|
ความคิดเห็นที่ 5 |
|
ธุรกิจนี้นอกจากเครื่องจักร บุคลากร แรงงาน เงินลงทุน รวมถึงตัวผู้ประกอบการแล้วทำเลและสถานที่ตั้งเป็นตัวกำหนดข้อได้เปรียบ เนื่องจากวัตถุดิบ เช่น หินคลุก ซิเมนต์ บางทำเลค่าขนส่งแพงกว่าวัตถุดิบ เช่น แถวๆแก่งคอย หน้าโรงงาน หินคลุกตันละ 20-30 บาท แต่ค่าขนส่งไปแต่ละสถานที่ตันละ 300-600 บาท ต้นทุนไปอยู่ที่ค่าขนส่ง ดังนั้นควรมีรถบรรทุกวิ่งเอง ทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ การลงทุนเครื่องจักร มีผู้ผลิตหลายราย ทั้งภาคกลาง ภาคอิสาน เครื่องอัดแบบไฮโดรลิค 4 ก้อน 8 ก้อน ทั้งระบบราคาประมาณ 5-6 แสนบาท เครื่องอัดแบบโยกมือ ราคาประมาณ 2-3 หมื่นบาท บุคคลกรใช้ประมาณ 2-5 คนก็พอ เริ่มใหม่ๆยังไม่รู้สูตรหรือส่วนผสมที่พอเหมาะ ทำให้อัดแล้วไม่ได้ผล ไม่เป็นก้อน บางทีอัดแล้วพอแห้งตัวก็แตกร้าว ต้องลองผิดลองถูกหาส่วนผสมที่พอดีก่อน บางทีใส่ซิมนต์มากเกินก็เป็นต้นทุน น้ำมากไปก็เหลว น้อยไปก็ไม่ได้ กลุ่มลูกค้านอกจากผู้รับเหมาแล้ว การหาตัวแทนจำหน่ายประเภท ร้านวัสดุก่อสร้าง ในแต่ละท้องที่ จะทำตลาดได้เร็วกว่า โดยเฉพาะแหล่งที่มีการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมขยายตัว จะใช้ปริมาณมากกว่าหมู่บ้านจัดสรรร เนื่องจาก มีผลิตภัณฑ์แผ่นผนังซิเมนต์สำเร็จรูป ทำเป็นรั้ว สวยงามกว่า และติดตั้งได้รวดเร็ว ปัจจุบันต้นทุนการผลิตอิฐบล็อกมาตจรฐาน20*40 ซม.ประมาณ 2.0-2.5 บาท/ก้อน ราคาขายส่ง 3 บาท/ก้อน ตัวแปรคือน้ำมัน ควรส่งด้วยรถติดเครน เพื่อประหยัดแรงงานและเวลา โดยรวมแล้วธุรกิจนี้ยังพอทำกำไรได้ แต่ในอนาคตไม่แน่ว่าจะมีเทคโนโลยีการผลิตหรือการใช้วัสดุทดแทนที่ดีกว่า เช่น expanded slag,expaned clay,expanded polyethlene ,fiber glass, fly ash ,perlite ฯลฯ มาทดแทนเพื่อใช้ผลิตผนังมวลเบา ซึ่งเป็นวัสดุเหลือใช้ ทำให้มีน้ำหนักเบา ขนส่งได้รวดเร็วและประหยัดกว่า รวมถึงใช้ไม่ต้องใช้แรงงานมานั่งก่อฉาบ เพื่อให้ผนังเรียบ ในอนาคตจะมีผนังมวลเบามาทดแทนอิฐบล็อก เหมือนๆกับอิฐบล็อกซึ่งมาทดแทนอิฐมอญ เมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ดังรูป ที่เรียกว่า ผนังมวลเบา (light wall panel) ซึ่งมีต้นทุนต่อตารางเมตรถูกกว่า
จากคุณ |
:
หัวใจจากท้องทะเล
|
เขียนเมื่อ |
:
31 มี.ค. 53 22:14:43
|
|
|
|
|