ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าอย่างนั้น คุณควรจะต้องรู้ process ทั้งหมดจากพนักงานที่มีปัญหา แล้วคุณก็ค่อยสอนพนักงานใหม่ บริษัทอาจจะ freeze ช่วงหนึ่ง แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยปัญหาไว้เรื่อยๆ จากคุณ : Christian Chang เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 23:04:20

ความคิดเห็นที่ 2 ปล. บริษัทไม่ได้เลี้ยง พนง. ไม่ดีนะค่ะ อยู่กันเหมือนครอบครัวมาตลอด เพราะ มี พนง. แค่คนเดียว ก็ต้องดูแล อยู่ แล้ว เงินเดือนก็ปรับให้ ทั้งที่ งาน ไม่เสร็จ แว่นหัก ก็ ออกเงินซื้อใหม่ให้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับบริษัทเลย แม่เสีย ช่วยเป็นเจ้าภาพ ไป ตั้งหลายหมื่น โบนัสก็ไม่เคยลด ทั้งที่ งาน ไม่ได้ดีขึ้นเลย คุยก็คุยดี มาตลอด แต่ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมเปนแบบนี้ ถ้าบริษัท ไม่ดี จริง ทำไม ไม่ลาออกไปเลย อยู่มาตั้ง 10 กว่าปี แทนที่จะเปนตัวอย่างที่ดีให้ พนง ใหม่ กลับกลายเปนว่า นินทา เจ้านาย ให้ พนง ใหม่ฟัง แอบหัวเราะ กัน พอหันมาเจอ ถาม ว่า หัวเราะอะไรกัน ก็ไม่มีใครตอบ ทำให้รู้สึก ว่า ต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว... ใจจริง ที่ผ่านมา ไม่อยากทำอะไร มาก เพราะเห็นว่า ก็ อยู่กันมานาน แต่ หลังๆ มา เค้าแย่ลง เรื่อยๆ กับ พนง ใหม่ ก็พูดว่าบริษัท พอเรียก เค้ามาคุย ก็พูดว่า พนง ใหม่ ที่รู้ เพราะว่า เคยเรียก พนง ใหม่ มาคุย พนง ใหม่ ก็พูดอย่าง แต่ พอ พนง เก่า มาพูด ก็พูดอีกอย่าง เลยทำให้รู้ ว่า ที่ผ่านมา เค้าไม่เคยพูดให้บริษัทดูดีเลย ทำให้ จ้าง พนง มากี่คน ก็ทยอยออกหมด จนก็เหลือ เค้าคนเดียว และ ตัว เอง ก็ไม่ยอมถ่ายงาน เพราะ รู้ตัว ว่า กำลังจะถูกลดความสำคัญ ทำให้ปวดหัวมาก ไม่รู้ว่า จะทำยังไง ดี จะเด็ดขาด หรือ จะประณีประนอม แต่ที่ผ่านมา เด็ดขาด ก็ เจอประชด ประณีประนอม ก็ยิ่งเหลิง เลยอยากจะขอคำแนะนำ จากเพื่อนๆ เผื่อว่า ใครเคยเจอเหตการคล้ายกัน จะได้ช่วยแชร์ความเห็นค่ะ ยังไงขอบคุณมากเลยนะค่ะสำหรับทุกคำแนะนำ จากคุณ : จขกท (Milo_oValtinE) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 23:06:13

ความคิดเห็นที่ 3 อดทนเรียนรู้งานให้มากอย่าให้รู้ตัว พยายามให้ผลประโยขน์เขาให้มากๆทำให้เขามีความสูขที่มีคุณเป็นผู้ข้วย เมื่อคุณรู้งานแล้ว ค่อยๆลด ความสำคัญของเขาลงโดยหาเด็กใหม่มาทำคู้กับเขา ถ้าเขาปรับตัวดีขึ้นให้โอกาสเขาทำงานต่อ/ถ้าไม่ ให้เขาพิจารณาตัวเอง จากคุณ : ป้อม (หนองป่าพง) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 53 23:23:58

ความคิดเห็นที่ 4 เค้ามีจุดไหนที่ไม่พอใจบริษัท ควรเรียกมาคุยและปรับแก้ ถ้าแก้ไม่ได้ ต้องมีหลักฐบานชัดเจนว่าเขาให้ร้ายบริษัทเช่น อัดเสียง เพราะถ้าคุณให้เขาออกจริง จะได้ไม่ต้องจ่ายชดเชย แต่ถ้าอยู่ให้ออกเลย เขาก็คงเอาคุณหลายบาทเหมือนกัน จากคุณ : laststation_manoi เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 04:14:30

ความคิดเห็นที่ 5   ลองแก้ไขปัญหานะคะ คือ ปล่อยให้พนักงานคุณ คนนี้ ทำงานเยอะๆ กำหนดเนื้อหางานชัดเจน กำหนด วัน เวลา ที่ต้องเสร็จ ให้ชัดเจน ให้กลายเป็นงาน เร่ง เร็ว ด่วน จนเขาไม่มีเวลามานั่งเม้าท์  นั่งนินทาเจ้านาย เพราะเอาเวลาไปทุ่มที่งานหมด และให้เขาเขียน ขั้นตอนการทำงานที่เขาทำด้วย โดยอ้างว่า อยากทราบว่าทำงานแบบไหน เผื่อว่ามีข้อควรที่จะปรับปรุงเพื่อพัฒนางาน และทำเป็นสงสัยซักถามข้อมูลเนื้องานเขา (ถือว่าเราได้เรียนรู้งานจากเขาไปในตัว) พยามสนิทสนมกับเขา เพื่อที่เขาจะได้ดูเป็นคนสำคัญ เป็นที่ต้องการ จะทำให้เขาไม่วางยางาน และงานจะได้เดินค่ะ เรียนรู้งานจากเขาแบบเนียนๆค่ะ การที่ได้ใกล้ชิดกับเขา อาจจะทำให้เราสนิทกับเขา และทราบถึงปัญหา ว่าทำไมเขาเป็นคนแบบนี้ เขาอาจะป่วยทางใจ มีความทุกข์ หรือว่ามีอะไรบางอย่างที่กระตุ้นให้เขาทำแบบนี้ บางทีถ้าเราเข้าใจเขา อาจจะพูดกันได้ง่ายมากขึ้น และเขาอาจจะลดพฤติกรรมนี้ลง วิธีนี้เป็นการละลายพฤติกรรม อาจจะทำให้เขาสำนึกได้ ไหนๆก็อยู่ร่วมงานกันมายาวนาน น่าจะประนีประนอมกันได้ค่ะ ออกแนวธรรมะธรรมโม นะคะ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 53 05:57:13 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 53 05:53:38 จากคุณ : ออกแบบ (ออกแบบ) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 05:46:05

ความคิดเห็นที่ 6 ฝังรากลึกมานานจนเพลินและเผลอเรอก็อาจเป็นได้ค่ะ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 08:08:56

ความคิดเห็นที่ 7 คือจิงๆอยากจะบอก ว่า ลองมาทุกวิธีแล้วค่ะ แต่มันคงเปนที่ นิสัย คนมากกว่า เคยป้อนงาน แล้วกำหนดระยะเวลา แต่ก็ไม่เสร็จค่ะ พอถึงเวลาจะอ้างโน่นอ้างนี่ ตลอด โทษว่า งานเยอะ ทำไมทัน แต่พอจ้างเด็กเพิ่ม ก็ยังทำไม่ทันค่ะ แล้วตัวเองก็ไปพูดจาเชิงว่า บริษัท จนพนักงานออก พอพนักงาน ก็ โทษอีกว่า เด็ก เข้าๆออกๆบ่อยๆ งานก็เลยไม่เสร็จ เพราะไม่มีคนช่วย ก็ตัวเองไปใส่ไฟเอง แล้วจะให้ทำยังไงได้หละ ใช่หรือปล่าวค่ะ มันเหมือนกรรมตามสนองเค้าด้วยส่วนนึง พอไม่มีใครอยู่ งานก็มาตกที่เค้าคนเดียว แล้วก็เปนคน คิดว่าตัวเองสำคัญ พอเด็ก ออก หมด ก็มาบีบเรา ขอขึ้นเงินเดือน ทั้งที่เงินเดือน ก้อติดเพดานแล้ว สำหรับ คนแบบนี้ ความสามารถ เท่านี้ แต่ก็ปรับให้ค่ะ ด้วยที่ว่าเหนแก่อายุงาน แต่ก้ไม่ได้ทำให้เค้าดีขึ้นเลย ขนาด แค่บอกว่า ให้ปริ๊นราย งาน ให้ดูหน่อย เค้ายังบอกว่า ไม่ได้ทำเลย งานเยอะ เอาของเก่า ไปดูก่อนแล้ว กัน ล่าสุด เดือน มกราคม นี่มันจะครึ่งปีแล้วอ่าค่ะ แต่เดือนที่เหลือ ไม่ได้ทำเลย >< รู้สึกเส้ามาก ไอ่เราก็ยังไม่เปนงาน ไม่รุจะบอกว่าไรเลย ตอนนี้ ก้อพยายามจะ เรยนรู้อยู่หนะค่ะ ยังไงขอบคุนมากสำหรับทุกคำแนะนำนะค่ะ จากคุณ : Milo_oValtinE เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 08:51:27

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่าเรื่องนี้ จะแก้ปัญหาได้โดย คุณ จขกท ต้องรีบเป็นงานครับ ง่ายที่สุดแล้ว บังคับตังเองให้เป็นงานเร็วๆ ผมว่าง่ายกว่าบังคับคนอื่นให้เป็นงานเร็วๆนะ จากคุณ : Fatalbringer เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 11:15:57

ความคิดเห็นที่ 9 ในบริษัทเราก็มีคนแบบนี้เหมือนกัน มีหัวหน้ามาเล่าให้ฟังว่า พนักงานคนหนึ่งอยู่มานานมากแล้ว เกินสิบปี รู้งานทุกอย่างในคลังสินค้า จนเลื่อนขั้นมาเรื่อยๆ แต่เด็กที่เข้ามาใหม่ ไม่เคยมีใครเรียนรู้งานจากเขาได้เลย เวลาเขาขาดงานที บริษัทก็ต้องโทรตามกันวุ่นวายไปหมด มีปัญหาทีก็ต้องอัญเชิญ ขอให้คำว่าอัญเชิญนะคะ เพราะจะด่วนแค่ไหนไม่มีใครกล้าเร่งเขา ต้องรอเขาอย่างอดทนสถานเดียว หัวหน้าบอกว่า เขาเคยพูดเปรยๆว่า จะไม่มีใครดูดประสบการณ์ที่เขามีไปได้ เพราะถ้าเขาให้ ก็เท่ากับฆ่าตัวเอง ทำให้บริษัทสามารถหาเด็กใหม่ที่ค่าจ้างถูกว่ามาแทนที่เขาในอนาคตได้  เพราะบริษัทนี้ ผู้บริหารก็เคี่ยวมาก เลิกจ้างกันเป็นว่าเล่น แถมชอบใช้ลูกพลิกแพลง ไม่จ่ายบ้าง จ่ายบ้าง โดยดูว่าพนักงานคนนั้นอ่อนหัดแค่ไหน ถ้าดูซื่อๆบื้อๆก็ไม่จ่ายเอาดื้อๆ   จะว่าไปก็น่าเห็นใจเขานะ ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง เขาทำแบบนี้ก็เพื่อปกป้องตัวเองให้ทำงานได้นานที่สุด โดยทำตัวเองให้เป็นบุคลากรที่บริษัทขาดไม่ได้ จากคุณ : แฮม (noopin) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 11:44:14

ความคิดเห็นที่ 10 คิดว่าเป็นแผนเขามากกว่านะค่ะ ที่เป่าหูพนักงานใหม่ให้ลาออก แล้วเขาจะได้กลายเป็นคนสำคัญคนเดียวของบริษัทฯ คล้าย ๆ ออกแนว ๆ อิจฉากลัวคนอื่นมาแย่งความสำคัญของตัวเองไป  ถ้าตัวเองไม่สำคัญแล้วบริษัทฯ ก็จะเลิกจ้าง เขาทำงานตำแหน่งอะไรค่ะ ถ้าจ้างคนใหม่ที่เก่ง ๆ เลยมาทำงานแทนเขาดิฉันว่าไม่นานคนใหม่น่าจะจับจุดงานได้นะ เพราะเคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่งานจะสะดุดสักระยะ แต่ถ้าแลกกับอนาคตและความก้าวหน้าบริษัทฯ น่าจะลองเสี่ยงดูนะค่ะ จากคุณ : คนกาฬสินธุ์ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 12:45:01

ความคิดเห็นที่ 11 กล้าตาย ก็ตายครั้งเดียว ครับ จากคุณ : ขายหัวเราะ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 13:16:49

ความคิดเห็นที่ 12 อุอุ เค้าทำงานมาตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัท แล้ว จขกท.เป็นลูกหลานของเจ้าของ บริษัท มารับช่วงบริหารต่อใช่ไหมเอ๋ย... น่าเดาเอา เพราะคล้ายๆเคสที่ เคยเจอ แต่ในฐานะ ลูกจ้างบริษัทนะ ที่ต้องเรียนรู้งานจากคนเก่าที่เขี้ยว และเลี้ยงสุนัข ไว้ในปากหลายฝูงเรียกว่าพี่เขี้ยวละกัน ซึ่งกว่าจะเรียนรู้งานได้หมดไปหลายเงินละครับ ตั้งแต่นั่งดื่มด้วย เออ พี่เค้าปล่อยเงินกู้ ร้อยละยี่สิบต่อเดือนโดยยึดบัตรATM เราก็น่าเงินพอใช้เหลือเก็บด้วย ต้องทำตัวจน กู้พี่เค้า ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่เอาไปเล่าต่อจนแว่วเข้าหูพี่เค้า จนเค้าไว้ใจสอนงานและเทคติกให้ แต่สิ่งที่พี่เขี้ยวเค้าระบายมาให้ฟังก็คือ พี่เค้าเริ่มงานกับบริษัทตั้งแต่จบใหม่ๆ และบริษัทก็เริ่มกิจการได้ไม่เท่าไร เจ้าของบริษัทกู้เงินจากที่ไหน หลบหน้าเจ้าหนี้อย่างไร พี่แกรู้หมด ตอนเริ่มทำงานเจ้าของบริษัทจนมาก ใช้รถ นิสสันตอนเดียว ไม่มีแอร์ วิ่งไปติดต่องาน ส่วนพี่เค้าตอนนั้นใช้รถ มอเตอร์ไซค์ กาลเวลาผ่านไป 20 กว่าปี จากที่เจ้าของบริษัทใช้ รถกะบะ ตอนนี้มีทั้ง เบนซ์ แลนโรเวอร์ แถมเมียใช้ BMW ลูกหลานมีรถเก๋งขับทุกคน แต่...... พี่เขี้ยวเค้า ยังใช้รถ มอเตอร์ไซค์เหมือนเดิม เป็นมนุษย์เงินเดือน ต้องมาทำงาน 8โมงเช้าเหมือนเดิม ทำให้เค้าคิดว่า บริษัท เอาเปรียบเค้า และ พี่เขี้ยวเค้าไม่อยากให้บริษัทเจริญไปกว่านี้ เพราะกลัวว่า ตัวเองจะ โดนบีบออก จ้างออก เพราะเงินเดือนพี่แก ตันแล้ว ตำแหน่งพี่เขี้ยวก็ตัน จะเป็นผู้บริหารก็ไม่ได้เนื่องจาก พี่แกไม่มีความรู้ด้านนี้แถมเลี้ยงสุนัขในปาก และพี่เขี้ยวจะไปไหนก็ไม่ได้เพราะอายุ เกินจะไปสมัครงานที่ใหม่แล้ว (1.ในเหตุผลที่เป่าหูคือ อยู่ๆไปก็เป็นแบบกรู ไปไหนก็ไม่ได้จะออกต้อง รีบลาออก...) เฮ้อคงช่วย จขกท ไม่ได้ เพราะสุดท้ายตอนที่เราเรียนรู้งานจากพี่เขี้ยว จนเกือบหมด(แกไม่ยอมสอนจนหมด)เราก็โดนเป่าหูจนต้อง ออก จากงาน แหม โดนเป่าหูทุกวันนี่ไม่ไหว ยังไงก็ต้องเคลิ้มตามไปสักวันละน่า ปล.แต่ที่เจ้าของบริษัททำก็คือในส่วนงานของพี่เขี้ยวบางอย่าง เค้าจ้าง      บริษัทอืนทำแทน(ซึ่งจะส่งงานตามกำหนด แน่ละส่งงานช้าจ่ายเงินช้า)     แล้วให้พี่เขี้ยวไปตรวจงานตอนสุดท้าย ซึ่งทำให้งานเสร็จไปด้วยดี จากคุณ : mu-wat เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 13:45:53

ความคิดเห็นที่ 13 ประเด็นสำคัญ คือ น่าจะมาแนว อิจฉา ค่ะ กลัวคนอื่นสำคัญกว่า กลัวถูกลดความสำคัญ ว่ากล่าวตักเตือน เรียกคุย เรียกเคลียร์ แล้วไม่จบ เรียนรู้งานแล้ว จัดการเลย  อย่าหาว่าไม่มีมนุษยธรรมเลยค่ะ เก็บไว้ก็มีแต่เสียกับเสีย จากคุณ : ถึงหนูจะไม่สวยแต่หนูก็จนนะคะ เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 14:05:42

ความคิดเห็นที่ 14 อ่าน คห 10แล้วก็คล้อยตามนะครับ จากคุณ : สถานีบางซื่อ (รถด่วนลอยได้) เขียนเมื่อ : 6 มิ.ย. 53 21:48:17

ความคิดเห็นที่ 15 เอาคนใหม่ไปเรียนรู้งานก่อน โดยสั่งคนใหม่ไป ว่าเออ ออตามคนเก่าไป เรียนรู้งานให้มากที่สุด แล้วค่อยลดความสำคัญของคนเก่า จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 03:05:26

ความคิดเห็นที่ 16 รับคนใหม่เข้ามาก่อนค่ะ และให้เขาเป็นคนสอนงาน (พยายามบอกเหตุผลดีๆให้เขาช่วยสอนงาน เช่น ทำคนเดียวเหนื่อย พี่เลยรับคนมาช่วยน้อง ก็ว่าไป) โดยให้เริ่มสอนจากงานเล็กๆน้อยๆที่ไม่สำคัญไปก่อน ส่วนงานที่สำคัญถ้าเขาไม่ยอมสอนน้องใหม่ คุณสอนเองเลยค่ะ แต่ถ้าคุณทำไม่เป็น ก็เรียกเขานั่นแหละมาสอนคุณ (เหตุผลก็ว่าไป พี่อยากจะลองดูว่ามันทำยังไง ชมเชยเขาไปเรื่อย) พอเริ่มทำงานเป็น ก็เรียกมาทั้งคู่ แล้วแบ่งงานให้รับผิดชอบ แล้วค่อยทยอยๆลดบทบาทของเขาลง ส่งงานสำคัญให้น้องใหม่ทำมากขึ้นเรื่อยๆ (ดูตามความสามารถของเด็กใหม่อีกรอบ) ถึงจุดหนึ่งเขาจะถูกลดบทบาทลง และรู้ตัวว่าไม่ได้มีความสำคัญเหมือนก่อน เขาก็จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรม แต่ถ้าเขาไม่ยอมเปลี่ยนและต้องการคุยกับคุณ ก็ให้เขาคุยค่ะ บอกปัญหาให้เขาทราบ และให้เขาแก้ไข ถ้าไม่ ก็เชิญหางานอื่น (ตอนนี้ให้ออกได้แล้ว เพราะเรามีคนอื่นทำงานแล้ว) ส่วนเด็กใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามา ก็ให้บอกปัญหาเขาไปตรงๆเลยค่ะว่า น้องต้องเจอกับอะไรบ้าง และขอให้อดทน ถ้าสามารถทำงานได้ เราค่อยพิจารณาปรับเงินเดือนให้เป็นกรณีพิเศษ เราใช้วิธีนี้มาแล้วค่ะ และได้ผลด้วยนะ สำคัญเด็กใหม่ที่เข้ามาต้องบอกให้ทราบถึงปัญหา และต้องหาคนที่อึดพอสมควร จากคุณ : wanvisa เขียนเมื่อ : 7 มิ.ย. 53 13:24:31