Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นโยบายและวิธีการบริหารพนักงานของผมเอง{แตกประเด็นจาก B8911123}  

1. ผมคำนวณต้นทุนธุรกิจครับ และตั้งเป้าไว้ว่าค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานควรจะอยู่ที่กี่เปอร์เซ็นต์ของค่าใช้จ่ายต่อเดือนทั้งหมด เนื่องจากธุรกิจของผมเน้นบริการ 70% ขายสินค้า 30% จึงถือว่ามีต้นทุนสินค้าต่ำ ผมเลยตั้งรายจ่ายเกี่ยวกับพนักงานไม่เกิน 30% หมายถึงถ้าเดือนนึงมีรายจ่าย 5 แสนบาท จะต้องเป็นเงินเดือน โบนัส สวัสดิการ ประกันสังคม โอที เปอร์เซ็นต์การขาย ฯลฯ ไม่เกิน หนึ่งแสนห้าหมื่นบาท

2. วิเคราะห์ว่าธุรกิจเราในศักยภาพเท่าที่มี ถ้าพีกสุดๆ จะต้องรับพนักงานกี่คนถึงจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ สมมุติว่ารับได้ 5 คน เท่ากับเราสามารถจ่ายให้พนักงานได้เต็มที่เดือนละไม่เกิน 3 หมื่นบาท(ถัวเฉลี่ยเอาครับ บางคนตำแหน่งน้อยก็ได้ไม่ถึงหรอก บางคนตำแหน่งเกินก็ได้เกิน แต่ยอดรวมไม่เกิน)

3. แต่เริ่มต้นที่รับพนักงานน้อยๆ ก่อนนะครับ อย่ารับทีเดียว 5 คน จะมานั่งตบยุงกันเปล่าๆ เมื่อธุรกิจวิ่งจริงๆ แล้วมีเวลาถมเถในการจ้างคนเพิ่ม ผมประกาศรับพนักงานโดยจ่ายเงินเดือนสูงกว่าตลาดนิดหน้อยเองครับ 5-10%

4. เมื่อได้พนักงานแล้วก็แจกแจงให้เห็นเลยครับ ว่าธุรกิจเรามีแนวโน้มอย่างไร โอกาสเติบโตมีมากแค่ไหน (ถ้าพนักงานคิดว่าเราโม้ก็ดีครับ แปลว่าเขาไม่พร้อมจะทำงานกับเรา เขาจะได้รีบหางานอื่นไวๆ ถ้าพนักงานเห็นด้วย เชือมั่นเรา ทีนี้ก็มาถึงค่าตอบแทนที่เขาจะได้รับครับ ถ้าช่วยเราบากบั่นไปถึงฝั่งฝันได้

5. เรามีเป้าหมายในใจอยู่แล้วใช่มั้ยครับ ว่าจ่ายได้ไม่เกินคนละ 3 หมื่น (ซึ่งเป็นเงินเดือนไปแล้วประมาณหมื่นบาท เหลืออีก 2 หมื่น) ถ้าธุรกิจพีคสุดๆ เป็นหน้าที่เราอีกแล้วครับ ว่าต้องวิเคราห์ว่าอย่างแย่เราจะมีรายได้เข้ามาเดือนละเท่าไหร่ และอย่างสุดๆ ไปเลยเราจะมีรายได้เข้ามาเท่าไหร่

6. ผมตั้งเป้าอย่างนี้ครับ เมื่อรายจ่ายรวมของเราประมาณ ห้าแสนบาทต่อเดือน ผมบอกว่า 5 แสนแรกคือสิ่งที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน คือถ้าได้ไม่ถึง เราก็ต้องต่างคนต่างไป คุณหางานใหม่ ส่วนผมเจ๊ง

7. 5 แสนที่สอง เงินก้อนนี้ถือเป็นกำไรของผมล้วนๆ แล้วครับ อาจมี variable cost นิดหน่อย ผมให้พนักงานเพิ่ม 2 % ครับ แปลว่าถ้าได้เต็มเขาจะได้รับเงินเพิ่มอีกหมื่นถ้าได้ครึ่งเดียวเขาก็ยังได้อยุ่อีกตั้งหมื่นนึง ทำให้เขารู้สึกว่าคุ้มที่จะเสี่ยง ซึ่งหักลบยังไง ผมก็ได้อย่างต่ำ 3 แสนจากตรงนี้

8. เกินกว่า 1 ล้านเป็น 1 ล้าน 5 บาทผมให้พนักงานจากตรงนี้ 5 % ครับ แปลว่าถ้าแค่ได้เกิน 1 ล้านมาอีกแสนเดียว เขาก็ได้อีกตั้งห้าพัน ซึ่งถ้าทำยอดตั้งล้านบาทได้ เงินแสนนึงจิ๊บๆ ครับ ถ้าผมได้เกินมาอีก ห้าแสนบาท เขาได้ 2.5 หมื่นบาท

9. เกินกว่าล้านห้า ผมให้ 10% เลยครับ และพนักงานเคยทำแตะยอดนี้มาแล้วด้วย เดือนเดียวเราได้เกือบ 2 ล้าน พนักงานแต่ละคนรับไปเฉลี่ย 5.5-6 หมื่นบาท คิดเป็นรายจ่ายเกี่ยวกับพนักงานประมาณ 2 แสนห้า เป็นเปอร์เซ็นต์แล้วยังไม่ถึง 15%

10. พนักงานอื่นๆ ทุกตำแหน่งได้เปอร์เซ็นต์กันทั่วหน้าครับ แต่อาจเป็น 1% 2% 5% อะไรแบบนี้ เพื่อให้การทำงานมีเอกภาพและไม่อิจฉากัน โอปะเรเตอร์ก็ได้เปอร์เซ็นต์ แม่บ้านยังได้เลยครับ จะได้ขยันเสริฟน้ำ คนส่งเอกสารยังได้เลยครับ ทำให้สินค้าที่ลูกค้าสั่งส่งถึงไว

11. พนักงานขายกับพนักงานการตลาดได้เป็น 2 ยอดนะครับ คือยอดรวมกับยอดของตัวเอง คือพนักงานขายนอกจากได้ยอดร่วมแล้วยังได้จากยอดของตัวเอง วัดที่การขายลูกค้า walkin ส่วนการตลาดวัดที่ลูกค้าติดต่อเข้ามาจากโปรแกรมส่งเสริมการขาย โดยเรามีบัตรสมาชิกให้กรอกพร้อมรับคูปองส่วนลดครับ และจะมีคำถามว่าลูกค้ารายนั้นรู้จักเราจากสื่อไหน ถ้าจากการส่งเสริมที่การตลาดจัดขึ้น ก็คำนวณรายรับให้แต่ละหน่วยเพิ่มครับ เหมือนให้คะแนน ถ้าหน่วยไหนได้คะแนนมากก็ให้เงินเพิ่มอีก 1-2% จากยอมรวมทั้งหมด

ตอนนี้คิดได้เท่านี้ก่อนนะครับ

จากคุณ : มโหระทึกเอ็ดอึง
เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 53 18:32:34 A:124.120.73.85 X: TicketID:128760




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com