Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
มาแนะนำฝึกภาษาอังกฤษเพื่อหน้าที่การงาน....สำหรับคนอ่อนภาษาสุดๆ มีเงินน้อย แต่ใจสู้  

ถ้ากระทู้ผิดกลุ่ม แจ้งลบได้นะครับ ไม่แน่ใจว่าถูกหมวดไหม  

   ก่อนอื่นต้องบอกว่าในอดีตเจ้าของกระทู้ เป็นคนที่อ่อนภาษาอังกฤษมาก เริ่มเรียน A B C ก็ตอนประถม 5 (ร.ร.รัฐ) ตอนเรียนมัธยม ได้เกรดภาษาอังกฤษดีที่สุดคือเกรด 2   ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้ D กับ D+ มาเชยชม  สมัยสอบเข้ามหาลัยปี 2546 ตอนนั้นมีสอบสองครั้งคือ ตุลาคม กับ มีนาคม คะแนน Ent วิชาภาษาอังกฤษเดือนตุลาทำได้ 18 คะแนน ส่วนเดือนมีนาคมมั่วได้ 31 คะแนน น่าอดสูมาก  นั่งรถเมล์เจอผู้หญิงมากับแฟนฝรั่ง เห็นพูดภาษาอังกฤษกับแฟนเขาแล้วอิจฉามาก ชาตินี้จะเก่งภาษากับเขาไหมหนอ ลงทุนไปนั่งเรียนตาม โรงเรียนสอนภาษาชื่อดังต่างๆ ประเภท 30 ชั่วโมง 2500 ไปเรียนกับฝรั่งก็จริง แต่เรียนไปก็ไม่เกิดผลอะไรกับตัวเลย มันแทบไม่กระเตื่องขึ้นมาเลย   จนวันนึงตัดสินใจไม่ไปเรียนแล้วเสียดายตังค์ ลองมานั่งเรียนด้วยตัวเองดูสิ ว่ามันจะเป็นอย่างไร จนมาถึงวันนี้ได้ผลอย่างไร ลองมาดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเจ้าของกระทู้ดู

   เมื่อวานนั่งท่องเน็ตไปเรื่อยๆ เจอเวปข้อสอบ Entrance ย้อนหลังพร้อมเฉลยๆ ผมเลยโหลดเอาข้อสอบ ปี 2546 เดือนตุลา กับ 2547 เดือน มีนา..(ที่เคยสอบได้ 18 กับ 31 คะแนน) ลองมานั่งทำดูแบบเล่นๆ ทำเสร็จแล้วเฉลย ปรากฎว่า ได้ 96 คะแนน กับ 98 (ถ้าสมัยนั้นทำได้แบบนี้ติดอักษรจุฬาไปละ 5555)  อ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ bangkokpost the nation ได้เข้าใจกว่า 95%  อ่านหนังสือ text book ได้เข้าใจดี ในหน้าหนึ่งๆเปิดดิกหาศัพท์ไม่กี่ตัว.....  ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งนะครับ เพราะถ้าเทียบกับคนที่เก่งจริงๆแล้วผมยังห่างจากพวกเขาอีกเยอะ แต่คิดว่าตัวเอง "พัฒนา" ขึ้นมาเยอะมากๆ  เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์การเรียนภาษาอังกฤษให้ เพื่อที่จะได้เป็นประโยชน์กับการสมัครงานในอนาคตนะครับ

     สิ่งแรกที่ผมทำเลยคือไปร้านหนังสือ ใช้เวลาหลายชั่วโมงมากในการเลือกหาหนังสือ"ไวยากรณ์" แต่ก่อนผมคิดว่าไวยากรณ์ไม่น่าจะสำคัญเท่ากับการพูดให้รู้เรื่อง มันก็ถูกส่วนนึงนะครับ แต่ถ้าเราพูดให้ถูกหลัก เวลาฟังแล้วมันจะดูดีกว่านะครับ อันนี้ประสบมากับตัวเลย เพื่อนผู้หญิงคนนึงเธอพูดภาษาอังกฤษเก่งนะ แต่ว่าผิดเต็มเลย ฝรั่งฟังเขาก็เข้าใจนะ แต่ยังไงละคือเขาพูดผิดเยอะนะครับฟังเข้าใจแต่แปลกๆเท่านั้นไม่มีไรหรอกครับ  กลับมาเข้าเรื่องไปหาหนังสือที่สอนไวยากรณ์ครับ เอาเล่มที่เราอ่านแล้ว เราเข้าใจมากที่สุด ไม่จำเป็นต้องแพง คือเราอ่านแล้วเข้าใจก็พอ เอามาสัก 1-2 เล่ม เอาเล่มที่มีแบบฝึกหัดนะครับ   สำคัญสุดคือ หนังสือนั้นเราอ่านแล้วต้องเข้าใจนะครับ

    ขั้นต่อมาใช้ความอึด นั้งอ่านครับ ค่อยๆอ่านค่อยๆทำความเข้าใจกับหลักไวยากรณ์ สมัยก่อน verb to do verb to เดา มั่วไปหมด is am are ใช้กับประธานอะไรบ้างผมยังมั่วเลย  ค่อยๆอ่านครับ  อ่านทีละหัวข้อ ไม่ต้องเร่งรีบ นั้งอ่านไปเรื่อยๆ อ่านวันละ  1-2 ชั่วโมง แล้วทำแบบฝึกหัดครับ ไม่เข้าใจตรงไหน ก็ลองใช้ internet ให้เป็นประโยชน์ครับ  ขั้นนี้ต้องใช้ความอดทนนะครับ เพราะเราไม่ได้ไปนั่งเรียนในห้องที่ อจ.เอามาป้อนให้  ทำความเข้าใจกับไวยากรณ์หลักๆนะครับไม่ต้องรู้หมด แล้วคุณจะรู้สึกสนุก ตอนแรกผมอ่านก็ท้อๆแต่พอเข้าใจแล้วมันก็สนุกดีนะครับ

    อ่านเสร็จใช้เวลา อีกสัก 1 ชั่วโมงฟังครับ ฟังภาษาอังกฤษมีหลายอย่างมาก ฟังจากหนังก็ได้ เปิดหนังแล้วอย่าดู sub ให้นั้งฟัง  อย่าพยายามมองหรือดู subtitle หรือไม่ก็ฟังวิทยุออนไลน์ จากเวปนี้ก็ได้ครับ http://www.surfmusic.de/  จะเลือกประเทศไหนก็เลือกเลย ถ้าเลือกอังกฤษเอาสถานี BBC นะครับ พยายามเอาสถานีที่ดีเจ พูดมากๆพูดเยอะๆ  ช่วงที่คุณนั้งฟังเนี้ย คุณจะรู้สึกว่า "กรูทำอะไรอยู่ฟะ" เพราะฟังไม่ออกไม่รู้เรื่อง แต่คุณเชื่อเถอะ ฟังทุกๆวัน หูคุณจะคุ้นกับสำเนียงแล้วก็ความเร็วในการพูด  แรกผมฟังผมปวดหัวมากเพราะไม่เข้าใจ แต่ผ่านไปสักระยะ จะเริ้มจับได้ หูเราชินกับความเร็วของภาษาเขาแล้ว  ขั้นตอนนี้ต้องใช้ความอดทนอย่างสูงมาก

  ทำไปได้สักระยะ  เรารู้สึกว่า ไวยากรณ์เราดีขึ้นเยอะ การฟังเราดีขึ้นมาก ถ้าอดทนทำอย่างที่แนะนำ  1-2 เดือนก็เริ่มเห็นผลแล้วครับ

  ขั้นต่อไปการอ่าน  จะต้องทำหลังจากที่คุณมั่นใจแล้วว่าไวยากรณ์คุณดีขึ้นแล้ว ..... การอ่านกับไวยากรณ์เนี้ยมันคู่กันนะครับ บางทีเราไม่รู้ศัพย์ในประโยคแต่เรารู้โครงสร้างประโยคเราก็สามารถเดาความหมายได้  นอกจากนี้การอ่านยังช่วยเพิ่มพูดคำศัพย์ให้เราได้อีกด้วย    การอ่านแนะนำว่าให้หาหนังสือที่ไม่ยากมากมาอ่านก่อนเช่น nation junior, student weeky (ไม่รู้สมัยนี้ยังมีไหม) เช่นเดิมครับค่อยๆฝึกอ่านไป หรือไปร้านหนังสือแวะซื้อหนังสือพวกสอนวิธีการอ่านเอามาใช้คู่กันครับ  กว่าผมจะอ่าน bangkokpost , the nation หรือ text book เข้าใจได้ขนาดนี้ ยอมรับว่าท้อไปหลายครั้ง ช่วงแรกที่อ่าน nation junior นี้แถบร้องไห้ อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้บ้าง หน้าหนึงเข้าใจไม่กี่ % เอง แต่อาศัยลูกอึดและ พยายามฝึกฝนอย่างเนืองนิตย์    

    เคยไปสัมภาษณ์งานมา เข้าให้คนที่สมัครนั้งเรียงหน้ากระดาน ประมาณ 6 -7 คน     คนสัมภาษณ์ก็สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษทุกคน ต่อหน้าคนสมัครอื่นๆ คิดดูครับว่าขนาดไหนรับแค่คนเดียว  ผมก็ได้งานนั้นไป  บางงานสอบข้อเขียนภาษาอังกฤษเขียนเรียงความ 1 หน้ากระดาษ A4  บางงานก็ให้แปลไทยอังกฤษ-อังกฤษไทย 2หน้า A4 ก็เจอมาแล้ว แล้วก็ทำได้สอบผ่าน อย่างที่บอกตอนแรก ไม่ได้ว่าตัวเองเก่งเลย แต่คิดว่าตัวเองพัฒนาขึ้นเยอะมากๆ จาก 0  

    ทั้งหมดทั้งมวลนี้ สิ่งหนึ่งที่จำเป็นมากๆคือ "ความขยันและอดทน" ครับ หากไม่มีสิ่งนี้แล้ว....ก็จะไม่เกิดผลสำเร็จใดๆครับ
 
  ส่วนเรื่องการพูดการเขียนเดี๋ยวมาเล่าต่อครับ

จากคุณ : รู้ดี
เขียนเมื่อ : 30 ธ.ค. 52 07:15:44




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com