PANTIP.COM : B9084245 พี่ๆมีวิธีการบริหารเงินเดือนยังงัยให้มีประสิทธิภาพสูงสุดครับ? []

ความคิดเห็นที่ 9

จบใหม่ เงินเดือนไม่น่าถึง 20,000 บาท จึงยังไม่เสียภาษี
เงินเดือนเท่าไหร่จึงได้กลับมาเกือบทุกบาททุกสตางค์ (หักแค่ประกันสังคม)

ก่อนน้องจะมีรายได้ แนะนำให้คิดถึงตอนเกษียณไว้ก่อนเลย พี่หมายความว่า น้องคงไม่ได้อยากทำงานไปตลอดชีวิต หรือทำงานไปจนแก่อายุ 60 จริง ๆ ใช่ไหม?

ถ้างั้นก็ตั้งสติ ลองคิดดูดี ๆ ก่อน ว่าอยากทำงานไปจนอายุเท่าไหร่ หรือถ้าคิดไม่ออก พูดใหม่ง่าย ๆ ว่า น้องอยากให้ตัวเองมีทางเลือกตอนอายุเท่าไหร่ ว่าจะทำงานก็ได้ ไม่ทำก็ได้ แต่ก็มีกิน! (มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รายได้ไม่หยุดชะงัก)

ย่อหน้าข้างบน คือ เป้าหมายความร่ำรวยของน้อง

ส่วนว่าจะบริหารเงิน แบ่งเก็บแบ่งลงทุน สัดส่วน ยังไงเท่าไหร่ก็ขึ้นกับเป้าหมายของน้องเอง

ทีนี้หลักการมันมีมากมาย ไม่มีอะไรเป็นข้อบังคับ แต่พอบอกได้คร่าว ๆ ถึงกองเงินต่าง ๆ ดังนี้ (หลายอย่างอ่านและศึกษามา บางอย่างคิดเอง อาจไม่มีในทฤษฏีชาวบ้าน ^^)

1. สำคัญสุดในปัจจุบัน คือ กองทุนเงินสำรองฉุกเฉิน (10 - 20%)
(ให้ฝากประจำ 3 เดือน หรือ เก็บไว้ในกองทุนสะสมทรัพย์) กองนี้ทยอยเก็บทุกเดือน เดือนละเท่า ๆ กัน จนเก็บได้ประมาณ 6 เท่าของค่าใช้จ่ายประจำรายเดือน หรือ 3 เท่าของเงินเดือน เก็บครบแล้วหยุดได้เลย ปล่อยให้ดอกเบี้ยทบต้นทำงานเพิ่มเงินให้เราเอง ** ถ้าไม่ตกงาน/เจ็บป่วยจนทำงานไม่ได้ต้องออกจากงาน/ทุพลภาพทำงานไม่ได้/ตาย ** ห้ามถอนเด็ดขาด เป็นกองทุนที่มีแล้วความเสี่ยงในชีวิตจะน้อยลง สุขภาพจิตดีขึ้น ความกดดันในการทำงานจะน้อยลง (อันนี้คิดเอาเอง)

2. สำคัญที่สุดในอนาคต คือ กองทุนเกษียณ (ประมาณ 10%) เน้นเสี่ยงต่ำ วัยเริ่มต้นทำงาน แนะนำให้หาบริษัทที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ แล้วสมัครเข้าร่วมกองทุน บริษัทจะหักเงินเดือนน้องไปทุกเดือน เดือนละประมาณ 3-5% แล้วแต่นโยบายของบริษัทฯ ยกเลิกได้ แต่ห้ามยกเลิกเด็ดขาด น้องพี่ทำงานมา 4 ปี มีเงินในกองทุนนี้เป็นแสนแล้ว เพราะบริษัทจะช่วยสมทบเงินให้เราครึ่งนึงด้วย ทั้งนี้ ตามอายุงานของน้องและนโยบายบริษัท มีเงื่อนไขหลายอย่าง ไป search เอา

>>คนทำงานประจำ ใครมีโอกาสแล้วไม่ทำ เสียโอกาสสุด ๆ ๆ ๆ ๆ ได้เงินบริษัทฟรี ๆ ครึ่งนึง (ถ้าอายุงานครบปีตามที่บริษัทกำหนด) แถมรายได้ส่วนนี้ไม่เสียภาษีเลย
>>ใครทำแล้วพอเห็นมีเงินในกองทุนเยอะ แล้วยกเลิกกองทุนเอาเงินออกมาใช้ ถือว่าโว่มากกกกกก ตัดอนาคตตัวเองสุด ๆ
>>ใครเริ่มทำตั้งแต่เริ่มต้นทำงาน จนถึงวันเกษียณ จะมีเงินเก็บในกองทุนนี้หลายล้าน ไม่เคยคำนวณไม่แน่ใจเป็นหลักสิบล้านถึงไหม แต่ที่สำคัญบอกอีกที เป็นเงินเราครึ่งนึง เงินบริษัทออกให้เราครึ่งนึง

ต่อไปทำงานจนเสียภาษีค่อย หันไปมองกองทุน RMF เพื่อลดหย่อนภาษี

3. กองนี้เป็น ค่าใช้จ่ายประจำเดือน (เด็กจบใหม่ไม่น่าเกิน 30% คนทำงานมานานไม่น่าเกิน 50%) เช่น ค่าเช่าหอ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ามือถือ ค่า ADSL ค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าเลี้ยงดูบุพการี ถ้ามีหนี้สิน (ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้) จะมาตกอยู่กองนี้แหละ ทำให้รายจ่ายน้องสูงเกินจำเป็น และทำให้น้องรวยยากขึ้นไปอีก แล้วช้าลงไปอีก (รวมแล้วพยายามอย่าให้สูงนัก เด็กใหม่ไม่ควรมีบัตรเครดิตเลย ไม่ควรสร้างนิสัยเสียสร้างหนี้สิน ไม่งั้นอีก 10 ปีผ่านไปจะมานั่งเสียดายเวลาเหมือนพี่ ^_<)

4. เงินใช้เล่น แบ่งไว้เลย อยากใช้เดือนละเท่าไหร่จัดไป ซัก 10% ของเงินเดือนก็ได้ (แล้วแต่ความงกส่วนบุคคล) เอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยว กินของแพง ซื้อเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แว่นตา ซื้อวัตถุตามสมัยต่าง ๆ ** จำไว้จิตใต้สำนึกเราต้องการการผ่อนคลาย และไม่ชอบการถูกบีบบังคับ เงินส่วนนี้ยังไงก็ต้องมี อย่างกจนเกินไป ไม่งั้นวันนึงอดกลั้นไม่ไหว ตบะแตก เมื่อนั้น เงินทุกกองที่อุตส่าห์เก็บออมบริหารมา จะเป็นหมดได้ในทันที ซึ่งถ้าไม่มีเงินกองทุนส่วนนี้เลย จะถือว่าเราบริหารเงินไม่ดีเท่าที่ควร หรือ ไม่สมบูรณ์นั่นเอง**

5. เงินเพื่อการพัฒนาตนเอง (ประมาณ 10%) เช่น เก็บไว้เรียนป.โท ซื้อคอร์สเรียนภาษา เรียนหลักสูตรระยะสั้นต่าง ๆ ซื้อหนังสือ ค่าอบรมสัมมนา ที่ต้องการ ซัก 10% ของเงินเดือนเหมือนกัน

6. เงินบริจาค แบ่งเงินไปให้คนอื่นบ้าง เอาให้เราไม่รู้สึกเสียดาย 100 - 200 - 300 ทำให้เป็นนิสัย แบ่งไว้ก่อนจะใช้จ่าย ถ้าคิดจะบริจาคตอนเงินเหลือ คงไม่มีวันได้บริจาคให้ใคร คนลำบากกว่าน้องมีเยอะแยะ โอกาสน้อยกว่าน้องก็มีเยอะ การทำงานเราอาจมีอุปสรรค ขวากหนาม อย่างน้อยเราแบ่งปันให้คนอื่นอยู่ทุกเดือน เราก็อุ่นใจละน่าว่าเราก็มีความดีคอยหนุนนำ

7. เงินลงทุนระยะสั้น-กลาง (3-7 ปี) ซัก 10% เช่น สลากออมสิน สลากธกส. พันธบัตรรัฐบาล ทองคำ กองทุนต่าง ๆ
** เงินกองนี้แบ่งเก็บไว้จนได้เงินซักก้อน 1 หมื่น - หลายหมื่น แล้วค่อยซื้อทีเดียว
(LTF ซื้อเฉพาะเงินเดือนต้องเสียภาษีแล้ว ทยอยซื้อประจำทุกเดือน)

8. เงินลงทุนระยะยาว (ทิ้งไว้ได้ยาว 10-30 ปี รอกินปันผล หรือดอกเบี้ย) เก็บประมาณ 10-20% เช่น หุ้น ซื้อบ้าน-คอนโดให้เช่า รถแท็กซี่ให้เช่า
** เริ่มทำงานอาจยังไม่มีเงินก้อน ให้แบ่งเงินเก็บไว้ก่อน จนได้ซักแสน - สองแสนขึ้น ค่อยเริ่มดำเนินการ ระหว่างนี้หาข้อมูลให้มากที่สุดในด้านที่สนใจจะลงทุน

** สำคัญที่สุด อย่าก่อหนี้ (แทนที่จะรวยเร็ว กลับจนไปอีกนาน เจ้าหนี้เท่านั้นที่รวย) อย่าบ้าวัตถุ อย่าบ้าซื้อ (คนขายจะรวยเร็ว น้องจะรวยช้า) ฝึกแนวคิดไว้ก่อนเลย ได้เงินใหม่เข้ามาเมื่อไหร่ จ่ายเงินให้ตัวเองก่อนเลย (ออม) แบ่งเก็บและแบ่งบริจาคไว้ก่อน ถ้ารอเก็บหลังจากเหลือจ่าย คงไม่มีใครมีเหลือ แล้วทำแบบนี้มันฝืนใจด้วย สุดท้ายก็ไม่เหลือจริง ๆ

จากคุณ : m_y

เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 53 23:35:24