--- เตือนภัย --- ขายของทางเนต ให้ลูกค้าโอนเงินมา ระวัง "ซวย" ไม่รู้ตัว
|
|
เพื่อนของดิฉัน เปิดร้านขายมือถือ มีหน้าร้านและก็เปิดเวปขายในอินเตอร์เน็ตด้วย ก็ดำเนินการตามปรกติ ลูกค้าโอนเงินมาก็ส่งของไปทาง ems หรือว่าจะมาซื้อที่ร้านก็แล้วแต่ว่าจะตกลงกัน ทำมานานพอสมควรก็ไม่มีปัญหาอะไร
แล้วความซวยก็มาเยือน เมื่อสัปดาห์ก่อนมีลุกค้าโทรมาบอกจะเอาเครื่อง Blackberry ก็ตกลงโอนเงินเข้ามาที่บัญชีเพื่อน หมื่นกว่าบาทตัดสินใจเร็วมาก แล้วอีกสัก ชม.ก็มารับเครื่องแต่ให้เพื่อนถึงลงไปส่งริมถนนหน้าห้าง บอกว่ารีบไป ก็ok จบ เงินมาของไป
อีก 5 วันถัดมา มีหมายเรียกจากกองปราบมาที่บ้านให้ไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ โทรไปสอบถามได้ความว่า มีเจ้าทุกข์ไปแจ้งความว่ารถหายแล้วก็มีคนโทรมาหาเค้าบอกว่าถ้าอยากรู้ว่ารถอยู่ที่ไหนให้โอนเงินมาที่บัญชีนี้ (บัญชีเพื่อนที่ขายมือถือ) แล้วจะบอก คนที่รถหายก็โอนมา แต่ก็ไม่ได้เบาะแสเพิ่มเติมแต่อย่างใด เพราะมันปิดเครื่องไปเลย เค้าก็เลยไปแจ้งความว่ารถหายแล้วก็ได้โอนเงินค่าไถ่เข้ามาที่บัญชีนี้ ตำรวจก็เลยตรวจสอบว่าเป็นบัญชีของใครก็เลยออกหมายเรียกให้ไปให้ปากคำที่กองปราบ เพราะว่ามีการโอนเงินมาและก็มีการกดออกไปแล้วจริงๆ ซวยมั๊ยล่ะ
เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจเพื่อนก็ปิดร้าน 1 วันเพื่อไปตามที่ตำรวจนัดเพื่อสอบปากคำแต่พอไปถึง ก็เจอกับเจ้าทุกข์ แล้วก็ให้คุยกันเอง พอเจอหน้า เจ้าทุกข์กลับพูดว่า จำเสียงน้องคนนี้ได้ ที่คุยกัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยคุยกันมาก่อนแต่กลับบอกว่าจำเสียงได้ เพื่อนก็ งง งง มาไม้ไหนวะ กลายเป็นว่าตำรวจให้คุยตกลงกันเองประหนึ่งว่า เพื่อนเราเป็นคนโขมยรถไปซะงั้น มันบอกให้กักตัวเอาไว้เลยเพราะว่าจำเสียงได้ (หลักฐานแน่นหนาน่าดูเลยนะ) แล้วก็บอกว่ามีคลิปเสียงที่อัดเอาไว้ด้วย แต่พอบอกว่ามีก็เอามาเปิดก็ อึกอัก โยกโย้ ไม่เอามาเปิดแต่ปากก็ด่าเพื่อนเราตลอดเวลา หาว่าทำเนียน ไม่รู้เรื่อง คุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ฟังเหตุผลอะไรเลย
จนช่วงบ่าย ตำรวจคนหนึ่งก็มาไกล่เกลี่ยแต่แบบว่างงมากพูดประมาณว่าให้เพื่อนคืนเงินหมื่นกว่าบาทที่เค้าโอนมาให้กับเจ้าทุกข์ไปซะจะได้จบๆ เอ้า ซะงั้นไป จะให้ยอมรับผิดไม่งั้นจะออกสอบสวนต่อแล้วก็ต้องออกหมายจับนะ หรือไม่ก็ให้เพื่อนเราไปตามหาคนที่ซื้อเครื่องไปมายืนยันซึ่งแน่นอนมันปิดเครื่องไปแล้ว แล้วอีกอย่างทำไมเพื่อนเราต้องตามเอง มันหน้าที่ตำรวจไม่ใช่เหรอ คุยกันเป็น ชม.ก็ไม่ยอมก็เถียงกันอีกสักพักดังลั่น จนตำรวจให้แยกย้ายกันก่อน แล้วจะเรียกไปอีกรอบ เป็นไงล่ะ คนทำมาหากินบริสุทธิ์ใจ อุตส่าหไปแสดงตัว ดันมาหาว่าเราเป็นผู้ต้องหาซะได้
ตอนนี้ก็ยังไม่รุ้จะจบยังไง แต่เพื่อนเราไม่ยอมหรอกใส่ร้ายกันเห็น ๆ แต่เพื่อนไม่ได้เอาเครื่องอัดเสียงไปด้วย เลยไม่มีหลักฐานอะไรไม่งั้นคงได้มีการฟ้องหมิ่นประมาทแน่ๆ นีก็รอให้เรียกไปเข้าเครื่องจับเท็จอีกทีไม่รู้จะยังไงต่อ
แล้วก็มีอะไรแปลก ๆ หลายจุดด้วยนะ เช่นในหมายเรียกระบุทะเบียนรถ ยี่ห้อรถ เป็นรุ่นนึง แต่พอเราเอาทะเบียนรถไปค้นในกูเกิ้ล กลับได้ข้อมูลว่าเป็นรถคนละยี่ห้อกับในหมายเรียก ยอดเงินที่โอนเข้ามาก็ไม่ตรงกันต่างกัน 500 บาท แถมเค้ายังบอกอีกนะว่ามีหลักฐานกล้องวงจรปิดว่าเพื่อนเราไปกดเงินที่ตู้แถวรังสิต คนละพื้นที่กันเลย พอบอกให้เอามาเปิดดูก็ไม่เปิดอีกนะ
ยังสงสัยอยู่ว่าตกลงใครกันแน่ที่เป็นเหยื่อโดนหลอก แต่เพื่อนก็คงไม่ยอมแน่ๆ ถ้ามีupdate จะมาเล่าให้ฟังอีกที แต่อยากให้คนขายของทางเน็ตระวังๆ ไว้บ้าง อ่านไว้เป็นกรณีศึกษาแล้วกันค่ะ
| จากคุณ |
:
งานเข้า
|
| เขียนเมื่อ |
:
26 ธ.ค. 52 20:02:33
A:124.120.105.212 X: TicketID:196072
|
|
|
| 
