 |
เซลแมน , แซลเมเนเจอร์, ไทยแลนด์ country manager
|
|
วันนี้เซ็งเหลือเกิน ออกไปไหนก็ไม่ได้ ร้อนก็ร้อน เมื่อไหร่จะสงบซะที นะ สงสารประเทศไทยจัง
มาแชร์ประสบการณ์ให้น้อง ๆ เพื่อน ๆ ฟัง ครับ เพื่อจะเป็นประโยชน์กับ เซลแมน ท่านอื่น ๆ บ้าง
ผมเป็นเซลแมนขาย IT ครับ อยู่ในสายงานนี้มาเกิน 10 ปี ตั้งแต่เป็น เซลขาย Accesories , คอมพิวเตอร์ , Server , Network , Network Security. Software, ระบบต่าง ๆ ขายปลีก ขายส่ง ทำมาหมดแล้ว ฟิวเดียวกับ ลุงแอ๊ด ( บุคคลต้นแบบ คนนึง ของผม และคงของคนอีกหลายคน ) ประสบการณ์การณ์ของลุงแอ๊ดที่เล่าผ่าน blog, แชร์ความรู้ที่มีประโยชน์ , แง่คิดที่มีคุณค่า ทำให้ผมอยากทำมั่ง แฮ่ แฮ๋ แต่คงไม่มีเวลาเท่าไหร่ เรื่องที่ลุงแอ๊ดเล่า ชื่อต่าง ๆ ผมรู้จักมาหมดแล้วครับ Summit Com , Yip Int Soi, IBM ,กรมสรรพากร, การไฟฟ้า , Univac , AS400 Mainfram ผมขายของมาด้วยหมดแล้ว นึก ๆ ไปวงการมันแคบเนอะ
กลับมาเรื่องของผมดีกว่า จากวันที่เป็นเซลใหม่ ๆ หลายปีก่อน ปัจจุบันผมเป็น ผู้จัดการฝ่ายขาย distributor แห่งหนึง มีสินค้าบางตัว ผมเริ่มขายตั้งแต่ ศูนย์ จนปัจจุบัน เป็นผู้นำตลาดรายนึง และกำลังจะไปเป็น ลูกจ้างบริษัท US ใหญ่โตอยู่อเมริกา มีนายเป็น สิงคโปร์ ดูแลธุรกิจของเมืองไทยทั้งหมด ไม่นึกเลยทำงานมาหลายปี ต้องมาขายตัวอีกหล่ะ ใจนึงก็เป็นห่วงเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่บริษัทเก่า ขาดเราเค้าจะเป็นยังไงนะ อีกใจนึง เงินเดือนรายได้เพิ่ม 100% ก้าวหน้ากว่าเห็น ๆ ผมสองจิตสองใจอยู่ พอภรรยา comment ปุ๊บ ตัดสินใจทันที แฮ่ แฮ๋ นึก ๆ ไป แม่ผม ผมยังไม่กลัวขนาดนี้ เลย ทำไม่นะ แสบ ๆ อย่างผมดันมากลัวเมีย ก็ได้แต่หวังว่า บริษัทฯ คงได้คนดีมีฝีมือ มาทำงานต่อ ดูแลลูกน้องผมให้ดี ๆ คืนไอ้มันผู้ได้ บังอาจมาทำความระคายเคืองให้ลูกน้องผม ผมเอาเรื่องมันแน่ ( ลืมบอกไป บริษัท ที่ผมอยู่ปัจจุบัน เป็นตัวแทนจำหน่าย ให้กับ บริษัทที่ผมจะไปอยู่ ที่ใหม่ ) งงมะ เหมือน สหพัฒ กับ Diethem นะครับ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า จากต่างประเทศ แล้วก็มีหน้าที่กระจายสินค้า ไปยังช่องทางการขายปลีกในหลาย ๆ รูปแบบ
มาเริ่มต้นกันที่ ทำไมผมถึงมาเป็นเซลแมน กันดีกว่า เหตุผลที่ผมเลือกอาชีพนี้ เพราะก่อนหน้านั้น ผมเป็นพนักงานธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งครับ แต่ เบื่อ ๆ เบื่อมาก เบื่อที่สุด ไม่ชอบความจำเจซ้ำซาก ไม่ชอบเงินเดือนขึ้นปีละ 10% มาลอง คิดดู เงินเดือนตอนโน้น 15,000 + 10% 1500 ปีสอง 16,500 + 10% 1650 ปีสาม 18,150 + 10% 1815 ปีสี่ 19,965 + 10% ปีห้า ไม่ไหวแล้วครับ ผมตัดสินใจลาออกหล่ะ รายได้ขึ้น 10% เนี้ยในกรณีความชั่วไม่มีความดีมีปรากฏ แว๊บ ๆ มีบางปีผมความชั่วปรากฏชัดเจน (ตามประสาวัยรุ่น) ตอนนั้น ก็ไม่ได้ 10%
ผมตัดสินใจลาออกทันที ( แบบยังหางานใหม่ไม่ได้) มั่น มั่น ต้องได้งานซิวะ ระดับเรา ตกงานอยู่หลายเดือน กว่าจะได้มาเป็นเซลสมใจ เข็ดตั้งแต่เดี๋ยวนั้น ว่าต้องหางานใหม่ให้เกือบ ๆ ได้ มีให้เลือก หลาย ๆ ที ก่อน ค่อยลาออก เป็นอย่างน้อย อย่างมากก็คือให้ได้งานก่อนซิ ค่อยออก งานที่ใหม่เงินเดือนผมได้น้อยกว่าที่เดิมอีก เป็นเพราะผมเปลี่ยนฟิว เพิ่งเคยทำงานเซลครั้งแรก พี่ที่สัมภาษณ์ผม ก็คือหัวหน้าผมด้วย ไว้มีโอกาสจะคุยให้ฟังพี่คนนี้ ชื่อพี่นา ครูการขายคนแรกของผม ผมเคยถามว่าพี่นา ทำไมพี่รับผมทำงาน แกตอบว่า เธอมีคุณสมบัติจะเป็นเซลที่ดีได้อยู่ อะไรบ้างครับพี่ ? พี่นาตอบผมว่า แกกลับไปคิดเอาเอง ว่าตัวแก ทำไมถึงมาเป็นเซล พี่เลือกเธอเพราะเธอรู้จักตัวเอง แล้วก็เพราะประวัติที่เธอเราให้พี่ฟัง ผมเล่าให้พี่นาฟังว่า แม่ด่าผมเละเลยที่ออกจากงานที่ใครๆ ก็อยากทำ แล้วมาตกงาน ผมเราให้แกฟัง เรื่องผมเคยต่อยกับมอเตอร์ไซด์ ที่มาปาดหน้า กลางสี่แยก ใกล้ ๆ กับ ตึกของบริษัทพี่นา เราเรื่องตอนเด็ก ๆ ที่ต้องไปทำงานในโรงงานของญาติ หารายได้พิเศษ เพื่อแบ่งเบาภาระ คุณแม่ เราเรื่องเป้าหมายของผม ว่าอยากเป็นเจ้าของกิจการ กิจการอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่างานขาย นี่แหละ จุดเริ่มต้น
ผมจำพี่นาไม่ลืม ผู้จัดการคนแรก ที่ให้โอกาสผม เป็นเซล แต่ที่ผมรู้จักตัวเอง แน่ ๆ คือ ผมไม่ชอบงานจำเจซ้ำซาก (มั่นคงกว่า ) เป็นเหตุผล ที่คนส่วนใหญ่เลือก แต่ผมไม่เลือก รับไมได้ เบื่อ ผมต้องการความก้าวหน้า มั่นใจในตัวเองสูง ( เกินไป ) ดื้อ หัวรั้น ไม่กลัวความยากลำบาก ฝากไว้ตรงนี้ครับ สำคัญมาก ๆ เลย ก่อนจะเริ่มทำอะไร ตอบตัวเองให้ได้ก่อน ว่าทำไมเราถึงเลือกทำสิ่งนั้น พวกคุณหล่ะทำไมถึงมาเป็นเซล ?
เริ่มต้นเป็นเซลแมนเต็มตัว วันแรก ต่อคราวหน้าแล้วกัน ร้อนขอไปอาบน้ำก่อน
จากคุณ |
:
the blazer
|
เขียนเมื่อ |
:
15 พ.ค. 53 15:16:58
|
|
|
|  |