PANTIP.COM : B8954345 รบกวน การบ้านด้านการตลาดค่ะ [การตลาด]

ความคิดเห็นที่ 3

เอา เข้ามามั่วนะครับ ถ้าทฤษฏีเป็นตามนี้
http://www.econ.neu.ac.th/econ/chapter/lesson02/data03.html
http://www.siraekabut.com/2010/02/demand-and-supply/

เบียร์น่าจะเป็นทั้ง อุปสงค์ต่อราคา อุปสงค์ต่อรายได้ และ อุปสงค์ต่อสินค้าชนิดอื่นด้วย (เหล้า ไวน์ และ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลาย)

อุปสงค์ต่อราคา ไม่ต้องพูดมาก ยิ่งถูกคนก็ยิ่งกินมากขึ้น ดูอย่างเบียร์ช้างตอนออกใหม่ๆ ตีตลาดเบียร์สิงห์มาก เล่นขายเหล้่าพ่วงเบียร์ ร้านบางแห่งที่จำต้องรับเบียร์มาขาย (ไม่งั้นไม่ได้เหล้า) เหลือบานเบอะ ราคาเหลือขวดละยี่สิบ - ยี่สิบห้าบาท (ยอมขาดทุน) ขาย 4 -5 ขวดร้อย คนเลยหันมากินกันใหญ่

อุปสงค์ต่อรายได้ ปกติเบียร์จะแพงกว่าเหล้านะครับ เทียบความเมากันต่อดีกรีแอลกอฮอล์ ถ้าคนมีรายได้เพิ่ม เช่น คนงาน ก็มีสิทธิ์ที่เบียร์จะเข้าไปแจมร่วมกับเหล้าขาวมากขึ้น ถึงไม่หมด ก็ตลาดเพิ่มขึ้น

อุปสงค์ต่อราคาสินค้า่แอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ อันนี้ก็ชัด ถ้าเบียร์แพงโดดขึ้นมาคนก็มีทางเลือกไปหาความเมาเอาจากของอื่นๆ ได้เยอะแยะ เช่น เหล้าขาว เหล้าสี เหล้านอกนำเข้า สุราพื้นบ้าน อุ กระแช่ สาโท จนกระทั่งเหล้าเถื่อน หรือถ้าอย่างอื่น ถูกลงก็มีผลตรงกันข้าม

อัตราส่วน แต่ละอย่าง เดา(อีกแล้ว) ว่า อุปสงค์ต่อราคาน่าจะซัก 50% อุปสงค์ต่อรายได้ อาจจะ 20% และ อุปสงค์ต่อราคาสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นซัก 30%

การตลาด
อุปสงค์ต่อราคา ต่างฝ่ายต่างก็ออกเบียร์ราคาต่ำกันใหญ่ เช่น สิงห์มาออกลีโอ ไทยเบฟมีเบียร์อาชา กดราคากันลงมา

อุปสงค์ต่อรายได้ เบียร์สิงห์เดิม จาก regular เดี๋ยวนี้กลายเป็น พรีเมี่ยมแล้วนะครับ แพงขึ้นไปมาก หรือดูการตลาดก็ได้ เวลาจัดลานเบียร์ไปเลือกเอาช่วงเดือนธันวาคม นอกเหนือจากเรื่องเทศกาล และอากาศแล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงที่คนมีรายได้ดีได้โบนัส และอยากออกมาจับจ่ายใช้สอย

นอกจากนี้ก็พยายามผูกเบียร์ เข้ากับของเล่น options แพงๆ ทั้งหลายให้คนดูว่ามีรสนิยม เช่นเป็น Sponsor ทีมรถแข่ง หรือกีฬาที่คนนิยม อย่างเบียร์ช้างเป็น Sponsor ทีมฟุตบอล จัดแข่งกอล์ฟ เทนนิส ฯลฯ กลายเป็นคนรายได้ดีต้องกินเบียร์ อะไรทำนองนี้

เรื่องอุปสงค์ต่อราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่นๆ
ค่ายสิงห์ก็พยายามประโคมให้เก็บภาษีต่อดีกรีแอลกอฮอล์ (แทนที่จะเก็บตามราคา หรือ ดีกรีก็ได้อย่างในปัจจุบัน) ถ้าออกมาจริง พวกเหล้าขาวกลุ่มเบียร์ช้าง มีหวังหงายเก๋ง เพราะเหล้าขาว 38 หรือ 45 ดีกรีมีหวังแพงหูฉี่ รวมถึงเหล้าอื่นๆ ด้วย (เบียร์มีดีกรีต่ำ)

ยังไม่นับการฆ่าตัดตอนสุราพื้นบ้าน ที่โดนล็อคจากทุกกลุ่มทุนปัจจุบัน โดยอาศัยมือราชการ เช่น ระเบียบตั้ง โรงงานสุราพื้นบ้าน ต้องมีเงินทุนจดทะเบียน 200 ล้านบาท (กระทรวงอุตสาหกรรม) หรือ บังคับเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายไม่ให้ได้เกิด สุราพื้นบ้าน สมัยยุคคุณทักษิณ OTOP ก็เหมือนดอกไม้บานหน้าฝน พอหมดช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์ก็เฉาตายเกือบหมด แถมหนี้หัวโต

ความรู้เรื่องเบียร์ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kitsanato&group=1&month=11-2009&date=24

ลองดูนะครับ เท่านี้ คงเอาตัวรอดไปได้มั๊ง

จากคุณ : birdeyeview

เขียนเมื่อ : 6 มี.ค. 53 18:57:35