ความคิดเห็นที่ 1 เรียนไปเหอะครับ ที่นี่ไม่เพิ่มให้ เราก็เอาภาษาไปเป็น reference ที่ดีในการหางานที่ใหม่ไงครับ คนเราไม่จำเป็นจะต้องทำงานที่เดิมนี่ครับ จากคุณ : mm_takky เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:19:13

ความคิดเห็นที่ 2 ผมเจอคล้ายๆกัน ต้องเป็นล่าม ด้วยครับ แปลเอกสารอีกต่างหาก หน้าที่หลักก็ต้องทำ แต่เงินเดือนไม่ขึ้น โบนัสก็ไม่มี เซ็งๆๆๆๆ ....สู้ต่อไปครับ จขกท. คิดซะว่า ใครทำ คนนั้นก็ได้ความรู้ติดตัวไป. จากคุณ : krannook เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:23:55

ความคิดเห็นที่ 3 ค่าเรียนภาษาที่บริษัทออกให้ไปก็ค่าจะเยอะเอาการนะครับ มองแบบเป็นกลางนะครับ ผมว่าคุณ จขกท. ได้ผลประโยชน์มากกว่าที่บริษัทได้รับซะอีก เพราะจริงๆบริาัทไม่มีหลักประกันว่า ส่งคุณเรียนแล้ว คุณจะไม่ออก ออกไปหางานใหม่นี่ เงินเดือนน่าจะได้เยอะกว่าเดิมน่าดู จากคุณ : Hikaruku เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:24:08

ความคิดเห็นที่ 4 บริษัทส่งเรียนอะไรผมไปหมดครับ ไม่เคยเกี่ยง ได้ประโยชน์กับตัวเองล้วนๆ แต่ถ้าคุณคิดว่าทักษะด้านนี้ไม่จำเป็นแล้ว ก็อาจจะใช้เวลาที่มีไปกับการเรียนรู้เรื่องอื่นได้ครับ กรณีนี้คล้ายๆ กับ พนักงานจบปริญญาโทแล้วไม่ปรับเงินเดือนให้รึเปล่านะ จริงๆ เค้าไม่ต้องปรับก็ได้ไม่มีกฏเกณฑ์ใดกำหนดเอาไว้ จากคุณ : nungning เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:28:35

ความคิดเห็นที่ 5   เอา มา เยอะๆ ครับ ความรู้   ถ้า มี โอกาส แล้ว ไป เลย ครับ ไม่ต้อง เหลียว หลัง หา งาน ใหม่ เลย ได้ 4 ภาษา  มี ปสก อีก  โอ้ว ที่ ไหน ก็ รับ จากคุณ : beetan เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:33:54

ความคิดเห็นที่ 6 คุ้มโคตร ได้สามภาษาถ้าเงินไม่ขึ้นก็เตรียมเผ่นได้เลย จากคุณ : Jump.Jr เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:31:01

ความคิดเห็นที่ 7 ได้ความรู้  ไม่ดีเหรอครับ  ยิ่งได้ภาษาอิตาเลี่ยน อีก  รับรองถ้าไปที่ใหม่เงินเดือนไม่ธรรมดาแน่ แล้วถ้าคุณไปเรียนเองค่าเรียนทั้งสามภาษาที่คุณได้ก็ไม่ธรรมดาแน่นอน จากคุณ : อาชาสีหมอก_offer เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:44:08

ความคิดเห็นที่ 8 ได้ภาษามาสามภาษา ถ้าให้เสียเงินเอง...........ก็มากโขเอาการอยู่ แต่ว่าบริษัทออกให้ก็ดีเลิศแล้วล่ะค่ะ เรื่องเงินก็สำคัญ แต่ก็อย่าลืมว่าทางบริษัทก็ใช้เงินส่งคุณเรียนเช่นกันนะคะ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 20:18:14

ความคิดเห็นที่ 9 อย่างน้อยคุณก็ไม่ได้เสียเงินไปเรียนเองนี่ค่ะ แต่ที่ได้กลับมาคือ คุณพดได้หลายภาษา ไปสมัครงานที่อื่นเค้าก็รีบอ้าแขนรับคุณละคะ จากคุณ : เฉาก๋วยอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 20:45:19

ความคิดเห็นที่ 10 เป็นผมก็ไม่ต้องคิดไรมากในตอนนี้ เรียนอีกภาษาเลย แล้วยังไม่ขึ้นเงินเดือนอีก ค่อยมาว่ากัน จากคุณ : หมูทอง (Goldenpig) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 20:47:03

ความคิดเห็นที่ 11 อยากให้บริษัทส่งเรียนภาษาที่สาม สี่ ห้า บ้างจัง จากคุณ : Freedom of Life เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 21:26:46

ความคิดเห็นที่ 12 บริษัทส่งไปเรียนภาษาพาเซลแล้วหรือยังครับ ? จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 00:21:43

ความคิดเห็นที่ 13 ผมว่า คุณน่าจะสำนึกบุญคุณบริษัทฯด้วยซ้ำนะครับ (อันนี้ผมไม่ได้ประชดนะ) คนเรามักจะมองความก้าวหน้าแค่ตำแหน่ง หรือระดับเงินเดือน แต่ทำไมไม่มอง คุณค่า ในตัวคุณเองที่มันเพิ่มขึ้นล่ะครับ สมมตินะครับว่าวันหนึ่ง บริษัทคุณเกิดไปเปิดสาขาที่ยุโรป คุณคิดว่าใครจะเหมาะสมสมล่ะครับ หรือถึงแม้ว่าไม่มี career ให้ในองค์กร คุณก็สามารถก้าวกระโดดออกไปหาความก้าวหน้าที่อื่นได้สบายเลย จากคุณ : Boysicky เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 07:54:24

ความคิดเห็นที่ 14   ไม่เห็นเป็นเรื่องน่าน้อยใจเลย...เรามองในแง่ดี  คุณโชคดีมาก ที่บริษัท ให้โอกาส ส่งเสียไปเรียนภาษา...บางคนแม้แต่โอกาสที่จะ เดินออกไปข้างนอก เวลางานยังไม่มีเลย คิดจะทำอะไรก็เงินเองทั้งนั้น **การที่คุณมาน้อยใจ ทำไมไม่คิดว่า สิ่งที่เค้าให้คุณ เป็นโบนัสหละคะ ทั้งเวลา และค่าเรียน  ถ้าได้โบนัสเป็นเงิน ไม่เกิน 2 อาทิตย์ก็หมด แต่นี่เค้าเลือกให้คุณเรียน เพราะคุณมีคุณสมบัติพอ (น่าจะดีใจนะคะ) ต่อไปก็เป็นเสือติดปีก มีแต่คนพร้อมจะ รับ ...คราวนี้คุณก็จะรู้สึกขอบคุณบริษัทนี้มากกว่า ที่เก่าเรา วิศวกรทำงานหนักมาก แต่บริษัทเจอภาวะขาดทุน ในขณะที่แม่บ้านและพนักงานแอดมิน ขึ้นกับบริษัทแม่  ... โบนัส วิศวกรได้ 4000 บาท แม่บ้านได้ 15,000 บาท ส่วนแอดมิน ก็ 2 เท่า... (เห็นมั้ยว่าที่อื่น ระบบปรับแบบ งงๆ ยังมีอีกเยอะ) จากคุณ : วันฉันยังยิ้มได้ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 08:57:08

ความคิดเห็นที่ 15 ขอตอบในฐานะของฝ่ายขายนะครับ เป็นเรื่องธรรมดามากที่เงินเดือนของฝ่ายขายปรับกันมากกว่าแผนกอื่น ฝ่ายขายเป็นฝ่ายที่หาเงินเข้าบริษัทครับ ไม่ได้จะบอกว่าฝ่ายอื่นไม่สำคัญนะครับ ทุกฝ่ายหน่ะสำคัญหมด แต่ถ้าฝ่ายขายทำยอดไม่ได้มันก็มีผลต่อการปรับเงินของทุกฝ่าย bonus อะไรแบบนี้ เพราะฉะนั้นอย่าไปเปรียบเทียบการปรับเงินของตัวคุณเองกับฝ่ายขายเลย เรื่องการเรียนภาษา บริษัท support ให้หมดไหมครับ ถ้าหมดก็ดีออก คุณเรียนคุณก็ได้ประโยชน์กับตัวเอง เรื่องปรับเงินเดือน ถ้าคิดว่าตัวเองเก่ง ดี เจ๋ง เดินเข้าไปคุยเลยครับ ถ้าเจ้านายคุณเห็นเหมือนคุณ เขาก็จะปรับให้ แต่ถ้าไม่ ก็เตรียมหางานใหม่เลย เพราะถ้าคุณเข้าไปคุย แล้วนายไม่สนใจ ผมว่าคุณต้องผิดหวังแน่ๆ ความมุ่งมั่นในการทำงานก็จะลดลง คราวนี้ performance ก็จะ drop แล้วคุณก็จะโดน freeze ครับ จากคุณ : Blancpain เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:03:07

ความคิดเห็นที่ 16 ลองบอกหัวหน้าว่าจะลาออกซิคับ ผมว่าเค้าไม่ให้คุณออกหรอก ลงทุนให้คุณไปซะขนาดนั้น ผมว่าลองคุยเรื่องปรับเงินเดือนกับหัวหน้าดูก่อนคับ จากคุณ : ramusa เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:13:27

ความคิดเห็นที่ 17 เรียนอีกภาษาหนึ่งแล้วไปทำที่อื่น บอกบริษัทว่าถ้าเงินไม่ขึ้นขอลาออกไปทำที่อื่น จากคุณ : darkmetter เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:57:55

ความคิดเห็นที่ 18   ขอขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ความรู้มีเยอะก็ดีค่ะ แต่คนเราอยู่ได้ด้วยเงินค่ะ ถ้ามีความรู้ แต่ไม่มีเงิน ดิฉันเลือกเอาเงิน แต่ไมจำเป็นต้องมีความรู้ก็ได้ค่ะ ดิฉันทุ่มเทอย่างมากกับการเรียนที่ผานมา และรู้สึกเหนื่อย เพราะความทุ่มเททั้งหมด หวังเพียงว่าจะได้รับการมอง และปรับเงินให้บ้าง เพื่อนของดิฉันจบแค่ ม6. ไม่รู้เรื่องซักภาษาตอนนี้เปิดร้านทางเว็บไซด์ รายได้ต่อเดือน เป็น แสน ค่ะ ในขณะที่ฉัน ได้ไม่ถึงครึ่ง ตอนนี้ดิฉันหยุดเรียนหมด แล้วเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว เช่นกันค่ะ ได้เงินมาเป็นแสน คาดว่า ในอนาคต ธุรกิจจะดีไปกว่านี้ และมีรายได้ที่ดีขึ้น ไม่รอบ. ขึ้นเงินเดือนแล้วค่ะ ไม่เรียนแล้วด้วยค่ะ เพราะมันไม่ทำประโยชน์ให้กับฉัน การไปเริ่มต้นทำงานใหม่ ดิฉันแก่เกินไปแล้วค่ะ ปีนี้ก็ 38 แล้ว ดิฉัน ถึงไม่เคยคิดจะลาออกและหวังเพียงเงินเดือนที่จะขึ้นบ้าง กับความสามารถของดิฉันที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็ไม่มีใครทำได้เหมือนดิฉัน แม้แต่คนเดียว จากคุณ : โตนะ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:34:14 A:58.8.37.243 X: TicketID:253559

ความคิดเห็นที่ 19 อ่าน คห18 แล้วถึงเข้าใจว่าทำไมหัวหน้าถึงไม่ขึ้นเงินเดือนให้ ทัศนคติในการทำงานองค์กร ไม่มีเลยค่ะ จากคุณ : พินลอย เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 11:47:13

ความคิดเห็นที่ 20 คุณคิดเหมือนลูกจ้างผมเลย     ผมส่งไปเรียนเป็นช่างกลึง   หมดเงินไปหลายหมื่นบาท    จบออกมาทำได้ปีกว่า   บอกว่าจะออกเพราะที่อื่นให้มากกว่า(แล้วmengไม่คิดถึงเงินที่guลงทุนไปเลยหรือ)   คนอื่นที่เขามาดึงตัว  เขาไม่ได้ลงทุนอะไรกับmengเลย    แต่สำหรับ จขกท.  ถ้าคิดว่าได้ทดแทนบุญคุณที่เขาส่งเสียเพียงพอแล้ว  ก็ไม่จำเป็นต้องทนครับ   หาหนทางที่ดีกว่าให้ชีวิตตัวเองก็ได้ จากคุณ : สริตา เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 11:47:17

ความคิดเห็นที่ 21   ถ้าคุณคิดว่าบริษัทไม่ให้ความเป็นธรรมเลยคุณคิดผิดครับ คุณได้คอร์สเรียนภาษาเพิ่มถึงสองภาษาฟรีๆ คุณลองเอาค่าใช้จ่ายที่บริษัทออกให้คุณมาเฉลี่ยเป็นเดือนๆดู นั้นล่ะคือกำไรของคุณ แต่สิ่งที่คุณต้องการคือเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น ผมแนะนำอย่างนี้ครับคุณควรเรียนภาษาอิตาเลี่ยนเพิ่มครับ จากนั้นคุณจะมีบทบาทมากๆในบริษัท เพราะคุณเป็นกลไกที่สำคัญมากในการดึงและติดต่อลูกค้า ให้คุณไปต่อรองกับบริษัทครับ ว่าคุณเป็นคนที่บทบาทขนาดไหน พูดให้เขาเห็นภาพว่าถ้าขาดเราไปเนี้ยต้องเสียเวลาเทรนคนใหม่นะ เราเป็นทรัพยากรที่มีค่าของบริษัท ถึงบริษัทจะไม่เห็นค่าคุณ แต่บริษัทอื่นอาจจะเล็งเห็นนะครับ พูดได้หลายภาษาแถมมีประสบการณ์อีก บริษัทนี้ไม่ขึ้นให้ก็จริง(แต่ก็ส่งคุณเรียนฟรีๆนะ) แต่บริษัทอื่นอาจจะขึ้นให้ก็ได้ จากคุณ : HouseHunter เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 12:41:40

ความคิดเห็นที่ 22   คือจะบอกว่า ดิฉันไม่ได้เรียนภาษาอย่างที่คนอื่น ๆ เขาเรียนกัน ดิฉันมีความพยายามเหนือมนุษย์ค่ะ วันเสาร์และอาทิตย์ ดิฉันนั่งดู นั่งท่องศัพท์ นั่งเขียน จับมันอยุ่ตลอดเวลา ทบทวน ทั้ง2วันนี้ไม่ต่ำกว่าวันละ 5-6 ชม. ในตอนเช้า-เย็น นั่งท่องค่ะ ประเด็นของดิฉันคือว่า คนเราตั้งใจเรียนหนังสือให้สูง ๆ เพื่อจบแล้วได้งานทำดี ๆ มีเงินเยอะ ๆ ดิฉันตั้งใจเรียนก็หวังเช่นกัน แต่ดูเหมือนดิฉันจะมีแค่ความรู้ ในขณะที่เพื่อนพนักงานที่เค้าจบแค่ ม.6 เค้าเป็นเจ้าของกิจการไปแล้วค่ะ กิจการไปได้สวย ดิฉันมองย้อนตัวเอง ดิฉันเสียเวลากับการเรียนไปมากแล้ว ไม่โกรธคห19. เลยค่ะ เพราะวันนึงถ้าคุณลองเป็นดิฉัน สูญเสียเวลาทั้งหมดไปกับการเรียน สุดท้าย ได้ 0 มันเหนื่อยมาก ๆ ใครทำงานเพื่อความรู้บ้างค่ะ ?? มี 2 ที่ทำงาน ทีแรกให้เงินเดือนคุณ 30000 แต่งานไม่ค่อยมีความรู้เท่าไหร่ อีกทีให้เงินเดือนคุณ 10000 แต่มีความรู้ให้กับคุณ คุณจะเลือกอะไรค่ะ แต่ตอนนี้เปรียบเทียบกับความเป็นจริงคือ มีรายได้เป็นแสนรออยู่ตรงหน้า จะหยิบมันเอาไว้ หรือจะปล่อยทิ้งไป แล้วกลับมาเรียนต่อ ทำ 2 อย่างควบคู่กันไปไม่ได้ค่ะ เพราะการทำธุรกิจส่วนตัวใช้เวลามาก ซึ่งดิฉันก็ทุ่มเทเหมือนเดิม ธุรกิจส่วนตัวนี้ก็ไม่ต้องใช้ภาษาที่เรียนมาซักนิดเดียว จากคุณ : โตนะ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 15:22:23 A:58.8.37.243 X: TicketID:253559

ความคิดเห็นที่ 23 บริษัทส่งให้เรียนโดยออกค่าใช้จ่ายให้ ไม่ได้หักรายได้ของเราไป แบบนี้คุ้มนะครับเพราะทักษะเป็นของเรา เราเอาไปทำของตัวเอง หรือออกไปทำของบริษัทอื่นก็ได้นะครับ ไม่มีเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น เหมือนแผนกขายโฆษณา < หาทางทำโฆษณาของเราเองบางซิครับ ในขณะที่เพื่อนพนักงานที่เค้าจบแค่ ม.6 เค้าเป็นเจ้าของกิจการไปแล้วค่ะ < สร้างของตัวมั่งซิ เช่น เขียน blogs เกี่ยวกับภาษาต่างๆ แล้วติด banner โฆษณา http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2009/01/I7384807/I7384807.html http://topicstock.pantip.com/silom/topicstock/B3890883/B3890883.html อย่าทำลายโอกาส Thanks Merci Danke Grazie ครับ จากคุณ : Spetsnaz เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 16:10:53

ความคิดเห็นที่ 24   เลือกในสิ่งที่สบายใจครับ ดีที่สุด จากคุณ : HouseHunter เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 16:31:39

ความคิดเห็นที่ 25 ลาออกไปเถอะ สงสารบริษัท อย่าให้เค้าต้องเสียเงินส่งคุณเรียนภาษาอื่นต่อเลย ชาวนากะงูเห่าชัด ๆ จากคุณ : Morning Star เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 18:00:55

ความคิดเห็นที่ 26   คุณเน้นเรื่องตัวเองกับเพื่อนคุณมากๆ เป็นเพราะคุณเอาตัวเองไปเปรียบกับคนอื่น มันเลยทำให้คุณรู้สึกไม่พึงพอใจในตัวเองขึ้นมา พูดง่ายๆคือคุณอิจฉาเพื่อน "อะไรกัน จบแค่ ม.6 ความรู้ก็สู้ชั้นไม่ได้ แต่ได้เงินเยอะกว่าชั้นตั้งหลายเท่า ส่วนชั้นอะไรๆก็ดีกว่าแต่สู้เพื่อนไม่ได้สักนิด ชั้นรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าเพื่อนมากๆ ในเมื่อเพื่อนทำธุรกิจเอง ไม่ต้องใช้ความรู้อะไรมากก็รวยได้ งั้นชั้นทำบ้างดีกว่า ยิ่งนานไปชั้นยิ่งแก่ แต่ก็ไม่รวยขึ้น เรียนมากไปรู้มากไปก็ไม่ทำให้ชั้นรวยขึ้น ชั้นไปทำธุรกิจแบบเพื่อนดีกว่า ชั้นจะได้รวยอย่างเขาบ้าง" คุณคิดอะไรทำนองนี้หรือเปล่า? ถ้าใช่ ก็ลาออกไปทำธุรกิจส่วนตัว ทุ่มเวลากับมันให้เต็มที่จะได้รวยแซงหน้าเพื่อนดีกว่า เพราะถ้าทำงานบริษัทก็อย่างนี้แหละ เอ๊ จริงๆ ความสามารถมากแบบนี้น่าจะหาบริษัทที่ให้เงินเดือนเป็นแสนได้ไม่ยากนะ เพียงแต่ต้องหาให้เจอก็เท่านั้น เพราะเห็นเยอะไปที่พูดได้ภาษาหรือสองภาษาแล้วเงินเดือนเป็นแสนน่ะ แต่คุณได้ตั้งสามภาษาแน่ะ อยากเก่งแบบคุณบ้างจัง จากคุณ : อิจฉานะจะบอกให้ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 22:43:14 A:125.27.90.201 X: TicketID:252606

ความคิดเห็นที่ 27 เป็นเรา เราจะเรียนให้หมดทุกอย่างที่บริษัทให้เรียนค่ะ ถ้าเรียนเอง ก็ต้องเสียเงินเองชิมิ แต่นี่บริษัทออกเงินให้ ก็เหมือนเราได้โบนัสเยอะกว่าคนอื่นนะ อีกอย่างนึง ความรู้นี่ก็คือสมบัติอย่างนึงนะคะ มันติดตัวเราไปจนตาย ถ้าคุณออกจากที่นี่ ก็ยังนำความสามารถตรงนี้ไปหางานอื่นได้ เพิ่มเงินเดือนได้อีกนะ จากคุณ : MeaoNoi เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 00:27:28

ความคิดเห็นที่ 28 ผมเข้าใจคุณนะ บริษัทไม่ได้ส่งคุณเรียนคนเดียวนี่หน่า ส่งตั้งหลายคน แต่คุณทำได้คนเดียว ถ้าผมเป็นผู้บริหาร ผมยินดีขึ้นเงินเดือนให้ครับ เพราะวัดได้ชัดเจน ส่วนทัศนคติกับองค์กรณ์ ก็อ้างกันบ้าบอคอแตก ลองเป็นคนที่ทำงานเต็มที่แล้วไม่ได้เงินเดือนขึ้น หรือขึ้นน้อยกว่าชาวบ้านสัก3ปีซี   แล้วจะรู้ว่าทัศนคติเป็นอย่างไร ผมละแอบเซ็ง เป็นฝ่ายขายคนเดียวของทีมที่ยอดเป็นบวกปีละ 30กว่าเปอร์เซ็นต์ ขณะที่คนอื่นๆติดลบหรือเสมอตัว ทำให้ภาพรวมของทีมพอสิ้นปีก็ไม่ติดลบ 2ปีผ่านไป ทุกสิ้นปีเจ้านายบอกว่าตัวเลขของทีมไม่ดี ทางบริษัทไม่สามารถขึ้นเงินเดือนให้กับแผนกได้ ถึงแม้ผลงานKPIของผมจะดีมาก ขอให้ผมเข้าใจด้วย  พร้อมขอร้องให้ผมรับเป้าที่ต้องโอนมาจากเพื่อน ที่ทำไม่ถึง  เพื่อช่วยเหลือเพื่อนให้ได้คอมมิชชั่นกันบ้าง ผมก็ซื่อ ครับๆ ผมเข้าใจ ปีที่3 ณ สิ้นปีโตจากปีที่แล้ว30กว่าเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน แต่ถ้าวัดจากเป้าแล้วเท่ากับ100% ส่วนเพื่อนติดลบจากปีที่แล้ว5% แต่ถ้าวัดจากเป้าแล้วเท่ากับ110% เพราะเจ้านายโอนเป้าจากเขามาให้ผม พอถึงช่วงบริษัทปรับเงินเดือน ฝ่ายบุคคลแจ้งแล้วว่าจะขึ้นเงินเดือนเฉลี่ย แผนกละ5%  ใครจะขึ้นมากหรือน้อยกว่านี้ขึ้นอยู่กับผลงานที่พิจารณา โดยผจก.แต่ละแผนก   ปีที่3     เงินเดือนผมขึ้น3%นั่นหมายความว่า เงินเดือนผมขึ้นน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของแผนกอีก   เซ็งอย่างแรงงงงง ถามเหตุผลเจ้านาย แกตอบว่าผมทำได้เท่ากับเป้าพอดี ขณะที่คนอื่นเกินเป้าคนละ5-10% ปีที่4 เจ้านายเรียกผมไปคุยอีกบอกว่าพิจารณาจากเติบโตของยอดขายแล้ว ขอให้ผมแบกเป้าอีกครั้ง คือตัดเป้าของคนอื่นมาให้ผมอีก ผมก็เลยตอบปฏิเสธไป เหนื่อยมาหลายปีแล้ว ไม่อยากได้คำชม อยากได้เงินบ้าง ณสิ้นปี ปรากฏว่าเงินเดือนขึ้นอีกแค่3%เหมือนเดิม ทั้งที่KPIก็ดีเยี่ยม ผมเข้าไปถามแกอีกครั้ง  ผจก.ตอบว่าที่ขึ้นให้น้อยเพราะผมมีทัศนคติ ที่ไม่ดีต่อองค์กรณ์ ไม่ยอมรับเป้าเพื่อช่วยเหลือทีม ผมจึงอยากทราบเหมือนกันว่า ผมทัศนคติไม่ดีจริงหรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 53 02:36:47 จากคุณ : oeton เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 02:20:31

ความคิดเห็นที่ 29   ชอบคห. 26 ถูกต้องค่ะ ตรงกับความในใจเดะ คนเราก็ธรรมดาอดที่จะเปรียบเทียบไม่ได้ ทำงานบ.ก็แบบนี้จริงๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับความเห็น ชอบคห. 28 ที่มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน ทำไมคนหนึ่งคนที่มีความสามารถเป็นอันดับที่หนึ่งของเรื่องๆ หนึ่ง ถึงไม่ได้รับการตอบแทนที่ดี ในขณะที่คนอื่นก็ทำไม่ได้ อีก 30-40 คนก็ทำไม่ได้ เข้าใจคุณ oeton เหมือนกัน ว่าทำไมต้องแบกรับภาระของคนอื่นด้วย ถ้าแบกรับมาแล้วขายได้เพิมเท่าไหร่ก็คืนเงินคอมกับมาให้เราเท่านั้น ขี้คร้านทุกคนก็จะพยายามขายให้ได้ ยิ่งขายได้มากก็ได้มาก เรามีแรงจูงใจอะไรที่จะต้องแบกภาระตรงนี้ไว้ในเมื่อเงินก็เท่าเดิม หรือทุกคนกินลม? ทุกคนทำงานก็ต้องการเงินทั้งนั้นคะ ฝ่ายขายก็สามารถออกไปทำเองได้นะคะ ไม่ใช่เรื่องยากเลย จากคุณ : โตนะ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 10:51:48 A:58.8.40.208 X: TicketID:253559

ความคิดเห็นที่ 30 เห็นด้วยจริงๆ เลยกับ คุณเจ้าของกระทู้และ คุณ oeton ทุกประการ *เงินเดือนเท่าอึมด แต่ workload เท่าอึปลาวาฬ* ทำงานหามรุ่งหามค่ำ แต่ผลตอบแทนได้เท่าเดิม เป็นผมก็อยู่ไม่ไหวเหมือนกัน ให้ตายสิ ทำงานหนักตั้งใจทำงาน ใครบ้างจะไม่หวังเงินเดือน ถ้าไมไ่ด้บ้านรวยอยู่แล้ว ทำธุรกิจก็ต้องหวังผลตอบแทนและกำไร ทำงานก็เหมือนทำธุรกิจ การเรียนภาษาของคุณถือว่าดีมากที่เขาได้ส่งเราเรียน ประโยชน์ก็เกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย ตัวคุณได้ความรู้ บริษัทได้ประโยชน์จากภาาาของคุณที่ไปเรียน แต่ถ้าคุณทำประโยชน์ให้กับบริษัทมาก แต่ผลตอบแทนเท่าเดิม ทำงานมากกว่าคนอื่น แต่เงินเดือนไม่ขึ้น อันนี้ไม่เกี่ยวกับทัศนคติกับองค์กรแล้ว มันคนละเรื่องกัน เข้าใจครับ ทางที่ดีนำความรุ้ไปทำธุรกิจดีกว่า ผมว่า ผงตอบแทนคงจะน่าพอใจ เป็นผม ไปตั้งแต่รู้ว่าไม่ได้ขึ้นเงินเดือนแล้ว ยิ่งในยุคปัจจุบัน เงินเป็นปัจจัย 5 ขาดเงินปุ๊ป ปัญหามาปั๊ป ยิ่งโตขึ้น ยิ่งต้องเก็บเงินไว้ใช้ยามแก่เฒ่า จากคุณ : rock2u เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 11:36:19

ความคิดเห็นที่ 31 ความคิดผู้บริหาร อาจคิดว่า เขาลงทุนกับค่าเรียนของคุณ นั่นก็เท่ากับว่าบริษัทให้ผลประโยชน์กับคุณแล้ว และตัวคุณก็ได้รับผลตอบแทนนั้นแล้ว ทั้งค่าเรียนและตัวคุณก็ได้ภาษา สองสามภาษาที่คุณเรียน สรุปคือเงินเดือนที่คุณคาดว่าจะได้รับเพิ่ม โบนัสหรืออื่น ๆ มันรวมในค่าเรียนที่บริษัทให้คุณไปแล้ว ไม่เห็นต้องเพิ่มเิงินเดือนให้ จากคุณ : YUKEDA เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 14:09:22

ความคิดเห็นที่ 32   จขกท.ยังดีนะคะที่บ.ให้โอกาสคุณได้เรียน ของเราสิ สอบทีไร คะแนนสูงกว่าคนอื่น เค้าก็ไม่ให้เราเรียน บอกว่าเรารู้แล้ว เวลามีเทรนน่ง เค้าจะอ้างว่าต้องการพัฒนาคนรุ่นใหม่ เราก็อดอีกค่ะ แต่ไม่มีใครใช้ความรู้ที่ได้มาทำงานได้เลย เราทำงานแทนระดับผู้จัดการมา 5 ปีเต็ม แต่ไม่ได้รับการโปรโมท เพราะเรายังโสด ทางผู้ใหญ่เห็นว่ายังไม่โต ไม่มีความรับผิดชอบ จะเอาเวลาที่ไหนไปมีครอบครัวล่ะคะ ทำงานจน 5 ทุ่ม เที่ยงคืนทุกวันๆ ตอนนี้เรากำลังหางานใหม่อยู่ค่ะ ไม่รู้ว่าจะทนไปทำไม จากคุณ : สาวกลางกรุง เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 20:04:03

ความคิดเห็นที่ 33 ฟังไว้ ก่อนไปเขียน blog นะครับ คุณ จขกท จากคุณ : Spetsnaz เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 53 12:02:25