|
ความคิดเห็นที่ 18 |
|
ธุรกิจนี้ยังไปได้ดี สามารถเพิ่มมูลค่าจากเศษขยะพลาสติก กระดาษ โลหะ แก้ว อื่นๆ เช่น พลาสติกชนิดงานฉีด (injection) มีมูลค่าเพิ่ม จาก 8-10 บาท/กก. เป็น 40-50 บาท/กก. อยู่ในรูปของถังขยะ พาเลท ลังส้ม ลังเกษตร ลังอุตสาหกรรมทุกชนิด เช่นรับซื้อเศษ pp hdpe จากโรงงานทั่วไป ในราคา 8-10 บาท/กก. คัดแยกทำความสะอาด แปรสภาพ เพิ่มราคาเป็น 12-14 บาท/กก. นำมาย่อยด้วยเครื่องบดรอบความเร็วต่ำ เพิ่มราคาเป็น 17-20 บาท/กก. นำมาหลอมตัดเม็ด ด้วยเครื่องเอ็กซ์ทรูด เพิ่มราคาเป็น 22-25 บาท/กก. พ่อค้าวัตถุดิบนำมาขายส่งให้โรงงานพลาสติกขนาดใหญ่ เช่น ศรีไทย , แพลตตินั่ม,วินเนอร์,ทีซีเค,นวพลาสติก,อื่นๆ ในราคา 28-30 บาท/กก. โรงงานพลาสติกขนาดใหญ่ แปรสภาพเป็นสินค้าสำเร็จรูป เพิ่มมูลค่าเป็น 35-50 บาท/กก. ใช้เวลาเพียง 7-10 วัน ตลอดสายการผลิต (จากขยะ เป็นสินค้าสำเร็จรูป) หากเปรียบเทียบกับการเพิ่มมูลค่าในสายการผลิตอื่นๆ โดยเฉพาะการเกษตร จะได้เปรียบกว่ามาก เช่น การผลิตเนื้อไก่ 1 กก. หรือไข่ไก่ 1 กก. จากวัตถุดิบหรือผลพลอยได้จากการเกษตร ที่มีมูลค่ารวมประมาณ 8 บาท/กก. เพิ่มมูลค่าเป็น 40-50 บาท/กก. จะต้องพบกับความเสี่ยงและความไม่ แน่นอนของตลาดมากกว่า รวมถึงเม็ดเงินที่จะใช้ในการลงทุนสูงกว่ามาก และใช้ระยะเวลาไน้อยกว่า 42 วัน เพื่อการแปรสภาพเป็นเนื้อไก่ หรือ 126 วัน เพื่อสร้างผลผลิตไข่ไก่ ฯลฯ
จากคุณ |
:
หัวใจจากท้องทะเล
|
เขียนเมื่อ |
:
15 มิ.ย. 53 16:24:25
|
|
|
|
|