|
ความคิดเห็นที่ 2 |
|
เริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า อย่าไปทับเส้นหรือแข่งขันรับซื้อกับเจ้าถิ่น ถ้าเป็นไปได้ ไปเป็นคู่ค้ากับเจ้าถิ่น ใช้เงินลงทุนไม่มากและหาช่องทางนำขยะรีไซเคิลเหล่านี้ไปสู่โรงงานแปรรูปขั้นสุดท้ายว่าเขาคือใคร แปรรูปโดยวิธีการอย่างไร จะได้มูลค่าเพิ่มสูงสุด โดยเฉพาะขยะจำพวก พลาสติก กระดาษ โลหะ แก้ว เช่น การแปรรูปเพิ่มมูลค่าจากขยะพลาสติก PE,PP จนถึงสินค้าสำเร็จรูปประเภทพาเลทพลาสติก สามารถเพิ่มมูลค่าจาก 12 บาท/กก. เป็น 55-60 บาท/กก. ถ้ารู้แบบนี้ ก็พยายามหาขยะหรือรับซื้อเศษพลาสติกชนิด PPหรือ PE ราคาประมาณ 8-12 บาท/กก. นำมาล้างทำความสะอาดก่อนเข้าเครื่องบดย่อย มีต้นทุนประมาณ 5 บาท/กก. และจ้างเขารีดตัดเป็นเม็ดพลาสติกอีก 5 บาท/กก. ได้ต้นทุนรวมประมาณ 22-23 บาท/กก.นำไปขายให้โรงงานฉีดพลาสติกในราคา 28-32 บาท/กก. ก็สามารถทำเป็นธุรกิจต่อเนื่องได้ ตลาดเม็ดพลาสติกรีไซเคิลที่สำคัญ เช่น โรงงานศรีไทย,แพลตตินั่ม,วินเนอร์,ทีซีเค,นวพลาสติก,นำง่ายฮง รวมแล้วมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท/เดือน ขยะอื่นๆ จำพวก กระดาษ แก้ว โลหะ จะทำได้ง่าย กว่าเพราะไม่ต้องแปรรูปเป็นเม็ด เพียงทำให้มีความหนาแน่นสูง โดยการบดหรือบีบอัด ย่อยให้เล็กลง เพื่อสะดวกในการลำเลียงและขนส่ง ก็สามารถเพิ่มมูลค่าได้เช่นกัน ตลาดที่สำคัญ เช่น สยามคร๊าฟท์,ไทยเคนเปเปอร์,aa, สยามสตีลซินดิเคท,สยามยาโมะโตะ,บีจี,เบียร์ช้าง เบียร์สิงห์ ฯลฯ
จากคุณ |
:
หัวใจจากท้องทะเล
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ก.ค. 53 12:32:28
|
|
|
|
|