|  | 
				
					|  ความคิดเห็นที่  14 |   
Close Sales
 หลังจากเหตุการณ์ค่อนข้างสงบลง ( กลัวใจจริง ๆ มันจะสงบจริงไม๊) ผมก็นัวเนียกับงานที่คั่งค้าง กลับบ้านมาแต่ละวันก็ เหมือนหมดพลัง จนในที่สุดก็มาถึงวันหยุด เรามาต่อเรื่องสุดท้ายของหน้าที่พนักงานขาย (ใหม่) กันครับ
 
 Close Sales การปิดการขาย
 
 ผมย้อนนิดนึงก่อน  จากกระบวนการทำ Lead Generation , Lead Qualification  ซึ่งผมแชร์ไว้ก่อนหน้านี้ ลองสังเกตุดูนะครับ ว่ากระบวนการดังกล่าวต่างมีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับ กระบวนการที่เหลือ  ขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง จะสร้างผลกระทบกับ การปิดการขายทันที ( หรือกระทบกับผลลัพธ์ในการขาย ก็คือยอดขาย )
 
 สรุปความหมาย Lead Generation ก็คือ การสื่อสารไปยังลูกค้า เพื่อทำให้เกิดการสนองตอบจากลูกค้าในสินค้าและบริการ ในทางใดทางหนึ่ง ผมเน้นว่าต้องเกิดการสนองตอบจากลูกค้า เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะกลายเป็นการสร้างแบรนด์ให้เกิดการรับรู้ไป แต่ไม่ได้บอกเลยว่า HOW TO BUY ?
 มันเป็นกิจกรรมทางการตลาดซึ่งคุณคงเคยพบประสบกันมาแล้ว  เช่น การแจกแผ่นพับใบปลิวในการบู๊ต  การทำตลาดทาง Email Marketting การจัดงานสัมนา ฯลฯ  ซึ่งสิ่งที่เราจะได้รับก็คือรายชื่อลูกค้า แล้วนำมา Qualify กันต่อไป การตรวจสอบคุณสมบัติก็จะมาทำงานต่อ โดยวิธฺการอย่างใดอย่างหนึ่ง การสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์  เข้าพบรวมให้ข้อมูลเพิ่มเติม  ซึ่งตามมาด้วยการ Prove Of Concept , Testing , Demo ( แล้วแต่จะเรียก )  ซึ่งที่ตามมาหลอกหลอน นักขายตลอดทาง ก็คือ ข้อโต้แย้งจากลูกค้าซึ่งมีหลายแบบยาวเหยียด เขียนยังไงก็ไม่หมด เช่น
 
 ทำไมผมถึงต้องซื้อกับคุณ  ( โหยอันนี้ครอบจักรวาล )
 คุณพนักงานขายจะดูแลฉันได้ดีจริงหรือป่าว (เห็นเดี๋ยวลาออกเดี๋ยวเปลี่ยนคน )
 สินค้าของบริษัทคุณดีจริงหรือ  แล้วบริการหลังการขายหล่ะ
 ราคาที่แตกต่างกันของสินค้าของคุณกับคู่แข่ง
 ?????????????????????   ยังมีอีกเยอะ
 
 การปิดการขายจะไม่เกิดขึ้น ถ้าพนักงานขายตอบข้อโต้แย้งลูกค้าไม่ได้ หรือถ้าโกหก ตลบแตลง เพื่อให้ขายได้  หลาย ๆ ครั้งเราจะพบว่า ปัญหาจะตามมาสารพัด ซึ่งประเด็นนี้ต้องระวังครับ การทำยังไงก็ได้ให้ลูกค้าซื้อ ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง  มีเทคนิคการปิดการขายเยอะแยะ การทดลองปิดการขาย การปิดการขายแบบทึกทัก ( ปุ๊บปั๊บอยู่ดี ๆ จะปิด ยังไม่ทันที่ลูกค้า จะตกลงเลย คุ้น ๆ ไม๊ครับ ? ) แต่ผมอยากจะบอกคุณว่า  ผมเกลียดการถูกปิดที่สุด  ทำไมผมถึงต้องถูกปิด  ทำไมผมไม่สามารถเห็นคุณค่า หรือตัดสินใจซื้อได้ด้วยตัวเอง ทำไมการขายไม่เกิดขึ้นเพราะการตกลงปลงใจของลุกค้าเอง  คุณลูกค้าครับนอกจากข้อสงสัยเรื่อง ............... ( ซึ่งผมได้ให้ข้อมูลไปแล้ว )  ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ concern อีกหรือเปล่าครับ ?
 
 เทคนิคการขายแบบที่เราเรียน ๆ กันมาในความเห็นส่วนตัวผม คงจะเหมาะกับลูกค้า จากประเภท Consumer, Retailing มากกว่า กลุ่มลูกค้าองค์กร, B2B สาเหตุก็เพราะมีความซับซ้อนมากกว่าในกลุ่มลูกค้าแบบหลัง
 
 การปิดการขายคือการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับลูกค้า ไม่ใช่การสิ้นสุด  ขอให้เพื่อนพนักงานขายใหม่ ระลึกไว้ครับ
 
 ผมแชร์เรื่องการปิดการขายไปพลางก็มี หลายอย่างอยู่ในความคิด อะไรนะที่มีผลกระทบกับการปิดการขาย โดยเฉพาะกับพนักงานขายใหม่
 
 1.อันดับแรกเลย Trusted พนักงานขายใหม่ย่อมมีน้อยกว่า  ซึ่ง Trusted กลับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าคู่แข่งของคุณมี Trursted แต่คุณมีน้อยกว่าหรือไม่มีแล้วหล่ะก็ เหนื่อยครับ แต่ผมมี Solution เพื่อแก้ปัญหาครับ  ลองเปลี่ยนเป็นใช้ คุณสมบัติของสินค้าคุณเป็นตัวนำ  ( Solution Approach, ให้สินค้าหรือบริการของคุณเป็นตัวนำ )  ขยายความคิดผมก็คือ  สินค้าของบริษัทคุณอาจจะมี site referrence ที่ดี บริษัของคุณได้เคยขายและประสบความสำเร็จในการใช้งาน  หรือ สินค้ามีความสามารถพิเศษที่คู่แข่งไม่มี  และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับลูกค้า  จะช่วยลดข้อเสียเปรียบในเรื่อง Trusted ของคุณได้  Trust ต้องสร้างครับ ความเชี่ยวชาญในตัวสินค้า ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล  ความเชื่อถือที่ลูกค้ามีให้ต่อคุณ บริษัทของคุณ สินค้าของคุณ  มีประเด็นมากมายที่ต้องพูดกันเรื่องนี้ ผมจะแตกประเด็นเรื่องนี้เพราะมันสำคัญมาก ๆ ครับ
 
 2. อันดับที่สอง สิ่งที่พนักงานขายใหม่มีน้อยกว่า ก็คือ ความเป็นมืออาชีพ  เมื่อไหร่ที่คุณต้องทำการปิดการขาย ขอให้คุณทำดังต่อไปนี้ครับ
 
 - เก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด แล้วนำมาวิเคราะห์ทุกเรื่องเกี่ยวกับ สินค้า ความต้องการของลูกค้า การรับประกันและบริการหลังการขาย  ประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ (รวมประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับมากกว่าจากคู่แข่ง) ฯลฯ
 เตรียมตัวชี้แจง ให้ข้อมูล ในการปิดการขาย อย่างมืออาชีพ
 - ดึงหัวหน้าคุณ รุ่นพี่คุณ เจ้าหน้าที่ ๆ เกี่ยวข้อง  เป็นผู้ช่วยคุณในการปิดการขาย  ( อย่าลืมให้ข้อมูล ความเป็นไปเป็นมา ในการติดต่อกับลูกค้ารายนั้น ให้เค้าด้วย)  รวมทั้งอาจมีการ หารือปรึกษาก่อนที่คุณจะไปปิดการขาย  หรือ ให้ หัวหน้าคุณนะแหละเป็นคนปิดการขายให้คุณ  หรือสอนคุณ
 
 3. อันดับที่สาม ที่พนักงานขายใหม่ควรจะต้องเตรียมตัวไว้ก็คือ การทำใจ  ฮา ๆๆๆๆ  อัตราการประสบความสำเร็จในการปิดการขาย ของพนักงานขายใหม่ ๆ จะต่ำ ถึงต่ำมาก ๆ  เซลที่มีประสบการณ์ 15+ คนนึง ( ใครวะ)  ยังไม่กล้ายืนยัน ความสำเร็จเกิน 50% เลย แต่สิ่งที่พวกมีประสบการณ์ต่างออกไปก็คือ ลูกค้าไม่ซื้อตอนนี้ อาจจะซื้อในอนาคต ไม่ซื้อสินค้าตัวนี้ เราจะไปขายสินค้าตัวอื่นได้ในอนาคต  ไม่ซื้อเราแต่ไปซื้อคู่แข่งเพราะอะไร ?
 
 คนพวกนี้เค้าจะเก็บเข้ากล่อง Memory ในกรณี Buffer ยังไม่ Overflow  ( ศัพท์ IT ) คือเค้าจะเรียนรู้จากประสบการณ์ ซึ่งพนักงานขายใหม่ ๆ ยังไม่มี เพราะฉะนั้นคุณต้องพยายามให้ดีที่สุด ( เผื่อใจไว้นิดนีง) เพราะ มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณขายได้ไม๊ ขายได้เท่าไหร่ แต่มันสำคัญที่คุณเรียนรู้อะไรบ้างมากกว่า ( ย้ำ ๆ  ในช่วงแรก ๆ )
 
 มุมมองหัวหน้างานหรือSales Manager ผมคิดว่าเค้าคาดหวังให้คุณเรียนรู้  นี่คือเหตุผลที่ทำไมเงืนเดือนคุณน้อย กว่าคนที่มีประสบการณ์  และเค้าจะคอยมองหาพัฒนาการบนตัวคุณ ภายในช่วงทดลองงาน , 6 เดือน 1 ปี ถ้ามีหัวหน้าคุณคนไหน เค้าตำหนิคุณ ทั้ง ๆ ที่คุณได้พยายามถึงที่สุดแล้ว ผมฟันธง โชะเด๊ะ ๆ เลยนะ ไอ้นี่ไม่ดีพอจะเป็นหัวหน้าคน ผมว่าส่วนมาก เค้าจะให้กำลังใจคุณ สอนคุณให้เรียนรุ้จากข้อผิดพลาด เพราะ ฟันธง โชะเด๊ ๆ เค้าผ่านประสบการณ์พวกนี้มาแล้วทุกคน
 
 จบแล้วครับ Lead Generation, Qualify Lead, Close Sale หน้าที่หลักสำหรับพนักงานใหม่
 
 คงไม่ลืมผมจะแตกประเด็น  Trust ไปกระทู้อันใหม่ สำคัญสุดในชีวิตพนักงานขายแล้วครับ
 
				 
				
					| จากคุณ | : 
the blazer     |  
					| เขียนเมื่อ | : 
29 พ.ค. 53 11:01:07 |  
					|  |  |  |  |