ความคิดเห็นที่ 1   "ในการสัมภาษณ์งาน" ในการสัมภาษณ์งาน เราเตรียมความพร้อมไปเป็นอย่างดี ทั้งเตรียมตัวตอบคำถาม, แต่งกายสุภาพ ด้วยชุดสูทกระโปรง หรือสูทกางเกง, หน้าตา-ผมเผ้าจัดแต่งเรียบร้อย เราไปถึงตรงเวลานัดเสมอ และไม่เคยเบี้ยวสัมภาษณ์เลยสักครั้ง ไม่่ว่าจะใกล้จะไกล ถ้าเดินทางไปกลับได้ง่ายๆ เราจะไปสัมภาษณ์ด้วยรถตู้ รถเมล์ หรือรถทัวร์ แต่ถ้าบางแห่งไปลำบากหน่อย เพราะเรายังขับรถไม่คล่อง คุณพ่อคุณแม่เราก็อาสาขับรถไปให้ และรออยู่นอกบริษัท (ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่มากค่ะ) ทั้งนี้ ก็เกรงใจคุณพ่อคุณแม่จริงๆ แต่ท่านทั้งสองก็เป็นห่วงเรา เห็นเราตกงาน เห็นเราเดินทางลำบาก ก็อาสาพาไป และรอรับกลับ "วัน-เวลาที่ใช้ในการสัมภาษณ์" - บางแห่ง แจ้งล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ เพื่อการเตรียมตัว และการเดินทาง - บางแห่ง ปุบปับ นัดวันนี้ พรุ่งนี้ให้มาเลย - บางแห่ง ปุบปับเช่นกัน ที่นัดไว้สัปดาห์หน้า แต่ทางบริษัทโทรมาขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ - บางแห่ง ไปถึง ก็กรอกใบสมัคร หรือทำข้อสอบ สัก 30 นาที และสัมภาษณ์อีกราวๆ 30 นาที - 1 ชั่วโมง เสร็จสรรพ ราวๆ 1 ชั่วโมง ถือว่าไม่ช้าไม่เร็วไปนัก - บางแห่ง นัดเราไปบ่ายโมง พอไปถึงกว่าจะได้สัมภาษณ์ก็บ่าย 3 โมง เนื่องจากรอสัมภาษณ์คนอื่นๆก่อน (นัดทุกคนมาพร้อมกันตอนบ่ายโมง!!?? ทำไมเนี่ย -_-') - บางแห่ง รอเป็นชั่วโมงๆเช่นกัน เนื่องจากกรรมการสัมภาษณ์ติดประชุม (ในกรณีนี้ นัดคือนัด ไม่ใช่เหรอคะ ผู้ถูกสัมภาาณ์รักษาเวลา แล้วผู้สัมภาษณ์ล่ะคะ) ...คือ ที่บ่นนี้ ไม่พอใจด้วยส่วนหนึ่ง และก็ห่วงพะวงถึงคุณพ่อคุณแม่ ที่อุตส่าห์รอด้วยน่ะค่ะ ถึงตรงนี้ ขอแชร์ประสบการณ์ด้วยเลยดีกว่าค่ะ ว่าเพื่อนๆ เคยเจอแบบที่นัดปุึบปับแทบเตรียมตัวไม่ทัน หรือ บริษัทพอถึงเวลานัด กลับปล่อยให้เรารอนานๆ หรือเปล่าคะ จากคุณ : สมาิชิกห้องนี้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 22:09:49 A:192.168.1.128 X:124.157.151.118 TicketID:135676

ความคิดเห็นที่ 2   "ลักษณะการสัมภาษณ์" - บางแห่ง เดินทางไปซะไกล แถมยังให้นั่งรอๆๆกว่าจะได้เข้าสัมภาษณ์ก็นานพอดู แต่พอถึงเวลาสัมภาษณ์ กลับถามเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากซะงั้น -*- มีคนสัมภาษณ์ อยู่ 2 คน มองหน้ากันไปมา ถามกันเองอีกว่า "พี่มีอะไรจะถามมั้ย" ถามเหมือนไม่มีอะไรจะถาม ถามแบบพอเป็นพิธี ในกรณีนี้ เคยคิดบวก ว่า รับแน่ๆ เลยไม่ต้องถามอะไรมากนัก หรือ ถ้าคิดลบ ก็คือ ไม่รับแน่ๆ เลยไม่รู้ว่าจะถามอะไร - บางแห่ง ถามละเอียด เหมือนให้ความสนใจเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างคำถาม ยกตัวอย่างสถานการณ์ เพื่อดูคำตอบ ดูวิธีคิดแก้ปัญหา - บางแห่ง บอกว่า ปกติจะสัมภาษณ์ 2 รอบ คือ รอบแรก โดยฝ่ายบุคคล / รอบสอง โดยผู้จัดการแผนก หรือผู้บริหาร แต่เนื่องจากเห็นว่า เราเดินทางมาไกล ค่อนข้างลำบาก จึงจัดสัมภาษณ์พร้อมกัน 2 รอบเลย (โอ้!! ดีใจมาก เหมือนเห็นสัญญาณเรียกเข้าทำงาน อยู่รำไรๆ) และพอได้สัมภาษณ์ รอบสอง ในวันนั้นเลย ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่น - บางแห่ง ออกปากมาเลยว่า จากที่สัมภาาณ์มา เราค่อนข้างตรง, บางแห่งใช้คำว่าเป็น shortlist ...แต่แล้วก็ไม่เรียก แต่แล้วก็ไม่รับ ทำไมละคร๊า -_-' ...คือ ในความเห็นของเรา ถ้าเป็นในลักษณะ fresh graduate จะหา shortlist ค่อนข้างยาก แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องอาศัยประสบการณ์ หรือความชำนาญพิเศษ คำว่า shortlist นี่จะมีสักกี่คน และบริษัทเหล่านั้น จะตุนไว้สักกี่คนกันนะ - บางแห่ง เราสมัครงานฝ่าย A แต่เมื่อฝ่ายบุคคลเรียกไป กลับให้เราสัมภาษณ์ในฝ่าย B ซะงั้น วุฒิการศึกษาไม่ตรง, ประสบการณ์ก็ไม่ตรง กลายเป็นการพูดคุยกับ ผู้จัดการฝ่าย B อย่างเสียไม่ได้ ทั้งๆที่เขาไม่ต้องการเรา เสียเวลาไปเปล่าๆ เป็นวันๆ เพื่ออะไร กันคะเนี่ย ถึงตรงนี้ ขอแชร์ประสบการณ์กับเพื่อนๆ อีกเช่นกันค่ะ มีใครเจอในรูปแบบที่ใกล้เคียงกัน หรือที่แตกต่างไปจากนี้ยังไงบ้างคะ เล่าสู่กันฟังได้นะคะ จากคุณ : สมาิชิกห้องนี้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 22:35:09 A:192.168.1.128 X:124.157.151.118 TicketID:135676

ความคิดเห็นที่ 3 ยินดีด้วยค่ะ ขอให้มีความสุขกับงานนะคะ จากคุณ : leedadar เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 22:46:31

ความคิดเห็นที่ 4 เคยเหมือนกัน  กรณี 1. โทรมาวันนี้ตอนเช้า ขอนัดสัมภาษณ์ช่วงบ่าย ใครจะไปเตรียมตัวทัน 2. สัมภาษณ์งาน 2 ครั้ง ห่างกัน 6 เดือน แล้วก็ไม่เรียกทำงาน (ให้ความหวังกันทำไม) 3. โทรมาขอนัดสัมภาษณ์งาน พูดคุยกัน  แต่พอไปถึงจริง ๆ ให้กรอกประวัติ แล้วบอกว่าจะเรียกมาสัมภาษณ์อีกครั้ง ครั้งนี้ขอดูเอกสารก่อน (แล้วประวัติทางเน็ตที่ print มาดูนะ มีไว้ทำไม) 4. HR เรียกสัมภาษณ์ตำแหน่งนี้ แต่ไม่ระบุไว้ในใบประกาศว่า ขอวุฒินี้เท่านั้น พอสัมภาษณ์จริง ๆ มีการมาบอกอีกว่า "แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก" (อ้าว เป็นว่าเราผิดซะเอง ที่ไม่ได้แจ้งก่อนว่าคนละวุฒิกัน แล้วคุณจะปริ้นประวัติการศึกษามาทำซากอะไร) จากคุณ : aunso6785 เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 22:52:28

ความคิดเห็นที่ 5   เราเดินทางและสัมภาษณ์งาน หลายที่หลายแห่ง บางครั้งไปเอง และบางครั้งคุณพ่อคุณแม่พาไป แต่ก็ยังไม่ได้งานสักที เริ่มท้อ เริ่มล้า และสงสารคุณพ่อคุณแม่ ที่เป็นห่วงเราเหลือเกิน จนเริ่มสับสนกับตัวเองและชีวิต ว่าจะไปทางไหนดี จะหางานต่อไป หรือจะเรียนต่อโทต่อเอก (ผลาญเงินคุณพ่อคุณแม่) ฯลฯ เมื่อได้เข้ามาอ่านกระทู้ในห้องสีลมนี้ ก็ได้ทั้งข้อคิด และกำลังใจต่างๆนานา แต่ก็ยังกังวลถึงตัวเองอยู่ดี ว่าเมื่อไรจะหางานได้สักที - เป็นเพราะเรียกเงินเดือนมากไปหรือเปล่า สำหรับเรา เราคิดว่าไม่มากเกินไป เพราะเราเรียกเท่ากับเงินเดือนสุดท้ายจากบริษัทเดิม (ตามประสบการณ์) บางท่านว่า ถ้าบริษัทอยากได้ตัวเราจริงๆ แต่ติดขัดเรื่องค่าจ้าง ก็จะติดต่อเพื่อต่อรองกับเราเอง บางท่านว่า ถ้าเราเสนอเงินเดือนน้อยไป ก็เหมือนกดตัวเอง ไม่สมกับประสบการณ์ - บางบริษัทบอกว่า จะติดต่อกลับภายใน 1 - 2 สัปดาห์ ...คงเป็นในกรณีที่ได้งาน แล้วถ้าในกรณีที่ไม่ได้งาน จะกรุณาเจียดเวลา ติดต่อกลับมาได้หรือไม่ หรือว่าปล่อยให้รับรู้ได้เองโดยปริยาย ว่าไม่ได้แล้ว จะไปสมัครงานใหม่ที่ไหนก็ไป โดยธรรมชาติ ของคน(ตกงาน)ที่่รอคำตอบ และคาดหวังแบบลมๆแล้งๆ ก็เลยทำให้ลังเล ไม่รู้ว่าจะลุยสมัครงานใหม่ต่อไป หรือ รอดูไปก่อน ในเมื่อบางบริษัท ให้ความหวังเราไว้ขนาดนั้น ..หรือเราคิดไปเอง -*- - เมื่อถึงตรงนี้ ทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่าย รู้สึกเหมือนกับว่า... ..คุณเป็นนายจ้าง จะเรียกสัมภาษณ์เมื่อไร ก็ได้ จะเลื่อนนัด จะถ่วงเวลา ยังไงก็ได้ ตามใจฉัน อย่างนั้นรึ? ..คุณเป็นบริษัทใหญ่ นึกอยากวัดเรตติ้งบริษัท โดยการประกาศรับสมัคร กี่ครั้ง กี่รอบก็ได้ ทั้งๆที่ ไม่ต้องการคน ไม่มีตำแหน่งว่าง อย่างนั้นรึ? ..คุณเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจดี แต่ไม่มีเวลาบอกผู้สมัครสักนิดหรือว่า ขอบคุณที่สละเวลามาสัมภาษณ์ แต่เนื่องจาก... ดังนั้นจึงขอแสดงความเสียใจ... บลาๆๆๆ ทำไม่ได้เลยรึ? จากคุณ : สมาชิกห้องนี้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 22:56:00 A:192.168.1.128 X:124.157.151.118 TicketID:135676

ความคิดเห็นที่ 6   - และเคยพบ บางความเห็นในห้องสีลมนี้ ที่ว่า "ถ้าเขาอยากได้ตัวเรา เขาจะติดต่อมาทันที" ...และแล้ว เหตุการณ์นั้น ก็เกิดขึ้นกับเราจริงๆ ^_^ มีบริษัทแห่งหนึ่ง นัดสัมภาษณ์เราวันจันทร์ และแล้ววันพุธ ก็โทรมาแจ้งผลว่ารับเราแล้ว ทั้งๆที่ ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เราก็เตรียมตัวไม่ต่างไปจากทุกครั้งที่ผ่านมา สัมภาษณ์รอบเดียว แต่มีทั้ง ฝ่ายบุคคล และ ผู้จัดการแผนก เข้าสัมภาษณ์ด้วย เพื่อประหยัดเวลา และก็หยอดความหวังว่า จะติดต่อกลับภายใน 1 สัปดาห์ แต่ผ่านไปเพียง 2 วันก็ติดต่อมาซะแล้ว ดีใจจริงๆเลยค่ะ ........... มาถึง ตรงนี้ จึงอยากฝากไว้ถึงเพื่อนๆที่กำลังหางานอยู่ทุกๆคน ว่าอย่าเพิ่งหมดหวัง ท้อแท้ เบื่อหน่าย ไปซะก่อนนะคะ ขอใ้ห้อดทนเข้าไว้ พยายามเข้าไว้ และจะได้รับผลดีแก่ตัวเองสักวันหนึ่งค่ะ และอยากฝากบอกถึง ผู้เกี่ยวข้องในการรับสมัครงานเช่นกัน ว่า อยากจะให้เอาใจเขา มาใส่ใจเราด้วยเถอะนะคะ ในช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้ งานการหายากขนาดนี้ อย่าให้ความพยายามของผู้สมัครต้องสูญเปล่าเลยนะคะ เสียทั้งเงิน(ค่าเดินทาง ค่าน้ำมันรถ) และเสียทั้งเวลา ไปมากแล้ว การตอบกลับไปยังผู้สมัคร ด้วยข้อความสั้นๆ หรือด้วย e-mail ว่าได้ หรือไม่ได้ หรือว่า ยังจะเก็บประวัติไว้พิจารณาต่อไป ถือเป็นกำลังใจหนึ่งที่สำคัญค่ะ ขอบคุณทุกๆคน ในห้องสีลมอีกครั้งค่ะ ที่คอยแนะนำและให้กำลังใจกันมาโดยตลอด ............ จากคุณ : สมาชิกห้องนี้ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 23:13:18 A:192.168.1.128 X:124.157.151.118 TicketID:135676

ความคิดเห็นที่ 7 เข้ามาอ่านครับ กระทู้แชร์ความเห็นดี ๆ แบบนี้ ส่วนใหญ่เจอกันเกือบหมด แต่โดยส่วนตัว หากมีบริษัทโทร.นัดสัมภาษณ์ ผมจะพยายามไปเกือบหมด (ถ้าไม่ฉุกเฉินจริง ๆ หรือเป็นบริษัทประกัน ก็จะปฏิเสธไป) เจอทั้งที่ประทับใจ และเซ็ง ๆ กับกรรมการสัมภาษณ์ แต่ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ :) สิ่งเดียวที่อยากให้บริษัทที่เรียกสัมภาษณ์ทำ ก็คือ การแจ้งผลการสัมภาษณ์ครับ ได้ หรือ ไม่ได้ แจ้งเถิดครับ ผมคนหนึ่งล่ะ ที่อยากรู้ จากคุณ : Cao Cao เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 23:20:07

ความคิดเห็นที่ 8   ขอตอบด้วยคนนะคะ ชอบ คห. จขกท. ค่ะ เหมือนตัวเอง แล้วเราก็รู้สึกว่าเหมือนกับหลาย ๆ คนในนี้ เอาเป็นว่าต่อจาก จขกท ที่พูดมานะคะ เราเจอเกือบหมดแหละค่ะ ทุกวันนี้นะคะ เวลามีคนโทรมาเรียกสัมภาษณ์ เรามักจะถามก่อนว่า "มีแคนดิเดทเยอะมั้ย" ที่ถามเนี่ยไม่ใช่อะไรหรอกนะคะ ถ้าแคนดิเดท 5-10 คนเนี่ย ยังพอทน แต่บางที่บอกว่ามี " 20-30-50 คน" เนี่ย ไม่ไหวเลยนะบริษัทนี้ ถามว่าทำไม มันเป็นไปได้หรือไม่ ที่ผู้สัมภาษณ์จะมีหลง ๆ ลืม ๆ เกี่ยวกับประสบการณ์ของหลาย ๆ คน หรือความประทับใจอะไรในตัวผู้สมัครหลาย ๆ คน คือเราไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องไปดองไว้มากถึงขนาดนั้น เข้าใจว่าอยากได้คนที่ดีที่สุด แต่ในโลกของความเป็นจริงแ้ล้ว คนที่คุณเลือกที่บอกว่าดีทีสุดนั้น เวลาทำงานเค้าจะดีอย่างที่คุณเลือกรึเปล่า? คือมันไม่สามารถวัดอะไรได้เลย เพราะคุยกันแค่ครั้งหรือสองครั้ง คุณสมบัติไม่ต้องพูดถึง เราเชื่อว่า HR เค้าสกรีนมาเบื้องต้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสัมภาษณ์เป็นพัน ๆ คน เค้าคงคัดมาแล้วว่าคุณสมบัติจะพอ ๆ กัน เก่งระดับเดียวกัน เพียงแต่อยากหาเรื่องอู้งานมั้ง? หรือว่าอยากเลือกจริง ๆ สรุปคนที่ถูกเลือกอาจจะถูกเลือกเพราะ หล่อ สวย คนมีความรู้เหมือนกัน ความสามารถพอ ๆ กัน แต่อีกคนหล่อ สวยกว่า คนไม่หล่อ ไม่สวยก็แห้ว หรือถ้า HR รู้สึกคุยกับคนนี้แล้วถูกชะตา ก็เชียร์เต็มที่ อย่างเราเคยเจอนะแบบว่าเรียกสัมภาษณ์ไปแล้ว 50 คน ก็เลยงงแตก จะเรียกมาสัมภาษณ์อะไรเยอะขนาดนั้น บ้ารึเปล่า ถ้ารู้อย่างงี้ ไม่มาให้เสียเวลาหรอก โอกาสได้งานแทบจะ 0 ขึ้นอยู่กับดวงดีมาก ๆ จริง ๆ ถึงจะได้ เราว่าเค้าเลือกเยอะไป ต้องตื่นแต่เช้า อาบน้ำ แต่งตัว แต่งหน้า ฝ่ารถติดไปสัมภาษณ์งาน แต่หารู้ไม่ว่าเค้ามีตัวเลือกหรือตัวเล็งไว้อยู่แล้ว แต่คุณไปแค่เป็นไม้ประดับ หรือเพียงแค่ให้มีตัวเลือกเยอะ ๆ จะได้โชว์ให้นายเห็นว่าคุณทำงาน เป็นเอชอาร์ที่ดี เรียกสัมภาษณ์คนเยอะ อะไรทำนองนี้ คนหางานเค้าเบื่อนะ อ่อ อีกอย่างนะคะ เว็บหางานต่าง ๆ จริง ๆ มันมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์หรอก แต่จริง ๆ แล้วเค้าก็โพสท์ไปแบบนั้นแหละ ส่วนแจ้งเรื่องสัมภาษณ์ หากบริษัทไหนที่เรารู้ว่า เออ มันตรง คิดว่าน่าจะทำได้หรือรู้สึกว่าคุยกับเอชอาร์แล้วถูกคอ มันก็จะทำให้อยากรู้ว่าเราได้หรือไม่ได้งาน แต่ถ้าที่ไหนรู้สึกว่าตัวเองทำเทสต์แล้วรู้สึกว่าไม่ดีเลย หรือคุยกับเอชอาร์แล้วรู้สึกว่าไม่เวิร์ค มันก็จะรู้เลยว่าเราไม่ได้งานนั้นแน่ ๆ โดยส่วนตัวเราจะถามก่อนเลย แคนดิเดทเยอะรึเปล่าคะ? ถ้าเยอะเราจะปฏิเสธทันทีเลย เพราะขี้เกียจเสียเวลา อันนี้ตัวเองทำอยู่นะ ใครไม่เห็นด้วยก็แล้วแต่ แต่เราส่วนมากแ้ล้วจะคำนวณความเสี่ยงหรือความเป็นไปได้ก่อนว่า เราจะได้งานที่นี่รึเปล่า ถามว่ามันตรงร้อยเปอร์เซ็นต์มั้ย มันก็ไม่ร้อยหรอก แต่เราก็จะใช้วิธีนี้ตลอด ใครจะไปรู้งานที่เราไม่ไปสัมภาษณ์บางทีเราอาจจะได้ก็ได้ แต่ไม่รู้ิสิ เราใช้วิธีนี้ ดูความเป็นไปได้เพราะเวลาออกจากบ้าน อย่างที่บอกต้องอาบน้ำ แต่งตัว มันต้องใช้เงินในการเดินทาง รถก็ติด แดดก็ร้อน แต่คนไทย เราต้องรู้ไว้ว่า :-) ไว้ ได้งานง่ายจริง ๆ ถ้าคุณเป็นคนตรง ๆ เป็นคนความมั่นใจสูง คุณแห้วงานนั้นแน่ ๆ คุณจะต้องเฟกเก่ง ๆ ยิ้มเยอะ ๆ พูดหวาน ๆ คุณถึงจะได้งาน พูดตรงไม่ดี เอชอาร์หมั่นไส้ ส่วนเรื่องการนัดแล้วไม่เป็นนัด ก็เคยเจอเหมือนกัน อยากจะด่ามาก ๆ นัดแล้วไม่เป็นนัดมีมาตลอด ไปสัมภาษณ์อยู่ดี ๆ คนสัมภาษณ์ติดประชุม เซ็งห่านเลย ถ้าไม่รอก็หาว่าไม่มีความอดทน แต่ถ้ารอก็หาว่าคุณมาง้อทำงาน เฮ้ออออออ เอาเป็นว่าคนที่ยังไม่ได้งานก็สู้ ๆ ค่ะ จากคุณ : งานเยอะ ขี้เยอะ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 52 23:55:13 A:124.120.212.226 X:

ความคิดเห็นที่ 9 เคยเจอ โทรมาวันนี้ พรุ่งนี้ให้ไปสัมภาษณ์ ที่ อมตะนคร !!! ตกใจ ยืน งง ไปแป๊บนึง "ถามละเอียด เหมือนให้ความสนใจเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างคำถาม ยกตัวอย่างสถานการณ์ เพื่อดูคำตอบ ดูวิธีคิดแก้ปัญหา" คำถามไหนที่ว่า ฮิต top 10 top 5  มีหมด HR 1  หัวหน้างาน 3 ยิงกระหน่ำ ถาโถมเข้ามา ผ่านมานาน จนคิดว่า "ชวด" ฉลู ขาล เถาะ แล้วล่ะนะ จากคุณ : YesterdaY เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 00:01:06

ความคิดเห็นที่ 10 มีประโยชน์ และเป็นกำลังใจมาก สำหรับคนหางานค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : Kzybear เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 08:09:57

ความคิดเห็นที่ 11 โทรมาวันนี้ นัดสัมภาษณ์พรุ่งนี้(อันนี้เตรียมตัวทัน) โทรมาวันนี้ตอนเช้า นัดสัมภาษณ์วันนี้บ่ายก็เคยเจอมาแล้ว แบบที่ให้นั่งคอยอยู่นานสองนานไม่เคยเจอ จากคุณ : นักซ่อมคอมพ์ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 09:55:56

ความคิดเห็นที่ 12 ชอบๆ โหวตๆ จากคุณ : ฮักอ้ายเตอะ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 10:30:07

ความคิดเห็นที่ 13 เคยเจอแบบที่ จขกท บอกจิง ๆ ค่ะ แต่อันที่ให้ไปพรุ่งนี้เนี้ย เราบอกไปเลยคงไม่ทัน ค่ะ ตอนนี้ก็อยากหางานใหม่อยู่ค่ะ แต่สมัครมา 2 ปีล่ะ ยังไม่ได้งานใหม่เลยก็ต้องทำงานที่เก่าไปก่อน เงินเดือน 35 k บางคนบอกว่าเยอะในการแข่งขันของตลาดแรงงาน แต่ว่า ที่ บ. เจ้านายแย่มากค่ะ คือ เค้า เปิดบริษัทตัวเองขึ้นมานอกจาก บ.ที่เราทำอยู่ แล้วก็ใช้พนักงานของ บ. มาทำในธุรกิจส่วนตัวของตัวเอง เช่น ให้ฝ่าย engineer ออบแบบ product ของบ. ตัวเอง ให้เราืำืืำออกแบบ datasheet ของ บ. ตัวเอง ให้บ. ออกค่าวีซ่าไปจีน ทั้งๆ ที่ไปงานของตัวเอง มันจะมีงาน fair ที่ไหนว่ะวันที่ 3 มกราคม เนี่ย .... แหลเห็น ๆ บางคนจะุถามว่า แล้วเกิดขึ้นได้ไง คือ บ. มี เจ้านายเป็นผู้บริหาร ซึ่งเป็นคนเยอรมัน (ที่แย่มาก เอาเปรียบสุด ๆ)  แล้ว investor อยู่ที่ SG ค่ะ คือ investor รายใหญ่ มันก็ไม่รู้หรอกว่า พนักงานที่นี่ เค้าโดนอะไร บางครั้งเราอยากจะส่ง email  ผิดถึง investor จิง ๆ แต่ก็ไม่อยากทำ คิดว่้่าใครทำอะไรได้อย่างนั้น แต่คำถามอยู่ที่ว่า เมื่อไหร่เท่านั้นเอง ใึครอยากรู้เป็นที่ ไหน PM มาล่ะกัน เพราะที่นี่กำลังรับสมัครงานอยู่จะได้ไม่หลงเข้ามา จากคุณ : VIKETA เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 10:43:10

ความคิดเห็นที่ 14   ยินดีด้วยน่ะกับ จขกท กำลังหางานเมือนกัน  รู้สึกว่ายากที่สุดในชีวิตที่เคยหางานมา สี่ครั้ง ครั้งนี้ยากที่สุด  คงเพราะอายุมากขึ้น   ทางเลือกมีน้อยลง ความมั่นใจในตัวเองน้อยลง  ความกดดันมีมากขึ้น อยากจะให้ถึงวันนั้นเหมทอนจขกทเหมือนกัน   ได้แต่รอ รอ ได้สัมภาษณ์ หนึ่งครั้งอยู่ใน shortlist เหมือนกัน แต่ไม่ได้ ตอนนี้อยากให้มีคนเรียนสัมภาษณ์อีก   ถึงจะไม่ได้แต่ก็คงทำให้เรามีกำลังใจมากกว่า  ไม่มีใครเรียกเลย จากคุณ : Mom9 เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 12:40:10

ความคิดเห็นที่ 15 ขอแสดงความยินดีกับเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ...และเห็นด้วยว่า บทความที่ เจ้าของกระทู้ Post ไว้  คงยังประโยชน์ให้แก่สมาชิกของผู้ที่กำลังหางานทำ อยู่ในขณะนี้ ทำให้ลุงแอ็ดนึกถึง บทความเก่าๆ ที่เคย Post ไว้เมื่อหลายปีมาแล้ว ในพัน ทิบดอทคอมนี้  เห็นว่า  เป็นบทความที่อาจเสริมให้ผู้สมัครงานทั้งหลาย ได้ ใช้เป็นแนวทางในการหางานและปฏิบัติตามอย่างที่เจ้าของกระทู้ได้เขียนไว้ จึงขอเอามาลงแทรกไว้ เพื่อหลานๆ ทั้งหลาย ได้ใช้เป็นประโยชน์ในการหา งานทำต่อไป................................................... เทคนิคในการหางานทำ 01 - ห้านาทีทองในการสัมภาษณ์งาน ลุงแอ็ดได้อ่านพบในหนังสือเล่มหนึ่ง  ซึ่งพิมพ์มานานแล้ว ชื่อว่า “ประทับใจใน 5 นาที (แรก) The First Five Minutes” เขียนโดย Norman King  เรียบเรียงโดย “นพดล  เวชสวัสดิ์” ซึ่งอ่านแล้ว  เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังหางานทำ กำลังสัมภาษณ์งาน  หรือกำลัง “ขายตัวเอง”  ให้แก่บริษัทต่างๆ อยู่  จึงนำ มาเสนอเพื่อให้ “ชาวสีลม” อาจนำข้อคิดจากบทความนี้มาประยุกต์ใช้ในการ สัมภาษณ์งานได้พอสมควร ............................................................................................... ในโลกธุรกิจไม่มีห้วงเวลา “ห้านาทีทองใด” จะสำคัญยิ่งไปกว่าการ สัมภาษณ์งาน  ห้านาทีนี้  จะเป็นช่วงห้านาทีที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ อาจจะเป็นการก้าวเดินผิดทางที่ไม่อาจจะหันเหกลับมาแก้ใหม่ได้อีกแล้ว   หรืออาจจะเป็นก้าวสำคัญที่จะปูลาดสู่ความสำเร็จในบั้นปลายชีวิตของคุณ มีกฏเกณฑ์พื้นฐาน 3 ประการที่ผมอยากจะให้คุณจดจำไว้ให้จนขึ้นใจ   เขียนใส่กระดาษติดไว้หน้ากระจกในห้องน้ำ  ท่องจำทุกเมื่อเชื่อวันให้ขึ้นใจ กฏเกณฑ์พื้นฐานแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อใหญ่ๆ  คือ 1. ขายตัวคุณเอง 2. ขายทักษะ 3. ขายศักยภาพ ผมจะกล่าวไล่เรียงไปทีละหัวข้อ  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า “ขายตัว บุคคล”  จะสำคัญไปกว่า “การขายทักษะและศักยภาพ”  หาก แต่เป็น “สิ่งแรกที่คุณต้องขายให้สำเร็จเสียก่อน  ก่อนที่จะล่วงผ่านไปสู่ ข้อถัดไป” ทำไมจึงไม่ผ่านการสัมภาษณ์งาน? การเพ่งไปสู่ความบกพร่องอาจจะไม่ดีนัก  แต่ในกรณีนี้  เราจะพิจารณาจุด อ่อนให้ถ่องแท้เป็นเรื่องๆ ไป เหตุผลสำคัญที่ผู้สมัครงานไม่ผ่านการสัมภาษณ์งาน มีอยู่ 6 ประการ  สถิตินี้ เก็บมาจากการพลาดตำแหน่งงานระดับสูง (ตำแหน่งต่ำกว่ากรรมการผู้ อำนวยการลงมา)  สำนักจัดหาบุคคลากรแห่งหนึ่งรวบรวมสาเหตุสำคัญ  จาก ความผิดพลาดของผู้สมัครงาน 200 นาย  สาเหตุจากความล้มเหลวมีดังนี้ 1. ภาพซอมซ่อ  ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายหรือความสะอาดของ เรือนร่าง 2. ไม่อาจแสดงความคิดเห็นได้อย่างแจ่มชัด 3. ไม่อาจฉายภาพลักษณ์ของตนออกมาโดยปลอดจากการควบ คุมความรู้สึกที่ดีได้ 4. ไม่สามารถเปล่งประกายความเชื่อมั่นในตนเอง และความกระ ตืนรือร้นในตนเองให้ประจักษ์ 5. ตำหนินายจ้างเก่าเกินความเป็นจริง 6. เปลี่ยนงานบ่อยเกินไป คุณคงสังเกตุเห็นว่า  เหตุผิดพลาด 4 ประการแรก  เป็นข้อบกพร่องของ “บุ คคลิกภาพ”  ส่วน 2 ข้อหลังเป็นปัญหาในการประกอบอาชีพการงาน เตรียมพร้อมเพื่อการสัมภาษณ์งาน หนทางที่ดีที่สุดในการเลือกเครื่องแต่งกายเพื่อการสัมภาษณ์งานก็คือ  “หา เครื่องแต่งกายที่สอดคล้องกับองค์กรนั้น”   หากคุณไม่มีทางทราบได้  ก็ขอให้เลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับสำนักงานของ คุณ  ถ้าคุณเคยผ่านงานมาบ้างแล้ว  คุณก็พอจะรู้ว่า  เครื่องแต่งกายชนิดใด ใช้ได้  อย่างไหนไม่เหมาะสม  แต่ถ้าคุณไม่เคยทำงานมาก่อน  หรือว่างเว้น จากการทำงานมานานแสนงานแล้ว  ก็ให้ถือโอกาสไปเยี่ยมเพื่อนฝูงที่กำลัง ทำงานอยู่  คุณพอจะเห็นตัวอย่างที่พอจะนำมาใช้ได้ ข้อสังเกตุ  :  ถ้าคุณเพิ่งจะสัมภาษณ์งานเป็นครั้งแรก  ขอให้อ่านหัวข้อถัด ไปด้วยความระมัดระวัง  หากเคยสัมภาษณ์งานมาบ้างแล้ว  อาจจะข้ามไป เสียก็ได้ ประกาศความพร้อมในการทำงาน กฏเกณฑ์ในการแต่งกายในสำนักงานเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย  กางเกง ยีนและเสื้อเชิร์ตปล่อยชาย  อาจเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในเมื่อหลายปีที่ผ่าน มา  แต่ในยุคปัจจุบัน  องค์กรใหญ่ๆ ไม่ยอมรับภาพลักษณ์เช่นนั้น  หนทางที่ ดีที่สุดคือ “มองรอบตัว  สังเกตการแต่งกายของพนักงานของบริษัท  ยิ่งไป กว่าการยึดติดกับความชอบและรสนิยมของตนเอง” เราคาดหวังว่า  ผู้มาสมัครงาน  จะมาในชุดที่เรียบร้อยหมดจด  และ สะอาด.....พวกเขาน่าจะอยู่ในกรอบของนักศึกษาที่ตระเวณหางาน (แต่ไม่ ต้องถึงกับแต่งชุดนักศึกษาไปนะ) ยิ่งไปกว่านักบริหาร  ใส่สูท  หรือแต่งกาย มาในชุด “เหมือนกับว่าได้ทำงานที่นี่แล้ว”  เพราะอย่างน้อย  พวกเขาก็ ยัง “ไม่ได้เป็น....พนักงานของบริษัท” ผมใคร่ที่จะเน้นความสำคัญของคำว่า “ไม่ได้เป็น....” ข้างต้นนี้ คำเตือนสุดท้าย  :  ไม่ว่าคุณจะไปสมัครงานในสถานะใดก็ตาม  ขอให้เลือก ชุดที่ต้องการที่จะสวมใส่ไปสัมภาษณ์งานล่วงหน้าหลายวัน  เมื่อวันสำคัญมา ถึง  คุณจะไม่ลืมเสียเวลากังวลกระวนกระวายในการเลือกเสื้อผ้า  หรือสวม ใส่เสื้อผ้าที่กระดุมหลุดหรือตะเข็บปริไปสัมภาษณ์งาน ไปให้ตรงเวลา วางแผนกำหนดเวลาเดินทางให้ดี  ไปถึงสำนักงานก่อนเวลาประมาณ 15 นาที  ถ้าคุณผิดเวลา  คะแนนของคุณจะตกต่ำ  “ความล่าช้าสร้างความ ประทับใจในเชิงลบ”  นอกจากจะแสดงถึงความไม่รับผิดชอบแล้ว  คุณจะ กระวนกระวายจนเสียสง่าราศี  การที่คุณต้องพร่ำบอกขออภัย (แทนการสงบ เยือกเย็น) จะปิดโอกาสแสดงคุณลักษณ์ในตัวที่มี ถ้าเป็นบริษัทขนาดใหญ่  เผื่อเวลาในการค้นหาแผนกที่คุณจะไปสัมภาษณ์ ไว้ด้วย เมื่อไปถึงพนักงานต้อนรับ  ขอให้ตรวจสอบชื่อของผู้สัมภาษณ์งานไว้จนขึ้น ใจ  ในขณะที่นั่งรอและกรอกรายละเอียด  ขอให้คุณคิดถึงเรื่องราวที่คุณ ต้องการจะใช้สัมภาษณ์งาน  คุณควรมีคำตอบให้เลือกไว้หลายทาง  เพื่อจะ เลือกหัวข้อที่เหมาะสมที่สุดเมื่อเวลามาถึง ถ้าพนักงานต้อนรับเป็นคนช่างเจรจา  ขอให้สานต่อบทสนทนาด้วยเรื่อง เบาๆ การพูดคุยไต่ถามกัน  อาจช่วยให้คุณได้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สัมภาษณ์ นาทีที่หนึ่ง .......................................................................................... หมดหน้ากระดาษพอดีครับ  ท่านที่สนใจ กรุณาติดตามต่อไปนะครับ  ลุงจะ เอา  “นาทีระทึกใจ  นาทีต่อนาที”  มาเล่าให้คุณฟังจนสามารถเอาไปใช้ได้ เชียวละ “ลุงแอ็ด” amorntvm@hotmail.com จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 12:47:09

ความคิดเห็นที่ 16 ตามมาเก็บความรู้ครับ จากคุณ : saengchot เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 13:08:13

ความคิดเห็นที่ 17 ดีใจด้วยนะครับ จากคุณ : beetaken เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:00:02

ความคิดเห็นที่ 18 ^ ^ ^ จิ้มไปที่ ลุงแอด พูดตรงใจมากๆ เลยค่ะ แอบอ่านกระทู้ลุงตลอดนะ เสมือนได้ข้อคิดชีวิตเพิ่มมาอีกหลายบทเลย ถึง จขกท ดีใจด้วยค่ะ ต่อไปจะมีปัญหาในการทำงานเข้ามาอีกเยอะ จงเข้มแข็งและอดทน 2 คำ นี้จะพานาวาชีวิตของ จขกท ก้าวไปสู่วันใหม่ที่ดีได้ จากคุณ : เส้นขอบฟ้าลายสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:10:04

ความคิดเห็นที่ 19 มารออ่านนาทีระทึกครับ จากคุณ : justiriuz เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 15:35:31

ความคิดเห็นที่ 20 ยินดีด้วยค่ะ สำหรับเราเองหางานอยู่ 6 เดือน สมัครงานเกือบทุกวัน นัดไปสัมภาษณ์ 2 ที่ - ที่แรกผ่านสัมภาษณ์รอบแรก บอกว่าจะเรียกมาสัมภาษณ์รอบสองนะ แต่ก็เงียบหายไป - ที่ที่สองห่างจากที่แรก 2 เดือน แต่ผลการสัมภาษณ์ทราบภายใน 3 วัน ดีใจมากค่ะ แถมผู้จัดการคนที่รับเราเข้าทำงาน ยังเพิ่มเงินเดือนให้จากที่ขอไปด้วย ตอนนี้ก็ทำที่นี่จะครบ 2 เดือนสิ้นปีนี้แล้วค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะค่ะ งานหายากจริงๆ จากคุณ : p_charee เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 18:19:50

ความคิดเห็นที่ 21 ยินดีด้วยค่ะ เราตกงานมา4เดือนแล้ว บางวันก็สับสน บางวันก็ท้อแท้ บางวันก็ทำใจได้ สมัครไปเยอะมาก ทั้งที่ตรงสายและไม่ตรง เรียกสัมภาษณ์แค่สองที่ มีอีกที่นึงเรียกเราไปงั้นๆเหละไม่ได้ต้องการ แต่เพราะมีน้องชายคนรู้จักเป็นใหญ่อยู่ในนั้น (สงสัยคงเพราะเกรงใจคนรู้จักเรา) พรุ่งนี้ก็มีอีกที่นึง เพิ่งโทรมาวันนี้ อันนี้ญาติแนะนำไป ไปสัมภาษณ์แบบพูดคุยมาแล้วรอบนึง เค้าดูถ้าทางว่าสนใจ เฮอ.... ตั้งแต่สัมภาษณ์งาน(อย่างเป็นทางการ)มา ทั้งinternship ยังไม่เคยได้เลย สงสัยเราจะไม่ดีพอ ไว้ได้งานแล้วจะมาแชร์ประสบการณ์ ทั้งการสัมภาษณ์ในไทยและอังกฤษ จากคุณ : หลานสาวชาวนา เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 19:01:52

ความคิดเห็นที่ 22 ยินดีด้วยค่า คนที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาเดินต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่เลิกเดินไปซะก่อน สักวันก็ต้องถึงเส้นชัยแบบเจ้าของกระทู้ค่า จากคุณ : ยัยลีลี เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 19:30:29

ความคิดเห็นที่ 23 ยินดีด้วยครับ จากคุณ : numnumnum1 เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 20:29:29

ความคิดเห็นที่ 24 ยินดีด้วยจริงๆค่ะ จากคุณ : love2loveU เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 20:46:58

ความคิดเห็นที่ 25 ผมจะไม่ 1. สัมภาษณ์งานหรือสมัครกับบริษัทคนไทยหรือถ้าสมัครก็ต้องบริษัทขนาดใหญ่ ผมเคยเจอประสบการณ์เลวร้ายกับพวกนี้มาหลายครั้งแล้ว เลยตั้งกฏเลย 2. ทนหรือรอกับผู้สัมภาษณ์ที่ไม่ตรงตามเวลานัด ผมเคยโพสที่นิ่ทีนึง ก็มีบางคนบอกว่า HR เขาทดสอบความอดทน >>> เหรอ ลองโดนบ้างมั้ย ผมจะ 1. เตรียมข้อมูลและศึกษาเกี่ยวกับบริษัทที่เราเรียกสัมภาษณ์ให้มากที่สุด 2. ผมจะอ่าน JD ให้ละเอียดเพื่อที่เวลาเขาถาม เราจะตอบได้ทำได้หรือไม่ได้ 3. ผมจะปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดเวลาสัมภาษณ์ ผมเคยเจอผู้สัมภาษณ์ไม่ปิด เสียมารยาทมากๆ ถ้าคุณพลาดโดนตัดคะแนนได้ 4. ไม่หวังกับการสัมภาษณ์ว่าจะได้ทุกครั้ง คิดว่าเป็นการฝึกฝีมือดีกว่า เพราะถ้าคุณหวังมาก เวลาไม่ได้มันจะเจ็บมาก ผมโดนมาแล้ว บางที่บอกว่าคุณได้แล้ว กำลังเดินลงจากตึก โทรมาบอก HQ hold job ไว้ อย่างเซ็ง ถ้าให้ชัวว์ขอเซ็นสัญญาเอาแบบที่แน่นอนเลย ถึงเขาไม่จ้าง ก็ไปฟ้องศาลแรงงาน ยังไงก็ได้ตังแน่นอน ปล. เหตุการณ์ จขกท ตอนได้งานเป็นไงครับ ของผมที่แรกคือ แล้วเราจะติดต่อไป คิดในใจไม่ได้แน่นอน อยู่ใน Lift กำลังลงมาจากตึกเขา มีสายจาก HR ว่างเข้ามาเซ็นสัญญาเมื่อไรค่ะ โอ๊ววววววว ดีใจมาก วินาทีนั้นอยากกระโดดกอดใครก็ได้แล้ว เพราะหางาน 4 เดือนหลังจบกว่าจะได้ จากคุณ : Mbell เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 20:51:57

ความคิดเห็นที่ 26 ยินดีด้วยครับ ผมก็คิดว่า ช่วงปีที่ผ่านมาเป็นปีที่หางานยากปีหนึ่งเหมือนกัน คือผมเพิ่งกลับมาจาก ตปท. กะมาหางานดีๆในไทย กว่าจะหาได้ 4 เดือน ถามว่า ท้อไหม ก็มีบ้างเหมือนทุกๆคน แต่พออ่านเพื่อนๆในห้องที่ตกงานเป็นปี ก็คิดว่าเพื่อนยังทนได้ ทำไมผมจะทนไม่ได้ ผมก็เหมือนกับ จขกท. คือส่งเยอะมาก วันละ 10 ฉบับได้ แต่เนื่องจากผมจบที่ไปได้หลายๆแนว เลยมีคนเรียกเยอะอยู่ เลยอยากจะของ share บ้างละกันครับ - บางสัปดาห์ ไม่มีใครเรียกเลย บางสัปดาห์สัมภาษณ์ จันทร์ พุธ ศุกร์ บางสัปดาห์สัมภาษณ์เช้า เย็น แต่ส่วนใหญ่ ตกสัมภาษณ์หมดเลย ผมเข้าใจว่าเหตุผลหนึ่งคือเรื่องเงิน (แล้วเรียกมาทำไม เพราะว่าก็ได้ระบุอยู่แล้วใน resume) บางที่ก็ยังดีที่โทรมาถามก่อนว่าเงินลดได้กว่านี้ไหม (ก่อนจะเรียกไปสัมภาษณ์) บางที่ก็เรียกไปคุยซะนาน บางที่ก็คุยเป๊ปเดียว (อาจจะไม่ถูกโฉลกกับผมมั้ง) บางที่ก็รับ แต่ขอลดเงินเยอะมาก แต่ส่วนใหญ่ไม่รับ บางที่คุณเหมือนสนใจมาก บางที่ไม่ค่อยคุยเลย (เรียกมาทำไม) ทั้งนี้ผมอยากจะบอกว่าที่บ่นไป บ่นไปงั้นละกัน อยากจะบอกว่า ขอขอบคุณ เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆ HR ที่กรุณาเห็นสิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อบ. จึงเรียกผมไปสัมภาษณ์ แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วล่ะครับ ที่ผมตกเพราะผมตอบไม่ดีเอง หรือเรียกเงินเยอะไป ตอนนี้ผมได้งานแล้วล่ะครับ ขอขอบคุณเพื่อนๆในนี้ที่ช่วยแชร์ประสบการณ์ด้วยนะครับ จากคุณ : เอ็กซ์คันเกียร์ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 20:58:00

ความคิดเห็นที่ 27 อันนี้โดนมากครับผม "แต่คนไทย เราต้องรู้ไว้ว่า :-) ไว้ ได้งานง่ายจริง ๆ ถ้าคุณเป็นคนตรง ๆ เป็นคนความมั่นใจสูง คุณแห้วงานนั้นแน่ ๆ คุณจะต้องเฟกเก่ง ๆ ยิ้มเยอะ ๆ พูดหวาน ๆ คุณถึงจะได้งาน พูดตรงไม่ดี เอชอาร์หมั่นไส้" จริงๆๆๆ เหมือนตาเห็็นเล้ยครับ..555555 จากคุณ : นายตัวเอง เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 22:00:16

ความคิดเห็นที่ 28 ยินดีด้วยจ้า ตกงานพร้อมๆ กับเรา และก็น่าจะได้งานพร้อมๆ กับเราด้วยเหมือนกัน เราก็เพิ่งเข้าทำงานที่ใหม่ ตอนตกงานก็สมัคร สัมภาษณ์จนท้อเลย คิดว่าจะได้งานปีหน้าซะอีก แต่แล้วสวรรค์ก็มีตา หุหุ ได้งานในบริษัทที่มั่นคง จนได้ เพราะฉนั้น ใครที่ตกงานอยู่ตอนนี้ ก็อย่าท้ออย่าถอยนะ สู้ต่อไป มันจะต้องมีวันของคุณแน่นอน  ^ ^ จากคุณ : เจ้าหญิงอู๊ดโกะ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 52 22:04:46

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเคยเจอบริษัทนึง วันนั้นผมเข้างานสาย สักแปดโมงสิบโทรเข้ามา เขาถามว่าน้องทำงานอยู่แถวไหน ผมก็บอกไปว่าแถวสถานีรถไฟฟ้า... กำลังผ่านสถานีศาลาแดงแล้ว เขาถามว่าน้องลงมาสัมภาษณ์เลยได้มั้ย เอกสารเดี๋ยวค่อยตามมาให้ทีหลังก็ได้ ผมก็บ้าจี้ลงไปสัมภาษณ์จริงๆ รับผมด้วยนะแต่เป็นแบบ contract เลยไม่เอาดีกว่า จากคุณ : Dolphin In Love เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 00:42:56

ความคิดเห็นที่ 30 ห้านาทีทองในการสัมภาษณ์งาน – นาทีที่หนึ่ง นาทีที่หนึ่ง การเดินเข้าไปในห้องของผู้สัมภาษณ์  “จะเป็นห้วงนาทีวิกฤติ”  หมายถึง ความสำเร็จหรือล้มเหลวในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เดินเข้าไปด้วยศรีษะตั้งเด่นบนบ่า  หลังเหยียดตรง  ใบหน้ายิ้ม แย้ม  “ทัศนคติ” ภายในฉายออกมาเต็มที่  แสดงถึงความพลังและความ พร้อมที่คุณมีอยู่ในตัว ความประทับใจที่ดีที่สุดในห้วงวิกฤตินี้  จะเป็นฉายภาพบุคคลที่น่าสนใจ  น่า พูดคุยด้วย......ความประทับใจที่เรียกว่าวิกฤติ “ก็เพราะคุณจะไม่มีโอกาสได้ แสดงซ้ำสอง” เมื่อคุณเข้าไปในห้องของผู้สัมภาษณ์  ประสานตากับผู้นั้น  ยกมือไหว้อย่าง นอบน้อม  เท้ายืนชิดกันพอประมาณ............ หากผู้สัมภาษณ์เชิญให้นั่ง  แต่ไม่ได้ชี้ว่าจะให้นั่งเก้าอี้ตัวใด ขอให้เลือกเก้าอี้หลังแข็ง  เพราะจะเป็นที่นั่งที่ปลุกความตื่นตัวให้เต็มที่ ตลอดเวลา  แทนความนุ่มสบายของโซฟา  หากไม่มีเก้าอี้หลังแข็ง  ก็ให้นั่ง ตัวตรง  จะมีก็แต่ส่วนล่างสุดของกระดูกสันหลังเท่านั้นที่จะแตะพนัก  หรือ พูดได้อีกประโยคหนึ่งก็คือ  “นั่งตัวตรงตลอดเวลา”  อย่าได้พับเอนตาม สบายเหมือนนั่งๆนอนๆอยู่ที่บ้านเป็นอันขาด ถ้าเก้าอี้นั่งสำหรับสัมภาษณ์มีสองตัว   คุณจะเลือกนั่งตัวไหน นี่เป็นคำถามที่ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ......แต่ความจริงแล้ว   นักจิตวิทยา ได้กล่าวไว้ว่า  “คนเรานั้น  ส่วนใหญ่จะถนัดมือขวา.....ดังนั้น  ด้านที่ อ่อนแอกว่าจะอยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งเขาจะเทคแคร์ทางด้านซ้ายมากกว่าทาง ด้านขวา” ดังนั้น  เก้าอี้ทางซ้ายมือของผู้สัมภาษณ์จะเป็นตัวที่จะสะดวก และสบายตา ที่สุดในการที่เขาจะสัมภาษณ์กับผู้ที่จะมาสัมภาษณ์ด้วย ขอให้คุณเลือกนั่ง เก้าอี้ที่อยู่ทางซ้ายของผู้สัมภาษณ์ แต่ในบางกรณีที่ผู้ให้สัมภาษณ์ยังไม่พร้อม  เช่น  กำลังเซ็นเอกสารสำคัญ บางชิ้น  และแนะนำให้คุณไปนั่งรอที่โซฟาก่อน อย่ารีบเร่งเข้าไปนั่งเป็นอันขาด   เพราะโซฟา  ซึ่งมีเก้าอี้ยาว และเก้าอี้ทั้งสองตัวหัวท้ายนั้น  คุณไม่มีวันที่จะรู้ได้ว่า “ตัวไหนเป็นเก้าอี้... ตัวประจำที่เขาจะต้องนั่งเสมอตามความเคยชิน” ถ้าคุณขืนไปนั่งตัวนั้นเข้า  มันเท่ากับคุณ “นั่งทับเจ้าที่”  ซึ่ง จะเป็นการขัดขืนใจอย่างแรงสำหรับผู้ที่ต้องสัมภาษณ์คุณ และเขาคงไม่กล้าให้คุณเลื่อนไปนั่งตัวอื่น  (ตามมารยาท) แต่คุณก็คงไม่รู้ ตัวว่า  ทำไมการสัมภาษณ์มันจึงออกมาอย่างไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่ พยายามเดินช้าๆ และไม่พยายามนั่ง....จนกว่า  “เจ้าที่เขาจะมานั่งประจำที่ ของเขาเรียบร้อยแล้วเท่านั้น”.....หรือรอให้เลขานุการของเขามาแนะนำว่า ควรนั่งที่ใด.........................คุณจึงจะนั่งได้ ประสานตากับผู้สัมภาษณ์ตลอดเวลา  อย่าแสดงอาการยุกยิกกระสับ กระส่าย  ดึงเส้นผมเล่น  แกว่งแขนไปมา  หรือแคะเกาส่วนต่างๆ ของร่าง กาย นาทีแรก ......ทำให้ดีที่สุด.....เพราะคุณจะไม่มีโอกาสได้แสดงเป็นครั้งที่ สอง......จำไว้ ----------------------------------------------------------------------------- จาก  “ประทับใจใน 5 นาที (แรก) The First Five Minutes” เขียนโดย Norman King   แปลโดย “นพดล  เวชสวัสดิ์” ----------------------------------------------------------------------------- เรียบเรียงใหม่   :  อมร  ถาวรมาศ “ลุงแอ็ด” amorntvm@hotmail.com จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 09:23:36

ความคิดเห็นที่ 31   ผมจบมา2เดือนแล้วยังไม่ได้งานเหมือนกันสัมภาษณ์มาก็5-6ที่ได้แล้วสัมภาษณ์ตอนแรกๆผมเป็นคนตรงเลยตอบไปหมดเลยทั้งข้อดีข้อเสียของตัวเองตอนนี้รู้ขึ๋นแล้วว่าต้องพูดยังไงเรียนจบมาดีๆกว่าจะได้งานนี่มันเหนื่อยเหมือนกันเราไม่ได้จบไปเป็นกรรมกรนี่หน่าเราไปเป็นวิศวกรให้เค้าเค้าก็ต้องสกรีนจนชัดแจ้งอยู่แล้ว จากคุณ : ADdMUT เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 11:21:21

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ตอนนี้กำลังหางานอยู่ ส่งไปมากกว่า 20 ที่ แต่มีเรียกที่เดียว เป็น head hunter พอดีวันนั้น ติดงานที่บริษัทเลยไม่ได้ไปหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเรียกอีกเลย จึงอยากจะสอบถามว่า 1.ไม่ทราบว่า อย่างในช่วงที่หางานอยู่ เวลาส่วนใหญ่ทำ อะไรอ่ะครับ ที่ถามเพราะตอนนี้คิดว่าอีกไม่เกิน 2 เดือนกำลังจะกลายเป็นคนตกงานเหมือนกัน ตอนนี้เบื่องานที่ทำอยู่มากกกกกกกกกกก 2.ไม่คิดอยากทำธุรกิจ หรือหาอะไรทำเองบ้างหรอครับ ? อันนี้มันอยู่ในใจผมตลอดเวลาแต่เราก็ไม่กล้าที่จะเริ่ม ถ้าถามผมว่า ระหว่าง หางานใหม่ กับ ออกมาทำอะไรเอง อยากทำอย่างไหน ผมตอบได้เลยว่าอยากหาทำอะไรเอง (แต่ก็ยังไม่ทิ้งความสบายอยู่ คือถ้าหางานได้ช่วงนี้แล้วแบบได้เงินเยอะกว่าเดิมมากก็คงจะเป็นลูกจ้างเขาต่อ) แต่ตอนนี้แม้แต่เมลล์มานัดสัมภาษณ์ ยังไม่มีเลย เศร้า เลยคิดอีกอย่างว่า ไม่อย่างนั้นจะไป work&travel สักปีก่อน แล้วค่อยว่ากัน ดีใจด้วยนะครับ ที่ได้งาน และได้คนที่เป็นกำลังใจให้ตลอดเวลา เมื่อใหร่ที่โอกาสมาคุณ จงจับมันไว้  ยินดีด้วยครับ นี้ จากคุณ : vo2max เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 15:01:44

ความคิดเห็นที่ 33 ดีใจด้วยครับ จากคุณ : Love is ... lottery. เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 15:57:30

ความคิดเห็นที่ 34 คุณ vo2max เปนเหมือนเราเลยอ่ะ หางานใหม่มานานมาก ๆ เลยอ่ะ 2 ปีผ่านไป ยังทำที่เดิม อิๆ ๆ เราก้อเลย หาที่ขายของ ศุกร์ + เสาร์ + ทิตย์ ไปด้วย ตอนนี้ ก้อรุ้แล้ว ว่าอยากขายอะไร จะขายอย่างไร (แต่ของมันต้องสั่งผลิต โดยไอเดียของเราไม่อย่างนั้น มันซ้ำกับ ชาวบ้านเค้า สินค้าเราก้อไม่น่าสนใจและไม่แตกต่าง) และเราก้อไม่รู้นะว่าจะรุ่งหรือล่วง แต่อย่างน้อยเราได้ทำในสิ่งที่เราฝัน เป็นกำลังใจให้ ทั้ง คนที่หางานใหม่ หรือคนที่ ลังจะทำธุรกิจส่วนตัว หรือ จะไป aupair หรือ work + traval หรือ อะไรก้อแล้วแต่นะคะ สู้ ๆ นะ อย่าท้อ ซักวันต้องเป็นวันของเรา แก้ไขเมื่อ 29 ธ.ค. 52 17:58:02 จากคุณ : ตำปูปลาร้า เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 17:56:10

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณทุกความเห็นที่แชร์นะคะ โดยส่วนตัวแล้ว ช่วงหางาน resume กับ รูปถ่ายเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ first impression สำคัญมากจริงๆ แล้วช่วง 2ปีที่ผ่านมาระหว่างเรียน ก็สมัครแอร์ฮอสเตสไปด้วย ติด short list บ้าง ผ่านถึง finalแล้วตก บ้าง จนถึงตอนนี้ยอมรับว่า ได้ประสบการณ์เยอะมากจริงๆจากการสมัครงานสายการบินต่างชาติ สิ่งที่ได้รับมา -ได้บุคลิกภาพที่ดีค่ะ เวลานั่งทุกครั้ง นั่งหลังตรง เชิดหน้า แล้วก็ยิ้มได้ตลอดเวลาจนติดเป็นนิสัย -แต่งตัวเนี๊ยบทุกครั้งเสื้อผ้าหน้าผม ไม่ว่าจะไปที่ไหน -ชินกับการตอบคำถาม/ สัมภาษณ์/ ทำข้อสอบภาษาอังกฤษ -แล้วก็มองโลกในแง่ดีค่ะ   Resume*ช่วงหางานแรกๆเขียนรีซุมเม่ยังห่วยค่ะ จนช่วงหลังรู้สึกตัวเลยจับแก้ให้ดูเป็นมืออาชีพและน่าเชื่อถือมากขึ้น  ส่วนมากจะเลือกสมัครกับบริษัทต่างชาตินะคะ เพราะดูจะเข้ากับสไตล์การทำงานและบุคคลิกของเรา Interview*การเรียกสัมภาษณ์ มีหมดค่ะโทรแจ้งวันนี้นัดพรุ่งนี้  แจ้งวันนี้นัดอีกสองสามวัน หรือข้ามสัปดาห์  แต่เราจะทำการบ้านเกี่ยวกับบริษัทต่างๆที่เราไปก่อนทุกครั้งค่ะ ถ้าไปไม่ทันไปสายจะโทรแจ้งล่วงหน้าค่ะ Appearance* อันนี้ติดมาเป็นนิสัยเลยค่ะ สมัยยังเป็นลูกเจี๊ยบเพิ่งลองสมัครงานสายการบิน   ทุกคนใส่สูท ติดเน็ท เหมือนกันแล้วจะทำยังไงให้เราเตะตาแล้วดูโดดเด่นออกมา?   ก็เลยได้นิสัยนี้มา^^   เรียบร้อยแต่ดู smartประมาณนี้ แต่ถ้าเจอ HR ที่ไม่ชอบคนบุคคลิกมั่นใจก็อาจจะซวยได้-*-  แต่ที่ผ่านมาส่วนมากจะเจอHRที่ชอบลุคที่แสดงออกไป (ถือว่าโชคดีมากๆค่ะ) SWOT*  เรียนจบช้าค่ะ เป็นจุดด้อยเลย อายุเยอะเทียบกับเด็กจบใหม่เกรดก็ไม่ได้สูงมากมาย ประสบการณ์เกี่ยวกับสายงานที่สมัครเท่ากับ 0 แต่จะมีประสบการณ์สายอื่นมากกว่า จุดอ่อนจะเรียนให้ผู้สัมภาษณ์ทราบแต่ต้น แล้วก็จะขายจุดแข็งแทนตามมาค่ะ  ส่วนมากทุกการสัมภาษณ์จะจบลงที่การเม้าแตกกับ hr ทุกครั้ง แหะๆ   อาจจะเพราะโชคช่วยด้วยค่ะ ระยะเวลาหางานเลยค่อนข้างน้อย สัมภาษณ์ไปสามที่บังเอิญได้สองที่พร้อมกัน ก็เลือกบริษัทมั่นคงแห่งนึง ที่ทำงานอยู่ข้างๆสนามบิน  อิอิ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านค่ะ  สักวันจะเป็นวันของเรา เราก็อกหักมาเยอะค่ะจากสมัครลูกเรือ เจ็บมาก็เยอะจากคิดว่าจะได้ก็ไม่  หรือพอได้แล้วก็ถูกลอยแพปีกหักซะงั้น สวัสดีปีใหม่นะคะ ขอให้ได้งานดีๆสมดั่งใจทุกท่านค่ะ.. จากคุณ : ปุ้มปุ้ยปุ้ม เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 23:39:59

ความคิดเห็นที่ 36   บอกก่อนเลยว่าเราพึ่งจบมาไม่กี่เดือน ตอนนี้ก็ยังไม่ได้งาน และเจอแบบเดียวกับ จขกท.ในหลายๆกรณีเลยคะ ไม่ว่าจะเป็นนั่งรอ เพราะคนที่จะสัมภาษณ์ติดประชุม เราก็เข้าใจคะว่าบางทีมันสุดวิสัย แต่ที่เราเจอคือ นั่งรอตั้งแต่ 10 โมง ได้สัมภาษณ์ตอนบ่าย 2 อาจจะจริงอย่างบางคนบอกว่าเค้าอาจจะทดสอบความอดทนของเรา แต่อยากให้ช่วยคิดถึงใจเขาใจเราด้วยคะ หรือช่วงที่เรียนจบใหม่ๆต้องหางาน เค้าจะรู้สึกอย่างไร ในอีกกรณีก็เหมือนกันเลยคะ เราสมัครไปเพราะเห็นว่าเป็นโอกาสอันดี ถึงแม้เค้าจะระบุเอาไว้ว่าต้องมีประสบการณ์ 2-5ปีก็ว่าไป ถ้าเราคุรสมบัติไม่ตรงจริงๆ ก็ควรที่จะตัดเราออกก็ได้นี่คะ ไม่ต้องเรียกเราไปสัมภาษณ์ให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย และมาบอกก่อนที่จะปล่อยเรากลับว่า ตำแหน่งนี้เราต้องการคนที่มีปนะสบการณ์ ตอนนั้นก็ได้แต่พยักหน้ายิ้มรับ (ทั้งที่จริงๆอยากจะกรี๊ดดดด) และเห็นด้วยกับจขกท.ที่บอกว่า ถ้าจะได้งานจริงๆจะต้อง "เฟกเก่ง ๆ ยิ้มเยอะ ๆ พูดหวาน ๆ คุณถึงจะได้งาน พูดตรงไม่ดี เอชอาร์หมั่นไส้" อันนี้ก็เห็นด้วยเลยคะ จากคุณ : koala_gg (koala_ggg) เขียนเมื่อ : 29 ธ.ค. 52 23:56:13

ความคิดเห็นที่ 37 บริษัทไหนที่สัมพลาดกับ HR ผมไม่เคยได้งาน แต่ถ้าบริษัทที่เจ้าของ GM หรือผู้จัดการแผนกสัมภาษณ์เอง ไม่เคยไม่ได้งาน แปลกจริงๆ จากคุณ : คุณเจน เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 03:37:11

ความคิดเห็นที่ 38   comment กันหมาหลายคนแล้ว อยากฝากบอก hr หรือ หัวหน้างานทั้งหลายนะครับ เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง เวลา เรียกสัมภาษณ์ วันนี้คุณสัมภาษณ์ วันหน้า คุณ ก็ถูกสัมภาษณ์ได้เหมือนกัน ให้เกียรติกันนะครับ คนเหมือนกัน รุ่นน้องผม เคยไปสัมภาษณ์บริษัทแห่ง เขาบ่นให้ฟังว่า พอไปถึง เจอ หัวหน้างาน ก็ถามโน่น ถามนี่ สุดท้ายบอกว่า " ผมไม่รับคุณหรอก ผมเรียกคุณมาเพราะอยากรู้แนวคิดเฉยๆ คุณจบจาก ............ ผมจบจาก สี .. " รุ่นน้องผมโกรธมาก ตบโต๊ะปัง แล้ว โวยวายว่าจะเรียกมาทำไม แล้วก็เดินออกมาเลย...... ผมไม่รุ้ว่าทำแบบนี้ทำไม มันไม่สนุกหรอกครับ การกลั่นแกล้ง คนอื่น หรือ กลั่นแกล้ง สถาบันที่คุณคิดว่า ต่ำกว่าคุณ และคุณก็คิดว่า สถาบันทีคุณจบดีที่สุดในประเทศไทย ป.ล. ถ้าเป็นผม คงไม่แค่จบแค่ ตบโต๊ะแน่ๆ ครับ เคยได้ยินคำนี้ไหมครับ " รู้อะไร ไม่สู้ เท่า รู้สึก " จากคุณ : PT เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 10:27:45 A:202.149.113.242 X: TicketID:233177

ความคิดเห็นที่ 39 ห้านาทีทองในการสัมภาษณ์งาน – นาทีที่สองและที่สาม ห้านาทีทองในการสัมภาษณ์งาน – นาทีที่สอง เมื่อการพบปะผ่านไปเรียบร้อยแล้ว  การกวาดสายตาตรวจสอบเบื้องต้นผ่าน ไปแล้ว  คุณต้องจำให้ได้ว่า  คุณมาในสำนักงานนี้เพื่อสร้างความประทับใจ ให้แก่ผู้สัมภาษณ์ เปิดโอกาสให้เขาเห็น “บุคลิกที่น่านิยม” ในตัวของคุณ “คุณไม่ได้มาสมัครงานเพื่อขายประสบการณ์ในอดีต....ทักษะ....หรือความ เชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง......”   นั่นเป็นความผิดพลาด  ที่ผู้สมัครงานส่วนใหญ่เข้าใจผิด  และนำมาปฏิบัติกัน อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อย่างไรก็ตาม  ถ้าผู้สัมภาษณ์มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องงานในอดีตของคุณ  คุณ ควรเตรียมตัวให้พร้อม  ที่จะตอบคำถามว่า คุณได้ใช้ทักษะและความเชี่ยว ชาญในเรื่องใดในโอกาสที่ผ่านมา ข้อมูลเช่นนี้....อาจจะเขียนไว้ในประวัติอยู่แล้ว  ถ้ามีคำถาม  ก็ไม่ใช่เรื่องน่า เกลียดที่จะยกมาตอบ ห้านาทีทองในการสัมภาษณ์งาน – นาทีที่สาม เมื่อถึงนาทีนี้  คุณกับผู้สัมภาษณ์งานคงจะได้สร้างการสื่อสารเชื่อมโยงเข้า หากันได้แล้ว ถ้าคุณไวต่อความรู้สึก  คุณอาจจะรับทราบได้ว่าผู้สัมภาษณ์มีความเห็นพ้อง หรือต่อต้านคุณอยู่ในที ในอีกทางหนึ่ง  การสัมภาษณ์อาจจะดำเนินไปอย่างราบรื่น จนคุณไม่รู้สึกเลยว่า  ผู้สัมภาษณ์คิดอย่างไรเกี่ยวกับตัวคุณ แต่เรื่องนี่ไม่มีสาระสำคัญแต่อย่างใด  คุณจะต้องไม่ปล่อยให้ตัวเองผ่อน คลายเมื่อคิดว่าได้สร้างความประทับใจไว้อย่างชัดเจนแล้ว อย่างน้อยก็เป็นภาพที่ไม่น่าดูนัก....ถ้าคุณจะผ่อนคลายจนเอนหลังนอน เหยียดยาวบนเก้าอี้  เริ่มจะแสดงอาการเฉื่อยชาหรือสนุกสนานรื่นเริงออกมา เต็มที่ ขอให้ระมัดระวังอากัปกิริยาคงเส้นคงวา  ฉายพลังความเข้มในตัวออกมา ตลอดเวลา ผู้สัมภาษณ์อาจจะเปิดเผยรายละเอียดของงานในหน้าที่ให้คุณได้รับทราบใน ช่วงนี้ อย่าได้ถือเป็นช่วงพักครึ่งเวลา  เอนกายนอนฟังง่วงเหงาหาวนอน ขอให้ตอบสนองทุกประเด็นอย่างต่อเนื่อง  เบื้องหลังคำกล่าวของผู้ สัมภาษณ์จะมีเหตุผลซ่อนอยู่เสมอ การรับฟังอย่างสนใจยิ่ง  ตอบสนองต่อทุกเรื่อง จะมีความสำคัญมาก ในขณะที่ผู้สัมภาษณ์เปิดเผยรายละเอียดของงาน  นอกจากจะทุ่มความ สนใจให้กับทุกคำพูดแล้ว.....ยังต้องเพ่งไปที่ “ทัศนคติ” ของผู้สัมภาษณ์ ด้วย คุณควรจะ “อ่าน” ผู้สัมภาษณ์เช่นเดียวกันกับผู้สัมภาษณ์กำลัง “อ่าน” คุณ อยู่ ----------------------------------------------------------------------------- จาก  “ประทับใจใน 5 นาที (แรก) The First Five Minutes” เขียนโดย Norman King   แปลโดย “นพดล  เวชสวัสดิ์” ----------------------------------------------------------------------------- เรียบเรียงใหม่   :  อมร  ถาวรมาศ “ลุงแอ็ด” amorntvm@hotmail.com จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 14:31:43

ความคิดเห็นที่ 40 เคยแทบทุกชนิดที่ จขกท. เล่ามา เด็ดสุดเราเจอ โทรมานัดวันอาทิตย์ 4 ทุ่ม บอกให้มาวันจันทร์ ทันที พอไป ... ดันบอกว่า คุณสมบัติไม่ตรง และเราเป็นผู้หญิง ไม่เหมาะกับงานที่ต้องอยู่ night shift แล้วเมิงงง จะโทรมาเรียกตูทามมมายยยยยยย จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 15:29:55

ความคิดเห็นที่ 41 เข้ามาดีใจกะ จขกท เราหางานอยู่เหมือนกันค่ะ เพิ่งเริ่มหาเมื่อต้นเดือนนี้เอง แต่ว่าเริ่มจะท้อ + เสียเซลฟ์แล้วค่ะ เจอที่แรกที่เรียกไปสัมภาษณ์คือ Duty Free ที่สนามบิน สัมภาษณ์เสร็จบอกเรา "ภาษาอังกฤษดีนะคะ แต่ว่าที่นี่เค้าพิจารณาเรื่องน้ำหนักด้วย........" โอ้แม่เจ้า อยากกระโดดถีบสองขาคู่จริงๆ นน ส่วนสูงในเรซูเม่ก็มีบอก แล้วเรียกกรูมาทำไม เสียเงิน เสียเวลา จากคุณ : แม่มะลิ (nooneknows) เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 16:13:24

ความคิดเห็นที่ 42 ห้านาทีทองในการสัมภาษณ์งาน – นาทีที่สี่ ผู้สัมภาษณ์อาจเปิดโอกาสให้คุณได้เล่าถึงประสบการณ์ของตัวคุณเอง ขอให้คัดสรรเรื่องที่ประสงค์จะเปิดเผยให้ดี  พิจารณาผู้สัมภาษณ์เป็นราย บุคคลไป ว่าเรื่องราวใดที่เขาต้องการความคิดเห็นหรืออภิปรายกับคุณ? ในช่วงนี้  คุณสามารถที่จะแสดงออกความเห็นส่วนตัวได้  ถ้าต้องการเช่นนั้น ในนาทีที่สี่  ทั้งคุณและผู้สัมภาษณ์จะรู้สึกได้แล้วว่าความตึงเครียดได้จาง คลายไปมากแล้ว ถึงเวลานี้  ผู้สัมภาษณ์อาจจะตัดสินใจลงความเห็นแล้วว่าจะรับหรือไม่รับ? คุณอาจไม่ได้คำตอบจากการพูดจากัน  แต่คงจะรู้สึกได้จากบรรยายกาศ รอบกาย หนทางที่ดีที่สุดคือ  สานต่อการสัมภาษณ์ไปจนถึงนาทีสุดท้าย  โดยไม่ สนใจในความรู้สึกของผู้สัมภาษณ์ แม้คุณจะมีความรู้สึกได้ว่า  “ผลจะออกมารูปใด” ห้านาทีทองในการสัมภาษณ์งาน – นาทีที่ห้า ในห้วงเวลานี้  คำถามอาจจะหลั่งไหลออกมาแล้ว “คำถาม” เป็นสาระสำคัญของการสัมภาณ์งาน  เพราะผู้สัมภาษณ์  จะเฝ้ารับ ฟังคำตอบและความเห็นต่อคำถามเหล่านั้น ผมได้รวบรวมคำถามเอาคำถามที่มักจะเจอไว้ท้ายบท  เพื่อให้คุณได้ศึกษา มันอย่างถี่ถ้วนก่อนเดินเข้าห้องสัมภาษณ์ (ซึ่งลุงก็จะเอามาเล่าให้ฟังต่อ...ถ้าคุณอยากจะรู้  :  ลุงแอ็ด) เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือ  อย่าปล่อยให้คำถามข้อใดทำให้คุณเสียกิริยา ผู้สัมภาษณ์หลายคน  นิยมคำถามแหย่  คำถามเจาะลึก หากคุณเดินเข้าไปสมัครงาน  คุณก็จะเป็น  “เป้านิ่ง” ให้ผู้สัมภาษณ์ได้ ทดลอง “ปั่นหัว” ผู้สัมภาษณ์บางคน  ต้องการทราบว่า  พนักงานที่น่าจะรับเข้ามาทำงาน ด้วย....จะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไรในสภาวะความเครียดสูง ขอให้ตั้งสติไว้ให้มั่น คุณอาจจะพบพานกับความแปลกประหลาดบ้างเป็นครั้งคราวในการ สัมภาษณ์งาน หากเลยไปไกลกว่าห้านาที การสัมภาษณ์ส่วนใหญ่   จะกินเวลาเนิ่นนานกว่าห้านาที  แต่ห้วงเวลาวิกฤติ ได้ผ่านไปแล้ว ถึงเวลานี้  คุณก็ตอบคำถามไปตามความคิดของตนได้บ้าง อาจจะเสนอคำถามบ้าง  ถ้ามีคำเชื้อเชิญให้ถามไถ่ ข้อเตือนใจสั้นๆ ในการสัมภาษณ์งานก็คือ....อย่าพูดมากจนเกินงาม เพื่อนสนิทของผมคนหนึ่ง  ไปสมัครงานระดับบริหารในฝ่ายการตลาด  เขา เป็นนักขายมาตลอดชีวิต  และน่าจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของการขาย อย่างไรก็ตาม  เขาไม่อาจทิ้งนิสัยของนักขายไปได้  ในช่วงสิบห้านาทีแรก ของการสัมภาษณ์งาน  เขาพล่ามบรรยายขายตนเองได้อย่างดียิ่ง  และอีก สิบห้านาทีหลัง  เขาพล่ามบรรยายจนขายตนเองไม่ได้โดยสิ้นเชิง ผมเคยได้ยินคำพูดของผู้สัมภาษณ์งานหลายคน  และขอเตือนคุณว่า “ตั้งสติให้มั่น  รู้ตัวว่าควรจะกัดลิ้นตนเองไว้ไว้เมื่อถึงจุดใด” ----------------------------------------------------------------------------- จาก  “ประทับใจใน 5 นาที (แรก) The First Five Minutes” เขียนโดย Norman King   แปลโดย “นพดล  เวชสวัสดิ์” ----------------------------------------------------------------------------- เรียบเรียงใหม่   :  อมร  ถาวรมาศ ลุงแอ็ด amorntvm@hotmail.com จากคุณ : ลุงแอ็ด เขียนเมื่อ : วันสิ้นปี 52 10:50:45

ความคิดเห็นที่ 43   เจ้าของกระทู้ คงคล้ายๆผมแหละ ครับ เหตุการณ์หลายอย่าง โดนมา คล้ายๆกัน เช่น - เรียกสัมภาษณ์ทันที ทันใด เรียกวันนี้เย็น ต้องมาพรุ่งนี้เช้าเป็นต้น (เหมือนต้องการด่วน) เราก็ถามเขาแล้วว่าต้องการตำแหน่งนี้ด่วนหรือเปล่า ถึงเรียกทันทีทันใดแบบนี้ เขาก็ตอบมาว่า ด่วน พอสัมภาษณ์เสร็จ บอกว่า อาจจะมีเรียกสัมภาษณืรอบต่อไป สุดท้ายเงียบครับ ไปสัมภาษณ์ ไกลก็ไกล แล้วเจือก....บอกว่าด่วนอีก - ที่อื่นๆ ก็มี ประสบการณ์ตรงกับที่เขาต้องการเป็นส่วนใหญ่ ทำแบบทดสอบได้ ลักษณะงานตรงกับที่เขาต้องการ เคยทำมาแล้ว ประมาณว่า ช่ำชอง สุดท้ายก็เงียบ ผมมีประสบการณ์ผ่านการสัมภาษณ์งานมาหลายที่ ทั้งบริษัท ไทย และต่างชาติ (ค่อนข้างเยอะ และบ่อย) ทำให้รู้ได้ว่า หากเขาต้องการเราจริง เราต้องเหมาะกับการทำงานเขา (ลักษณะงาน) ไม่ใช่เราผ่านงานมาแล้ว แล้วเขาจะเอาเรา ไม่เสมอไปนะครับ เพราะคนที่เขาจะรับ เขาต้องพึงพอใจ กับคนๆนั้น ไม่ใช่เราอยากทำงานกับเขา แล้วเราจะได้งานเสมอไปนะครับ (แม้ว่าจะมีคุณสมบัติและความสามารถ ตรงตามที่เขาต้องการก็ตาม) อีกกรณีก็คือ อันนี้ผมค่อนข้างเชื่อและมั่นใจกับกรณีนี้มากๆ เพราะได้รับการตอบรับเข้าทำงานลักษณะนี้บ่อยมากที่สุด คือ บริษัทนั้น ขาดคนทำงานในตำแหน่งนั้น และต้องการคนจริงๆ "ด่วนจริงๆ" ไม่มีเวลามานั่งสัมภาษณ์หลายๆรอบ แล้วปล่อยให้รอเก้อ เหมือนหลายๆ บริษัท ณ. เวลานี้ (นั่นก้คือ "จังหวะ" ที่ต้องการคนทำงาน ที่หลายคนเข้าใจนั่นเอง) ปล. แต่เราต้องมีประสบการณ์และคุณสมบัติที่เขาต้องการจริงนะครับ วิธีแก้ไขหากบริษัทที่เราต้องการไม่ติดต่อกลับตามวันเวลาที่เขา "โม้" ไว้ - หางานที่อื่นๆ ต่อไปเลยครับ อย่าเสียเวลามานั่งรอ กับสิ่งที่เขาพูดไว้หรือบอกไว้ (ทางบริษัทจะติดต่อกลับในอีก 2 สัปดาห์ เป็นต้น) เพราะบริษัทอื่นๆ ที่เราสมัครต่อๆ ไปนั้น อาจจะเรียกคุณสัมภาษณ์ สร้างโอกาสของเราในที่ใหม่ๆ ทำให้คุณไม่มานั่งรอ หรือคาดหวัง กับคำพูด เพ้อเจ้อพวกนั้น หรือ หากเขาติดต่อกลับมา นั่นก็คือสิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่เหรอ? - บางทีการเลือกงานมากไป และตั้งผลตอบแทนคุณเอง สูงเกินไป จะทำให้คุณใช้เวลาในการหางานนานมาก ด้วย เพราะบริษัทที่เขาต้องการคน (อิงกับ สภาวะปัจจุบันนะครับ) อาจะมีตัวเลือกอื่นๆ ที่ดีกว่าคุณ แต่คุณสมบัติในการทำงานเท่าๆคุณ หรือดีกว่าคุณด้วยซ้ำ ผลตอบแทนก็เรียกต่ำกว่าคุณอีก หากจะเลือกทางเลือกอื่น ช่วยจะดีไหม เช่น สวัสดิการพนักงาน,ค่ารถ,ค่าน้ำมัน,ค่าโทรศัพท์์ เป้นต้น คือดูแล้ว คุณพึงพอใจกับสิ่งที่เขาเสนอหรือมีให้ อาจจะสร้างโอกาสการได้งานมากยิ่งขึ้นก็ได้ เรื่องทั้งหมด ข้างบน จากประสบการณ์ตรงของตัวเองนะครับ ก้เลยมาเล่าสู่กันฟัง ผมทำตามแนวทางข้างบน สุดท้ายก็ได้งานทำครับ :) จากคุณ : สวัสดีปีใหม่ เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 11:36:55 A:125.26.12.223 X: TicketID:228283

ความคิดเห็นที่ 44   ยินดีกับเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ งานสมัยนี้หายากมากกกกกกกกจริงๆ ในกรณีที่คุณไม่รู้จักใครเลยในองค์การ (ไม่ว่าจะ เอกชน หรือ ราชการ) ทุกคนจะต้องเจอปัญหาอย่างที่คุณ จขกท กล่าวมา 1. อายุเกิน หรือไม่ ถึงเกณฑ์ 2.วุฒิการศึกษาที่เปิดไม่ตรงกับเรา 3.เพศ 4.ประสบการณ์ในการทำงาน ส่วนใหญ่ 2 ปี ( ถามหน่อย ว่าเด็กจบใหม่จะไปหาประสบการณ์มาจากไหน) ถ้าไม่เก่งจริงๆ นี้โอกาสหางานได้มีน้อยมากครับ จากคุณ : Nutt เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 15:37:51 A:210.246.145.135 X: TicketID:217263

ความคิดเห็นที่ 45 งานนี้ไม่ค่อยมี HR มาออกตัวรับคำตำหนิไปบ้างเลยนะครับ  ขอแสดงความยินดีกับ จขกท. ด้วยนะครับ อดทนจนได้ความสำเร็จ ยินดีด้วยครับ ฝากไว้สำหรับ HR สัก 2 ข้อ 1. นัดผู้สัมภาษณ์มา อย่าให้เขามาคอยเป็น 4-5ั ชั่วโมง ผมรู้นะว่า บางที พวกคุณ และพวกผู้จัดการ ไปทำงานกันก่อน แล้วปล่อยให้ผู้มาสัมภาษณ์นั่งรอพวกคุณ 2. ถ้ามีเส้นแล้ว อย่าเรียกคนอื่นมาเป็นตัวประกอบ เพื่อสร้างฉากเอาเด็กเส้นของพวกคุณเลย น่าเกลียดที่สุด ฝากไว้เท่านี้ครับ จากคุณ : โกโก้หวานกับน้ำตาลก้อนเดียว เขียนเมื่อ : วันปีใหม่ 53 23:48:39

ความคิดเห็นที่ 46   ที่เราเจอนะ 1. นัดวันนี้ตอนเย็นๆ เกือบจะเลยเวลาเลิกงาน บอกให้มาพรุ่งนี้เช้าหรือบ่าย << อย่างนี้ก็ลางานไม่ทันสิ 2. ต่อเนื่องจากข้อ 1. นัดกระทันหัน แ้ล้วนัดบ่อย ต้องไปหลายรอบ (3 รอบขึ้นไป ทั้งข้อเขียนและัสัมภาษณ์กับระดับต่างๆ) << ลางานบ่อย สรุปแล้วที่เก่าก็จะอยู่ไม่ไ้ด้เอา เพราะลางานบ่อย ที่ใหม่สัมภาษณ์ไปหลายรอบแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่เอา เฮ้อ ฝากช่วยพิจารณาเรื่องเหล่านี้ด้วยนะคะ เข้าใจว่าบริษัทก็อยากได้คนที่เหมาะสมกับองค์กร แต่ผู้สมัครก็ไม่ได้ว่างพร้อมเสมอขนาดนั้น หน้าที่การงานเดิมก็ยังต้องรับผิดชอบอยู่ เพราะที่ใหม่ก็ไม่มีความแน่นอน นอกจากคนที่ว่างงานหรือนักศึกษาจบใหม่ (หรือคุณอยากได้คนที่ไม่มีความรับผิดชอบไปทำงานด้วย) จากคุณ : Momu เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 53 14:54:24 A:124.120.11.29 X:

ความคิดเห็นที่ 47 ตอนนี้เราก็กำลังหางานใหม่อยู่ เพราะงานเก่ากดดันสุดๆ แต่เราอายุเยอะแล้วและภาษาอังกฤษไม่ปึ๊กเท่าไหร่ แต่เราจะไม่ท้อแท้ จะพยายามต่อไป ของเราเคยเจอตอนหางานใหม่ๆ ตอนนั้นจำได้เลย ที่สีลม ไปมันแต่เช้า เข้าไปนั่งรอ HR ตั้งนาน ก็มีคนสัมภาษณ์ก่อนเรา 2-3 คน รอนานมาก เชื่อไหมคะ จนเที่ยง เขาบอกให้เราไปกินข้าวก่อน (ว่ะ แล้วจะนัดมาทำไมตั้งแต่เช้า) พอบ่ายกลับมาสัมภาษณ์ คุยไม่ถึง 10 นาทีก็เสร็จ สรุปคล้ายๆ หลายๆ คน คุณสมบัติเรายังไม่ตรงกับที่เขาต้องการ แป่วววว จากคุณ : wasabi girl เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 00:16:30

ความคิดเห็นที่ 48 เราก็หางานใหม่... ลาออกจากที่เก่ามา 10 เดือนและ ทั้งๆที่เก่ารูปแบบงาน และเพื่อนร่วมงานดีมากก ใกล้บ้านสุดๆ แต่เจอเจ้านายงี่เง่า เอาแต่ใจ ขี้โวยวาย เราหางานแบบไม่เลือกเงินเดือนเลยนะ ขนาดว่าช่วงที่กลับไปพักผ่อนกับพ่อแม่ที่เชียงใหม่ หางานที่เงินเดือนแค่ 7-8000 ยังไม่มีใครรับเลย กลับมาหางานที่กรุงเทพ ก็ยังหาไม่ได้... บางทีเครียดจนยากฆ่าตัวตายด้วยซ้ำ เราไม่เคยขอเงินพ่อแม่ใช้มานาน ทุกวันนี้เรารับงานฟรีแล้นซ์บ้าง แต่มันก็เป็นจำนวนเงินที่น้อยมาก ต้องขอแม่ และขอแฟนใช้...เกรงใจสุดๆ คนเราเคยทำงานมีเงินเป็นของตัวเอง พอออกจากงานมาขนาดใช้ประหยัดสุดๆ ไม่ค่อยได้ออกจากบ้านไปไหน แต่กลับเครียดและกดดันมากๆ บางทีก็พูดให้กำลังใจตัวเอง แล้วพยายามหางานต่อไป แต่บางครั้งก็มีท้อจนน้ำตาล่วงเหมือนกัน จากคุณ : Land breeze เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 19:25:07

ความคิดเห็นที่ 49 ยินดีด้วยค่ะ ในที่สุดก็สำเร็จจนได้เนอะ สองปีมานี้เราก็ไม่ดีเลย เข้า ๆ ออก ๆ งาน แก่ไปแล้วด้วย แต่ก็ยังมีความหวังอยู่ว่าจะมีอะไรดี ๆ เข้ามาบ้าง... จากคุณ : Manggahan เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 53 21:10:51

ความคิดเห็นที่ 50 อยากบ่นเหมือนกันพอฟังจากหลายๆท่านแล้ว แต่ HR ดีๆก็เยอะนะครับ ส่วน HR ที่เห็นแย่ๆ บางทีเวลาเข้าไปทำงานแล้วกลับดีซะงั้น ผมไม่ได้เป็น HR นะครับ ยินดีกับ จขกท. และหวังให้ทุกคนที่หางานใหม่ได้งานทุกคนครับ จากคุณ : justiriuz เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 53 11:01:58