อยากขอคำแนะนำเรื่องธุรกิจหน่อยค่ะ
|
|
อยากขอคำแนะนำเรื่องธุรกิจหน่อยค่ะ
เรากะสามีเปิดร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จำพวกอะไหล่ accessories ซ่อม ประกอบ มาได้ประมาณ 6-7 ปีแล้วค่ะ แรกเริ่มเดิมทีเคยเปิดเป็นร้านอินเตอร์เน็ต และรับพิมพ์งาน หลังๆ เลิกทำร้านอินเตอร์เน็ตกับพิมพ์งาน มาขายอย่างเดียวเต็มตัว
เราทำกันสองคนอยู่ได้สามสี่ปี จึงเริ่มมีลูกน้อง จากคนเดียว ค่อยๆ เพิ่มจนตอนนี้มีลูกน้องประมาณ 6 คน เปิดหน้าร้าน 3 ร้าน
สามีเป็นกำลังหลัก ทำทุกๆ อย่าง ขายของ สั่งของ ทำบัญชี คุยกับลูกค้า ซ่อมเองบ้าง ส่วนลูกน้องจะเป็นช่างซ่อมคอมซะ 4 คน ประจำอยู่ร้านละ 2 คน ส่วนร้านที่ 3 เน้นขาย accessories อย่างเดียว พวก mouse keyboard ฯลฯ จึงไม่มีช่างประจำ จ้างเป็น partime กะละ 1 คน สองกะ เพื่อลดต้นทุน
ส่วนเรา จะดูทั่วๆ ไปอ่ะค่ะ หลักๆ จะเน้นอยู่ที่ร้านที่สาม เนื่องจากเพิ่งจะเปิดได้ไม่นาน แต่จริงๆ จะว่าไป เราเองก็ไม่มีความรู้ลึกๆ เท่าพวกช่าง และสามีอ่ะค่ะ เพราะตั้งแต่มีลูกก็ดูแลลูกเป็นหลัก ส่วนงานร้านก็ทำพวกเอกสาร และขายของหน้าร้าน รับงานหน้าร้าน เป็นหลัก
ปัญหาคือ
1. เรื่องบัญชี ทั้งๆ ที่เรียนบัญชีเบื้องต้นมา แต่กลับไม่เคยทำบัญชีเป็นเรื่องเป็นเรื่องเป็นราวเลย นอกจากที่สามีทำไว้เป็นรายรับ รายจ่าย คงเหลือ ซึ่งมักจะไม่ตรงกับเงินจริงๆ เพราะเวลาใช้เงินกินอยู่ก็เอาจากเงินร้านไปใช้ แต่ลงบัญชีบ้างไม่ได้ลงบ้าง
เราคิดที่จะทำบัญชีร้านให้เป็นเรื่องเป็นราวหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่สำเร็จซะที เนื่องจากจับต้นชนปลายไม่ถูก เราจะมีบัญชีรายวันว่าขายอะไรไปบ้าง แล้วก็คิดกำไรแต่ละวันว่าได้เท่าไหร่ แค่นั้น แต่ไม่เคยทำบันทึกรายเดือน
เนื่องจาก ตอนนี้เราเปิดหน้าร้านสามร้าน แต่ค่าใช้จ่ายทุกๆ ร้าน (ค่าเช่าตึก ค่าลูกน้อง ค่าน้ำค่าไฟ ฯลฯ) ร้านใหญ่ จะเป็นคนจ่ายทั้งหมด รายได้ของร้านลูกสองร้าน จะเป็นรายได้หลัก เพราะร้านลูกทั้งสองร้าน รายได้ยังไม่มากเท่าร้านใหญ่
รายได้ของเราจะมาจาก 1. หน้าร้าน สามร้าน 2. การขายของเครดิต ให้หน่วยงานราชการ 3. รายได้จากการรับดูแลระบบ อันนี้จะได้เป็นรายเดือน หลายๆ ที่ รวมกันไม่มากเท่าไหร่ แต่พอเปนค่าลูกน้องได้
ฉะนั้น เวลาทำบัญชี เราจะเริ่มไม่ถูก ควรจะทำบัญชีแบบไหน ของร้านไหน เริ่มยังไง
2. เรื่อง stock สินค้า เราอยากใช้ระบบพวก pos (point of sale) มาช่วยหน้าร้าน เพื่อคอยดูยอดขาย คอยดูสต๊อก และอยากจะใช้กับทั้งสามร้าน แต่เนื่องจาก ร้านใหญ่ เปิดมานานแล้ว ทางสามีไม่ค่อยอยากให้เข้ามายุ่งเท่าไหร่ เนื่องจากค่อนข้างยุ่งยากกับการเช็กสต๊อค ยุ่งกับระบบมากมาย สามีเราค่อนข้างเป็นพวกอนุรักษ์นิยมค่ะ ไม่ค่อยยอมเปลี่ยนอะไรมากนัก เพราะเค้าบอกว่า เค้าทำของเค้ามาตั้งนานแล้ว และเค้าเองก็ดูแลได้
แต่ส่วนต้ัวแล้ว เรายังจัดการเรื่องสต๊อกไม่ดีเลย เวลาเราจะสั่งของ เราจะดูจากชั้นวางของที่พร่องไป แล้วจึงสั่ง หรือบางทีก็ไม่ค่อยได้สั่ง ขึ้นอยู่กับว่าของนั้นขายได้น้อยหรือมาก แต่เราคิดว่า หากเราจัดการสต๊อกได้ดี น่าจะหมดปัญหาเรื่องต้นทุนจม เพราะของที่สั่งมาแล้วยังขายไม่ได้เป็นปีๆ ก็มี บางอย่างก็ทิ้งไปบ้าง บางอย่างก็ขายได้ เนื่องจากไม่มีวันหมดอายุ
3. เรื่องการตกแต่งร้าน เรากะสามีค่อนข้างขัดแย้งกันตลอด (ทั้งปี - -") อย่างที่บอกว่าอนุรักษ์นิยม สามีเราเลยไม่ค่อยชอบการจัดร้านใหม่ ซึ่งผิดกะเรา เราชอบจัดนู่นย้ายนี่ แต่เค้ากลัวหาของไม่เจอน่ะค่ะ เราอยากทำร้านใหม่ เพราะร้านใหญ่เนี่ยเนื่องจากเปิดมานานแล้ว มันก็ทรุดโทรมเป็นธรรมดา ลองนึกถึงร้านห้องแถวมืดๆ มีอาแปะกะอาเจ๊แก่ๆ ขายอยู่สองคน แต่สามารถหาของให้คุณได้ทุกอย่างสิคะ นั่นล่ะ อีกไม่กี่ปีร้านเราคงเป็นแบบนั้น 5555
อีกไม่นาน เจ้าของตึกที่เราเช่าอยู่เค้ามีโครงการจะสร้างตึกใหม่ในที่เดิม เราคงจะมีโอกาสได้ทำร้านใหม่สมใจซะที
แต่เราค่อนข้างเชื่อสายตาของสามีเรา เพราะเค้าเป็นกำลังหลักที่ทำให้เรามีทุกวันนี้อ่ะค่ะ เราเองเป็นแค่ผู้ช่วย ซึ่งหลังๆ บางทีก็ไม่ค่อยช่วยอะไรเลย ช่วยให้กำลังใจอย่างเดียว บางอย่างเลยไม่อยากเถียง เพื่อความสงบสุขในครอบครัว อิอิ
4.การบริการ ด้วยเหตุที่ว่า ร้านเราทุนน้อย เราเริ่มกันมาจากเงินไม่กี่พันบาท แรงงานน้อย ตลาดที่อยู่เป็นตลาดเล็ก มีกลุ่มเป้าหมายอยู่กลุ่มเดียว แต่มีคู่แข่งค่อนข้างเยอะ เราจึงเน้นที่เรื่องบริการ และราคา
ลูกค้าจะติดสามีเรามาก เนื่องจากสามีเราชอบเซอร์วิสลูกค้าสุดชีวิต ร้านเราพยายามเน้นเรื่องบริการจนเป็นที่กล่าวขวัญถึง(ในทางที่ดี) แต่มีคนรักก็ย่อมมีคนเกลียด ก็พยายามกันไป
และจะด้วยสาเหตุอะไร เราก็ยังหาไม่เจอ ว่าทำไมยอดขายของร้านลูกสองร้าน ถึงไม่ดีขึ้นเลย มันมีแต่ทรงกับทรง บางเดือนก็มีทรุด
ร้านที่สองเปิดมาได้ประมาณสองปีกว่าแล้ว แต่กำไรก็ยังเท่าเดิม หรือบางเดือนก็ตกลงอย่างน่าใจหาย (ร้านนี้เน้นซ่อมและขาย แบบเดียวกับร้านใหญ่ แต่ให้ลูกน้องดูแลแทน ที่ตั้งร้านอยู่ติดกัน แต่เปิดเพื่อให้เกิดเป็นคู่แข่งกัน เรื่องของที่เอามาขาย หรือราคาขาย บัญชี การตกแต่งร้าน เราเป็นคนทำทั้งหมด ลูกน้องดูแลแค่ขายของหน้าร้าน กับรับงานซ่อม)
ร้านที่สาม เปิดมาได้ประมาณหกเดือน มีทั้งขายได้ดีและไม่มีคนเข้าเลยก็มี ที่ตั้งร้านอยู่ไกลกันมาหน่อย ร้านนี้เน้นขาย ไม่เน้นซ่อม แต่ก็มีงานซ่อมเข้ามาบ้าง เราใช้วิธีส่งงานให้ร้านใหญ่เป็นคนทำ เสร็จแล้วจึงเอางานมาส่งที่ร้าน ลูกน้องเป็นเด็กนักศึกษา parttime สองกะ จุดอ่อนคือ ลูกน้องไม่ค่อยมีความรู้ และก็ไม่ค่อยเชียร์ขายเท่าไหร่นัก ไม่แน่ใจว่าหากเราใช้ระบบให้เปอร์เซ็นต์จากการขายจะดีขึ้นหรือเปล่า แต่จากของขายที่ได้กำไรน้อยมากๆ ทำให้เรายังลังเลที่จะใช้วิธีนี้อยู่ ปัจจุบันเราให้เป็นรายวันสำหรับเด็ก parttime
หน้าร้านร้านนี้เป็นแบบเปิด ไม่มีแอร์ ไม่มีกระจกกั้น เนื่องจากอยากลดต้นทุน และดูแล้วเข้าถึงง่าย ขายของถูก แต่ก็ยังมีลูกค้าน้อยอยู่ดี - -'
รวมๆ แล้ว ร้านยังพออยู่ได้ ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ กำไรของร้านใหญ่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายของทั้งสามร้าน แต่รวมๆ แล้วก็ยังรู้สึกว่าได้น้อยอยู่ดี มีเงินเก็บอยู่ส่วนนึงแต่ไม่ได้เก็บเพิ่มมาหลายเดือนแล้ว เพราะบางเดือนแทบไม่เหลือให้เก็บ และเพิ่งจะซื้อบ้าน หมดไปกับการแต่งบ้านอีกพอประมาณ
เคยคิดอยากเอาเงินเก็บมาเล่นหุ้น หรือซื้อพันธบัตร กองทุน อะไรทำนองนี้ แต่ก็ยังศึกษาไม่เข้าใจ เลยพับโครงการไว้ก่อน
อยากได้คำแนะนำ ติชม อะไรก็ได้ค่ะ อยากเอามาพัฒนาร้านให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ขอบคุณล่วงหน้าค่า
จากคุณ |
:
ต้นปาล์มจอมซน
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ม.ค. 53 17:16:49
|
|
|
|