Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ชีวิตทำงานของคนรุ่นต่อไป (ก็ของคนในศตวรรษที่ 21 นี้แหละครับ)  

โปรดใช้วิจารณญาณในการรับทราบข้อมูลนี้
และควรหาข้อมูลอื่นๆ  ข้อมูลด้านอื่นๆ มาสนับสนุนเพิ่มเติมให้ครบถ้วน
เพื่อความสมบูรณ์ของข้อมูลก่อนนำไปใช้งานครับ

ด้วยความปรารถนาดี

==================================

สัปดาห์นี้ผมขอคุยเรื่องอนาคตคือเรื่องชีวิตทำงาน
ของคนในอีก10-20ปีข้างหน้า เผื่อว่า
ใครที่มีลูกมีหลานอยู่ตอนนี้จะได้วางแผนการศึกษาที่เหมาะสมไว้

ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า
แนวโน้มที่สำคัญที่สุดคงหนีไม่พ้น การลดลงของประชากรวัยทำงานทั่วโลก
โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะสังคมเมืองทำให้ผู้คนนิยมมี
ลูกน้อยลงเรื่อยๆ ปรากฏการณ์นี้จะส่งผลให้แรงงานที่มีทักษะสูง
เริ่มขาดแคลน
ก่อน   ส่วนแรงงานที่ใช้ทักษะน้อยจะยังไม่ขาดแคลน
ไปอีกระยะหนึ่ง  แต่สุดท้ายแล้ว ก็จะขาดแคลนด้วยเช่นเดียวกัน

แนวโน้มนี้อาจส่งผลกระทบหลายอย่างต่อโลกของเราโดยรวม
แต่สำหรับลูกหลานของเราแล้ว พวกเขาจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความสามารถสูงๆ
ครับ


เพื่อแก้ไขปัญหานี้ส่วนหนึ่ง
ประเทศที่พัฒนาแล้วจะเกษียณกันอายุช้าลง ซึ่งทำได้เพราะ
เทคโนโลยีด้านสุขภาพสมัยใหม่ช่วยทำให้พวกเขาแก่ช้าลงด้วย

แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ
บริษัทในประเทศที่พัฒนาแล้วจะยินดีแสวงหาคนทำงาน
จากทั่วทุกมุมโลก
มากขึ้นเรื่อยๆ

งานไหนที่สามารถ outsource ไปยังประเทศกำลังพัฒนาได้
จะถูก outsource มากขึ้นอีก งานไหนที่ outsource ไม่ได้
ก็จะต้องจ้างคนจากทั่วโลกให้มาทำงานมากขึ้น

โอกาสของงานที่ใช้ทักษะสูงๆ (งานดีๆ)
จึงมักอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากขึ้น
(cross-culture environment)

การส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีเพื่อนต่างชาติมากๆ
หรือส่งไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ยังเล็ก
จะช่วยทำให้พวกเขาเคยชินกับสภาพแวดล้อมของที่ทำงานในยุคต่อไป
และทำงานพวกเขาสามารถปรับตัว และทำงานได้ดีกว่าคนอื่นๆ  

เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร จะทำให้
สภาพแวดล้อมการทำงานในอนาคต เป็นแบบหลวมๆ มากขึ้นเรื่อยๆ
รูปแบบการทำงานแบบเข้างาน 9 โมง เลิก 5 โมงแบบโรงงานจะมีน้อยลง

แม้ว่าในอนาคต ออฟฟิศของบริษัทต่างๆ จะยังคงต้องมีอยู่ต่อไป
เพราะมนุษย์ยังต้องการการทำงานในรูปแบบที่ได้มีปฏิสัมพันธ์โดยตรง
กับเพื่อนร่วมงานอยู่ แต่บริษัทจะแข่งขันกันสร้างความได้เปรียบ
เรื่องต้นทุน ด้วยการให้พนักงานของตัวเองนั่งทำงานที่ออฟฟิศให้น้อยลง
(ลดค่าเช่าและค่าใช้จ่ายของการมีออฟฟิศใหญ่โต) แล้วหันมาแจก
อุปกรณ์ไอที ซึ่งมีราคาถูกลงอย่างรวดเร็ว ให้พนักงานใช้ทำงานร่วมกัน
แบบทางไกลมากขึ้นแทน

พนักงานในอนาคต จะได้รับอนุญาตให้ทำงานอยู่ที่บ้าน
หรือทำงานตามร้านกาแฟมากขึ้น และบริษัทจะหันมาวัดผลพนักงาน
จากผลงานที่ออกมาแทนที่จะสนใจว่าพนักงานมาทำงานกี่ชั่วโมง

ในขณะเดียวกัน
พนักงานในอนาคตเองก็ชอบวิธีการแบบนี้ด้วย เพราะคนสมัยใหม่
มีแนวโน้มที่จะโหยหาสมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัวมากขึ้น

ถ้าบริษัทไหนให้พวกเขามีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น
พวกเขาย่อมอยากทำงานที่บริษัทนั้นมากกว่า
บริษัทจึงหันมาแข่งขันกันดึงดูดคนเก่งๆ ด้วยเรื่องของไลฟ์สไตล์มากขึ้น
แทนที่จะแข่งขันกันเรื่องผลประโยชน์ที่เป็นตัวเงินอย่างเดียว  

ด้วยเหตุนี้
คนทำงานยุคใหม่จะมีความยึดติดกับองค์กรน้อยลง
องค์กรเองก็จะคาดหวังให้พนักงานทำงานกับองค์กรนานๆ น้อยลงด้วย
องค์กรสมัยใหม่เองก็ต้องดิ้นรนภายใต้การแข่งขันของตลาด
และต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วขึ้น
องค์กรเองจึงไม่อาจให้หลักประกันเรื่องความมั่นคงของรายได้
ในระยะยาวให้กับพนักงานได้อีกต่อไป


รูปแบบการจ้างงานแบบพนักงานชั่วคราว ฟรีแลนซ์
และการเอาท์ซอร์สซิ่งจะเริ่มกลายเป็นรูปแบบมาตรฐานมากขึ้นเรื่อยๆ


คนในยุคใหม่อาจจะยังมีงานประจำอยู่
แต่ทุกคนจะมีงานที่สอง ที่สาม เพิ่มด้วย อันเป็นวิธีที่จะทำให้พวกเขา
มีรายได้มากกว่าคนทั่วโลก

ด้วยเหตุนี้ คนในยุคต่อไป
จึงต้องมีความคิดแบบ entrepreneurial มากขึ้น
พวกเขาจะต้องกล้ารับความเสี่ยงมากขึ้น
อยู่กับความไม่แน่นอนให้ได้มากขึ้น
ยึดติดกับองค์กรให้น้อยลง
จึงจะเป็นคนที่สามารถใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมแบบอนาคตได้เป็นอย่างดี  

โลกของเราผ่านการเปลี่ยนแปลง
ในเรื่องรูปแบบของการทำมาหากินมาแล้วสองยุคสองสมัย

ยุคแรก คือ ยุคที่เราเปลี่ยนจากการทำงานในไร่
ไปเป็นการทำงานที่โรงงานจากผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นหลัก

ยุคที่สอง คือ ยุคข้อมูลข่าวสารที่เราหันมาทำงานด้วยสมอง
มากกว่าการออกแรง

ในยุคต่อไปที่กำลังจะมาถึง
เรากำลังเปลี่ยนจากการทำงานที่ใช้สมองข้างซ้ายส่วนใหญ่
ไปสู่การทำงานที่ใช้สมองข้างขวาเป็นหลัก


เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบัน
กำลังจะทำให้งานหลายๆ อย่างที่ใช้คอมพิวเตอร์ทำแทนคน
ได้ถูกยกให้เป็นหน้าที่ของคอมพิวเตอร์มากขึ้น

งานเหล่านี้โดยมากแล้วมักเป็นงานที่ใช้สมองข้างซ้าย
เพราะเป็นทักษะที่คอมพิวเตอร์มักทำได้ดีกว่าคน

พนักงานธนาคารทุกวันนี้
จะนั่งทำรายการให้ลูกค้าน้อยลง เพราะลูกค้าจะทำรายการเองผ่านเครื่อง
หรืออินเทอร์เน็ตมากขึ้น พวกเขาจะต้องผันตัวมาทำงานด้านการแนะนำ
หรือผลักดันการขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ให้กับลูกค้ามากขึ้นแทน

ที่จริงแล้ว
แม้แต่งานขายของและงานบริการหลายอย่างสมัยนี้
ก็ยังถูกแทนด้วยเสียงสังเคราะห์ทางโทรศัพท์ได้หมดแล้ว

เพราะฉะนั้น
ตำแหน่งงานในอนาคตที่จะมีมูลค่าเพิ่มสูงๆ จะกลายเป็นงาน
ที่จะต้องใช้สมองซีกขวามากๆ เช่น งานที่เกี่ยวกับศิลปะ งานออกแบบ
งานประพันธ์ หรืออาจเป็นงานที่ต้องการความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) สูง เช่น การบริหารคน บริหารความขัดแย้ง เป็นต้น

ทักษะเหล่านี้
เป็นทักษะที่คอมพิวเตอร์ยังทำแทนคนได้น้อยมาก

เพราะฉะนั้น
ถ้าใครที่อยากให้ลูกหลานของตัวเองมี Value สูงๆ ในอนาคต
น่าจะพิจารณาส่งเสริมให้เลือกเรียนวิชา
ที่เน้นไปทางด้านสายศิลป์ศาสตร์
เพราะจะเป็นสายอาชีพ
ที่มีอนาคตที่สดใสมากกว่าสายวิทยาศาสตร์ในอนาคตอีกด้วยครับ

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/human-eco/20100629/340081/ชีวิตทำงานของคนรุ่นต่อไป.html
จาก คุณ นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
นสพ.กรุงเทพธุรกิจ  วันที่  1  กรกฎาคม 53

จากคุณ : Learn and Live
เขียนเมื่อ : 1 ก.ค. 53 16:29:46




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com