ความคิดเห็นที่ 1 วุฒิ ป.4 ม.6 ยังรวยได้เลย จากคุณ : ชื่อนี้ไม่มีคนรู้จัก เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 11:03:27

ความคิดเห็นที่ 2 เปลี่ยนสายงานบ่อยๆส่วนมากจะไม่ดีค่ะ บ่อยในที่นี้คือสี่ห้าสายงานนะคะ มันจะหางานลำบากภายหลัง ส่วนที่ดีๆคือเปลี่ยนแล้วขึ้นเป็นผู้บริหารไปเรื่อยๆน่ะค่ะ ของคุณ จขกท นี่ยังอยู่ในขอบของการเงินกับเซลล์ ไม่น่าห่วงเท่าไหร่ค่ะ จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 11:27:29

ความคิดเห็นที่ 3 ขอโทษคห.2 ผมกลับมองว่า น่าจะมีปสก.ที่หลากหลายดีนะ เมื่อเลื่อนชั้นเป็นผู้บริหารน่าจะมีวิชั่นที่กว้างไกล เคยเจอคนที่เริ่มต้นจากการเป็นนักข่าวทั้งสิ่งพิมพ์และทีวี จนได้เป็นหัวหน้าหน่วยย่อย แล้วก็เปลี่ยนไลน์ไปเป็นงานด้านการฝึกอบรม ตั้งแต่เป็นวิทยากรไปจนถึงการบริหารการจัดฝึกอบรม และมีหน่วยการขายเองเลย เป็นผู้บริหารหน่วย แล้วก็ไปสอนหนังสือ เป็นแนวอาจารย์พิเศษอะไรแบบนี้แหละ ต่อมาเขาก็มาเป็นที่ปรึกษานักการเมือง พบว่า เขาใช้ปสก.ที่ผ่านๆมากับงานได้มากและหลากหลายแขนงเรียกว่า ใครจะมาหลอกเนี่ย คงยาก เป็นความเห็นที่แตกต่างนะครับ แก้ไขเมื่อ 25 ธ.ค. 52 12:01:49 จากคุณ : ไอ้ด่างเกยชัย เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 11:59:45

ความคิดเห็นที่ 4 ดีอย่างเสียอย่างครับ ผมว่าดีตรงที่มีหลายมุมมอง มีความรู้รอบตัว กว้างขวาง ทำงานได้หลากหลาย ถ้ามาทำธุรกิจน่าจะประสบความสำเร็จ ข้อเสียผมว่าเวลาเปลี่ยนงานอาจจะเรียกเงินเดือนได้ไม่สูงเพราะไม่มีประสบการณ์ที่ตรงสายจริงๆ ผมเคยไปฟังเจ้าของ Safe T Cut พูด คนนี้เค้ามี 3 ธุรกิจที่แตกต่างคือ Safe T Cut ธุรกิจการพิมพ์สกรีน ธุรกิจผลิตลูกกระสุนปืน ซึ่งทั้ง 3 ธุรกิจล้วนประสบความสำเร็จทั้งหมด ทึ่งจริงๆครับ จากคุณ : จักรยานกับสายลม เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 12:09:15

ความคิดเห็นที่ 5   case ของผมอาจจะเป็นตัวอย่างได้นะครับ แต่ไม่รู้ว่าประสบความสำเร็จหรือปล่าว ผมจบเศรษฐศาสตร์เกษตร + MBA เริ่มงานราชการด้านทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ประมาณนี้ หลังจากนั้นไปทำด้านขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์บริษัทเอกชน แล้วก็มาต่อที่บริษัทเทคโนโลยีด้าน public affair ปัจจุบันทำบริษัทยา เป็น board บริหารด้วย ตอนนี้เบื่องาน อยากเปลี่ยนอีก โดยจะไปเปิดร้านอาหารเล็กๆ นี่เปลี่ยนเยอะเลยนะครับ สรุปคือไม่รู้ว่าอะไรที่ใช้วัดความสำเร็จนะ     เออ แต่พอมาดูชีวิตตัวเอง แปลกมากเลยนะเนี่ย จากคุณ : iamcowboy เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 12:24:28

ความคิดเห็นที่ 6 ขอยกเคสตัวเองนะค่ะ เราเรียนจบการตลาด มหาลัยรัฐ ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งและเป็นที่หนึ่งของเมเจอร์ ตอนเรียนและจบใหม่ๆ ก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องเป็นนักการตลาดที่เก่งและประสบความสำเร็จในบริษัท consumer ยักษ์ใหญ่ อย่างที่ตัวเองและคนรอบข้างคาดหวัง แต่เปล่าเลย ตั้งแต่จบไม่เคยทำงานด้านที่ตัวเองเรียนมาเลย แต่ด้วยโอกาสและประสบการณ์ด้านอื่นที่มี ทำให้เริ่มงานด้านไฟแนนซ์ของโบรกเกอร์แห่งหนึ่ง ตามด้วยการเป็น business analyst ของ บริษัทน้ำมันต่อด้วยการเป็น IT project controller ของบริษัท software และ ตอนนี้เป็น IT consultant - SAP ถามว่าเสียใจหรือรู้สึกเสียดายที่ไม่ทำงานตามสายที่เรียนมา หรือ ต้องเปลี่ยนสายบ่อยๆ มั้ย คำตอบคือ ไม่ เพราะคิดเสมอว่าทุกอย่างคือการเรียนรู้ ประสบการณ์ ยิ่งทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ต้องเรียนรู้ใหม่ ต้องนับใหม่ มันคือ ความท้าทาย ทำให้เต็มที่ แต่ต้องทำแบบทุ่มเทและรู้จริง เมื่อคนรอบข้างเห็นว่าคุณเชี่ยวชาญ รู้จริงในสายงานแล้ว ไม่ยึดติดกับความรู้เก่า ความสำเร็จแบบเดิม เค้าก็พร้อมจะหยิบยื่นโอกาสใหม่ งานด้านอื่นๆ ที่ยากกว้า ท้าทายมากกว่า ที่สำคัญการเปลี่ยนงานที่หลากหลายมันจะทำให้คุณรู้ business process  ของทั้งองค์กร ไม่ได้แค่เฉพาะ area ใด area หนึ่ง ซึ่งในอนาคตที่คุณจะเป็นผู้บริหาร มันจะมีประโยชน์อย่างมากในมุมมองของตัวเอง ส่วนตัวคิดว่ามันอยู่ที่ว่าคุณจะเลือกเดินแบบไหน บางคนเลือกที่จะมุ่งมั่นและโตไปในสายงานที่ตัวเองเรียนและทำมาตลอด  บางคนอาจจะเลือกที่ค้นหาไปเรื่อยๆ และอาจจะยังไม่เจอ บางคนอาจจะเลือกที่จะไม่ยึดติดกับงานสายใดสายหนึ่ง เลือกที่จะเปลี่ยนและเรียนรู้งานด้านใหม่ๆ มากกว่า ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ตามนิยามของตัวเอง สิ่งที่คุณต้องตอบจริงๆ คือ คุณมีความสุขในการทำงาน และผลตอบแทนที่ได้จากงานทำงานนั้นหรือไม่ แล้วพิจารณาว่าจะเลือกทางเดินไหนสำหรับก้าวต่อๆ ไปค่ะ โชคดีค่ะ จากคุณ : fiat_marketing เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 13:39:59

ความคิดเห็นที่ 7 ผมไง จบ รัฐศาสตร์ ราม ผ่านงานหลากหลาย เซลล์ จัดชื้อ  บริหารจัดส่งโลจิสติก  สต๊อกคลังสินค้า  ความปลอดภัย(ไม่ได้เรียน จป ) ประสานงาน  ควบคุมเอกสารBOI   แมสเสจเจอร์ ก็เคยนะเวลาแมสเสจเจอร์ตัวจริงเค้าลาหยุด ตอนนี้ลาออกละ เรียนโทบริหาร จบและกำลังสมัครงาน ยังงงตัวเองเลยเวลากรอกใบสมัครงาน จะอธิบายยังไงให้ผู้สัมภาษเข้าใจ ถ้าเจอบริษัทเปิดโอกาสให้เรียนรู้งาน  ในฐานะนักศึกษารามผมทำได้หมดอะ จากคุณ : milano_tle เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 14:18:17

ความคิดเห็นที่ 8   รู้เยอะก็รู้แบบเป็ด บินได้ว่ายน้ำได้แต่ไม่เก่งซักอย่าง อยากเป็น specialist ต้องมุ่งไปทางใดทางหนึ่ง ถ้าเปลี่ยนฉีกแนวไปมาแบบนี้แล้วใครจะอยากมาเข้าใจถ้าคุณยังสับสนในตัวเอง ไอ้เปลี่ยนสายน่ะช่วงแรกๆก็เปลี่ยนได้หมดแหละเข้ามาเป็น entry level ของทุกฟังก์ชัน แต่พอเริ่มเข้าไปลึกๆที่ต้องอาศัยประสบการณ์ คนอื่นเค้าเดินขึ้นไปข้างหน้า แต่เราเดินออกข้างซ้ายทีขวาที ได้แนวนอนอย่างเดียวเมื่อถึงจุดนึงคุณก็จะทราบเองครับ เค้าถึงได้บอกกันไงว่าต้องค้นหาตัวเองให้เร็ว บางคนทำงานมาทั้งชีวิตก็ยังไม่เจองานที่ใช่เลยก็มี จากคุณ : Bento Box เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 15:12:12 A:58.8.15.89 X: TicketID:162535

ความคิดเห็นที่ 9 ตอนนี้รู้ตัวว่า อยากทำอะไร พยายามหาความรู้ เพิ่มทักษะ สุดชีวิต เพราะรู้ว่าที่เรียนมาไม่ตรงสาย สมัครไปหลายที่ แต่ก็เงียบ.. เริ่มท้อและคิดว่า คงต้องกลับมาเป็นในสิ่งที่ควรเป็น คิดแค่ว่าวันนี้.. รอเพียงโอกาส หากได้มาจะทำให้สุดความสามารถ คิดแค่นี้จริง ๆ เฮ้อ.. จบวิดยา แต่อยากทำสื่อสารมวลชน.. จากคุณ : แพนดาร์ตาหวาน เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 15:35:15

ความคิดเห็นที่ 10   มาร่วมแชร์บ้าง ผมจบนิติ ต่อโทนิติ แต่จบแค่คอร์สเวิร์คจากนั้น ไปทำงานอิสระ รับจ๊อบงานวิจัยเชิงบริหารโครงการ แล้วก้อเปลี่ยนแนวไปทำงานด้านสาธารณสุข จนได้เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญระหว่างประเทศ (แม้จะไม่ได้จบด้านแพทย์ วิทยาศาสตร์ หรือสาธารณสุขเลย) ตอนนี้ชอบงานบริหารบุคคลและพัฒนาองค์กร และมีคนจะมาจ้างให้ไปช่วยพัฒนาองค์กรต่างๆแล้วครับ ทั้งๆที่ผมไม่เคยเรียนด้านนี้มาแม้แต่น้อย  (อาศัยการคิดวิเคราะห์อ่านเพิ่มเติมเรื่อยๆเก็บสะสมมาเป็นสิบปี) แต่มีโอกาสได้โชว์แนวคิดและเสนอผลงานเรื่อยๆครับ ในที่สุดก้อมีหลายองค์กรประทับใจและเชื่อมั่นครับ หลายคนอาจจะบอกว่า รู้เยอะก้อเป็นแค่เป็ด ทำอะไรไม่ดีซักอย่าง ผมเถียงสุดใจเลยครับ มันอยู่ที่ว่า แม้เราจะไม่ได้เป็นเลิศสุดๆในสาขาใดสาขาหนึ่ง แต่ระดับความลึกซึ้งที่เราเข้าใจในหลักการลึกๆของสาขานั้นมีมีมากแค่ไหน เป็ดบางตัวอาจจะเก่งแต่ละเรื่องแค่ 3/10   แต่สำหรับคนที่กระหายการเรียนรู้และรู้จักพัฒนาตัวเองและมีความสุขในเรื่องที่เรียนรู้ แม้เค้าจะไม่สามารถทำทุกสาขาที่สนใจได้ 10/10 แต่อย่างน้อย ก้อ 8/10 ล่ะนะ นี่ไม่นับสาขาที่คนๆนั้นชอบมากๆและเชี่ยวชาญสุดๆนะครับ แต่ก้อยังเห็นด้วยว่า ควรจะหาใจตัวเองให้เจอว่า เราชอบอะไร แล้วเราจะทำเรื่องนั้นได้ดีครับ แม้อุปสรรคจะเยอะ และอยากจะบอกหลายคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแค่สาขาเดียวว่า ลองสังเกตคนที่เค้าเก่งๆของจริงสิครับว่า แท้จริงแล้วเค้าเก่งสาขาอื่นด้วย เพียงแต่เค้าอาจจะไม่ได้โชว์มันออกมาก จากคุณ : MSM69 เขียนเมื่อ : 25 ธ.ค. 52 22:28:53

ความคิดเห็นที่ 11   งานอยู่ทีใจครับ เรียนอะไรจบมาไม่สำคัญ ตรงสายหรือไม่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรอย่างที่คุณพูดถึงเจ้าของเซฟทีคัท ท่านจบป.สี่ แต่ได้ปริญาเอกสามใบจากการประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่ไปดูทุกวันนี้ซิครับ ตีกับลูกๆหาว่าลูกอยากได้สมบัติฟ้องลูกยัดข้อหาให้ลูกๆเป็นสิบๆคดี ไล่ลูกน้องออกทั้งโรงงาน เพราะบ้าผู้หญิงติดอีหนู ครอบครัวพังพินาศหมด แบบนี้ประสพความสำเร็จไปไม่มีประโยชน์หรอกครับ มหาวิทยาลัยก็ตาบอดให้ปริญากับคนแบบนี้มาได้ คนไม่รู้ก็ยกย่อง อย่าเลือกงานอดทนตั้งใจเรียนรู้เป็นคาถาที่จะช่วยให้ประสพความสำเร็จครับ จากคุณ : ผู้หวังดี เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 03:36:19 A:119.31.31.135 X: TicketID:240966