ความคิดเห็นที่ 1 - นักข่าวสายโทรทัศน์ ไปที่ กรมประชาสัมพันธ์ ซ.อารีย์ นะคะ หรือลองเข้าไปดูเวป สิ่งที่ต้องมีในมือก่อนสมัครตำแหน่งนี้คือ ใบผู้ประกาศ เข้าใจถูกต้องแล้วค่ะ ต้องไปสอบใบอนุญาตผู้ประกาศข่าว ออกโดย กรมประชาสมัพันธ์คะ นี่คือใบเบิกทาง ถ้ามีใบนี้ในมือ ลดคู่แข่งไปครึ่งหนึ่ง เหมือนคะแนนโทอิคอ่ะ (จำได้ว่าเมื่อตอน 2004 kenneth ไปสอบ สามครั้งคะกว่าจะได้) หลังจากได้ใบผู้ประกาศ แล้ว ที่นี้ถึงขั้นตอนลงสนามจริง จริง ๆ ตำแหน่งนี้เป็นอะไรที่ต้องจับผลัด จับผลู มาเป็นคะ (อันนี้ผู้ประกาศข่าว ไม่ใช่ผู้ดำเนินรายการ) ต้องขออนุญาตอธิบายยาวสักนิดหนึ่งคะ  ภาพรวมทั้งผู้ประกาศข่าวนอกสถานที่ และในห้องส่ง เมื่อสิบกว่าปีนะคะ มักจะเน้น คนจบนิเทศฯ เพราะ เก่งเรื่องการรายงานข่าว การจับประเด็น การเขียนประเด็น การสรุปประเด็น รู้ว่าข่าวนี้ควรเล่นประเด็นใด บก.ข่าวประจำวันถึงจะนำ on Air  ความคล่องตัว ในการเข้าหาแหล่งข่าว  เป็นต้น   แต่มุมมองตอนนี้ถูกเปลี่ยนไป ผู้ประกาศข่าวที่จบนิเทศ ฯ เก่งเรื่องจับประเด็นก็จริง แต่ถ้าถูกส่งไปอยู่  สภาพัฒน์ ฯ  ตลาดหลักทรัพย์(กลต.)  ธนาคารแห่งประเทศไทย(แบงค์ชาติ) เหล่านี้ที่เนื้อหาข่าวค่อนข้างยาก มีศัพท์แสงเยอะมากมาย เด็กนิเทศฯ บางคนก็เข้าไม่ถึง จึงต้องพึงบุคลากรที่จบด้านเศรษฐกิจ การเงินการคลัง การธนาคาร เหล่านี้เป็นต้น ในการตั้งหัวข้อสัมภาษณ์แหล่งข่าว   เช่น GDP เติบโตร้อยละเท่าไร เมื่อเทียบกับ ปีที่แล้ว  ผลประกอบการไตรมาสล่าสุด ดัชนี สเตทไทม์ สิงค์โปร ปิดในแดนบวกเท่าไหร่ คือถ้าถามว่าใช้เด็กนิเทศ ได้หรือไม่ ก็ตอบว่าได้ แต่ผู้ฟัง คนดูจะขาดอรรถรส ในการฟัง เพราะว่าได้เนื้อหาปุ๊บ รายงานตามเนื้อหาที่ได้จากแหล่งข่าว  แต่ถ้าเป็เด็กเศรษฐฯ จะวิเคราะห์เพิ่ม ลงไปนิด ๆ หน่อย ๆ ตามอุปนิสัยของคนที่จบจากสาขาวิชานั้น ๆ เช่น ถ้าหุ้นถูกเทขายมากเป็นประวัติการณ์ นักข่าวสายเศรฐกิจก็จะ รอดูประเด็น เรื่องข่าวลือ บางคนก็จะมี connection กับผู้บริหารบางคน ที่เป็นอาจารย์พิเศษในคณะที่ตนเรียน ก็มีอีกช่องทางให้การเข้าหาแหล่งข่าว เป็นต้น  ซึ่งพวกนี้เขาจะรู้ว่าแน้วโน้มหุ้น ตัวนี้ในอาทิตย์จะเป็นอย่างไร เพราะเด็กเศรษฐฯ เรื่องหุ้น เรื่องการเงิน พวกตัวเลขเยอะ ๆ จุดทศนิยม ไม่รู้จบพวกนี้  จะคล่องกว่าเด็กนิเทศ ฯ ที่ออกแนวอาร์ต ๆ ลุย ๆ นอกจากนั้นวัดไหวพริบด้วย เช่น  เหตุไฟไหม้ตายยกครัว พ่อ และลูก สามศพ เหลือผู้เป็นแม่ กับลุกสาวที่ไปธุระนอกบ้าน  นักข่าวมือใหม่สัมภาษณ์ คำถามที่ชอบถามกัน " รู้สึกอย่างไรบ้างคะ " แต่คนฟังเดี๋ยวนี้ฉลาดขึ้น คำถามแบบนี้ไม่ควรจะถาม  สิ่งที่ควรจะถามคือ จะทำอย่างไง ต่อไป แล้วพูดคุยกับเขาให้เขารู้สึกว่า เขายังมีลูกอีกหนึ่งคนที่เหลือนะ หรือต้องทำบรรยากาศให้เหมือนว่า เข้าไม่ได้ถูกสัมภาษณ์ เป็นการพูดคุย และคราวนี้ล่ะ ศิลปะเฉพาะตัว บางครั้งพูดคุยจน แหล่งข่าวร้องไห้ แต่จะทำอย่างไรที่ในขณะเดียวกันได้ อารมณ์แต่ไม่ทรมานแหล่งข่าวขณะที่เขาเสียใจ บางทีตากล้องที่เป็นคู่หู ก็จะจับมุมกล้อง โฟกัสอารมณ์ให้เล่นเอาคนดู น้ำตาไหลพราก    แต่ถ้าเป็นเด็กจบใหม่เข้าฝึกงาน หน้าตาสวยหน่อย บุคลิกดี ผู้จัดการแผนกผู้ประกาศข่าวก็เรียกไปเทสต์หน้ากล้องคะ ยื่นกระดาษให้หนึ่งแผ่น ลองอ่านให้ฟัง อักขระ คำควบกล้ำ เว้นวรรค ใช้ได้หรือไม่  เวลาอ่านก้มหน้าหรือไม่  ตามองกล้อง สบตาคนดูหรือไม่(กรณีนี้ความเห็นจากช่างกล้อง กับสวิสเชอร์ มีผลด้วย) น้ำเสียงฟังแล้วเหมือนเหนื่อยหรือไม่  น้ำเสียงใสหรือไม่ คนฟังแล้วง่วงหรือเปล่า พูดผิดพูดถูก หลัก ๆ ก็พวกนี้  ผิวดำ ผิวเขียว ไม่เกี่ยวของพรรค์นี้  เป็นหน้าที่ของช่างไฟและแสง และช่างแต่งหน้า  แปลงโฉมกันสุดฤทธิ์ ขอให้ได้คุณภาพเรื่องการรายงานเป็นใช้ได้ แต่พอมาหลัง ๆ หลายสถานีเริ่มนำกลยุทธ์ นางงาม มาใช้ให้มีความดึงดูดคนดูมากขึ้น แต่ยังคงเรื่องคุณภาพของข่าวอยู่   คุณหนิง สายสวรรค์ ป.ตรี จบจากเชียงรายหรือเชียงใหม่ ด้านนาฏศิลป์ ป.โทที่จุฬา ด้านนิเทศ คุณลี่ กิตติ  สิงหาปัด จบตรีสัตวบาล จาก ม.เกษตร และนิเทศฯ ม.สุโขทัย จบ โท ด้านจิตวิทยา ธรรมศาตร์ คุณต๊ะ นารากร นิเทศ ฯ จุฬา คุณโอ๊ต ศศิวรรณ์ นิเทศ ฯ จุฬา คุณตาล ปวีณมัย นิเทศ ฯ จุฬา คุณกริช เจนพานิชการณ์ นิเทศ ฯ ม.กรุงเทพ คุณอ้อ ศศินา นิเทศ ฯ ม.กรุงเทพ      ( นางงามใช้ภาษาไทยดีเด่น ) คุณ สรยุทธ นิเทศ ม.กรุงเทพ คุณ ป๊อป สรศักดิ์(จำเริญ) ม.เกษตร ป.โท จากมหิดล จากเดอะเนชั่น คุณวีณารัตน์ เก่งคะ นักเรียนทุนฟูร์ไบท์ ทั้งหมดเท่าที่จำได้นะคะ เยอะแยะอีกมากมายลองหาข้อมูลดูนะคะ การเตรียมตัวคือ ถ้าไปสมัครตำแหน่งนักข่าวของโทรทัศน์ โอกาสที่จะได้รายงานหน้ากล้องมีสูง หมายถึง รายงาน ณ จุดเกิดเหตุ เช่น นักข่าวสายทำเนียบ นักข่าวสายทหารหรือกองทัพ พวกนี้รายงานข่าวที่คุณรับผิดชอบหรือถูกมอบหมายเท่านั้นคะ แต่ถ้านั่งรายงานข่าวในห้องส่ง คืออ่านมันทุกข่าวของวันนั้น อันนี้ต้องไปแข่งกันภายในคะ ถ้าฝีมือดี บุคลิกดี มีคนเอ็นดูเยอะ ก็จะก้าวหน้าเร็ว เพราะตำแหน่งนี้ แข่งขันกันสูง แต่ตำแหน่งผู้ประกาศข่าวในพระราชสำนัก(ข่าวเจ้า) อันนี้ต้องชั่วโมงบินสูง ๆ ติวเข้มเลยล่ะ พระวรชายา และ พระวรราชา , เสด็จพระราชดำเนิน และ เสด็จพระดำเนิน   พระราชกรณียกิจ และพระกรณียกิจ    พวกนี้คะ  ผิดไม่ได้เลยนะคะ คือถ้าผิดปุ๊บ ก็โดนไปตามระเบียบหรือธรรมเนียมปฎิบัติของสถานีนั้น ๆ จากคุณ : มาดามพันชั่ง เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 09:07:31

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นคนนึงที่เรียนเอกอังกฤษ แต่ชอบงานด้านสื่อสารมวลชนค่ะ ก็เลยไปลงเรียนสื่อสารมวลชนที่รามอีกใบ จะได้เป็นใบเบิกทางในการสมัครงานสายนี้ค่ะ จากคุณ : junkgirl เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 09:08:29

ความคิดเห็นที่ 3 - นักข่าวสายวารสาร หรือนักหนังสือพิมพ์ หรือคำมากมายแล้วแต่จะเรียก งานนักหนังสือพิมพ์ เป็นงานศิลปะ เชิงวิชาการ ที่ต้องกลั่นกรองออกมาทุกตัวอักษร  การใช้คำ สำนวน ดึงอารมณ์ หรือ สกัดอารมณ์ ตัวอักษรล้วนมีผลทั้งสิ้น   หนังสือพิมพ์ เป็นสื่อ ที่ใช้ตัวอักษรเล่าเรื่อง ดังนั้นการตอบสนองของคนอ่านจะช้ากว่าทีวี   ทีวีใช้ภาพเป็นตัวเล่าเรื่อง ควบคู่กับเนื้อหา ที่ผู้บริโภคข่าวสารทางทีวี จะมีการตอบสนองฉับพลัน หรือเร็วกว่าสื่อสิ่งพิมพ์ ดังนั้นสื่อสิ่งพิมพ์ ตัวเนื้อหาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ผู้อ่านนั้นคล้อยตาม  หลงเชื่อ โกรธ  ดีใจ สงสาร หรือมีอารมณ์ร่วม อะไรก็ตามแต่ ล้วนมีผลมาจากตัวอักษรทั้งสิ้น เรื่องพื้นฐานงานข่าวนั้น ถ้าใจรักที่จะทำ พี่สอนน้อง น้องดูพี่ เรียนกันได้ สอนกันได้ แต่ใจ ที่เป็นตัวสร้างพลังสอนกันไม่ได้ เกริ่นยาวไปหน่อย..ขนาดสรุปแล้วนะเนี๊ย สำหรับคุณกี่เพ้า ดิฉันแนะนำ 2 ทาง สื่อทีวี หรือ สิ่งพิมพ์ ฉบับหรือช่องภาษาอังกฤษ ตรงนี้ยังต้องการแรงงานเป็นจำนวนมาก  ยิ่งคุณกี่เพ้า สื่อสารมากกว่าขั้นพื้นฐานได้ละก็  การทำงานข่าวพวก ข่าวต่างประเทศ หรือ แปลข่าวต่างประเทศ จากสำนักข่าวต่างประเทศ ที่แต่ละช่องเป็นพันธมิตรอยู่นั้น ต้องการกำลังคนที่ เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ คุณจะได้เปรียบ ต้องให้เด่นเลยนะค่ะ ถ้าภาษาอังกฤษ คุณเด่นรับรองว่า ประเด็นที่คุณจบไม่ตรงสายนั้น กลายเป็นเรื่องเล็กทันที สำหรับการพิจารณารับคุณเข้าทำงาน สมัยก่อนเด่น ๆ เลยคือ คุณ เจ บุนนาค คู่กับ คุณฮันนี่ ชลพรรษา นารูยา ท่านนี้เป็นรุ่นใหม่วัยหนุ่มสาว ที่กระตุ้นวงการข่าวภาคภาษาอังกฤษ หลังจาก อาจารย์สมเกียรติ อ่อนวิมล แล้วก็ยังไม่มีท่านใด เด่น ๆ เท่า คู่นี้ แต่ปัจจุบันนี้ ถ้าคุณกี่เพ้าสังเกตดู  สถานีแต่ละช่อง ชิงไหว ชิงพริบ ในการสนอข่าวมากยิ่งขึ้น  ข่าวภาคภาษาอังกฤษก็เช่นกัน เพื่อดึงกลุ่มเป้าหมาย นักธุรกิจ หรือชาวต่างชาติ หรือแม้กระทั่งคนไทยบางกลุ่ม ทีนิยมสื่อสารภาษาอังกฤษเป็นหลัก ก็เรียนรู้จากข่าวเช่นกัน ยิ่งเวลานี้ไม่ต้องพูดถึง นับจากนี้ไปสื่อต่างชาติ และนานาชาติ จะมองไทยมากขึ้นกว่าเดิม ข่าวคราวของประเทศไทย จะถูกนำไปเป็นเนื้อข่าวประจำวันของสื่อต่างชาติ ก็เป็นได้ ที่แน่ ๆ ผู้สื่อข่าวท่านใด สื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่อง ก็ยิ่งช่วยผ่อนภาระ ในการแปล คุณแปลเอง เรียบเรียงเอง รายงานเอง...ดีกว่าใช่มั้ยล่ะ ลดต้นทุนบุคลากรของสถานีด้วย .......ห้ามท้อนะค่ะ ทั้งหมดนี้ ยังไม่ได้ลงสนามจริงนะค่ะ  เอาใจช่วย..... จากคุณ : มาดามพันชั่ง เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 09:21:39

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนนี้ยังไม่มีที่ไหนเปิดให้สอบใบผู้ประกาศเลยค่ะ  ยังไม่มีหน่วยงานที่รับทำเรื่องนี้โดยตรงเลย ^T^T เท่าที่เราเข้าไปเวปไวต์นะคะ ..หรือว่าอัพเดทแล้วก็ไม่ทราบเหมือนกันเน้อ.. เราจบอิ้งค์มา ยังมาได้ทำงานแนวนี้เลย เราว่าไม่เกี่ยวหรอกว่าจบอะไรมา แต่ว่ามีพื้นหน่อยก็น่าจะดีนะ เช่นตอนปีสาม เราก็ไปขอฝึกงานที่ฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์อ่ะค่ะ  ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถมากกว่าซะอีก เด็กที่เรียนสายตรงมายังเขียนข่าวสู้เราไม่ได้เลย เหอๆๆๆ (อันนี้พี่ บก. ข่าว คอนเฟิร์มเมื่อนานมาแล้วู^^) จากคุณ : ตอนนี้เลยจะเรียนนิเทศ (cat_on_a_hot_tin_roof_) เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 53 14:35:18

ความคิดเห็นที่ 5 เพื่อนเรา จบเอก Eng ศิลปศาตร์ ก็เป็นนักหนังสือพิมพ์กันได้หลายคนจ๊ะ มีทั้งหนังสือภาษาพิมพ์อังกฤษ และภาษาไทย เราเองเรียนศิลปศาสตร์ เอกอังกฤษเหมือนกัน แต่จริงๆ แล้วควรเรียนสังคมสงเคราะห์ (เพิ่งรู้ตัวเมื่อสาย) จบมาก็หางานแนวที่ชอบ ก็โอเคนะ เพราะพื้นฐานอังกฤษที่ได้มามันประยุกต์ได้หลายแนว จากคุณ : ณ พิชา เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 53 14:49:42

ความคิดเห็นที่ 6   รายได้ล่ะเป็นอย่างไรบ้างกับงานสายนี้ จริงๆเราจบด้านวารสารแต่ว่าไม่ได้ทำงานด้านนี้ มันไม่ลงตัวเลยไปสายอื่น แต่ว่าได้ข่าวมาว่ารายได้ไม่ค่อยดึงดูดเท่าไหร่ เลยอยากถามผู้รู้อยู่เหมือนกัน จากคุณ : เด็กนอกหัวใจไทย (เด็กนอกหัวใจไทย) เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 53 18:59:35

ความคิดเห็นที่ 7 ขอตอบในฐานะที่ เคยอยู่วงการนี้นะค่ะ จริง ๆ คงจะอยู่ตลอดไปล่ะค่ะ เพราะคุณพ่อ และทางฝั่งคุณพ่อเป็นนักข่าวกันสื่อทีวี สื่อสิ่งพิมพ์กันหมด  มีแต่ดิฉันเบื่องานข่าว มันไม่คลิ๊กเหมือนกัน ตอนนี้จับผลัดจับผลูมาทำเรื่อง spin doctor เป็นงานอดิเรก แต่ทำเรื่องการประมวลข่าว อยู่องค์กรต่างประเทศ ยอมรับว่า สื่อสิ่งพิมพ์ปัจจุบันรายได้น้อย เมื่อเทียบกับทีวี เพราะทีวีมีค่าชม.ออกอากาศ แต่ก็แบ่งไปอีกนะ สื่อมวลชนท้องถิ่น และส่วนกลาง ก็ต่างกันเช่นStringer เหล่านี้การคิดคำนวณ ค่าข่าวก็ต่างกัน ขึ้นอยู่กับสำนักพิมพ์ในแต่ละที่  แต่ก็มีเงินเดือนให้ เงินเดือน+ค่าข่าว เท่าไรแต่ละเดือนก็ว่ากันไป สื่อมวลชนท้องถิ่น ส่วนใหญ่เป็นนักข่าวให้กับหนังสือพิมพ์มากกว่าหนึ่งฉบับขึ้นไป เพราะความได้เปรียบในการลงพื้นที่ ที่ไม่ต้องส่งนักข่าวส่วนกลางลงไป ให้เสียงบประมาณ หลายท่านก็เป็นทั้งหน.ข่าวประจำจังหวัด ก็ว่ากันไป ส่วนทีวี มีค่าชม.+เงินเดือน+การเบิกจ่ายจิปาถะ ผู้ประกาศหลายท่านเงินเดือนเหยียบแสนค่ะ ทั้งงานข่าว งานที่ปรึกษา ค่าตัว มีพร้อม แต่คุณภาพต้องคงที่ หรือมีการพัฒนาด้วย  ก็จะมีผลต่อการเสนอค่าตัวค่ะ  รายได้ขั้นแรก ๆ สำหรับผู้สื่อข่าวทีวีอยู่ที่ประมาณ 5 หลักกลาง ๆ ค่ะ ถ้าประสบการณ์มากขึ้น ก็พิจารณาเลื่อนกันไป อย่างที่บอก ทีวี มีค่าออกอากาศด้วย แต่รายชั่วโมงด้วย ถ้าวันไหนได้อ่านข่าวในพระราชสำนักก็คิดเพิ่มพิเศษไป   คุณค่าของอาชีพนี้ ส่วนใหญ่ก็ที่เป็นอย่างคนรุ่นพ่อ รุ่นน้าดิฉัน ที่เขาทำเพราะใจรัก และเป็นอาชีพที่ทรงเกียรติ ที่เขาเรียกว่า "ฐานันดร4 " นั่นแหล่ะค่ะ ที่ใช้กับนักหนังสือพิมพ์ ก็เพราะว่า ทุกสิ่งที่เขาเขียน  มันสามารถสร้างคน หรือทำลายคนก็ได้ เรียกว่าชี้เป็น ชี้ตาย กันที่ปลายปากกากันเลย สำหรับคุณความเห็นที่ 6 เราก็เหมือนคุณ คือวงการข่าวสมัยนี้เปลี่ยนไป อุดมการณ์ และความอยู่รอด ถูกตีค่าด้วยเงิน ด้วยเรตติ้ง ในวงการสื่อก็แข่งขัน แม้กระทั้งวงการทีวี ตัวผู้ประกาศกันเองก็แข่งขันกัน เขม่นกันก็ทุกช่องค่ะ..บรรยากาศการทำงาน ไม่เหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อน ที่ไม่รุนแรงเช่นนี้ ใครที่มีทางเลือกชีวิตอื่นที่ดีกว่า ก็ไป   อย่างดิฉันทำได้ประมาณ 8 เดือน ก็ไปเป็นทำด้าน spin doctor ใช้วิทยายุทธที่ร่ำเรียนมานั้นแหล่ะ จนคุ้ม ....คุยแล้วเดี๋ยวยาว ก็อย่างที่คุณเห็นนั้นแหล่ะค่ะ ไม่ค่อยจะงามเหมือนเมื่อก่อน... จากคุณ : มาดามพันชั่ง เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 53 03:38:15