ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่รู้ว่ารัฐวิสาหกิจอื่นเป็นไงนะครับ รู้แต่ประปานครหลวง กับ การไฟฟ้า ดีนะครับพวกรัฐวิสาหกิจเนี่ย  มีโบนัสอีกปลายปี เกษียณก็รับเงินก้อน ถึงไม่มีบำนาญก็เถอะ ดีครับเงินก้อนก็เยอะนะ  พ่อเพื่อนผมรับหลายล้านเลยอยู่การไฟฟ้า จากคุณ : Love_mu1 เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 04:00:55

ความคิดเห็นที่ 2 ดีมากๆครับ โอกาสไม่ได้มีบ่อยๆนะครับ เงินเดือนอาจไม่สูงเมื่อเทียบกับเอกชนตอนแรก แต่ตอนหลังก็พอสู้ได้ ในขณะที่เอกชนค่อนข้างส่วนใหญ่ เงินเดือนอาจไม่ขึ้นเมื่ออายุมากๆ มีความกดดันสูง แต่รัฐวิสาหกิจเงินเดือนขึ้นตลอด ความกดดันก็มี แต่ไม่ต้องกลัวเรื่องจะโดนไล่ออกเพราะมีความมั่นคงสูง มีเวลาให้ครอบครัวและตัวเองเยอะกว่า และที่สำคัญได้ทำงานเพื่อประเทศครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับเรื่องเช้าชามเย็นชามดังที่หลายๆคนเคยเข้าใจ เด็กรุ่นใหม่ทำงานหนัก มุ่งมั่น มีอะไรให้คิดอีกเยอะ อย่างผมและเพื่อนๆ ทำงานหนักมาก ต้องไป ตจว. บ่อยๆ ตอนนี้อยู่ติดปัตตานี ทำงานตื่น ตี 5 กลับถึงห้อง 3 ทุ่ม วันหยุดไม่มีเลยผ่านมาเดือนกว่าๆแล้วครับ เหนื่อยครับยอมรับ แต่ก็ภูมิใจที่ได้ทำงานเพื่อประเทศ เราต้องไปเรียนรู้งานที่คนต่างประเทศเขาทำอยู่ เพราะเราต้องทำให้ได้โดยตัวเอง เพื่อประเทศจะได้ไม่ต้องเสียเงินให้ต่างประเทศ และราคาถูกกว่าเยอะมาก ผมก็เคยทำงานเอกชนมาก่อน ตอนเข้ารัฐวิสาหกิจมา เงินเดือนลดเกือบครึ่ง ตอนเข้ามาก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก จนได้มาอยู่สักพัก รู้สึก Happy มาก ที่นี่ทำงานแบบพี่น้อง อย่างตอนนี้ที่ทำงานที่ ตจว ทำงานแบบมีความสุขสุดๆ นั่งทำวิธีการทำงาน ด้วยกันกับพี่ๆ แลกเปลี่ยนความคิด มีแรงฮึดในการทำงาน เพราะรู้สึกในแนวทางเดียวกันว่า เราต้องทำด้วยตัวเองให้ได้ เราเจ๋ง 55 เราจะไม่ง้อคนต่างประเทศ คำตอบของชีวิตผมคือ เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญๆในชีวิตผมครับ มีสิ่งอื่นๆสำคัญกว่านั้นอีกเยอะครับ ทั้งเวลา ความมั่นคง ความสบายใจ ความภูมิใจ และอื่นๆ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม รู้สึก กสท จะดูแลด้านการสื่อสารระหว่างประเทศ น่าจะมีสวัสดิการพ่อแม่อยู่ ยังไงรอ คุณวิศวกรแมวเหมียว มาตอบเรื่องสวัสดิการดีกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเป็นพนักงานนะครับ ไม่ใช่สัญญาจ้าง คห.2 รับหลายล้านเมื่อเกษียณใช่ใหมครับ ข้อมูลทุกอย่างที่ผมได้กล่าวมานี้ ผมเอาประสบการณ์จากสิ่งที่ผมได้เจอมาจริงๆครับทั้งผ่านมาจากเพื่อนๆ ผ่านมาจากผู้มีประสบการณ์หลายท่าน  และที่สำคัญคือตัวผมเองครับ ผมไม่ได้บอกว่าผมคิดถูกนะครับ ทุกๆอย่างมีความเหมือนและไม่เหมือนครับ ทุกคนควรนำข้อมูลหลายๆด้านมาพิจารณาครับ แต่ผมบอกได้เลยครับว่าผมคิดไม่ผิด ทุกๆอย่างมันอยู่ที่ความพอใจครับ เมื่อพอใจแล้วทุกอย่างก็จบครับ แต่ถ้าให้ผมแนะนำนะครับ ไหนๆก็สอบได้แล้ว การแข่งขันกันสูงมาก  ลองทำดูก่อนครับ ทุกอย่างถ้าได้สัมผัสด้วยตัวเองก็จะรู้ ถ้าเกิดไม่ใช่ก็ยังมีโอกาสที่จะทำที่อื่นๆ ยิ่งถ้าไปถามผู้มีประสบการณ์การทำงานมานานๆหน่อย ผมว่าเขาก็คงจะตอบคล้ายๆผมครับ ความก้าวหน้ากับความมั่งคงไปด้วยกันได้ครับ ที่นี่ก็เช่นเดียวกันครับ อย่างแผนกที่ผมทำก็มีคนจากบริษัทอื่นๆ จะอยากให้ไปทำด้วย เนื่องจากเรามีประสบการณ์ในการทำงานมากเนื่องจากไปหลายจังหวัด ดูแลงานที่ทำอยู่หลายๆแบบ มีประสบการณ์หลายๆอย่างรวมกัน แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาก็มีให้เห็นแล้ว คนที่ย้ายไปทำงานที่อื่น เกือบจะทุกๆคน บอกเป็นเสียงเดียวครับ อยู่ที่เดิมดีกว่า ยังไงถ้ามีข้อสงสัย สอบถามหลังไมค์ได้ครับ ผมยินดีให้คำปรึกษาเพื่อให้ประกอบการตัดสินใจภายใต้ข้อมูลที่ถูกต้อง สิ่งที่ผมได้พบมา อย่างน้อยก็เป็นมุมมองนึงของผมเพื่อให้ลองคิดดูครับ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 53 13:23:12 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 53 12:57:43 จากคุณ : ko_oasis เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 07:25:21

ความคิดเห็นที่ 3 หัวใจสำคัญของการเปรียบเทียบ ผมคิดว่าอยู่ที่ วิสัยทัศน์ ความสามารถ และความต้องการ 1.  ถ้ามีความสามารถ (ทั้งในปัจจุบันและอนาคต-ศักยภาพ)     จะไปเส้นทางไหนก็น่าจะรุ่งเรืองได้ทั้งสิ้น     ถ้าเก่งจริง เจ๋งจริง อยู่ที่ไหนก็โตได้ 2.  วิสัยทัศน์จะเป็นตัวให้ความกระจ่าง     เพราะการเปรียบเทียบต้องเปรียบเทียบระยะยาว (มากกว่า 10-20 ปี)     ต้องตอบตัวเองว่าอีก 10-20 ปี ถ้าเลือกเดินทางแรกจะเป็นอย่างไร     เลือกเดินทางที่สองตัวเองในอนาคตจะเป็นอย่างไร     เด็กๆ มักจะขาดตรงจุดนี้  ลองใช้ตรงนี้ให้ข้อมูลเขา และให้เขาคิดและตัดสินใจเอง 3.  ต้องถามความต้องการตน ว่าต้องการอะไร     มีอาชีพมั่นคง ดูแลพ่อแม่ แต่งงานมีครอบครัว มีลูก มีสามี ที่น่ารักและอบอุ่น     หรือต้องการความก้าวหน้าในชีวิต ก้าวสู่ความฝันในสายงานที่ต้องการ         ต้องตอบคำถามว่าเส้นทางไหนจะสนับสนุนความฝันความต้องการได้มากกว่ากัน ทั้ง 3 อย่างมาพร้อมกันอย่างผสมผสาน ทำงานรัฐวิสาหกิจก็ใช่ว่าจะดี หลายคนก็ปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมไม่ได้ หากคาดหวังในการเติบโตตามความสามารถ อาจต้องผิดหวัง แต่ข้อดีก็หลายอย่าง ส่วนทำงานเอกชนก็สนุกดี ถ้าให้เปรียบทำงานเอกชนก็เหมือนโตในป่า ในเมือง ส่วนทำงานรัฐวิสาหกิจก็เหมือนโตในฟาร์ม สุดท้ายความเห็นผมคิดว่า เรามีหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนให้คิดในแง่มุมต่างๆ เมื่อเขาได้รับข้อมูลนั้นแล้ว ก็ต้องคิดเอง ตัดสินใจเอง และรับผลของการตัดสินใจนั้น ข้อสำคัญไม่ใช่ว่าเลือกผิดแล้วจะคิดจนตัวตายนะ เลือกแล้วไม่ชอบก็เปลี่ยนใจได้ เช่น ตั้งเป้าไว้ว่าทำ 1 ปี  ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ตนเองต้องการ ก็มองหาสิ่งใหม่เสีย จากคุณ : วิญญาณ ความรัก ความรู้สึก เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 12:32:40

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบ และให้ข้อมูลดีๆ นะคะ ปล.ยังเข้ามาดูคำตอบ(หากมี)เพิ่มเติมเรื่อยๆนะค่ะ จากคุณ : มาดามไซซี เขียนเมื่อ : 18 ก.ค. 53 18:04:19

ความคิดเห็นที่ 5 ดีครับ โอกาสดีและเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งครับ โบนัสกสท ประมาณ 3.8 โดยประมาณครับ จากคุณ : Subject เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 09:46:28

ความคิดเห็นที่ 6   ขอตอบในฐานะ คน กสท. ที่อยากได้คนเก่งๆๆรุ่นใหม่ ไฟแรง มาทำงาน ขอแสดงความยินดีกับหลานคุณด้วยนะครับ ถ้าทางสายวิศวะ เงินเดือนเริ่มต้น รวมๆ ประมาณ 19000 ครับ มีสมทบกองทุนเลี้ยงชีพให้อีกประมาณ 13 % ถ้าจำไม่ผิด สวัสดิการ รักษาพยาบาล ครอบคลุม พ่อแม่ ตัวเอง คู่สมรส บุตร (การไฟฟ้าเค้าตัดพ่อกับแม่แล้วนะครับ) โดยถ้ารักษาสถานพยาบาลเอกชน เบิกได้กว่าข้าราชการนิดหน่อยแต่ไม่รู้เท่าไร มีสวัสดิการค่าเลี้ยงดูบุตร (ใครไม่มีคู่ก็อรีบแต่งงานมีลูกซะ อุๆๆ) ต่อเดือน เดือนละ 150 บาท (จะให้ทำไมเนี่ย) แต่ถ้าเป็นวิศวกร วันไหนวันหยุดเยอะเงินเดือนจะลดลงนะครับ คือ หายไป 6000 อย่างเดือนที่รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว มีค่าเครื่องแบบประจำปี ให้ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ก็ตกเริ่มต้นรวมคาครองชีพน่าจะ 13000 มั้งครับถ้าจำไม่ผิด ซึ่งสวัสดิการก็เหมือนรัฐวิสาหกิจทั่วไปแหละครับ สำหรับผมตรงนี้ถือว่าขาดทุนเลยเพราะ พ่อแม่ ภรรยาผม ก็รับราชการ เค้ามีสิทธิของเค้าอยู่แล้ว แถมเงินเดือนผมตอนบรรจุใหม่ ก็ น้อยกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันที่ทำเอกชนเยอะ แต่แลกกับกำไร ที่ได้ คือ เค้าส่งพนักงานแทบทุกคน ไปอบรมอยู่เสมอ ครับ เรียกว่าอบรมจนเบื่อเลย ได้จับเทคโนโลยีใหม่ๆเครื่องมือ ที่เราไม่สามารถได้ใช้ได้จับได้ศึกษา ใน บ.เล็กๆ กลางๆๆหรือ สถานศึกษา ซึ่งการส่งไปอบรม เค้าไม่ได้จัดให้เฉพาะตำแหน่งวิศวะ เท่านั้น แต่ ตำแหน่งอื่นก็ส่งไปอบรม ที่ศูนยืพัฒนาบุคลากร อยู่เสมอครับ กสท.เป็นองค์กรใหญ่ครับ ได้จับได้เรียนรู้งานเยอะ โดยเฉพาะพวกเลือดใหม่ ไอ้ที่ว่าทำงานสบาย ผมว่า ต้องระบุด้วยว่าอยู่ตำแหน่งไหน อย่างผม ทำโอฟรี เลิก สองสามทุ่มก็บ่อย ครับ บางครั้งวันหยุดไปบ้านภรรยาที่เชียงราย หัวหน้าโทรมาว่า ให้เข้าไปที่ศูนย์ตอนนี้ได้ไหมยังมีเลยครับ จากคุณ : วิศวกรแมวเหมียว เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 11:10:24 A:10.32.3.120 X:202.6.107.73 TicketID:241623

ความคิดเห็นที่ 7 ผมอายุเยอะแล้วครับ ทำงานแบบอุทิศตัวเพื่อ กสท. มานาน จนใกล้เกษียณ แล้ว และคิดว่าจะเกษียณตัวเองต้นปีหน้า เนื่องจาก พอแล้ว อยากพักผ่อนท่องเที่ยว จะได้เปลี่ยน Passport ในช่อง Occupations จาก State Enterprise มาเป็น Tourist ซะที ปัจจุบันเงินเดือน ประมาณแสนสองหมื่นกว่าบาท   ไม่รวม ค่าจิปาถะ ลาออกตอนนี้ คำนวน หักภาษีแล้ว จะเหลือเงิน ประมาณ แปดล้านเศษ ไม่รวมหุ้น สหกรณ์ออมทรัพย์ ประมาณสองล้าน (ฝากตั้งแต่เล็กจนโต) ที่มีดอกเบี้ย 6% ระหว่างทำงาน มีสวัสดิการหลายๆอย่างที่มีประโยชน์ มากมาย เช่น ค่าเช่าบ้าน ค่าเทอมลูก ค่ายานอกจากตัวเราแล้ว เมีย พ่อแม่ ลูกเบิกได้หมด กสท.ให้ผมได้มีโอกาส ไปเรียนที่ฝรั่งเศส ดูงานและฝึกอบรมที่ อังกฤษ เยอรมัน และฯลฯ ซึ่งเด็กต่างจังหวัดแบบผม คงไม่มีโอกาสเลย ถ้าไม่ได้ ทำงานที่ กสท. กสท.เป็นแหล่งความรู้มากมาย ทำให้ผมรู้ว่า ช่างฟิลแลนด์ หรือช่างอังกฤษ มันก็ไม่ได้ เก่งกว่าช่างไทยนักหนาหรอก ครับ คน กสท.จะรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานรับใช้ชาติ โดยเฉพาะด้านการสื่อสาร ครับ รู้สึกดีใจที่กำไร ปีหนึ่งๆหลายหมึ่นล้านที่ส่งเข้าคลัง เพื่อเป็นเงินที่จะเอาไป สร้างสะพาน สร้างโรงเรียนในชนบท สร้าง ฯลฯ ทนุบำรุงประเทศไทย ครับ กสท. เป็นบริษัทมหาชน ที่ไม่ได้ให้ประชาชนท่านใดถือหุ้น   เลย รัฐบาล   โดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น ร้อย เปอร์เซนต์ ครับ อยู่ กสท. มาตั้งแต่เป็น... กรมไปษณีย์ เป็นข้าราชการรัฐพานิชย์ คือเป็น ราชการที่มีผลกำไรส่งเข้าคลัง เปลี่ยนมาเป็น... การสื่อสารแห่งประเทศไทย  รัฐวิสาหกิจชั้นดี มีกำไร อยู่ได้โดยรัฐไม่ต้อง ให้งบประมาณ รัฐให้เพียงเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศในโครงการลงทุนใหญ่ๆของ กสท. เท่านั้น และก็เปลี่ยนมาเป็น... บริษัท มหาชน จำกัด เพื่อเตรียมตัวสำหรับ ความคล่องตัวในการบริหารงาน ในเชิงแข่งขัน กับบริษัทด้านโทรคม ข้ามชาติ หรือต่างชาติ ซึ่งผมเชื่อว่า ผู้บริหาร กสท. ท่านเก่าๆวางแผนกลยุทธ์ไว้ดีมาก ครับ ซึ่งเพื่อความไม่ประมาท ในระบบการสื่อสารโทรคนนาคม ของชาติ จึงทำให้กระทรวงการคลังยังเป็นเจ้าของหุ้น ร้อยเปอร์เซนต์ เพื่อความมั่นคง และปลอดภัยของระบบการสื่อสารของไทยเรา ครับ กสท.ต้องแปรรูป เป็นเอกชน เพราะสมาชิก ITU ไม่เกินปี 56 ต้องเป็น เอกชน ทั้งหมด ครับ เพราะประเทศสมาชิกทั้งหมด ถ้าการสื่อสารของชาติ ยังเป็นของรัฐอยู่ ITUเค้าจะไม่รับ Downlink เรา ครับ เราก็ม่องไม่ต้องติดต่อกับใครแล้วครับ ระหว่างนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดบังเกิด แก่ชาติ   กระทรวงการคลังจึงยังต้องถือหุ้นทั้งหมดอยู่ครับ เซอร์ท หาอ่านข้อตกลง ในรายละเอียดบันทึกต่อท้าย ITU เอาได้จาก อาจารย์กรู นะครับ การทำงานที่นี่ วัฒนธรรมองค์การเป็นแบบพี่น้อง ช่วยเหลือกัน จุดประสงค์ เพื่อทำงานร่วมกันเป็นทีม มีการประชุม เบรมสตอมระดมความคิด องค์กรจะค่อยๆสร้างจิตสำนึก ให้คิดว่าทุกคนเปรียบเสมือนเป็นตัวจักร์ ตัวเล็กๆที่สำคัญ จะขาดใครไม่ได้เลย ครับ แรกๆอาจได้เงินเดือนไม่มาก แต่อยู่ต่อไป นอกจากไม่อายเพื่อนแล้ว เพื่อนๆยังแอบอิจฉาเงินเดือนเราเล็กๆ อีก ครับ มีเพื่อนเรียนอำนวยศิลป์ ห้องเดียวกัน  หลายคน มียศเป็นนายตำรวจใหญ่ ถึง ใหญ่มาก เงินเดือนสี่หมื่นปลายๆ ถึงห้าหมื่น เอง ครับ (แต่รวยกว่าผม โคตะระ โคตะระ ครับ แต่ช่างมันเถอะ ผมแค่นี้ พอแล้ว ครับ พอเพียงครับ พอเพียง) ถ้าลูกสอบได้ ก็บอกว่า โชคดีแล้ว ทำเถอะ เอาความรู้ความสามารถไป ช่วยชาติ ถ้าไม่มีความรู้หน่วยงาน เค้าก็จะส่งไปอบรม สั่งสอน หรือส่งไป เรียนต่างประเทศ  ให้เราทำงานจนได้ ไม่ต้องกังวนใจ ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 12:29:01

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีท่าน วิศวกรแมวเหมียว  ด้วยนะครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 12:39:05

ความคิดเห็นที่ 9   สวัสดี ครับพี่กาคาบพริก ผมรู้สึกอยากขอบคุณพวกรุ่นๆๆพวกพี่ มากครับ ที่ช่วยวางรากฐาน ดี ๆๆ ให้พวกผม ขอบคุณครับ จากคุณ : วิศวกรแมวเหมียว เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 13:00:33 A:10.32.3.120 X:202.6.107.73 TicketID:241623

ความคิดเห็นที่ 10 เพิ่งเป็นพนักงานใหม่ของ CAT ค่ะ จะบอกว่าวัฒนธรรมองค์กรที่นี่ดีมากๆ หัวหน้างาน เพื่อนๆพี่ๆที่ร่วมงานในฝ่าย ใจดีและดูแลเราเป็นอย่างดีค่ะ รวมถึง พี่ๆต่างฝ่าย เมื่อรู้ว่าเราเป็นพนักงานใหม่ ก็พร้อมให้คำแนะนำเป็นอย่างดี อยู่กันแบบพี่น้อง รวมถึงความมั่นคงในระยะยาวก็ไม่แพ้รัฐวิสาหกิจที่อื่นแน่นอน สำหรับตัวเองรู้สึกภูมิใจมากๆที่สอบเข้าที่นี่ได้ค่ะ ปล.1  ไม่ต้องห่วงค่ะ ที่นี่มีงานให้ทำทั้งวัน ไม่มีเช้าชามเย็นชาม แน่นอน ปล.2  สวัสดีพี่ปุ๊ (กา...คาบพริก) และ พี่วิศวกรแมวเหมียว ด้วยค่ะ จากคุณ : I LOVE CAT (เจ๊ดาว) เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 14:42:13

ความคิดเห็นที่ 11 ขอขอบคุณ -คุณวิศวกรแมวเหมียว                - คุณกา...คาบพริก                -คุณเจ๊ดาว                -คุณSubject ที่เข้ามาตอบเพิ่มเติมให้นะคะ และขอบคุณทุกท่าน สำหรับข้อมูล ที่มีประโยชน์ มากๆเลยค่ะ ตอนนี้ให้หลาน มาอ่านแล้ว เค้าตัดสินใจเข้าทำงานที่ กสท อย่างมั่นใจเลยค่ะ ดีใจจัง :-) จากคุณ : มาดามไซซี เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 17:51:55

ความคิดเห็นที่ 12 ดีครับ ถึงผมอยู่ที่อื่น ผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ได้เข้า กสท ครับ ไม่ได้เข้าง่ายๆครับ ขอให้ทำงานเต็มที่ๆนะครับ เพื่อทุกๆคน ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จัก ทั้ง คุณวิศวกรแมวเหมียว คุณกา...คาบพริก คุณเจ๊ดาว คุณSubject ยังไงเราก็เป็นพนังงานรัฐวิสาหกิจที่ทำงานเพื่อประเทศเหมือนกันครับ ผมอ่านความเห็นของคุณกา คาบพริกแล้วมีความเห็นตรงกันครับ ช่างเยอรมัน หรืออื่นๆ ไม่ได้เก่งกว่าเราเลยครับ ความละเอียด ความเรียบร้อย เราก็สู้ได้สบายครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 53 18:34:12 จากคุณ : ko_oasis เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 18:28:03

ความคิดเห็นที่ 13 เข้ามาเพิ่มเติมค่ะ การสอบเข้าทำงานเป็นพนักงานที่ CAT เข้าได้ด้วยความสามารถ ระบบการสอบที่ยุติธรรม โปร่งใส ปลอดเส้นสาย มีคณะกรรมการตรวจสอบทุกขั้นตอน แต่ละรอบการสมัครสอบ มีผู้สมัครทางอินเตอร์เนตไม่ต่ำกว่า 10,000 คน และมีผู้ได้รับคัดเลือกเข้าทำงาน ในแต่ละตำแหน่งเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และไม่ได้เปิดสอบบ่อยๆด้วยนะคะ รู้สึกว่าจะ 1 ปี หรือ 1 ปีครึ่งนี่ล่ะ ถึงจะเปิดสอบครั้งนึง ** มีเส้น แต่ไม่เจ๋งจริง ก็เข้า CAT ไม่ได้ค่ะ Confirm ** การได้เข้าทำงานที่นี่ นับว่าเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจแก่ตัวเอง และครอบครัว มากๆค่ะ .... การเป็นพนักงาน กสท. งานมั่นคง อยู่ได้จนเกษียณ ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนบีบออก โดนไล่ออกเหมือนบริษัทเอกชน มีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลพ่อแม่ บุตร คู่สมรส มีสวัสดิการสินเชื่อเพื่อการเคหะ มีสหกรณ์ออมทรัพย์ มีรถบริการรับ-ส่งพนักงาน และอื่นๆ อีกมากมายค่ะ ขอต้อนรับหลาน จขกท. สู่ครอบครัว CAT ค่ะ มีอะไรก็หลังไมค์มาได้นะคะ ยินดีให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 53 20:04:45 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 53 19:51:00 จากคุณ : เจ๊ดาว เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 53 19:47:42

ความคิดเห็นที่ 14   อยากทราบว่าในตำแหน่งวิศวกรด้วยกันเอง หรือ นิติกรก็ตาม มีการย้ายแผนกภายในได้ไหมครับ คือสมมติว่าฝ่ายที่เราถูกเรียกตัวไปตอนแรกเนื้องานอาจไม่ได้เน้นเทคนิค หรืองานสายวิชาชีพเราโดยตรง อาจใช้ทักษะด้านอื่นมากกว่า แต่เราอยากไปสายเทคนิคโดยตรงอะครับ เลยอยากทราบว่าการโอนแผนก ฝ่ายต่างๆ ในบริษัทหากเข้ามาทำแล้ว สามารถทำได้ไหมครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : BB cream เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 00:35:46 A:58.9.49.66 X: TicketID:257960

ความคิดเห็นที่ 15 ตอบ คห 14  คุณBB cream ครับ ถ้าเป็นการย้ายภายในฝ่ายเดียวกัน นำเรื่องเข้าหาหัวหน้าฝ่ายได้เลยครับ แบบนี้ได้ย้ายง่าย ครับ แต่ถ้าย้ายต่างฝ่าย ต่างศูนย์โทรคมนาคม ต่างเขตโทรคมนาคม การย้ายภายในแบบนี้จะมี 3 ลักษณะ 1. ย้ายตามปกติ โดยผู้ประสงค์จะย้ายเขียน กรอกหน่วยงานที่ต้องการย้าย ไป, ความจำเป็น ,วุฒิ ,ความสามารถ ที่มีเพิ่มขึ้น และอื่นๆ ลงในแบบฟอร์มการย้าย ส่งให้ HR โดยHRจะพิจารณาอัตราตำแหน่งที่ระบุว่ายังมีอัตราว่างอยู่หรือ เปล่า ถ้ามีว่าง ผู้ขอย้ายได้ย้ายทันที ถ้ายัง เรื่องขอย้ายของเราจะมีอายุ สองปี ถ้าครบอายุแล้วเขียนใหม่ได้ ครับ แต่จากประสบการณ์ที่เห็นมา ระหว่างรอเรื่องย้ายผู้ขอย้ายจะเกิดความรัก ในหน่วยงาน ประกอบกับเริ่มชำนาญในงานที่ตัวเองทำ เริ่มคุ้นเคยกับ พี่ๆ น้องๆเพื่อนร่วมงาน เมื่อเรื่องขอย้ายได้รับอนุญาตให้ย้ายได้ จะไม่ค่อย อยาก จะย้ายไปกัน เพราะตัวเองต้องเริ่มใหม่หมด ทำให้เกิดการวิ่งเต้นเข้าหาผู้บริหารระดับสูง แต่  ขอบอกว่ายากครับ ต้องไป เพราะเห็นมาหลายรายแล้ว HR จึงมีระเบียบออกมาว่า ผู้ที่จะขอย้ายได้ต้องทำงานอยู่ตำแหน่ง เดิมมาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี ครับ เพื่อย้ำให้ผู้ขอย้ายมั่นใจว่า อยากย้ายจริงๆนะ ไม่ได้ทำเรื่องย้ายเพราะอารมณ์พาไป 2.ย้ายแบบสลับตำแหน่ง อันนี้เราเอาข้อความจุดประสงค์ สถานที่ ตำแหน่ง ที่ต้องการย้าย โทรคุย สอบถาม กับหัวหน้าหน่วยงานที่ต้องการย้ายไป ได้เลย อาจบอกเล่ารายละเอียด ความจำเป็นสอบถามว่าจะมีใครย้ายสลับกับเราบ้าง คุยในรายละเอียดกับคนที่จะสลับกับเรา ได้เลยครับ แต่ที่เห็นส่วนมากจะโพสขึ้นเวป ภายในของ กสท. ที่ทุกหน่วยงาน จะเปิดดูอยู่แล้ว มีเวปบอร์ดเหมือนพันทิป นี่แหละ ถ้ามีคนแสดงความจำนงค์จะย้ายสลับตำแหน่งกับเรา ก็จูงมือ ไปคุย กับ HR ได้เลย หลายคนใช้วิธีนี้ครับ และหลายคนใช้ทั้งสองวิธี ร่วมกับวิธีแรก เพื่อให้ได้ย้ายเร็วขึ้น ครับ และ 3. ย้ายแบบมีความจำเป็นเร่งค่วน อันนี้เร็วแน่ แต่ต้องมีเหตุผลอัน สมควร และเป็นจริงด้วย มีสามวิธีเช่นเดียวกัน โดยหนึ่งทำเรื่องย้ายไปตามปกติแต่เน้นเรีองเหตุผลความจำเป็น หรือสอง เข้าพบผู้บริหารระดับสูง ของ HRหรือ สาม เข้าหาสหภาพ ตัวอย่างเช่นบิดามารดาป่วยหนัก จึงขอย้ายเพื่อไปดูแลปฎิบัติบิดามารดา นำเรื่องแบบฟอร์มขอย้าย เข้าหาสหภาพ ให้สหภาพพาเข้าผู้บริหารระดับสูง สหภาพจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบว่าเรื่องที่ร้องขอเป็นความจริง สหภาพจะดำเนินการประสารงานให้เราเข้าพบ แสดงความจำนงค์ของเรากับผู้บริหาร ระดับสูง เพื่อขอย้ายเป็นการเร่งด่วนได้ครับ ไม่ทราบว่าสหภาพที่อื่นเป็นอย่างไร แต่สหภาพ ของ กสท. แข็งครับ จริงๆมีรายละเอียดอีกเยอะครับ เอาเท่านี้ก่อนนะครับ รายละเอียดหลังไมล์ได้ครับ เอาเป็นสรุปว่า ย้ายได้ครับ จากคุณ : กา...คาบพริก เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 53 08:26:08