่ามานี้เป็นตัวที่ 2 .. ตัวแรกเจ๊งไม่เป็นท่า เค้าถึงบอกว่า ใคร ๆ ก็ล้มเหลวได้ แต่คนที่ล้มแล้วลุกเร็ว นั่นแหละดีกว่า คุณมองดูความถนัดของคุณ ดูว่าคุณอยากทำอะไร นั่นแหละคือธุรกิจของคุณ เสร็จแล้วมามองดูตลาด ว่ามีเจ้าของตลาดมั๊ย คู่แข่งมีมั๊ย ราคาเป็นอย่างไร ที่นี้คุณก็จะรู้ว่า ควรเข้ามาหรือไม่ เรื่องอื่น ๆ ก็สำคัญ แต่พอถึงเวลาแล้ว คุณก็จะได้เรียนรู้เองแหละ ถ้าคิดจะทำธุรกิจนะ .... แต่ที่สำคัญสุดคือ .. เอาแต่คิด ไม่ได้ช่วยอะไร ต้องทำด้วย ถึงจะรู้ว่าเหลวหรือสำเร็จ แต่ถ้าอยากคิดอย่างเดียว ไม่อยากลงแรงทำ .. ก็ต้องสร้างงาน แล้วมีคนทำในสิ่งที่คุณคิดให้ .. อันนี้ยิ่งดีกว่า ที่เขียนมาไม่ได้อยากจะให้ใครคิดว่า ทำงานเป็นพนักงานประจำกินเงินเดือนแล้วชีวิตไม่รุ่ง หรือทำธุรกิจแล้วจะดีกว่า เพราะทุกอย่างมี 2 ด้าน จริง ๆ ก็เห็นด้วยที่ทุกคนก่อนที่จะมาทำธุรกิจส่วนตัว เป็นเจ้าของงาน เป็นเจ้านายคน ควรเป็นลูกน้องมาก่อน อย่างน้อยก็ซัก 3-5 ปี เพราะจะมีประโยชน์ ช่วยให้เข้าใจได้ว่า ความรู้สึกของคนที่อยู่ข้างล่างเรา เค้าจะรู้สึกอย่างไร เพราะคนที่ไม่เคยเป็นลูกน้องแล้วมาเป็นหัวหน้า อาจจะไม่เข้าใจ แต่เอาเถอะ ชีวิตใครก็ของคนนั้น ถึงเวลาก็จะรู้ตัวเอง ว่าสุดท้ายแล้ว อยากจะอยู่ตรงไหน แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 52 20:31:02 แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 52 20:20:45 จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 52 20:18:19

ความคิดเห็นที่ 3 ในฐานะที่ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ตัดสินใจออกมาสร้างธุรกิจส่วนตัว เมื่อปี 2548 ก็ขอแชร์ประสบการณ์นะครับ - เริ่มแรกคิดอย่างไรเหรอครับ จริงๆ ผมตั้งเป้าหมายไว้อยู่แล้วว่าจะต้องออกมาสร้างธุรกิจส่วนตัวอย่างแน่นอน ผมตัดสินใจออกมาตอนนั้นเพราะได้จังหวะเวลาพอดี จังหวะที่ว่าคือ มีโครงการไนท์บาซาร์ที่กำลังบูม และเป็นจังหวะช่วงที่งานดีไซน์กำลังเป็น trend เป็นยุคของแบรนด์ แบรนด์เล็กๆ สามารถเกิดได้ถ้ามีจุดเด่น และผมทำงานครบ 5 ปี มีเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมาให้ก้อนหนึ่ง สำหรับเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ของผมได้ จ ระหว่างที่ทำงานประจำอยู่ ก็พยายามศึกษาในสิ่งที่เราสนใจ คือเรื่องของ e-commerce, marketing และงานดีไซน์ - ธุรกิจที่เข้ามาจับคืออะไร ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ผมเลือกเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มจะทำกำไร และเป็นสิ่งที่ผมชอบด้วย ที่กล่าวมาข้างต้นคือ ปฐมบท ครับ เวลาผ่านมา 4 ปี กว่าๆ ผมยังไม่สามารถหาอิสรภาพทางด้านเวลาและการเงินให้กับตัวเองได้ ผมยอมรับว่า ผมทำไม่สำเร็จครับ จริงอยู่ว่า เราสามารถวางแผนเวลาได้ จะหยุดเมื่อไหร่ได้ แต่เมื่อเราหยุด รายได้เราหยุด เราไม่สามารถจะหยุดได้ตามที่ใจเราคิดครับ และในความเป็นจริง การเป็นเถ้าแก่ ทำงานมากกว่าเป็นพนักงานเงินเดือน และแบกรับความเครียดมากกว่า เมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา ผมได้เข้ามาศึกษาธุรกิจเครือข่ายครับ ที่ผมเขียนตอบกระทู้นี้ของคุณก็เพราะว่า ไหนๆ คุณก็ต้องการที่จะสร้างธุรกิจส่วนตัวแล้ว และพร้อมที่จะเหนื่อย และมีเป้าหมายคือ อิสรภาพทางด้านเวลา อิสรภาพทางการเงิน ผมอยากให้คุณเข้ามาศึกษาธุรกิจเครือข่ายอย่างจริงจังครับ เพราะมันให้สิ่งที่คุณต้องการได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการทำธุรกิจส่วนตัวในวิถีแบบเถ้าแก่ ที่โอกาสทีจะประสบความสำเร็จมีปัจจัยต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคมากกว่ามาก ผมอยากแนะนำหนังสือสองเล่มให้คุณอ่านครับ เล่มแรกชื่อ จุดประกายความคิด สร้างธุรกิจด้วยเครือข่าย (http://www.mypoodangway.in.th/book/must-read-book/) และเล่มที่สองคือ โรงเรียนสอนธุรกิจครับ (http://www.mypoodangway.in.th/book/the-business-school/) ผมอยากให้คุณอ่านจริงๆ ครับ โดยเฉพาะเล่มแรก เพื่อให้คุณได้เปิดความคิดว่า ธุรกิจเครือข่ายเป็นสิ่งที่ให้โอกาสดีๆ นั้นกับตัวคุณได้มากจริงๆ ครับ หลังจากที่คุณเปิดใจรับกับคำว่า ธุรกิจเครือข่ายแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การเลือกเครือข่ายค่ายไหนมาทำ ..... ผมขอแนะนำปูแดง ไคโตซาน ครับ เข้าไปอ่านบล็อกผมนะครับ ที่ www.myPooDangway.in.th ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พูดคุยกันนะครับ จากคุณ : เอ ปูแดง (<'))))-<) เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 52 20:19:02

ความคิดเห็นที่ 4   ปูแดง คือไอ่พวกที่ขูดรีดเอากับชาวไร่ชาวนา หลอกให้ชาวนาติดกับที่ตนเองวางไว้ ไอ่พวก เล... จากคุณ : uTehn เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 52 20:36:26 A:202.149.25.241 X:

ความคิดเห็นที่ 5 แบบคห.3 นี่อ่านแล้ว เอิ่ม...... จากคุณ : Future is on my hand เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 52 20:52:40

ความคิดเห็นที่ 6 ท่าทาง จขกท จะอึดจริงๆ ด้วย ผมเองก็อยากมีธุรกิจส่วนตัว แต่ถึงตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรดี จริงๆ แล้วก็ไม่แน่ใจว่า "ไม่รู้เลยว่าจะทำอะไรดี" หรือ "กลัวจะไม่สำเร็จก็เลยไม่กล้าทำ" กันแน่ ทำให้ความฝันที่จะมีธุรกิจก็ยังคงเป็นความฝันต่อไป แล้วตอนนี้ จขกท ตัดสินใจได้หรือยังว่าจะทำธุรกิจอะไร จากคุณ : Naibruda เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 52 09:58:48

ความคิดเห็นที่ 7 "กลัวจะไม่สำเร็จก็เลยไม่กล้าทำ" ประโยคนี้เคยมีคนพูดกับสาวกุมภ์ค่ะ   เลยถามเขาว่า  "คิดว่าคนที่ต้องลองผิดลองถูก เก็บประสบการณ์จนจับทางได้และประสบความสำเร็จมีกี่%" เขาตอบกลับมาว่า  ก็ต้องเป็นแบบนี้ทั้งนั้นก่อนละ ทำอะไรกว่าจะรู้ก็ต้องศึกษา ลองทำก่อน  แล้วทำไมหรอ แล้วคนที่ ทำแล้วรุ่งเลย  ประสบความสำเร็จทันทีละ  มีกี่% เขาตอบว่า  นั่นมันดวงดีสุดๆๆ แล้ว  แต่ก็คงมีบ้าง สัก 10% ละมั้ง ดังนั้น  ทุกคนที่ทำค้าขาย  เขาลองผิดลองถูก ล้มลุกคลุกคลาน  กันก่อนทั้งนั้น  ไม่มีหรอกที่ทำแล้วประสบความสำเร็จ น้องก็ตั้งเป้าหวังแค่  ทำพออยู่ได้  นั่นก็เพียงพอแล้ว  ส่วนประสบความสำเร็จนะ  มันจะวิ่งมาหาน้องเอง ไม่ต้องเรียกร้องหามันหรอก มันมาเองเมื่อถึงเวลา ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 52 15:28:27 จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 52 15:22:04

ความคิดเห็นที่ 8 สุภาษิต จีนบอกว่า กำไร คือ แนวทาง ขาดทุน คือ ประสบการณ์ แนวพระ บอกว่า จะกำไร หรือ ขาดทุน ก็ถือว่า กำไร เพราะเกิดมา ไม่มีอะไรติดตัวมา ถึงแม้จะขาดทุน ก็ยังเหลือเสื้อผ้าให้กำไร ขอขอบคุณ จากคุณ : rfu เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 52 00:57:41