ความคิดเห็นที่ 1 ซักอบรีดครับ เห็นเพิ่งออหก SME ตีแตกไป จากคุณ : ๛กอล์ฟ เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 22:31:26

ความคิดเห็นที่ 2   ในประเทศไทย การทำธุรกิจประเภทขายสินค้านั้นเป็นที่นิยมเพราะ... 1. ไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ระดับวิชาชีพ เรียนจบการศึกษาขั้นพื้นฐาน และมีความรู้ความเข้าใจในตัวสินค้า ก็สามารถทำได้แล้ว 2. ประเทศไทยยังไม่ใช่ประเทศพัฒนาแล้ว ดังนั้นประชาชนส่วนใหญ่จึงสนใจเรื่องของอาหารการกินมากกว่าเรื่องอื่นที่ประเทศเจริญแล้วพึงสนใจ เช่น ภูมิทัศน์ของบ้าน สิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงาน งานศิลป์ จึงมีธุรกิจขายสินค้าประเภทอาหารและน้ำดื่มจำนวนมาก คนไทยส่วนใหญ่มิได้มีชีวิตอย่างระมัดระวัง(หรือเรียกว่ามิได้ใช้ชีวิตด้วยสมอง)เท่าไรนัก คุณภาพชีวิตจึงต่ำมาก ธุรกิจประเภทที่จขกท.ยกตัวอย่างมานั้น มีโอกาสเกิดได้น้อยมากในประเทศไทย อย่าว่าแต่จะจัดสวนเลย เฟอร์นิเจอร์ในบ้านก็ไม่เข้ากันสักชิ้น หน้าบ้านก็เอาของวางเกะกะทางเท้า เรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ต้องพูดถึง เพราะยังทิ้งก้นบุหรี่บนทางเท้ากันอยู่เลย ทานผลไม้ในรถก็ทิ้งเปลือกลงถนน ปัสสาวะข้างกำแพง 3. ธุรกิจส่วนใหญ่ที่ใช้ความรู้ระดับวิชาชีพนั้น มักมีข้อกำหนดตามกฏหมายยุ่งยาก และส่วนมากหากไม่มีเส้นสายหรืออิทธิพลก็จะไม่สามารถเปิดกิจการได้ หรือเปิดได้แต่อาจโดนข่มขู่จนต้องเลิกกิจการในภายหลัง และโดยส่วนใหญ่แล้วเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจอนุมัติให้ทำได้ก็มักจะเรียกร้องเงินสินบนจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนในการเปิดกิจการสูงมาก ถ้าอยากเปิดสำนักงานรับเหมาก่อสร้างอาจต้องใช้เวลาเป็นปีๆ และเงินหลายล้าน แต่ขายหมูปิ้งหน้าบ้าน ใช้เงินไม่ถึงหมื่นและเปิดได้ในวันพรุ่งนี้ ส่วนในต่างประเทศนั้น การนิยมเปิดร้านอาหารไทย เป็นการใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของอาหารประจำชาติที่ชาวต่างชาติเคยได้ยินมา(จริงๆแล้วด้วยชื่อเสียงประเทศ อาจเปิดซ่องก็ได้) อีกอย่างคือหาลูกจ้างคนไทยง่าย เพราะมักจะจ้างแบบผิดกฏหมาย คนพวกนี้มาทำงานภายใต้ Visa นักเรียน(มักเรียนโรงเรียนภาษาที่ไม่ต้องเข้าเรียนเต็มเวลา) และเมื่อVisaหมดก็อยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ เจ้าของร้านเองก็มิได้ขัดข้องที่จะซ่อนคนพวกนี้ไว้ ด้วยค่าแรงที่จ่ายต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำพลเมืองและไม่ต้องจ่ายสมทบประกันสังคม ทำให้ได้กำไรมากกว่าจ้างคนในท้องถิ่น และบอกตนเองให้สบายใจว่า"เรากำลังช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติ"(ซึ่งทุเรศยิ่งนักเพราะไปหากินแผ่นดินอื่นแล้วยังไม่คิดจะปฏิบัติตามกฏหมาย) ส่วนนักเรียนไทย ป.โท ที่ทำงานร้านอาหารไทยนั้น มักล้มเหลวในการประกอบอาชีพที่ใช้คุณวุฒิปริญญาตรี เนื่องจากในต่างประเทศ งานระดับวิชาชีพมักต้องใช้ใบอนุญาตทำงานสำหรับคนต่างด้าว+ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำงานที่อาศัยวุฒิการศึกษาขั้นพื้นฐาน เช่น งานใช้แรงงาน งานบริการลูกค้า ต่างๆ งานร้านอาหารไทย มักถูกเลือกให้เป็นงานยอดนิยม เพราะ -เป็นงานที่มีลักษณะเป็นกะ สามารถจัดตารางเวลาเรียนไปด้วยได้ -นายจ้าง(คนไทย) มักมีแนวโน้มที่จะจ้างคนไทยที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน จากคุณ : ก เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 22:45:26 A:110.49.145.140 X: TicketID:264403

ความคิดเห็นที่ 3 งานที่คุณทำ ...ทำได้ เพราะกฏหมายบังคับ     แล้วมองมาประเทศไทยที่คุกมีไว้ขังแพะหน่อยสิค่ะ....มันจะเทียบกันได้หรือ เรื่องปลอมแปลงเอกสาร... เมืองไทยก็เรื่องธรรมดา  ที่อังกฤษ ธุรกิจถ่ายเอกสาร รุ่งเรืองเท่าเมืองไทยหรือเปล่าละ?? งานที่เพื่อนๆ คุณทำ เมืองไทยก็มีค่ะ คิดง่ายๆ.........เงินเดือนคนไทยส่วนใหญ่..........พอแค่สำหรับปัจจัย 4 เท่านั้นเอง(บางคนแค่พอกิน)........ไม่มีเหลือมาทำกิจกรรมหรือซื้อบริการอื่นๆ มากนักหรอกค่ะ อิฉันขายความรู้เฉพาะด้านค่ะ ......... จากคุณ : Piano Player เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 23:05:33

ความคิดเห็นที่ 4 เพิ่ม.......เติม แต่เรื่องอาหารการกิน.......เมืองไทยชนะเลิศระดับโลกแน่นอนค่ะ จากคุณ : รักเมืองไทย (Piano Player) เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 23:07:39

ความคิดเห็นที่ 5 เราว่ามันก็มีธุรกิจแบบอื่นแหละ แต่เค้าไม่มาโพสต์ในนี้ เดี๋ยวมีคู่แข่ง จากคุณ : @-อมยิ้มแก้มตุ่ย-@ เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 23:28:26

ความคิดเห็นที่ 6 เพิ่มเติมอีกอย่าง...ลูกค้าคนไทยมักจะไม่เห็นคุณค่าของแรงงานสมองคนอื่น คิดว่ามันไม่ได้มีค่าอะไรมาก ขอกันฟรีๆได้ เราจึงเห็นการบีบคอ หักคอ ไม่จ่ายค่าความคิด เช่นแบบขอให้ออกแบบบ้านให้ฟรีๆ ค่าแรงงานก็กดให้ต่ำไว้ แต่พอตัวเองทำงานก็ขอเงินเยอะๆ... การซื้อมาขายไป ยื่นหมูยื่นแมว-หมูไปไก่มานี่แหละ เหมาะกับคนไทยแล้ว เห็นมีอย่างนึงที่ยอมควักจ่ายไม่อั้นคือ เมื่ออยากสวย กับตอนป่วยใกล้ตายโฮ่งนี่แหละ จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 53 23:35:44

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ   point ของคุณ คคหท. 2 และ 3 เป็นประเด็นที่เราหยิบมาคิดแล้วหลายรอบค่ะ แต่ก็ยังค้านกับตัวเองว่ายุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วการศึกษาเริ่มกระจายเข้าถึงประชากรมากขึ้นกว่าแต่ก่อน เพราะฉะนั้นการจ้างคนที่มีวุฒิสูงขึ้นย่อมมีมากกว่าแต่ก่อน (10-15 ปีที่แล้วสเมียน จบม.3 ก็รับแล้ว) ส่วนที่คุณ คคหท 3 บอกว่าเรื่องปลอมแปลงเอกสารที่เมืองไทยเป็นเรื่องธรรมดา...เราเองก็คิดว่ามันเปลี่ยนไปแล้วเพราะเทคโนโลยีบ้านเราก็เริ่มทันประเทศพัฒนาแล้วมากขึ้น เช่น มี internet banking มาหลายปีแล้ว.....ต้องยอมรับจริงๆว่าคิดไม่ถึงว่าระบบเก่าๆจะยังอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องสินบน... ส่วนประเด็นเรื่องเด็กเรียนป.โทที่นี่ทำกันแต่ร้านอาหารไทย จริงๆแล้วปัญหาหลักของพวกเค้าไม่ใช่เรื่องใบอนุญาตทำงานหรอกค่ะ แต่เป็นปัญหาเรื่องการใช้ภาาษา...95% ของคนไทยที่อยู่ที่นี่ (ต่อให้อยู่เกิน 5 ปีด้วย)  พูดกับฝรั่งไม่รู้เรื่อง อ่านได้เขียนได้แต่สื่อสารไม่ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง พูดก็ยิ่งไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่... ช้อยส์สะดวกของคนไทยก็เลยเป็นการทำงานร้านอาหารไทย  และถึงไม่อร่อยก็ยังขายได้เพราะฝรั่งไม่รู้ว่ารสชาติอาหารที่คนไทยว่าอร่อยมันต้องเป็นยังไง... ส่วนที่คุณ คคหท 6 ว่ามาเรื่องการไม่เห็นคุณค่าแรงงานสมองคนอื่น คิดว่าไม่ได้มีค่า ขอกันฟรีๆได้...อันนี้เข้าใจเลยล่ะค่ะ...อ่านหลายๆความคิดเห็นที่โพสต์มาแล้วก็แอบเศร้านะ...ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คำว่า "กำลังพัฒนา"  จะเปลี่ยนเป็นคำว่า  "พัฒนาแล้ว" ซักที...อันที่จริงคนไทยเราฉลาดเรื่องการพัฒนาไม่แพ้ฝรั่งเลย แต่ระบบอำนาจมันปิดโอกาสซะมิด....  :( จากคุณ : @บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง@ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 05:48:54

ความคิดเห็นที่ 8   อย่างที่ คห ข้างบนๆบอก มีธุรกิจอีกหลายชนิดมากมาย ที่ไม่อยากจะต้องมาบอกให้คนอื่นทราบ ไม่อยากให้รู้ จากคุณ : แว่นดำ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 07:05:57 A:190.226.58.2 X: TicketID:047074

ความคิดเห็นที่ 9 มีเยอะครับ แต่ไม่ได้มาคุยในพันทิบ เพราะเป็นคนทำงานคนละกลุ่ม ในนี้มักเป็นพวก SME ค้าขายเล็กๆน้อยๆ พนง บริษัท หรือ นักศึกษา คนหางาน พวกที่ให้ services หรือ ทำ consult เลยไม่เข้ามามากนัก เพราะคนละกลุ่มกัน ความสนใจต่างกัน จขกท อ่านแต่ในห้องนี้เลยได้ข้อสรุปแบบนี้ครับ จากคุณ : ผมรับปรึกษาปัญหาหัวใจ (Dr. Will) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 08:26:09

ความคิดเห็นที่ 10   ATTN#7 ผม#2นะครับ คือจริงๆแล้วเหตุผลเรื่องภาษาก็อยู่ในใจผมเช่นกันครับ แต่ที่ไม่เขียนเพราะผมให้เครดิตคนที่ไปเรียนปริญญาโทต่างประเทศว่าจะต้องสื่อสารกับชาวต่างชาติได้รู้เรื่อง ผมคิดผิดไปจริงๆ... ส่วนเรื่องปลอมแปลงเอกสาร เพื่อนผมเพิ่งไปทำบัตรนักศึกษามหาวิทยาลัยเบอร์ลินปลอม(เอาไว้เข้าmuseum)เองครับ ตั้งโต๊ะรับทำกันแถวถนนข้าวสาร มีบัตรผู้สื่อข่าวองค์การสหประชาชาติ(UN Press)ปลอม เป็นสินค้าด้วย จากคุณ : ก เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 08:28:32 A:110.49.26.204 X: TicketID:264403

ความคิดเห็นที่ 11 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 09:45:13

ความคิดเห็นที่ 12   ธุรกิจแบบที่คุณจขกท.ยกตัวอย่างมา ผมว่าในไทยก็มีน่ะครับ งานด้านบริการอย่างเช่นรับทำเอกสารจดทะเบียนบริษัท เป็น freight forwarderรับเอาของออก รับออกแบบบ้าน เวป ฯลฯ แต่ว่าพวกนี้มันต้องมีต้นทุนบางอย่าง เช่นมีประสบการณ์ รู้จัก กับคนที่อาจจะเป็นลูกค้าอยู่ก่อน แต่พวกที่มาเขียนในเวป พันทิพส่วนหนึ่ง จะไม่มีต้นทุนตรงนั้น เลยลงที่ค้าขายซึ่งไม่ต้อง ใช้ต้นทุนอะไร แต่อย่าเข้าใจว่าสายเซอร์วิสจะเงินเยอะน่ะครับ คือค่าแรงไทยถูก คนซื้อก็พยายามบีบจนสุดท้ายได้ราคาต่ำมาก พวกงานบริการ ต่างๆก็เลยราคาถูกตามไปด้วย ในต่างประเทศค่าแรงตามร้านอาหาร ชั่วโมงนึงก็ซัก 10 เหรียญ (คิดตามค่าครองชีพก็คงประมาณ 80-90 บาทเมืองไทย) แต่ค่าแรงพนักงานร้านฟาสฟูตในไทยอยู่ที่20-30บาท น่ะครับ แต่พอจะยื้อให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ พวกบริษัทต่างชาติก็จะย้ายไป ประเทศที่ถูกกว่าอีก เห้อๆ จากคุณ : np9877 (akitok77) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 10:30:20

ความคิดเห็นที่ 13 วิเคราะห์กันลึกถึงรากเหง้าคนไทยกันเลยทีเดียว - -" ...ส่วนตัวเรามองว่าห้องนี้มันก้อแค่ห้องนี้ในเวบพันทิป ขึ้นชื่อ sme ธุรกิจซื้อมาขายไปดูเหมือนมาถามจะได้คำตอบง่ายกว่า อย่างธุรกิจอื่นๆเราคิดว่าบางครั้งเค้าก้อหันไปถามเรื่องการตลาด การบริหารจัดการเสียมาก หรือไปโผล่ที่สินธร..ส่วนที่จขกท.ยกตัวอย่างต่างชาติ เราก้อว่ามันคงไม่เหมือนกันเป๊ะๆหรอก กฏหมายที่นั่นเป็นแบบนั้นคุณจึงมีอาชีพแบบที่คุณเป็นอยู่ได้ คนไทยถ้ามีแต่ค้าขาย แล้วชีวิต ประเทศจะมีกลไกอะไรผลักดันหละ อาชีพคนไทยก้อครบวงจรนะคะ เพียงแต่คุณคิดว่าห้องนี้มันคือสังคม หรือเป็นประเทศไทยทั้งประเทศคงไม่ได้หรอกค่ะ... จากคุณ : Thundergirl เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 11:45:15

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกความคิดเห็นอีกครั้งค่ะ  เราว่าประเด็นนี้น่าสนใจนะ (สนใจอยู่คนเดียวหรือเปล่าก็ไม่รู้) เรามองว่าอังกฤษ กับเมืองไทย ประชากรมีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน เลยทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมคนไทยทั้งที่อยู่ในเมืองไทยและเมืองนอกนิยมจับธุรกิจประเภทซื้อมาขายไปมากกว่าอย่างอื่น  แต่เท่าที่อ่านทุกความคิดเห็นมาก็ทำให้เราระลึกความจริงส่วนนึงได้ก็คือ การจะลุกขึ้นมาเปิดร้านขายของร้านนึงในเมืองไทย ทำได้ง่ายกว่าที่นี่มากเพราะไม่ต้องมีเอกสารกำกับจุกจิกเหมือนกับที่นี่ อย่างแค่จะออกมาเปิดร้านขายขนมขายอาหารก็ต้องไปสอบ Food Hygiene Certificate ก่อน   อย่างไรก็ตาม ที่สองสามท่านด้านบนบอกว่า นี่มันแค่ความเห็นในพันทิพย์ซึ่งคนส่วนใหญ่ทำธุรกิจแบบซื้อมาขายไป เราว่าส่วนนึงก็อาจจะใช่...แต่บอร์ดอื่นๆก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน คือส่วนมากจะขายของกินของใช้...ลองไปถามคนใกล้ตัวว่า ถ้าหากเลือกจะเปิดธุรกิจส่วนตัวอะไรก็ได้จะเปิดธุรกิจทำอะไร  เราเชื่อว่า 80% ของคำตอบจะเกี่ยวข้องกับการขายสินค้า  ซึ่งเราว่าแปลกนะ เพราะเท่าที่ถามคนไทยรอบตัวเราดู ทั้งที่อยู่ที่นี่และเมืองไทย มีแค่สองสามคนแค่นั้นที่บอกเราว่า จะเปิดโรงเรียนฝึกสุนัขหรือเปิดบริษัทประกันภัยรถยนต์  อะไรเหล่านี้ เมืองที่เราอยู่ (London) เป็นเมืองที่พลุกพล่านด้วยคนจากทุกเชื้อชาติ ทุกวัฒนธรรมมากๆ  เราไม่เคยทำงานที่เมืองไทยและอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาค่อนข้างนานแล้วเพราะฉะนั้นเราเลยจะมองตลาดอังกฤษออกมากกว่าทางเมืองไทย  วิถีชีวิตของคนที่นี่น่าสงสารค่ะ ทำงานมาได้เท่าไหร่ภาษีเอาไปกินซะ 22.5% ถ้าเป็นพวกเงินเดือนสูง ก็โดนภาษี 40% ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับข้าวของเครื่องใช้ก็ 17.5% (ปีหน้าจะขึ้นเป็น 20%)  เพราะฉะนั้่น คนทำงานที่นี่จะยอมเสียเงินไปกับธุรกิจประเภท Service เพราะเค้าถือว่าทำงานมาเท่าไหร่ก็จ่ายภาษีไปซะหมด ลูกเมียแทบไม่ได้เห็นหน้า วันหยุดทีก็เลือกที่จะเอาเงินไปหาความสุขให้ตัวเอง ไปเที่ยว พักผ่อน...ส่วนเรื่องงานบ้านงานเรือนหรืออื่นๆก็จ้างคนอื่นทำซะ  นี่คือตลาดลอนดอน เพราะงั้นทำงานด้านเซอร์วิสยังไงก็อยู่รอด แต่จะเห็นได้ชัดเลยว่าคนที่จับธุรกิจด้านเซอร์วิสส่วนมากเป็นคนอังกฤษที่มาจากต่างจังหวัด..แล้วก็จ้างพนักงานซึ่งเป็นคนต่างชาติมาเป็นลูกน้อง  ซึ่งก็จะมาจากประเทศที่จนกว่า หลักๆก็จะมาจาก eastern europe  (ก็คงคล้ายๆเมืองไทยที่จ้างลูกน้องเป็นคน ลาว พม่า) ในขณะเดียวกัน นอกเมืองลอนดอน ธุรกิจส่วนใหญ่ก็จะมาแนวเกี่ยวข้องกับเครื่องจักรเครื่องกล เช่น ติดตั้งตู้ขายน้ำและขนม  ธุรกิจสิ่งพิมพ์  รับทำแพคเกจจิ้งสินค้า อะไรเทือกนี้ ว่าง่ายๆว่าเป็นธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็นต้องพบลูกค้าบ่อยนัก  ซึ่งตรงนี้ก็เหมือนกับเมืองไทยที่โรงงานจะอยู่ในต่างจังหวัด มีสองท่านด้านบนซึ่งบอกว่า งานเราทำได้เพราะกฎหมายมันบังคับ...ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องค่ะ  แต่ก็อย่าลืมว่าเมืองไทยก็มีแบบนี้เหมือนกัน แต่คนไม่ยักกะจับมาทำเป็นธุรกิจ  เช่นการจะเปิดร้านอาหารต้องมีใบอนุญาตขายเครื่องดื่มมึนเมา ช่องทางธุรกิจก็คือรับเดินเรื่องขอใบอนุญาตให้ขายเหล้าได้ถึงกี่โมงก็ว่าไปอะไรแนวนี้ หลายๆท่านบอกว่า นี่มันก็แค่สังคมในพันทิพธ์ซึ่งคนส่วนมากทำ SME ประเภทซื้อมาขายไปเล็กน้อยๆ  แล้วบอร์ดไหนที่เค้าคุยกันเรื่อง SME ที่เป็นบริษัททำงานบริการอื่นๆเหรอคะ? จากคุณ : @บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง@ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 18:45:22

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วบอร์ดไหนที่เค้าคุยกันเรื่อง SME ที่เป็นบริษัททำงานบริการอื่นๆเหรอคะ? ^ ^ ^ ^ นั่นสิ...มันอยู่ไหนหนอ  อยากรู้เหมือนกัลล์ จากคุณ : kiddykris เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 19:56:59

ความคิดเห็นที่ 16 ชอบชื่อ จขกท ครับ กำลังอยากทานพอดี ^_^ จากคุณ : ใบไม้ที่ปลายกิ่ง เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 53 21:52:03

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณจขกทที่วิเคราะห์เจาะลึกมาให้ทราบ เพิ่งรู้ว่าภาษีVATที่นั่นโคดโหดเลย มิน่าล่ะของถึงแพงประลัย อยู่เมืองไทยสบายๆคงเลิกบ่นแล้ว จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 01:29:21

ความคิดเห็นที่ 18 -*- ถ้าท่าน จขกท. กลับมาทำงานที่นี่ ถ้าเจอ culture shock สักที คงอยากกลับไปทำที่โน่นครับ คนไทย ส่วนใหญ่ ก็เป็นเช่นนั้นแล จากคุณ : เค้าเปล่านะ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 13:37:57

ความคิดเห็นที่ 19 อยากให้ จขกท. แนะนำ หรือยกตัวอย่าง ธุรกิจในต่างประเทศที่คนไทยก็น่าจะทำได้ค่ะ จะได้เป็นประโยชน์เป็นแนวคิดค่ะ จากคุณ : aememory เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 13:59:21

ความคิดเห็นที่ 20 มว่าก็มีเยอะแยะไปนะ เพียงแต่คนกลุ่มนั้นอาจไม่มีเวลามานั่งเล่นเนท เพราะงานบริการต้องคอยเทียวไปเทียวมาเสมอ จากคุณ : RMIT เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 14:08:42

ความคิดเห็นที่ 21 ที่อังกฤษกับไทย.........ที่ต่างกันมากน่าจะเป็น กฏหมายและข้อบังคับมั้งค่ะ คนไทยอะลุ่มอะล่วยตลอด ... ระบบระเบียบไม่ค่อยมี   ช่องว่างทางกฏหมายก็เยอะ ........  ของก๊อบก็เพียบ อิฉันอยู่พัทยาค่ะ   ได้อารมณ์อยู่เมืองนอกเหมือนกันนะคะ   แต่มองตลาดยากหน่อย    งานขายบริการมีเพียบเลยค่ะพัทยา ทั้งกลางวันกลางคืน  อิอิ.... (อย่าคิดมาก) คนไทยบ้ากิจกรรมน้อยกว่าชาวตะวันตกค่ะ....... กีฬา ศิลปะ ท่องเที่ยว     อีกอย่าง...ภาษีคนไทยไม่โหดเท่าอังกฤษ งานที่ จขกท  ว่าเมืองไทยก็มีหมดแหละค่ะ......แต่เป็นกลุ่มเล็กๆ เท่านั้นเอง จากคุณ : Piano Player เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 14:16:44

ความคิดเห็นที่ 22 มอง เข้าจริง มันก็ ขาย ทุกบริษัทอ่ะนะ แล้วแต่สินค้าเป็นอะไร บริการ หรือปล่าว จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 16:54:12

ความคิดเห็นที่ 23 ธุรกิจต่างๆที่มีอยู่ มีแต่ขายครับ... แค่จะขายสินค้า หรือบริการเท่านั้น จากคุณ : MESMERIC เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 19:49:11

ความคิดเห็นที่ 24 จริงค่ะที่ว่าธุรกิจทุกอย่างมันคือการขายทั้งนั้น อยู่แต่ว่าจะขายสินค้าหรือบริการ  ถึงได้ตั้งกระทู้นี้ไงคะว่าคนไทยส่วนมากขายสินค้า ไม่นิยมขายบริการ (คำว่าขายบริการฟังดูทะเ:-)ๆนะ อิอิ) อย่างที่บอกว่าไม่เคยทำงานที่เมืองไทย แต่ครอบครัวมีกิจการอยู่ที่ไทยซึ่งเรา​ (ยังไม่ถูกบังคับ) ให้เข้าไปเกี่ยวข้อง   ส่วนเรื่อง Culture Shock นี่โดนมาบ้างแล้วค่ะโดยเฉพาะเวลาต้องไปธนาคาร หรือบัตรประชาชนไรงี้  รู้สึกว่าการทำธุรกรรมกับหน่วยงานต่างๆไม่ว่าจะเป็นธนาคารหรืออะไร ระบบที่วางไว้คือต้องเข้าไปติดต่อเอง..คือต้องเอาหน้าไปให้เห็นว่างั้น...ทั้งๆที่ไปแล้วก็ต้องขอดูเอกสารอยู่ดี กระทั่งเรื่องการกู้เงินทำธุรกิจหรืออะไรก็ต้องเอาหน้าไปให้เห็น  ส่วนที่นี่กรอกว่าเงินเดือนเท่าไหร่ ให้ชื่อที่อยู่ที่ทำงาน ให้ชื่อที่อยู่กับหมายเลขประจำสังคมเพื่อยื่นเรื่องขอกู้ผ่านเน็ท อนุมัติทางอีเมลล์ในสองชั่วโมง แล้วสามวันจากนั้นเงินก็เข้าบัญชี   เรียกว่าขั้นตอนการกู้เงิน 10,000 - 50,000 ปอนด์ตั้งแต่ยื่นกู้ยันอนุมัติยังใส่ชุดนอนอยู่เลย... ส่วนเรื่องที่ประเทศนี้ของแพง..ไม่ใช่เพราะเรื่อง VAT สูงอย่างเดียวหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะ อะไรอะไรก็ผลิตมาจากประเทศจีน ไทย อินเดีย โมร๊อคโค ฯลฯ คิดง่ายๆ คนอังกฤษทำงานได้เงินเดือนละ 2000 ปอนด์เทียบกันแล้วก็เหมือนคนไทยทำงานได้เงินเดือน หมี่นแปด  ภาษีรายได้ส่วนบุคคลกับประกันสังคมหักผ่านที่ทำงานจะเอาไปแล้วประมาณ 600 กว่าปอนด์ เหลือกลับบ้านเดือนละ 1,300 กว่าๆ... ค่าเช่าบ้าน 600 (รวมน้ำไฟ), ค่ารถไฟ/รถเมล์ต่อเดือน 120 ค่าโทรศัพท์มือถือ 50 ซื้อของเข้าบ้านทำกับข้าวตกเดือนลt 150-200 ถ้าเดือนนั้นไม่ไปไหนเลย ไม่กินข้าวนอกบ้านเลยก็เหลือเก็บเดือนละ 400 แต่คนเราต้องมีสังสรรค์บ้างอะไรบ้าง อย่างซื้อของ..กางเกงยืนส์ถูกๆตัวละ  30-40 ปอนด์ เสื้อยืดถูกๆตัวละ 10-15 ปอนด์ กินข้าวเย็นนอกบ้านมื้อนึง 10-20 ปอนด์  ดูหนังรอบละ 10 ปอนด์  กาแฟแก้วละ 1.80 เป็นอย่างถูก  ถ้าสตาร์บัคส์ก็ 2.95 ... แต่ภาษีที่จ่ายๆไปทุกเดือนนั้น ได้อะไรกลับมาพอสมควรค่ะ  อย่างที่นี่ป่วยไข้รักษาฟรี ผ่าตัดฟรี แล้วเซอร์วิสก็ดีกว่าโรงพยาบาลรัฐบ้านเรา ถึงจะไม่ดีเท่าโรงบาลเอกชนบ้านเราก็เหอะ..ภาษีที่จ่ายๆไปก็ใช้ไปสำหรับการอัพเกรด Public Service ต่างๆ ถนนหนทาง ตำรวจ โรงเรียน โรงพยาบาล ห้องสมุด มิวเซียม ฯลฯ การทำงานในประเทศนี้ ถ้าอยากรวยต้องหากินกับความไม่รู้บวกความขี้เกียจของคนค่ะ  เราทำเอกสารให้บ้านที่จะขึ้นตลาดขาย แต่เราก็จับลูกค้าเรามาใช้บริการทนายของเราด้วยในเวลาที่ต้องเซ็นต์มอบอำนาจ นิสัยฝรั่งอังกฤษจะทำอะไรตรงไปตรงมา อะไรไม่รู้ไม่แน่ใจ จ้าง Professional ให้ทำแทนไว้ก่อน งานพวกนี้เงินหมุนตลอดเวลาค่ะ  ใครอยากจะมาทำงานที่อังกฤษ เปิดร้านอาหารไทยเลิกคิดไปเลยค่ะ  ฝรั่งบางคนก็ไม่กินอาหารไทย ญี่ปุ่น เกาหลี และไม่คิดจะลอง  ที่อเมริกา กับออสฯก็เป็นเหมือนกัน (ประเทศอื่นไม่รู้เพราะไม่เคยอยู่)...ตอนเราออกมาทำบริษัทเองก็มีเพื่อนคนไทยแนะนำให้เปิดร้าน แต่เราคิดว่าอยู่ในจุดนี้แล้วจะจับตลาดแคบๆไปทำไมกัน... สรุปเวปไหนเค้าคุย SME งาน Service กันเหรอคะ? จากคุณ : @บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง@ เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 23:29:25

ความคิดเห็นที่ 25   มีเยอะแยะนะคะ เอาที่รอบข้างเรานะ - มีพี่ที่รู้จักทำ tax planing ไม่รับทำบัญชีนะคะ แค่วางแผนภาษีอย่างเดียว เงินดี ลูกค้าเยอะด้วย, - เพื่อนสนิทเราเปิดบริษัท broker ตอนนี้อยู่ยูเครน ลูกค้าชวนไปเที่ยว, ทำได้ซัก 2-3 ปีเอง ได้เป็น 10 ล้านแล้ว แต่ขึ้นอยู่กะโชคด้วย, - เพื่อนสนิทแฟนเรา รับทำ 3D อย่างเดียวเลย มีพนักงาน 5 คน ลูกค้าตรึมทั้งๆที่มีคู่แข่งเยอะ, - เพื่อนอีกคนรับทำสิ่งแวดล้อม แฟนเค้าเป็นสถาปนิค, - อีกคนเป็นอินทีเรียร์ แฟนทำร้านอาบน้ำน้องหมา - ทำซักรีด ส่งโรงแรมเล็กๆ (เพราะโรงแรมใหญ่มีแผนกซักรีดอยู่แล้ว) สปา (สปาใช้ผ้าเยอะไม่แพ้โรงแรมเลย) แล้วก็มีคนรู้จักนะคะ บริษัทกำจัดปลวก, ทำผ้าม่าน, รับทำกระจกอลูมิเนียม, ทำ amenity ส่งโรงแรม, บริษัทที่รับรีทัชภาพอย่างเดียวส่งไปนอก รับแต่พนักงานผู้หญิง  50 คนเห็นจะได้, แต่เพื่อนเราไม่มีใครเล่นพันทิพย์นะคะ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 53 23:44:42 จากคุณ : bestinside เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 53 23:41:05

ความคิดเห็นที่ 26 เท่าที่ดู คนไทยส่วนใหญ่จะมองข้อดีเสมอๆก่อนจะทำ sme ครับ มันดีอย่างนั้นมันดีอย่างนี้ (ผมเห็นมันก็ดีทุกอย่างอะ 555555+) อย่างทำร้านอาหาร ก็จะมองข้อดีไปว่าคนเราทุกคนต้องกิน คิดแค่นี้ก็สบายใจ............. แทนที่จะคิดว่า "จะทำยังไงให้ลูกค้าเข้ามากินร้านเรา และเข้ามากินซ้ำอีกเรื่อยๆ" ตามนิสัยคนไทยคือ คิดง่ายๆ.......คือเอาง่ายไว้ก่อนเอาสบายใจไว้ก่อน มันก็ดี.....แต่มันไม่แตกต่างครับ..คือธุรกิจมันก็ไม่พุ่งทะยานไปข้างหน้า กราฟมันก็เรียบๆ.........ขายหมูปิ้งไปอะไรไป เช้าตั้งโต๊ะ สายๆเก็บ จบ...... บางคนอยากเปิดร้าน "ขายกาแฟ" ............. ไปหาข้อดีมาสาาาาาาารพัด (พี่สาวรู้จักทางเน็ตกับผม อยู่เพชรบูรณ์) ผมคิดในใจไม่ได้สวนพี่เค้าไปดอก แต่ก็เอียนเหมือนกัน กับความสวยหรูของร้านกาแฟพี่ผม(ผ่านโทรศัพท์มือถือ) ท่าทางพี่ผมเค้าจะอิ่มกับ "ข้อดีมาก" ไปหน่อยครับ เลยต้องวางหู เรื่องธุรกิจขายกาแฟที่เปิดกันตามแฟชั่น......ผมไม่ขอพูดแล้วกันเคยมีกระทู้ไปแล้ว ฮ่าๆๆ..... ในมุมมองคนซื้อนะ ชาวบ้านส่วนใหญ่อะ จะบ่นอิดออดทุกๆบริการครับ (เหนียว ว่างั้นเหอะะะ 555555+ ) ซ่อมรถก็หาว่าร้านนั้นโกง ร้านนี้ซ่อมเลี้ยงไข้ ......... (ซ่อมเองสิครับซื้อเครื่องมือมาเล๊ยย) ซ่อมคอมก้มาเป็นอีก ไวรัสลงตลอด ล้างเครื่อง ......... (ก็เพราะ user ไม่ใช่หรอ) อะ....ซ่อมทีวี อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เปลีย่นนิดหน่อยต้นทุนไม่ถึง 20 บาทแต่คิด 700 เลยเหรอแพงไปมั้ยพี่ ................ (แล้วที่เค้าไปร่ำเรียนมาละคร๊าบ) เพื่อนผมเปิดร้านถ่ายเอกสารอยู่พิษณุโลก ..... กระดาษเหม็นลูกค้ายังด่ามาแล้ว ก็ไม่รู้จะยังไงเหมือนกัน.............(มันทำมาปี บอกเพิ่งเจอพี่เค้านี่แหละ จมูกดีเกิ๊น) รับดูแลน้องหมา ลูกค้าเอาหมามาอาบน้ำตัดขน กลับไปหมาป่วย มาโวยที่ร้าน หมาตายอยู่ในรถ ยังไม่รู้เรื่อง โวยต่ออย่างไม่หยุดยั้ง จะให้ชดใช้ค่าเสียหาย.........................พอเอาไปให้สัตวแพทย์ตรวจบอกว่า อาหารเป็นพิษ เจ้าของเอาอะไรให้หมากินครับ ........... (จ๋อยไปเลย ไม่มาขอโทษร้านพี่ผมซักคำ) หรือสมัยนี้............เปิดร้านเสริมสวย ทำไม่ดีโดนฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นแสนก็มีกันแล้วนะตัวเธอว์...!!!!!!............   http://pantip.com/cafe/social/topic/U9193121/U9193121.html ขายของดีกว่า ซื้อมา ขายไป จบ ไม่ต้องคิดมากกกกกก!!!!!!! จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 00:27:05

ความคิดเห็นที่ 27 คิดว่ามีค่ะ แต่ไม่เยอะ เพราะค่าครองชีพของคนไทยปกติ เพียงพอแค่กินใช้ไปวันๆ การจะมีบ้านสักหนึ่งหลัง รถสักหนึ่งคันต้องใช้เวลาเป็นปี การทำธุรกิจปลีกย่อย เพื่อรองรับความสบายนั่น คนไทยยังไม่มีอำนาจจ่ายได้เท่าที่ควร ออกแบบสวน ส่วนใหญ่ จะถูกรวมเข้ากับ พวกออกแบบบ้าน หรือไม่ก็ร้านขายต้นไม้รับออกแบบสวนควบคู่ไปด้วย(แนวsme เหมือนกันนะ) ถ้ามาออกแบบสวนอย่างเดียวเห็นทีจะไม่พอกิน นอกจากจะรับงานกับพวกราชการที่ต้องประกวดราคา รับทำความสะอาดออฟฟิศ ในไทยส่วนใหญ่ต้องเป็นบริษัทใหญ่ ไม่ค่อยจะ sme เพราะต้องให้ความวางใจและเชื่อในชื่อเสียงบริษัทพอสมควร รับทำความสะอาดบ้าน ถ้าเป็น คอนโด ส่วนใหญ่ แม่บ้านประจำคอนโดจะรับไป ถ้าเป็นบ้าน ส่วนใหญ่ในกรุงเทพยังไม่มีความเชื่อใจพอที่จะจ้างเป็นสัปดาห์ นอกจากว่าเงินเหลือมาก ก็จะใช้บริการบริษัทใหญ่ๆไปเลย บ้านส่วนใหญ่ จะจ้างแรงงานราคาถูก ทำทุกอย่างในบ้านรวมเลี้ยงลูกไปด้วย สนนราคาไม่เกิน เดือนละ 4000-5000 บาทสำหรับคนไทยด้วยกัน และ2500-3500 บาทสำหรับแรงงานพูดไม่ชัด (ส่วนใหญ่จะอยู่ในความดูแลของคุณยายในบ้านอีกที) ต่อเติมบ้านให้มันประหยัดพลังงานมากขึ้น-- อันนี้ถ้าไม่รวยจริงคงยากที่จะใช้งาน ซึ่งบ้านส่วนใหญ่งานแบบนี้จะถูกรวมไปกับตอนจ้างทำแบบบ้านตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนจะให้ต่อเติมนั่นคนไทยยังรู้สึกว่ามันฟุ่มเฟือย เพราะการกู้เงินแต่ละครั้งมาต่อเติมบ้านนั้นหมายถึงภาระหนี้ในอนาคตเช่นกัน คนไทยพยายามทำกันเอง ขนาดติดจานดาวเทียมยังศึกษาเพื่อจะได้ไม่ต้องจ้าง เหมือนฝรัง ซื้อพวกบิ้วอินมาทำกันเอง เพราะค่าแรงแพงนั่นแหละ จริงๆก็มีนั่นแหละค่ะ แต่แตกต่างกัน ฝรั่งเพื่อนคุณทำเป็นรูปแบบบริษัท คนไทยบ้านเราเป็นร้านค้าเล็กๆ เช่าพื้นที่ในห้าง ขนาดบริการซ่อมโทรศัพท์ยังเป็นแค่ตู้เล็กๆตู้เดียว และบางครั้งงานที่ฝรั่งแตกบริษัทแยกย่อยทำเฉพาะส่วน ของไทยเราเหมารวมทุกอย่างเบ็ดเสร็จ เพราะ คนไทยไม่ชอบเสียยิบเสียย่อย จ่ายเจ้าเดียวทีเดียวจบ แถมต่อราคาลงได้ในครั้งเดียวด้วย แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 53 10:09:13 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 53 10:08:21 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 53 10:05:44 จากคุณ : โอ้ย...แจ่ม เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 10:05:09

ความคิดเห็นที่ 28 โดนใจ คห ที่ 6 ... จากคุณ : D_YONG เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 11:51:15

ความคิดเห็นที่ 29 คห.6 ตรงใจผมมาก นอกจากไม่จ่ายค่าความคิดแล้ว  ยังจะเอาแบบถูกๆ ขอโทษนะ  ผมเห็นชิ้นงานหลายๆชิ้นจากอเมริกา  จากยุโรป งานไม่ปราณีตเท่าไร  แต่ราคาสูงบรรลัย ทำไมกล้าจ่าย แต่กับของในประเทศเรา  คุณกลับไม่กล้าจ่าย คุณกล้าจ่าย  เพียงเพราะมันมาจากประเทศหรูใช่ไหม นี่แหละ  ที่ทำให้คนไทยอยากเป้นพวกเทรดเดอร์  ซื้อมาขายไป แต่ไม่อยากเป็นผู้ผลิต ปล. เท่าที่เห็น คนขายของโดยมากมักรู้ไม่ลึกจริง จากคุณ : นางสเตนเลส เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 12:15:37

ความคิดเห็นที่ 30 เพราะเมืองไทยมีของขายเยอะมั้งค่ะ...สดๆ ใหม่ๆ  ไม่ต้องกินอาหารแช่แข็ง อาหารกระป๋องเหมือนหลายๆ ประเทศ วิถีชีวิต ของแต่ละประเทศต่างกันค่ะ....... ส่วนตัวก็ไม่ได้หวังว่า  ไทยจะเจริญรอยตามประเทศไหน.....เพราะแต่ละประเทศจะมีทรัพยากรในประเทศแตกต่างกัน   ถึงทรัพยากรบุคคลของไทยเราจะสู้ชาติอื่นไมได้ .........  แต่ภูมิปัญญาชาวบ้านไทย  ไม่แพ้ใครแน่ค่ะ   เรื่องภาษีที่หมุนคืนมาให้ประชาชน ....  การจัดการในระดับภาครัฐยังไม่ดีหรอกค่ะสำหรับประเทศไทย ....   อิฉันหากินบนความไม่รู้ของคนอื่นค่ะ   เพื่อนๆ ก็ไม่มีใครขายของเลยนะ ส่วนเรื่องเวบที่คุยกันเรื่อง  service  ไม่ทราบค่ะ    แต่  google.co.th  คงพอตอบได้อยู่มั้ง http://www.pantipmarket.com/services/   ถ้าอิฉันจะสงสัยว่า  ทำไมประเทศที่คุณอยู่  มันมีแต่ขายบริการ  ไม่เห็นมีใครขายของบ้างละ ??? อีกเรื่องคือ  โอกาสทางสังคมค่ะ..คนไทยอยู่เมืองไทยได้เงินเดือนคนไทยค่ะ  แต่ฝรั่งมาทำงานเมืองไทยตำแหน่งเดียวกันให้ rate ฝรั่ง กลับกัน... คนไทยไปทำงานที่ฝรั่ง กลับได้เงินเดือน ธุรกิจคนไทยมีอีกเยอะค่ะ......ถ้าคุณมองมุมกว้างๆ ......... จากคุณ : Piano Player เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 13:18:30

ความคิดเห็นที่ 31 ความจริงแล้วก็มีเยอะน่ะครับ อาชีพ ขายบริการ   แต่บุคคล หรือ บริษัท ที่ทำอาชีพขายบริการนั้น ส่วนใหญ่หรือเกือบ 100 % มีความเชี่ยวชาญ ชำนาญ มีลูกค้าในมืออยู่แล้ว จนไม่เกิดข้อสงสัย  จนต้องมาถามเพื่อหยั่งเชิง หรือเรียกกำลังใจจาก พันทิปนี้ อย่าง -  เพื่อนรุ่นพี่ผม  ก็ เปิดร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า - ญาติก็เปิดบริษัทโฆษณา ในเกม ออนไลน์ -  รุ่นน้องเพื่อน ก็ขายความรู้  กวดวิชา ผมว่า การขายบริการนั้นยากกว่า ขายสินค้า เพราะต้องสั่งสมประสบการณ์  ความเชี่ยวชาญ ไม่เหมือนขายสินค้า ความน่าสนใจอยู่ที่ตัวสินค้า ผมยังสนใจในอาชีพ  ขายบริการ  แต่ยังหาความสามารถเฉพาะด้านของตนเองไม่เจอเลย  แล้วอีกอย่าง อย่างที่ กระทู้ต่างๆเล่ามา คนไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญ กับค่าแรง ค่าความคิด หัวสมองเท่าไหร่  ชอบกดขี่แรงงาน ผมเคยออกแบบ ฉลากสินค้า กดค่าแรงจนผมเซ็งเลย ไม่รับงาน ทำยังกะ มันง่าย   ผมชอบวัฒนธรรมฝรั่ง ที่ใจสปอร์ต เช่น วัฒนธรรมให้ ทิป เป็นค่าบริการ เวลาไปร้านอาหาร  ไปโรงแรม  เคยติดต่อกับลูกค้าฝรั่ง จะไม่กดราคาแต่จะเน้นให้เรามีสินค้าตรงเสป็ค  บริการตรงต่อเวลา ผมชอบตรงนี้   ฝรั่งใช้ 2 สูง (ค่าแรงสูง  สินค้าและบริการคุณภาพสูงราคาสูง....คุณภาพชีวิตสูง) แต่ถ้าเป็นคนไทย  คนจีน  คนแขก จะเน้นให้ถูกไว้ก่อน คุณภาพห่วยรับได้ ...เฮ้อ นี่แหละ 2 ต่ำ (ค่าแรงต่ำ  สินค้าคุณภาพต่ำ ราคาถูก  ....คุณภาพชีวิตต่ำ) ผมสนใจ ทำเว็บโฆษณา ประชาสัมพันธ์  ธุรกิจต่างๆ เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยน ความรู้ ความคิดเห็นเกี่ยวกับ sme เหมือนเป็นชุมชน สำหรับชาว sme มาพบปะกัน  ตอนนี้กำลัง วางโครงร่าง ให้ความคิดมันฟักตัวก่อน... แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 53 13:35:42 จากคุณ : เจมส์แบน คังคังโป้ย เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 13:28:47

ความคิดเห็นที่ 32 คห.31 รีบทำเว็บSMEเลยครับ เสริมสร้างกันเองจะไปได้เร็วกว่ารอฝนจากฟ้า จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 14:38:09

ความคิดเห็นที่ 33 ธุรกิจที่คุณทำที่เมืองไทยก็มีครับ แต่เค้าแยกจาก sme เลยครับจะเป็นพวกซื้อขายอสังหาฯ ไปเลย มีเวปส่วนตัวของเค้าเลย ไม่มาเกี่ยวในพันทิปเท่าไร ถึงเราจะเป็นประเทศกำลังพัฒนา แต่เราก็เจริญหลายด้าน ยกเว้นจิตใจครับ(ตอนนี้ยิ่งแย่)//ขี้แย จากคุณ : พ่อ (พ่อลูก 2 หนุ่ม) เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 15:58:26

ความคิดเห็นที่ 34   เราว่าการทำธุรกิจมันอยู่ที่โอกาส จังหวะและเวลาด้วยมั้งคะ อย่างเราเองตอนนี้ก็เปิดธุรกิจรับทำความสะอาดออฟฟิศที่อังกฤษเหมือนเจ้าของกระทู้เหมือนกัน ด้วยจังหวะที่บริษัทแฟนเราหาคนทำความสะอาด เราก็เลยเปิดรับทำงานของแฟนเราก่อนเจ้าเดียว ตอนนี้เรามีลูกค้าเกือบ 10 บริษัทแล้วค่ะ เราก็ไม่ได้มีความรู้มากมาย หรือพูดภาษาอังกฤษแตกฉานขนาดนั้น แต่มันอยู่ที่จังหวะ และโอกาสมากกว่า ลูกค้าทั้งหมดจะเป็นประเภทปากต่อปาก ตอนนี้ธุรกิจของเราเป็นไปด้วยดี และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าเราบริการแบบคนไทย คือไม่เกียงงานว่าจะเป็นอย่างไร หรือมีเงื่อนไขในการทำงานมาก เมื่อก่อนเราก็ขัดห้องน้ำ หน้าดำหน้าแดงเหมือนกัน ฮ่า ฮ่า แต่ว่าตอนนี้เราให้คนอื่นขัดแทนแล้วค่ะ เพราะมีมาตรฐานการทำงานเป็นตัวกำหนดค่ะ เราไม่รู้หรอกว่า ความรู้เรื่องการตลาดใหม่ๆ เป็นอย่างไรแต่เราคิดอย่างเดียวว่า การบริการจะต้องดีเสมอ ประมาณว่า ถ้าเราทำงานดีเรื่อยๆ เราก็จะมีงานทำ ด้วยเหตุนี้กระมั้ง ทำให้เราประสบความสำเร็จมากกว่า ตอนนี้เราก็อยู่บ้านเลี้ยงลูกอย่างเดียวค่ะ แฟนเราบอกว่า ถ้าเรามีลูกค้ามากกว่า 20 บริษัท จะลาออกจากงาน มาช่วยกันเลี้ยงลูกค่ะ เพราะว่ารายได้เพียงพอแล้ว จากคุณ : ธุรกิจรับทำความสะอาด เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 17:19:32 A:82.45.102.44 X: TicketID:199136

ความคิดเห็นที่ 35   จขกท คุณ @บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง@ ท่าทาง จขกท จะอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนานเลยช่างสังเกตุ ผมเข้าใจความรู้สึก จขกท นะ ผมคิดว่า แต่ผมไม่เห็นด้วยกับ จขกท ตรงที่ว่า "กำลังพัฒนา"  จะเปลี่ยนเป็นคำว่า  "พัฒนาแล้ว ประเทศไทยเป็นประเทศ ด้อยพัฒนา ที่หลอกตัวเองว่า  "กำลังพัฒนา" ต่างหาก คาดว่า จขกท มองแต่กรุงเทพฯอย่างเดียวแน่นอน ทำไมผมพูดงี้ ลองนึกภาพว่าประเทศไทยถูกหยิบเมืองหลวงออกไป จะเหลืออะไรครับ จินตนาการออกไหมครับ ประเทศที่  "กำลังพัฒนา" จริงจริง จะไม่มีภาพรวมแบบนี้ คนไทยเราฉลาดเรื่องการพัฒนาไม่แพ้ฝรั่งนี้อาจจะจริงแต่ก็ส่วนน้อยครับ เพราะส่วนใหญ่คนไทยเป็นเกษตรกร เหตุผลเสริมนะหรือครับ ความคิดเห็นที่ 2 ไงครับ เน้นตรง มิได้ใช้ชีวิตด้วยสมอง มองโดยรวมนะครับ ต่างจังหวัด ปริมณทล กรุงเทพฯ อย่ามองแค่ตัวเราคนเดียว เหตุผลเรื่องภาษาเห็นด้วยอย่างแรงครับ ผมได้งานดีดีเสมอเพระาภาษาอังกฤษแต่เพื่อนผมเก่งกว่าสกิลดีกว่าหลายเท่าพูดอังกฤษไม่คล่อง ไม่ได้ การเสียภาษีเยอะไม่น่าสงสารนะครับ เสียเยอะสิยิ่งดี ถ้า จขกท โตกว่านี้คงจะเข้าใจ (ขี้เกียจพิมพ์แล้วด้วย ภาษาไทยพิมพ์ยาก) ดีกว่าเลี่ยงภาษีหรือไม่จ่ายแบบที่คนไทยบางคนทำ อ้าว จขกท ก็รู้ดีนี่หน่า ในความคิดเห็นที่ 24 โลกหมุนรอบตัวมันเองและดวงอาทิตย์นะครับ มิใช่ตัวเรา ออกตัวว่าไม่ได้ดูถูกคนไทยกันเอง แต่อธิบายภาพรวมประเทศและพูดเรื่องจริง อย่างที่ ความคิดเห็นที่ 13 แจ้งก็มีเหตุผลดี ที่เหลือ ความคิดเห็นอื่นพูดไปหมดแล้ว จากคุณ : pthpantip2010 เขียนเมื่อ : 20 พ.ค. 53 23:10:14

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณทุกความเห็นอีกครั้งค่ะ ก่อนตั้งกระทู้นี้เราก็รู้อยู่แล้วหล่ะค่ะว่าธุรกิจบริการในเมืองไทยเองก็มีเยอะ แต่ที่ตั้งกระทู้ในห้อง SME นี้เนี่ยะ... ก็เพราะเราเห็นว่า ธุรกิจ SME สายงานบริการในเมืองไทยมันต้องมีอยู่แล้วหล่ะ...เป็นต้นว่าบริษัทเล็กๆ ลูกค้าก็เป็นบริษัทขนาดเล็กหรือกลาง...  แต่เพราะไม่ค่อยจะได้เห็นกระทู้พูดคุยกันเรื่องธุรกิจบริการ ในขณะที่ "สินค้า" จะมีการพูดถึงอยู่บ่อยๆ มีการถกกันเรื่องแผนการตลาด วิธีการโปรโมทสินค้า ยันไปถึงเรื่องพัฒนาสินค้า แต่ไม่ยักกะค่อยมีกระทู้เข้ามาแชร์ความรู้เรื่องการตลาดในลักษณะ B2B (Business to Business)   เราว่าการทำ Sale and Marketing ให้กับธุรกิจ B2B ยากและใช้เวลานานพอสมควร...อย่างบริษัทเรากว่าจะได้คอนแทรคใหญ่ๆมาทีนึงก็แทบตายเลยทีเดียว..ยิ่งถ้าจะเอาคอนแทรคงานกับบริษัทขนาดกลาง พวกนี้ยิ่งกดราคาเราอีกต่างหากแล้วกดทีมิดด้ามเลยทีเดียว เล่นเอาบางรายเราต้องพูดว่า   "ในโลกธุรกิจมีอยู่สามสิ่งที่ไม่สามารถได้มาพร้อมกันหมดนั่นคือ "ถูก" "เร็ว" และ "ดี"  คุณจะได้แค่สองในสามอย่างนี้..แต่จะไม่มีทางได้ครบทั้งสามอย่างในเวลาเดียวกัน"   ก็ได้ผลค่ะ ลูกค้ายิ้มกว้าง..หัวเราะกับเราและพูดว่า "เป็นการปฎิเสธที่สุภาพมากนะ..ผมก็แค่ลองต่อราคาดูเท่านั้นแหละ ถ้าได้ก็แจ๊คพอท แต่ถึงไม่ได้ผมก็ให้คุณรับคอนแทรคงานนี้ไปทำอยู่ดี" เล่นเอาปั้นหน้าไม่ถูกกันไปพักนึงเลยทีเดียว... สมมติเล่นๆ... ถ้าตั้งเป้าว่าจะพยายามเซ็นต์คอนแทรคให้ได้ 10 บริษัทภายใน 1 เดือน...การตามการจี้ลูกค้า ต้องทำเท่ากันหมด แต่เอาเข้าจริงพอครบเดือนได้คอนแทรคมาบริษัทนึงก็เก่งแล้ว...อย่างงี้ถือว่าปกติสำหรับที่นี่  เราเห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 34 ค่ะ...Word Of Mouth เป็นการตลาดที่ดีที่สุด แล้วลูกค้าที่ถูก refer มาส่วนมากจะไม่ค่อยงี่เง่าด้วย แต่ธุรกิจที่จะเข้ามาทาง Word Of Mouth ใช้เวลาและใช้โอกาส ส่วนที่คุณ คคหท. 31 บอกว่า "ชอบวัฒนธรรมฝรั่งที่ใจสปอร์ต...เคยติดต่อกับลูกค้าฝรั่ง จะไม่กดราคาแต่จะเน้นให้เรามีสินค้าตรงเสป็ค  บริการตรงต่อเวลา"   ตรงนี้เราว่ามันไม่เกี่ยวนะว่าลูกค้าเป็นคนชาติไหน..เราว่ามันเกี่ยวกับว่าเราได้ลูกค้า "ดี" หรือ "งี่เง่า" มากกว่า  ส่วนตัวที่เราเจอมา ลูกค้าเราจะมี 3 ประเภท 1. ลูกค้าดีบัดเจดถึง  พวกนี้จะไม่ค่อยมาหยุมหยิมเรื่องเงินว่าเราแพงกว่าที่อื่น ตราบเท่าที่เราทำงานได้ตามความต้องการของเค้า (ทั้งเรื่องคุณภาพ และเวลาที่ใช้) 2. ลูกค้าดีแต่บัดเจดน้อย พวกนี้จะค่อนข้างตรงไปตรงมากับเรา ประมาณว่า มีเงินจ่ายให้แค่นี้ ยืดเวลาส่งงานออกไปหน่อยก็ได้แต่ลดราคาให้ด้วยแล้วกัน 3. ลูกค้างี่เง่า  พวกนี้จะถามมันทุกอย่าง อยากรู้ไปทุกจุดและไม่พยายามทำความเข้าใจว่าทำไมเราลดราคาให้ไม่ได้หรือลดได้แค่นี้แล้วจริงๆ ไม่พยายามเข้าใจว่าบางส่วนของงานเร่งไม่ได้เพราะต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย  และคำถามที่พวกเค้าถามมักจะขึ้นต้นด้วย Why ในขณะที่ลูกค้าที่ดีมักจะถามคำถามประเภทที่ขึ้นต้นด้วย How ไอเดียงานที่คุณว่ามาก็ดีนะคะ เอาใจช่วยให้ประสบความสำเร็จ แล้วก็เผื่ออยากหา Case Study ก็ขอแนะนำให้ลองทำรีเสิร์ชดูในเรื่อง Price Comparison Websites ค่ะ เวปพวกนี้จะรวมประเภทธุรกิจหลายอย่างเอาไว้ในเวปเดียวแล้วให้ประชาชนเข้ามาใช้ฟรี เพื่อเปรียบเทียบแต่ละบริษัท ในธุรกิจแต่ละอย่าง  คือไม่ใช่ว่าให้ข้อมูลว่าที่ไหนค่าบริการถูกสุด แต่ให้ข้อมูลว่าที่ไหนราคาเท่าไหร่ และข้อดีข้อเสียของบริษัทนั้นๆเป็นยังไง ฟีดแบคจะมาจากลูกค้าที่เคยใช้บริการของบริษัทนั้นๆ เวปไซต์ลักษณะนี้มีรายได้จากคอมมิชชั่น  บริษัทจะจ่ายให้เมื่อคนใช้คลิกผ่านเวปนี้เพื่อเลือกใช้สินค้าหรือบริการของบริษัทเค้า วิธีทำของที่นี่มันจะผ่านอินเทอร์เน็ทเกือบทั้งหมด เพราะงั้นถุ้าเอาไปใช้เมืองไทยอาจต้องปรับอะไรนิดนึงให้แน่ใจว่าเราได้คอมมิชชั่นแน่ๆ ไม่ใช่ว่าลูกค้ากับบริษัทดันไปคุยกันเองหลังไมค์  ลองเอาเวปนี้ไปดูค่ะ http://www.gocompare.com ธุรกิจ Price Comparison Website เพิ่งเข้ามาในอังกฤษได้ไม่ถึงห้าปีค่ะ และยังมีอยู่ไม่กี่เวปแต่มาแรงมาก..ล่าสุดเวปนึงเข้าตลาดหุ้นไปแล้วเรียบร้อย ตอบคุณ คคหท. 30 สำหรับคำถามที่ถามกลับมานะคะ ประเทศนี้ คนขายของกับคนขายบริการมีปริมาณพอๆกันค่ะ  เวลาไปสัมมนา SMEs ไม่ว่าจะกี่ที่ เราจะเช็ค Registrations List ตลอดเพราะอยากรู้ว่าใครเค้าทำอะไรกันบ้าง..ก็เจอว่าคนทำธุรกิจขนาดเล็กครึ่งนึงขายสินค้า อีกครึ่งขายบริการ  และสินค้าที่ขายส่วนมากก็เหมือนๆกับบ้านเราแหละค่ะ เสื้อผ้า หน้า ผม ว่ากันไปตามเรื่อง แต่พวกที่ขายบริการเนี่ยะ ไอเดียบางคนบรรเจิดมาก หลายๆเรื่องเป็นเรื่องหญ้าปากคอกทั้งนั้น แต่เค้าเอาเรื่องง่ายๆ เรื่องใกล้ตัวมาคิดพลิกแพลงจนหาทางทำกินจนได้ เห็นแล้ว intrigue ค่ะ (ขอโทษที่พิมพ์ภาษาอังกฤษ คิดไม่ออกว่าภาษาไทยเค้าเรียกว่าอะไร) อันนึงที่เราไปเห็นมาล่าสุดคือธุรกิจส่งเอกสาร ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาใช่ไม๊คะ? แต่ตานี่เค้าไม่ธรรมดา เพราะแทนที่ลุกค้าจะต้องเตรียมเอกสารไว้แล้วเรียก messenger ไปรับเพื่อเอาไปส่งที่จุดหมาย แต่นี่เค้ามีซอร์ฟแวร์สำเร็จรูปให้ลูกค้าสามารถแนบ File เอกสารที่ต้องการส่ง เอกสารบางอย่างต้องมีลายเซ็นต์กำกับ เค้าใช้ซอร์ฟแวร์ที่มี Disclaimer ให้ลูกค้าติ๊กอนุญาตว่านี่คือการเซ็นต์เอกสารแล้วนะ แต่เป็นการเซ็นต์ออนไลน์ (กฎหมายที่นี่รับรองเรื่องเซ็นต์ออนไลน์ เพราะงั้นแม้แต่ธนาคารก็รับเอกสารนี้) แล้วเค้ารับสมัคร Messenger ให้มาทำเป็น Freelance โดยค่าตอบแทนต่ำกว่า messenger ทั่วไป โดยมีข้อแลกเปลี่ยนว่า messenger พวกนี้จะส่งเอกสารในระยะ 5 miles รอบบ้านตัวเองเท่านั้น ไม่ไปไกลกว่านั้น  messenger ทุกคนต้องมีคอมพิวเตอร์และปริ้นเตอร์  (เคลมค่ากระดาษ ซองเอกสารและหมึกพิมพ์ได้) วิธีการทำงานของเค้าคือ ใครอยากส่งอะไรก็ เข้าไปในเวปเค้า ระบุจุดหมายปลายทาง แนบไฟล์เอกสารที่ต้องการส่งผ่านเวปแล้วเลือกว่าจะต้องส่งให้เร็วขนาดไหน คือให้ระบุว่าต้องถึงปลายทางก่อนเวลาอะไร วันไหน...ทางเวปก็จะโชวร์ราคา แล้วจ่ายเงินออนไลน์ พอกดจ่ายปุ๊บ...messenger คนที่อยู่ใกล้จุดหมายปลายทางที่สุดจะเป็นคนได้ข้อความในมือถือว่ามีเอกสารต้องส่งโดยบอกเวลาให้ด้วยว่าต้องส่งไม่เกินกี่โมงและจุดหมายคือที่ไหน  messenger ก็เข้าไปในเวปแล้วใส่ Username กะพาสเวิร์ดของพนักงานลงไปแล้วปริ๊นท์เอกสารออกมาใส่ซองเพื่อส่งที่ปลายทาง ซึ่งปลายทางอาจจะเดินไปแค่ห้านาทีก็ได้    ข้อดีที่แตกต่างของธุรกิจของนายคนนี้ก็คือ  เอกสารที่จะส่งจากลอนดอนไปสก๊อตแลนด์ ส่งถึงมือผู้รับในเวลาไม่เกิน 30 นาที  เราฟังตอนแรกอึ้งไปนานเลย..เรื่องเล็กๆแต่ใครจะคิดว่าเค้าพลิกแพลงไปได้ขนาดนั้น ส่วนที่คุณบอกว่าฝรั่งทำงานเมืองไทยได้เงินเดือนเรทฝรั่ง (เข้าใจว่าคุณหมายความว่าฝรั่งได้เงินเดือนเยอะกว่าคนไทยที่ทำตำแหน่งเดียวกัน ถูกต้องไหมคะ?) แล้วคุณบอกว่า "กลับกัน คนไทยไปทำงานที่ฝรั่งกลับได้เงินเดือน" (เข้าใจว่าตรงนี้อาจจะเขียนขาดไป และอาจต้องการสื่อว่าคนไทยทำงานเมืองนอกได้เงินเดือนน้อยกว่าฝรั่งที่ทำงานตำแหน่งเดียวกัน?) เราขอเป็นเสียงนึงในฐานะที่เป็นคนไทย ซึ่งเคยเป็นพนักงานบริษัทในอังกฤษมาก่อนนะคะ  เรื่องได้เงินน้อยกว่าเพราะเราเป็นคนต่างชาติ ไม่มีแน่นอนค่ะ  ยืนยัน...ประเทศนี้มีกฎหมาย Equal Rights ปกป้องอยู่  ถ้ามีเรื่องแบบนี้บริษัทโดนฟ้องกระจุยแถมโดนประชาชีแบนแน่นอนค่ะ   เงินเดือนของพนักงานตำแหน่งเดียวกันจะต่างกันก็ต่อเมื่อประสบการณ์ในสายงานไม่เท่ากัน (คิดตามตำแหน่งจากบริษัทเก่า และระยะเวลาที่ทำกับบริษัทนั้น)  แต่ยังไงก็มีกฎหมายแรงงานดูแลอยู่ค่ะเพราะที่นี่เค้าจะระบุว่าการว่าจ้างตำแหน่งต่างๆ บริษัทต้องเซ็ท Salary Band ของตำแหน่งนั้นๆ เช่น รับสมัคร Account Executive - Salary Band 22-25K (อังกฤษจะโฆษณาค่าจ้างเป็นรายปี แต่จ่ายเป็นเดือน)  สมมติว่ารับมา 5 คน แต่ละคนอาจจะเงินเดือนไม่เท่ากันเลยก็ได้ แต่ยังไงก็ต้องอยู่ ในระหว่าง Salary Band ที่ระบุไว้ในใบประกาศรับสมัครงาน ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับทุกคนที่เข้ามาตอบกระทู้  ยินดีที่ได้แชร์ความคิดเห็นกัน :)  ขอตัวไปนอนก่อนแล้วค่ะ อยู่จนเช้าเลยวันนี้ อิอิ จากคุณ : @บะหมี่เกี๊ยวหมูแดง@ เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 12:37:08

ความคิดเห็นที่ 37 ขอบคุณมากสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ จากคุณ : Bluebird at Bonneville~* เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 13:59:16

ความคิดเห็นที่ 38 ทุกอาชีพมัน ขาย หมดอ่ะครับ ไม่ขายของ ก็ขายแรงขายสมอง ธุรกิจบริการ ก็คือขายแรงงาน นั่นเองแหละครับ ธุรกิจดนตรี โปรแกรมคอม ติวเตอร์ ก็ขายสมอง ไม่มีอาชีพไหนหรอกครับ ที่ไม่ ขาย ช่วงนี้ซื้อบริการบ่อยเหมือนกันน่ะ อิอิ จากคุณ : MacDeltaThai เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 15:48:58

ความคิดเห็นที่ 39 เราทำงานด้านการขายนะคะ แต่ตอนนี้เริ่มผลิตเองแล้ว การขายมันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดค่ะ ของที่เราขายเราต้องรู้ลึกด้วย บางคนอาจจะแค่มองผ่านๆ หรือขอแค่ให้ขายได้ แต่สำหรับเราไม่ใช่ ส่วนงานพวก service มีนะคะ อย่าง ทนายความ ทำบัญชี งานพวกนี้มีอยู่แล้วแต่อาจจะไม่เด่นชัดเหมือนต่างประเทศที่ต้องมีธุรกิจรองรับทุกอย่าง อย่างขายบ้าน ขายรถต้องผ่านนายหน้า ประมาณนั้น เพราะเมืองไทยส่วนใหญ่จะค้าขายกันตรงๆ ไม่ค่อยจะผ่านนายหน้ากันเท่าไร เพราะมีคนซื้อถึงได้ขายได้ มองในแง่ดีนะคะ service ดีๆก็ยังมีเยอะค่ะ จากคุณ : แก้วหนึ่งใบกับเบียร์สองขวด เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 53 17:50:06

ความคิดเห็นที่ 40 คห.6 น่ะ..นี่มัน... ถูกใจเอาไป 3 กีบ เราทำงานด้านออกแบบเคยเจอลูกค้ามาจ้างให้ออกแบบโลโก้ สินค้าขายได้หลักแสน/เดือน เราคิดค่าออกแบบ 2,000 บาท (5 แบบ) บอกว่าทำไมแพงจัง... เค้าให้เหตุผลว่า ไม่ได้ลงทุนอะไรนี่ แค่ปริ๊นท์ออกมาให้ผมดูแค่นี้เอง เจอแบบนี้ไม่ไหวที่จะเคลียร์ กว่าเค้าจะออกแบบแบบได้นะตัว -*- อยากร้องไห้ ปล.ลูกค้าดีๆ ก็มีนะคะ ลดแลกแจกแถมกันไป 55+ จากคุณ : เม่นน้อยลอยลม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 09:48:58

ความคิดเห็นที่ 41 =>  ขายของแบบซื้อมา - ขายไป :  มันก๊อปง่ายกว่าเยอะครับ                                                 ราคาต่อหน่วยถูก  แต่กำไรรวมดี       ที่นิยมกันก็ - ขายเสื้อผ้า เครื่องประดับ  แล้วก็ขายอาหาร =>  งานบริการ หรือขายความคิด :  ส่วนใหญ่ต้องอาศัยความชำนาญเฉพาะทาง                                                แถมต้องให้ราคาถูกจึงจะขายได้                                                มันเลยอยู่ได้ยากครับ       ที่นิยมกันก็ -  ร้านเกมส์  ร้านถ่ายเอกสาร สรุป  -  จะขายอะไรก็ตาม  ต้องถูกไว้ก่อนครับ เพราะคนไทยชอบของถูกครับ  โดยเฉพาะของก๊อป จนมีคำพูดที่ว่า "ไม่มีอะไรที่พี่ไทยก๊อปไม่ได้" หรือถ้าจะพูดแบบสวยงามก็ต้อง "engineering"...Thailand only !!   จากคุณ : หมูอ้วนพุงดำ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 09:51:35

ความคิดเห็นที่ 42 เปิดออฟฟิส ทำงานบริการค่ะ กึ่งๆออกแบบ ส่วนใหญ่ เลือกจะรับงาน จากบริษัทใหญ่อีกทีค่ะ ทำมา 5 ปี มีงานต่อเนื่องมาตลอด ลักษณะงาน สามารถครอบคลุม ลูกค้าชาวบ้านทั่วไปได้ แต่ไม่รับค่ะ เห็นผลสั้นๆ เค้าอยากได้ของดี ที่...."ถูก" เค้าไม่คิดถึง ค่า ฝีมือ ค่า ความชำนาญ ที่เราสะสมมาค่ะ จากคุณ : MaGeNTA SLoT เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 10:36:04

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ ทำให้มีการแชร์ความคิดเห็นที่น่าสนใจ จากคุณ : hayman เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 13:48:41

ความคิดเห็นที่ 44 จากความเห็นที่ 36 เป็นไอเดียธุรกิจที่บรรเจิดมาก แต่ถ้าคิดอีกที ถ้าปลายทางเค้าเป็นคนปรินท์เองล่ะ โดยไม่ต้องมี messenger ไปส่งก็ได้ ธุรกิจนี้จบทันที จากคุณ : =U_U= PoRpLe เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 14:25:47

ความคิดเห็นที่ 45 น่าสนใจมาก สำหรับเมืองไทย งานพวกให้บริการ ก็มี แต่น้อย และมีโอกาสเติบโตได้ สังเกต บางคนที่รับงานมาทำ หลายงาน ก็งานเต็มตลอดเวลาแบบว่า ไม่ต้องทำงานออฟฟิค ยังอยู่ได้เลย  แต่งานพวกนี้ อาจจะต้องเน้นเรื่องความชำนาญเฉพาะด้านมากกว่า จากคุณ : วีทีอาร์ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 53 14:27:42

ความคิดเห็นที่ 46 ผมเคยเห็นใน TV ช่อง 7 (มั้ง) เค้ารับจ้างบอกรัก ,HBD ฯลฯ เป็นนักศึกษา ทำงานพิเศษ นานแล้วนะไม่แน่ใจ ว่ารายการอะไร เลยลองแนะนำดูตับ จากคุณ : metclub75 เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 00:06:26

ความคิดเห็นที่ 47 ส่วนตัวเราชอบค้าขายค่ะ ขายมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย มีร้านของตัวเองครั้งแรกที่มาบุญครองโดยหุ้นกับเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียน ตั้งแต่นั้นมาก็ทำอาชีพนี้มาตลอดจนตอนนี้ความรู้ลงหม้อไปหมดแล้ว จากคุณ : ดาวสีส้ม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 53 12:34:48

ความคิดเห็นที่ 48 เมืองไทย  :::> สัมปทาน รวยสุดครับ ไม่อิงการเมือง ไม่รวย เพื่อนผม พ่อรับจ้างขนถ่านหิน ต้องเอาลูกสาวไปดองหัวหน้ากลุ่มการเมืองได้สัมปทานต่ออีก สิบปี ส่วนนักการเมืองก็มีเงินขยายกลุ่มเพิ่มเป็นตัวแปรชี้เป็นชี้ตายรัฐบาลได้ครับ ยิ่งสัญญายาว ต้นทุนต่ำ รายทางสูง 30%Rules จ่ายให้ถูกคนนะ รวยแน่ๆ ระดับบนเป็นอย่างนี้ ต้องกดระดับล่างไว้ด้วย ให้ซื้อง่ายๆ คุณภาพการศึกษาของบ้านเราก็เลยเป็นอย่างที่เห็นครับ คนในกระทรวงศึกษาไม่โง่นะครับ แต่ นักการเมืองคือปัญหา ผลลัพธ์ คือ คนบ้านเราเลยมีวิธีคิด เชื่อ จำ ตามที่ สื่อบอก คนอื่นว่า Me too ..... เฮไหนเฮกัน คนจบการศึกษาภาคบังคับแล้ว ยังคิดเองไม่ได้ เชื่อวิทยุ ทีวี จนเผาบ้านเผาเมืองได้... นอกเรื่องไปนิดนึง สรุปว่าวิธีคิดของคนบ้านเรามีกรอบความคิด หรือคิดอะไรใหม่ๆ ที่แตกต่างไม่ค่อยเป็นครับ จากคุณ : นายมาร์ช เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 53 00:35:22

ความคิดเห็นที่ 49 ... จากคุณ : นายแว่นธรรมดา เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 53 13:13:03

ความคิดเห็นที่ 50 พวกให้บริการหลายคนไม่ได้เข้าพันทิป นะครับ บางกลุ่มเขามีบอร์ดของตัวเอง อินทีเรียผม ไม่รู้จักพันทิปเลย ตอนผมบอกให้เขาดูแบบเฟอร์นิเจอร์จากในพันทิปว่าผมชอบแบบไหน เขาหาไม่เจอบอกว่า งงพอเข้า บอร์ดพันทิป ไม่คุ้น จากคุณ : Mr.Rope เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 53 12:08:10