ความคิดเห็นที่ 1   แนะนำให้หาหนังสือพ่อรวยสอนลูกของmr.โรเบิร์ด คิโยซากิ มาอ่านครับดีมากๆ จากคุณ : mr.kaijeew (mr.kaijeew) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 12:05:28

ความคิดเห็นที่ 2 มีแค่เงินมันก็ไปไม่ถึงไหนหรอก จากคุณ : kangkakangka เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 12:18:21

ความคิดเห็นที่ 3 สมัยก่อน กับ สมัยนี้  อะไรๆๆ มันต่างกันนะค่ะ  ทั้งการแข่งขัน  จำนวนร้านค้า ทางเลือกของผู้บริโภค เช่น  ทำร้านขายส่งไก่สด  เมื่อสมัย 10 ปีก่อน  ลูกค้าไม่มีทางเลือกมากนัก  เพราะไม่มีห้างค้าส่งใกล้บ้าน  เขาต้องไปซื้อที่ตลาดสดอย่างเดียว  แล้วร้านขายไก่สดก็มีไม่กี่ร้าน   แต่ปัจจุบันสิค่ะ  ลูกค้ามีทางเลือกมากมาย  ไปซื้อที่ห้างโลตัส ไปคาร์ฟูล ไปแม็คโคร หรือ ท็อปก็มี  ไม่ต้องไปซื้อที่ตลาดสดก็ได้  แล้วถ้าลูกค้าไปตลาดสดก็มีร้านค้าให้เลือกเยอะ  เยอะกว่าสมัยก่อนนับได้ 10 เท่า นี่ยังไม่นับว่า  ร้านค้าในตลาดส่ง หาต้นทุนไก่สดมาได้ต่างกัน  บ้างก็รับจากโรงเชือดไก่  บ้างก้ไปรับไก่สดจากเล้าต่างจังหวัด บ้างก็ไปรับจาก CP  ต้นทุนแต่ละร้านก็จะแตกต่างกัน แข่งขันราคากันดุเดือด ไม่สามารถตั้งราคาเป็นกลุ่ม ( เมื่อก่อนรับจากโรงเชือดอย่างเดียว ราคาต้นทุนก็จะไม่หนีกันมาก และร้านค้าไม่เยอะเหมือนสมัยนี้ การแข่งขันราคาจึงไม่ดุ) แถมตลาดสดก็พัฒนา  จากที่เคยมีตลาดตอนเช้าตรู่อย่างเดียว ตอนสายก็วาย สมัยนี้ ตลาดสดเปิดขาย 3 รอบ คือ เที่ยงคืน-ตอนสาย , ตอนเที่ยง-เย็น , หัวค่ำ-เที่ยงคืน ลูกค้าเลือกซื้อเวลาไหน ร้านไหนก็ได้  ต่างกับสมัยก่อนลิบลับที่ต้องไปตลาดตอนเช้าตรู่อย่างเดียว +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 12:49:42 จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 12:47:07

ความคิดเห็นที่ 4 นั่นแหละครับ ผมก็พยายามอธิบายให้ท่านฟังยังงี้แหละ แต่เป็นกรณีอื่น  เค้าอยากให้ผมขายส่งพวก ซีอิ๊ว น้ำปลา อะไรเทือกนี้ แต่เพื่อนผมเคยทำไปแล้ว และก็เจ๊งไปแล้ว ก็เลยไม่อยากทำ สมัยนี้ 7-11 เยอะยิ่งกว่าดอกเห็ด จะเอาไปขายส่งร้าน ซาปั๊ว ก็เหลือไม่กี่ร้านแถมมีเจ้าใหญ่ๆ คอยสกัดดาวรุ่งอีกตะหาก ก็เจอสวนมาว่าต้องขยันอีก ทุกวันนี่ก็ไม่ได้หยุดไรเลยครับ จันทร์-เสาร์ เปิดร้านขายสินค้า 7.30 เช้า ถึง 6 โมงเย็น แอบงีบ 1 ชั่วโมง แล้วไปช่วยแฟนที่เปิดร้าน หนังสือเช่า จน 3 ทุ่ม ครึ่ง ปิดร้านกลับบ้าน ผมก็คิดว่าตัวเอง ขยันพอใช้แล้วนะ แต่คงไม่ดีพอ ว่าจะขายหมูสะเต๊ะเพิ่มอีกสัก 2-3 ชม. ไม่รู้จะใหวเปล่า มาตราฐานรุ่นพ่อทำไว้สูงจัด  ขอบคุณทุกความเห็นนะครับ ตอบ ค.ห1 ผมเคยอ่านนะครับ แต่มันยังคลำทางไม่เจอเท่าไร       ค.ห2 ช่วยขยายความให้หน่อยซิครับ ยังไม่ค่อยเข้าใจในเคสนี้ครับ ขอบคุณครับ       ขอบคุณ คุณสาวกุมภ์ ครับ ที่เข้ามาแชร์ความเห็นกัน จากคุณ : M.D.Luffy เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:11:08

ความคิดเห็นที่ 5 ป.ล เพิ่มเติม วันอาทิตย์ก็อยู่ ร้านหนังสือแทนแฟน อีก เพราะแฟนต้องมาซักผ้า รีดผ้า กรั๊กๆ แทบไม่ได้ไปใหนกับเค้าเร้ย บางทีก็อยากไปทำงานบริษัทเหมือนเดิมเหมือนกัน ไม่คิดมากดี แต่ก็นะ... ป.ล จขกท ยังไม่แก่มากครับ อายุ 29 เอง เข้ามาสั่งสอนได้เลยครับ อาเฮียทั้งหลาย จากคุณ : M.D.Luffy เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:13:38

ความคิดเห็นที่ 6 คนสมัยก่อน  เขาก็เข้าใจและรู้จักแต่การค้าสมัยก่อน   เขาไม่ได้จับการค้าสมัยนี้  เขาไม่เข้าใจหรอกค่ะ เหมือนนิทานคนตาบอดคลำช้าง แต่คนตาบอดเขาคลำเจอแต่งวง เขาก็บอกว่าช้างนั้นตัวยาวๆๆ เล็กๆๆเป็นลำเท่าที่มือคลำ คนตาบอดเขาสำผัสเจอแต่งวง  เขาจึงคิดแบบนั้น ไฉนเลยที่เขาจะรู้ว่าช้างมีหูใหญ่ งา ตัวโต งวงยาวเป็นลำ อย่างที่คุณเห็น...ทั้งหมด   เขาไม่รู้หรอกว่าสมัยนี้ การค้า หรือก็คือช้าง นั้นแตกต่างจากที่เขารู้  ก็เพราะเขาไม่ได้สัมผัสอย่างที่คุณเห็น ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขนาด ยี่ปั้วของเขตที่ขายเหล้า  สมัยก่อนถือเป็นการค้าที่ร่ำรวยมาก เพราะเขารับเหล้าขายเพียงเจ้าเดียวของทั้งเขต แต่สมัยนี้สิค่ะ  เจอโลตัสเข้าไป เป็นไงละ  ทั้งซาปั้ว ยี่ปั้วตายหมดเลย ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 14:49:47 จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 13:41:40

ความคิดเห็นที่ 7 ต้องไปอ่าน บูลโอเชี่ยน กับ เรดโอเชี่ยน คราวๆว่า บลูโอเชี่ยนคือตลาดใหม่ ลูกค้ามีความต้องการอยู่ คู่แข่งยังไม่มี สรุปคือกำไรเต็มๆ เรดโอเชี่ยน ก็ตลาดที่ลดราคา กอดคอกันตาย คู่แข่งเยอะ ลูกค้ามีตัวเลือก เยอะ กำไรแต่ละบาท หาได้ยากสุดๆ ผู้ใหญ่สมัยก่อนที่ว่ารุ่นบุกเบิก เค้าได้อานิสงค์ บลูโอเชี่ยนมาเยอะ สมัยนี้จะทำอะไรที่ คู่แข่งก็รู้ทันกันหมด จากคุณ : keab (keab_h) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 14:10:15

ความคิดเห็นที่ 8 ผมอ่านมาหมดเลยครับ โรเบิร์ต คิโยซากิ , บลูโอเชียน , บลูโอเชียน study case , อื่นๆ อีกมากมาย ประยุกต์ใช้ลำบากมาก เพราะ ธุรกิจที่ผมอยู่นั้น เรดโอเชียนเต็มดอก แถมขั้นรุนแรงซะด้วย แต่ก็พยายามมองๆตัวอื่นไว้เหมือนกัน พูดตรงๆว่า จะจับตัวอื่นตอนนี้ กลัวเหมือนกันครับ เพราะรูปการณ์มันก็คล้ายๆกัน คือ กำไรน้อย แข่งขันสูง จะพุ่งจริงๆต้อง แบบ ธุรกิจที่ยังไม่มีใครทำ ซึ่งมันก็หายากโคตรๆ เพราะถ้ายังไม่มีใครทำแสดงว่าทำยาก หรือต้องใช้ทุนสูง ก็เสร็จอีก ด้วยประการฉะนี้แล ขอบคุณทุกท่านครับ จากคุณ : M.D.Luffy เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 14:31:12

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่ลองขายส่งพวกเหล้า เบียร์ แบบนี้ละคะ น่าจะกำไรดีหน๊า ยังไงคนขี้เหล้าก็ต้องกิน ถ้าไม่คิดว่ามันบาปอ่ะคะ จากคุณ : Tao_jah เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 14:35:55

ความคิดเห็นที่ 10 เรากลับคิดกลับกัน คุณเปิดร้านขายของอยู่แล้วใช่ไหมค่ะ  ทำไมไม่คิดหาหนทางที่จะขยายกิจการให้ใหญ่โตขึ้นละค่ะ การทำให้กิจการโตขึ้น สร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจ ครอบครอบตลาดเดิมมากขึ้น  ดีกว่าขยายไปทำกิจการอื่นแล้วไปเป็นตัวเล็กๆ ในตลาดอื่น (เอาให้  ต่อให้มีร้านค้าใหม่เปิดมาอีก10 เจ้า ก็ต้องหนาวก็ร้านค้าของคุณที่ตั้งอยู่เดิม) +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เรายอมรับว่าเป็นการกระจายความเสี่ยง   แต่ว่า......คุณทำหลายกิจการด้วยตัวเอง  เวลาของตัวคุณ สมองของตัวคุณ กำลังร่างกายของตัวคุณมันหมดไปกับการลงมือทำกิจการต่างๆๆ ทำให้คุณไม่เหลือกำลังแรง สมอง เงินที่จะไปพัฒนากิจการที่มีอยู่ให้ใหญ่โตขึ้น   เพราะเดี๋ยวก็ต้องสวิสต์ตัวไปทำร้านนู้น  เปลี่ยนตัวไปร้านนี้  หมดแรงกันก็จบวัน  ไม่เหลือแรงไปคิดหาวิธี กลยุทธ์พัฒนากิจการตัวเองแล้วค่ะ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 15:41:01 จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 15:00:10

ความคิดเห็นที่ 11 จขกท มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจที่ทำอยู่แล้ว ก็คงเป็นเรื่องของการมองหาโอกาสในสายธุรกิจที่ทำอยู่มากกว่าครับ ผมเข้าใจว่า ที่คุณพ่อของคุณ ให้มองในแง่ของการขายส่ง น่าจะเป็นเรื่องของเวลาครับ เพราะถ้าเราขายปลีกสินค้า 1 ขวด กับขายส่ง 1 ลัง ใช้เวลาเท่ากัน แต่ปริมาณแตกต่างกัน หรือ ภรรยา จขกท ทำซักรีด ซึ่งต้องเสียเวลามากพอสมควร มีรายได้เท่าไรในแต่ละเดือน ลองดูว่า ถ้าทำอย่างอื่นได้ น่าจะมีรายได้มากกว่านี้หรือเปล่า ? จะถูกหรือผิด ก็เป็นแค่ความคิดเห็นน๊ะครับ เพราะตัวผมเองก็กำลังมองหาช่องทางอยู่เหมือนกัน ขอให้ จขกท หาทางออกที่ดีๆพบครับ จากคุณ : am_alive เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 15:08:14

ความคิดเห็นที่ 12   เตี่ยเล่าให้ฟัง สมัยก่อน 30-40ปีที่แล้ว การคมนาคม+การสื่อสารไม่เร็วเท่าปัจจุบัน กว่าจะรู้หั่งเช้งต้องสื่อสารกัน 7-10 วัน หากสินค้าเป็นทื่ต้องการของตลาด สินค้ามีน้อย ต้องเดินทางไปหาแหล่งในพื้นที่ๆมีของมากๆ ราคาจะถูกเหมือนของให้ฟรี เพราะแย่งกันขาย ไม่มีคนซื้อ เช่น รำข้าว ปลายข้าว ในเขตอิสาน แล้วนำมาขายที่กทม.-ปริมณฑล มีกำไรกส.ละ60-100 บาท นำมาขายวันละ 300-400 กส. เหลือเงิน 2-3 หมื่น/วัน ทำแบบนี้สัก10-20 ปี เป็นเถ้าแก่และเศรษฐีได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ยุคนี้ คนรุ่นใหม่ ค้าขายลำบากขึ้น แค่ยกหูโทรศัพท์ ราคาถึงกันหมด ถ้าจะทำแล้วให้รวย ก็ต้องหาสินค้าที่มีความต้องการสูงในตลาด มีผู้ผลิตน้อยราย มาร์จินไม่ต่ำกว่า 30-50% และบริหารต้นทุน ไม่ให้เกิน 10% เพื่อให้มี net profit 20-40% ก็ยังพอทำให้รวยได้ จากคุณ : หัวใจจากท้องทะเล เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 15:09:17

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ ^ ถ้าจะทำแล้วให้รวย ก็ต้องหาสินค้าที่มีความต้องการสูงในตลาด มีผู้ผลิตน้อยราย มาร์จินไม่ต่ำกว่า 30-50% และบริหารต้นทุน ไม่ให้เกิน 10% เพื่อให้มี net profit 20-40% ก็ยังพอทำให้รวยได้ ธุรกิจอะไรนะ???  ขนาดเสือนอนกิน อพาร์ทเมนต์ยังไม่ได้ขนาดนั้นเลยนะค่ะ ธุรกิจที่คืนทุนภายใน 2-3 ปี  แล้วกำไรสินค้า กว่า50% สาวกุมภ์อยากไปทำด้วยจัง ^o^  ทุกคนหวังที่จะเป็นเศรษฐี แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 22:33:21 จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 15:28:18

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ พยายามครับ ที่จะทำให้กิจการใหญ่โตขึ้น แต่เรื่องเงินทุนยอมรับว่าสู้ไม่ได้จริงๆ ( นั่นเองคือเหตุผลที่ถามไปว่าสมัยนี้จะสามารถจับเสือมือเปล่าแบบรุ่นพ่อได้มั้ยครับ ) บอกให้ได้ครับ ผมขายมอเตอร์ไซค์อยู่ เรดโอเชียนมั้ยครับ...มากถึงมากที่สุด ในระยะ 500 เมตร จากร้านผม มีร้านมอเตอร์ไซค์เจ้าใหญ่ๆ เน้นนะครับ เจ้าใหญ่โคตรๆ แต่เค้ามาเปิดสาขาย่อย ( ขนาดสาขาย่อยยังใหญ่กว่าร้านผมเลย ) มีร้านมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 6 ร้าน มาเปิดใหม่ในช่วง 1 ปีนี้ประมาณ 4 ร้านย้ำนะครับว่า 500 เมตร ถึง 1 กิโลเมตร แต่ละร้านลงรถทีเป็นร้อยคัน ทั้งหมดนั่น ซื้อสดมาจากโรงงาน ( อุ แม่จ้าว ) สต๊อกคิดเป็นเงินสดไม่ต่ำกว่า 4 ล้าน ซึ่งผม แค่กู้เงินแบงก์ได้ 2 ล้านก็แทบกระอักเลือดแล้ว ถ้าสต๊อกขนาดนั้น ถึงตายได้ง่ายๆ  ผมคิดๆๆๆ หัวแทบแตกว่าทำยังไงถึงจะ อยู่ร่วมกับราชสีห์ทั้งหลายได้ และ  ก็มีคำแนะนำหลายๆทาง ให้เลิกมั่ง สู้ต่อมั่ง ผมเข้าใจดี ถ้าธุรกิจไม่มีกำไรมันไม่สามารถทำต่อได้ แต่จะให้เลิกเลย มันยากครับ ( ไม่รู้คนอื่นจะเป็นเหมือนกันเปล่านะ ) ผมทำร้านด้วยตัวเองทั้งหมด ตั้งแต่จดทะเบียนบริษัท จน เซ็นต์สัญญาค้าขายต่างๆ กว่าจะเป็นรูปเป็นร่างขนาดนี้ ก็ 4 ปีกว่า จริงๆแล้ว ช่วง 2 ปีแรก กำไรดีครับ แต่หลังจากรัฐประหาร 2 ปีหลังนี่ลูกค้าลดลงมากเลยเริ่มท้อครับ ไม่มีอะไรหรอก หลังๆกลายเป็นกระทู้บ่นไปซะงั้น ต้องขอโทษท่านที่เข้ามาอ่านด้วยนะครับ กะว่าจะทำให้เป็นกระทู้ความรู้และแนะนำธุรกิจใหม่ๆซะหน่อย ขอบคุณทุกท่านครับ จากคุณ : M.D.Luffy เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 15:30:12

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าคุณ จขกท. ลองวิเคราะห์หรือยังละครับ ว่าอนาคตกิจการของคุณจะเป็นอย่างไร ?? มีแนวโน้มเติบโตไหม ? หรือมีแต่ทรงกับทรุด ? หรือนึกไม่ออก อะไรจะเกิดก็เกิด ? ผมว่า จขกท. มีความรู้เยอะนะครับ อย่งาน้อยจากการอ่านหนังสือที่บอกมา ผมว่าคุณน่าจะพอวิเคราะห์อนาคตกิจการของคุณได้ แล้วค่อยวางแผนต่อว่าจะเดินหน้า ปรับเปลี่ยน หรือถอยหลังอย่างไรดี เพราะถ้าเราทู่ซี้ทำกิจการที่ไม่มีอนาคต ผมว่าเสียเวลาและโอกาสครับ จากคุณ : kennyG เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 15:40:05

ความคิดเห็นที่ 16 การที่เราจะประสบผลสำเร็จในธุรกิจใดนั้น นอกจากเราต้องมีความรู้เรื่อง ที่เราทำธุรกิจแล้ว เราต้องรู้จุดแข็ง  จุดอ่อนของกิจการอีก ต้องแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ก้าวให้ทันกระแสให่มากที่สุด และหันกลับมา พัฒนากิจการของเราให้ทันสมัย เป็นที่นิยมอยู่เสมอ ไม่อยู่กับที่ ไม่จำเจ ซ้ำซาก  ขายไปวันๆ ไม่ปรับปรุงไม่ได้หรอกค่ะ สังเกต ธุรกิจ แฟรนไซน์ เอาง่ายๆ  เช่น ไก่ทอด KFC, มิสเตอร์โดนัท (เขาเป็นบริษัทเดียวกันนะคะเครือเดียวกัน)  ลองสังเกตดูว่าทำไม เขาขายไก่ทอด ขายโดนัท แต่ละชิ้นราคาอย่างแพง กว่าท้องตลาดทั่วไป ทั้งๆที่ ไก่ทอด และโดนัท ชิ้นละ ไม่กี่สิบบาท มีขายแทบทุกที่ แต่ทำไม KFC ไก่ชิ้นละเกือบร้อย โดนัท ชิ้นละเกือบยี่สิบบาท ทำไมเขาอยู่ได้  และยอดขายของเขา วันหนึ่งต้องขายให้ได้ หลักสองหมื่นบาทขึ้นไป นั่นเป็นเพราะระบบบริหารจัดการของร้านมีมาตรฐาน และเป็นเอกภาพ การบริการ การผลิต แทบทุกอย่างเขามีหลักจิตวิทยาทั้งนั้น เช่น การบริการ เมื่อลูกค้าเดินเข้าไปในร้าน พนักงานแทบอยากก้มลงกราบ งามๆ สัก 2-3 ที การพูดจาทักทายลูกค้าด้วยน้ำเสียงและกิริยาสุภาพ การผลิตที่สดใหม่ โปรโมชั่นพิเศษ ความสะอาด การแต่งกายสุภาพ และอื่นๆอีกมากมาย นั่นแสดงให้เห็นโดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว ส่วนมากก็ยังอยากเป็นที่ยอมรับของสังคมเขาสร้างแบรนด์ ให้เป็นที่นิยม เวลากินไก่ทอดหรือ โดนัท ไม่ต้องหลบ แอบ จิกกิน กินได้อย่างสง่างาม (บางคนอยากถือถุง KFC ไว้ทั้งวัน เพราะอยากให้คนเห็นว่าตัวเองกินของมีระดับ) นี่แหละค่ะ คร่าวๆ  ที่เล่ามานี้อาจไม่ใช่แนวเดียวกับธุรกิจของ จขกท. ไม่ต้องใหญ่โตเหมือน KFC แต่สามารถนำบางอย่างไปประยุกต์ได้นะคะ เอาง่ายๆเลย การทักทายลูกค้า ยิ้มแย้มแจ่มใส เทคแคร์เขาหน่อย และคิดหากลยุทธ์ที่จะทำให้ลูกค้าขาจรเป็นลูกค้าประจำได้ ก็เริ๊ดมากค่ะ ถ้าพูดถึงน่ะ จะเล่าการบริหารกิจการอย่างไรให้สำเร็จ เล่า 10 วันก็ไม่จบค่ะ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ใครอยากทำกิจการอะไรก็ขอให้เข้าใจและศึกษาอย่างถ่องแท้ ไม่ใช่แค่เขาบอกมา เขาเล่าให้ฟัง เขาว่าอย่างนี้ดี  เขาว่าอย่างนั้นได้ แล้วเชื่อเขา.... หมดเลย  ก็บอกได้คำเดียวว่า  ...เจ๊ง.. ตั้งแต่ยังไม่เริ่ม "มีเงินมากใช่ว่าจะทำธุรกิจสำเร็จ  อยู่ที่ความคิด กลยุทธ์ค่ะ" สู้ๆ ค่ะ  เป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่มีความฝัน  ไม่มีคนจนในหมู่คนขยันค่ะ จากคุณ : yuyileena เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 15:41:45

ความคิดเห็นที่ 17 โอ้ววววววววววว  หาจุดเด่น  จุดด้อย  ข้อเสีย  ข้อดีของธุรกิจหรือยังค่ะ เรื่องนี้  ใช้ได้ผลจริงๆ นะค่ะ  ช่วยให้สาวกุมภ์พ้นวิกฤตมาหลายครั้ง +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ สาวกุมภ์เห็นด้วยกับ คห.15 และ 16 แล้ว KFC ที่คนยอมจ่ายแพงกว่าร้านขายไก่ทอดข้างนอก ก็เพราะ  ความรู้สึกถึง value รู้สึกว่าได้รับการบริการที่ดี เยินยอ ยอมรับ และน้องๆๆ คนขายก็น่ารักค่ะ ลองไปเดินซื้อไก่ทอดจากร้านข้างนอกสิค่ะ (บางร้าน) คนขายเป็นป้า หน้ามันย่อง ใส่เสื้อยืดกางเกงขาก๊วย   ป้าอารมณ์ดี  ก็พูดจาดี  แต่ถ้าอารมณ์ไม่ดีเนี่ย จะซื้อก็ซื้อ ไม่ซื้อก็เดินไปให้ห่างซิ โอ้โห~~~~เงินคนซื้อไม่มีค่าเลย  เหมือนมาขอเขาเขากิน บริการต่างกันลิบลับกับKFC  ที่เข้าไปซื้อแล้วรู้สึกตนเองมีคุณค่า เป็นบุคคลสำคัญ มองไปทางไหนก้เจริญหูเจริญตา หน้าตาน่ารัก +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ งานบริการก็อย่างที่พูดไป  อีกเรื่องก็คือซื้อของเงินผ่อนอย่างที่เจ้าอื่นทำ  ร้านคุณก็ต้องทำได้ เรียกว่า  เขามีอย่างไร  คุณต้องมีด้วย  และ ต้องมีที่ดีกว่า เช่น การบริการ ลองมอง เช่าซื้อ  จดจำนองรถมอเตอร์ไซด์  หรือ รถมอเตอร์ไซด์มือสอง ราคาถูก  หรือ ซ่อมรถ แต่งรถ เพิ่มเติมก็ดีนะค่ะ  เอาให้ครบเครื่องไปเลย แต่อย่างไร  เงินทุน  ทำบัญชีให้ดีนะค่ะ  กระแสเงินสดในมือ   เพราะเรื่องนี้  นับเป็นจุดอ่อนจริงๆ ค่ะ  พลาดขึ้นมา เจ๊งได้เลย +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ แก้ไขเมื่อ 15 ธ.ค. 52 15:59:58 จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 15:54:03

ความคิดเห็นที่ 18 มาตรฐานรุ่นพ่อไม่ได้ทำไว้สูงหรอกครับ การแข่งขันยุคนั้น ไม่รุนแรงต่างหาก สมัยนั้น ไม่ต้องมีทุน  มีสุ่มหนึ่งอัน ไปสุ่มปลาในคลอง ก็ไม่อดตายครับ ตอนนี้ ทำอย่างนั้น ได้ที่ไหน  ทั้งคู่แข่งในประเทศ  จากจีน เอาแค่ LOTUS คาร์ฟุร์  HOMEPRO  7-11 เนี่ย ก็ตัดทางทำมาหากินคนทุนต่ำกว่าเขาไปเยอะแล้วครับ ผมว่าธุรกิจที่ไปได้ น่าจะเป็นธุรกิจที่ใช้ความรู้ และเป็นด้านบริการ เพราะพวกทุนต่างชาติมาลงเอง ไม่ค่อยได้  แต่ก็ต้องดูเป็นอันๆไปครับ โครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนไปมากนะ  อธิบายให้พ่อฟังหน่อยเหอะ  คนทำธุรกิจมีเงินรายได้  ถึงไม่โต ก็ดีกว่าเจ๊งนะ จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 52 20:21:04

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามาดู ... จากคุณ : D_YONG เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 52 11:59:26

ความคิดเห็นที่ 20   คิดว่าจะทำอะไรดี มักจะไม่ได้ทำซักที มัวแต่คิดกลัวนั่นกลัวนี่ ส่วนใหญ่คนที่ทำสำเร็จ เค้าทำสิ่งที่ตัวเองถนัดที่สุด ไปเรื่อยๆ แล้วค่อยๆต่อยอดเอา หรือ เจอโอกาสดีๆเข้ามาเอง สรุปลองทำเลย คุณคิดว่าถนัดหรือมีคอนเนคชั่นด้านไหนที่สุด ผิดถูกค่อยเรียนรู้กันไป ค่อยๆทำ อย่าไปหวังรวย หวังรวยเจ๊งทุกราย จากคุณ : คนจรจัด เขียนเมื่อ : 16 ธ.ค. 52 17:47:46 A:110.164.84.73 X: TicketID:231566

ความคิดเห็นที่ 21 มีคู่แข่งเปิดเพิ่มถึง 4 ร้าน ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจก็ยังไม่ค่อยดีนัก คนที่มาเปิดใหม่นี่ สงสัยกะจะซัดกันให้พังกันไปข้างเลยมั้งนี่ ช้างสารชนกัน หญ้าแพรกก็แหลกราญ ถ้ายังคิดหาไอเดียเจ๋งๆ ไปต่อกรกับคู่แข่งไม่ออก ผมว่า จขกท ต้องมองหาธุรกิจอื่นๆ บ้างแล้วล่ะ ช่วงนี้คงต้อง คิดวางแผน หาข้อมูล ประเมินสถานการณ์ มากสักหน่อยมั้ง จากคุณ : Naibruda เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 01:53:14

ความคิดเห็นที่ 22 ยุคนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ต่อให้อ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูกหรืออะไรก็แล้วแต่ จะมีสักกี่คนที่มีความพร้อมทุกอย่างตามทฤษฏี เมื่อไม่กล้าคิด  ก็ไม่กล้าทำ เมื่อไม่กล้าทำ  ก็ไม่มีโอกาส จะมีสักกี่คนที่มีพร้อมทุกอย่าง กำไรน้อย  กำไรมาก  ค่อยเป็นค่อยไป ทำไปเถิด จากคุณ : คนชอบเสี่ยง (sc-ubon.tee) เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 52 19:11:38

ความคิดเห็นที่ 23 ธุรกิจ ที่ใช้ความรู้เป็นตัว สร้างความร่ำรวย ครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 18 ธ.ค. 52 14:07:34

ความคิดเห็นที่ 24 เชียร์ให้ทำแต่งมอร์ไซค์ ของแต่งผลิตจากจีนหรือในไทย เจ๋งๆเยอะ ราคาไม่สูง หาลูกน้องมือแต่งเก่งๆ มาเพิ่ม2คน (ต่อยอดจากของเก่า) เน้นแต่งร้านให้หวือหวาหน่อย เอาอัธยาศัยนำ ใจกว้างๆกะลูกค้า ซี้ๆหน่อย ก็ให้มาแฮงค์เอาท์หน้าร้าน บ้างบางวัน ทำให้เป็นที่รู้จัก บอกต่อกัน ปากต่อปาก ทำให้ร้านคึกคัก เอาให้ร้านใหญ่ๆหงอยไปเลย จากคุณ : เอาใจช่วย (โอบอ้อม) เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 52 03:32:22

ความคิดเห็นที่ 25   มีแค่เงินก็ยากนะครับ ต้องมีความรู้สามารถด้วย เสี่ยงสูง แต่ถ้าธุรกิจที่ให้รายได้เยอะเสี่ยงต่ำก็มีคับ ผมทำอยู่ธุรกิจเครือข่ายที่ไม่ต้องขายของเพราะคนเราไม่ชอบขายของแค่เปลี่ยนรายจ่ายให้เป็นรายรับก็พอ(ปกติของใช้ทั่วไปซื้อที่โลตัสอยู่แล้วเจ้าของโลตัสฝรั่งเค้าก็รวยไปแต่ถ้ามาซื้อกะบริษัทเราจาเปลี่ยนเป็นรายได้ได) และเวลาชวนคนจาไม่ตื้อง้อจิกเพราะคนเค้าจารำคาน สนใจมาคุยกัน เอ็ม 0841357444 จากคุณ : เอ็ม เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 52 09:49:51 A:125.24.74.131 X: