 |
ความคิดเห็นที่ 20 |
เอ้าต่อ เอาให้จบวันนี้เลย หลังจาก(ตก)สัมภาษณ์ที่ธนาคารแห่งนั้นไม่นาน ก็ยังมีข่าวมาให้ใจชื้นบ้างอะไรบ้างครับ เพราะมีบริษัทที่ผมสมัครไว้นานมากกกกกกจนลืม โทรมา (7) เป็นบริษัทผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง โทรมา ให้ไปสอบวัด IQ EQ ที่งาน Open House ปรากฏว่า พอถึงวันที่เค้าจะจัดจริงๆ เกิดเหตุการณ์ไม่สงบอย่างรุนแรงในบางกอก จึงต้องเลื่อนวันจัดงานออกไป โดยกิจกรรมจะมีขั้นตอนประมาณนี้ Open House (200 คน) --> 2nd Assessment (80 คน) --> 3rd (ประมาณ 30 คน) ด้วยความที่ผม Failed มาตลอด ผมก็ใจแป้วดิ ได้เป็น 1 ใน 200 candidates แต่จะผ่านรอบแรกไปสู่ 80 คนไหม แต่แล้ว! ระหว่างรอเลื่อนนั้นก็มีอีกบริษัทโทรมาครับ (สมัครไว้ตั้งแต่ 3 มีนา โทรมา กลาง พฤษภา) (8) บริษัทนี้เป็น Multi-National Company ผลิตอาหารที่ใหญ่มากๆ สัญชาติอเมริกันครับ ผมได้มาสัมภาษณ์ที่บริษัทนี้ก่อนบริษัทที่ (7) ครับ (เพราะบริษัทที่ 7 ถูกเลื่อน) เป็นตำแหน่ง Management Trainee กิจกรรมก็จะมี สอบวัด EQ, สอบข้อเขียน, ทำโปรเจค(กลุ่ม) แล้วพรีเซนต์,และ สอบสัมภาษณ์ ครับ ก่อนมาสอบผมกดดันมากๆ เพราะตกมาตลอด เครียดอ่านหนังสือใหญ่เลยครับ สุดท้ายอ่านไม่ทัน ข้ามไป 3-4 บท จากประมาณ 20 บท (Operation Management) ปรากฏว่า โปรเจคที่เค้าให้ทำ เป็นเรื่องในบทที่ผมข้ามไปครับ - -" แต่ผมก็พอจำได้นะ (เรียนผ่านมาประมาณ 2 ปี) อย่างไรก็ดี สมาชิกในกลุ่มผมเมพขิงๆ ทั้งนั้นเรย ผมเลยพยายามร่วมงานกับเค้า ช่วยได้เท่าที่ช่วย และพยายามทำตัวให้เป็นประโยชน์ที่สุด อิอิ วันนั้นผมได้เพื่อนที่ดีจากการทำงานกลุ่มนี่แหละครับ ทำให้ทุกอย่างจากเครียดๆ กลายเป็นสบายๆ และทุกอย่างจึงผ่านไปได้ด้วยดี
พอถึงตอนสัมภาษณ์ มีกรรมการทั้งหมด 4 คนครับ อย่างไรก็ดี ผมเคยผ่านการสัมภาษณ์ในที่ที่มีกรรมการเยอะเท่านี้มาแล้ว ฉนั้น ความตื่นเต้นน้อยกว่ารอบแรกแน่นอนครับ
และด้วยความที่ผมส่งใบสมัครบริษัทนี้ไว้นานแล้ว ใน Resume จึงไม่มีคะแนน TOEIC ครับ (เค้า Print แจกกรรมการ) จริงๆ ผมเตรียมฉบับ Update ไปด้วยนะ แต่ว่าเตรียมไปแค่ 3 ชุด จึงตัดสินใจไม่ให้ดีกว่า *-*
แล้วก็มีคำถามหนึ่ง พี่เค้าถามว่า "What is ที ยู จี อี ที?" ผมกำลังจะตอบ กรรมการอีกคนก็สวนขึ้นมาทันที "ทียูเก็ท" ผมเลยตอบไปว่า It's the English proficiency test of Thammasat University. เค้าจึงถามว่า ถ้าเทียบกับ TOEIC เป็นยังไง
ผมจึงได้ทีตอบไปว่า I've done the TOEIC test already. เค้าจึงถามคะแนน ผมก็รีบตอบอย่างภูมิใจครับ
จากนั้นเค้าจึงถามว่า "ทำไมถึงอยากทำงานที่นี่?" ผมจึงตอบไปว่า "ผมชอบกิน..... กับ ...... ครับ" (ขนมของบริษัท) พี่เค้าก็หัวเราะกันใหญ่เลยครับ
และปิดการสัมภาษณ์เช่นหลายๆแห่ง "มีคำถามอะไรมั้ย?" ผมจึงถามไปว่า "ถ้าผมทำงานที่นี่ ผมจะได้ส่วนลดในการซื้อขนมของบริษัทไหมครับ" พี่เค้าหัวเราะ แล้วบอกว่า "เค้ามีแจกกินฟรีเลยแหละ" แล้วก็จบการสัมภาษณ์ครับ อีกสองวันต่อมา HR โทรมาครับ "น้องได้งานนะคะ น้องโอเคกับที่นี่ไหม?" ผมก็คิดในใจว่า โอเคมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกครับ แล้วผมก็แอ๊บทำเป็นไม่ตื่นเต้น แต่จริงๆแล้วอยากจะตะโกนออกมาดังๆ ว่า "ได้งานแล้วว้อยยยยยยยยยย"
สุดท้ายผมก็จึงตกลงทำงานกับบริษัท (8) ครับ ส่วนบริษัทที่ (7) ผมก็ไม่ได้ไปร่วม Workshop เค้าครับ เพราะผมคิดว่าตัวเองเหนื่อยมามากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้ว ณ ตอนนี้ ทำงานมาได้ครึ่งเดือนแล้วครับ รู้สึกว่า ในที่สุด เราก็ไม่ต้องทนทุกข์กับการหางานทำแล้ว ที่สำคัญที่สุด ผมได้เพื่อนร่วมงานที่ดี (บางคนก็คือเพื่อนที่ทำโปรเจคร่วมกันวันสัมภาษณ์นั่นแหละ) ได้ทำงานที่อยากทำ มีความสนุกในเนื้องาน นอกจากนี้เงินเดือน, สวัสดิการ, ฯลฯ โอเคทุกๆบริษัทที่ปฏิเสธผมมาด้วยอ่ะ เรื่องราวของผมก็มีเท่านี้แหละครับ รวมระยะเวลาหางาน ~15 ธค. 52 ถึง 28 พ.ค. 53 = ประมาณ 5 เดือนกว่าๆ สำหรับคนที่ยังไม่ได้งาน หางานมานานมาก ไปสัมภาษณ์มาหลายแห่งแต่ไม่ได้สักที อยากให้ลองดูกรณีของผมเอาไว้เป็นตัวอย่างนะครับ ผมว่ามันมีปัจจัยหลายๆอย่าง อาจจะเป็นดวงของเรา อาจจะมีงานที่ดีกว่า และเหมาะกับเราที่สุดรอเราอยู่ข้างหน้าก็ได้ครับ โชคดีนะคร้าบบบบบ ทู๊กคน อิอิ
ปล.ขออนุญาตลบชื่อขนม เด๋วเพื่อนที่ทำงานมาเห็น ห้าๆๆ
แก้ไขเมื่อ 06 ก.ค. 53 15:19:32
แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 53 10:53:46
แก้ไขเมื่อ 02 ก.ค. 53 16:57:28
จากคุณ |
:
จขกท (beware of the Plastics)
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.ค. 53 16:51:52
|
|
|
|
 |