Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อ่านสักนิดก่อนคิดไปสัมภาษณ์งาน - VOL.4 – เงอะ เงอะ งัก งัก  

คุยกันก่อน - ผู้เขียนตั้งใจเอาไว้นานแล้วว่าอยากเล่าปสก.เหล่านี้ให้คนอื่นฟังด้วยความบันเทิง และด้วยหวังอยากให้กำลังใจคนที่กำลังมองหางานและอยู่ในกระบวนการสัมภาษณ์งาน ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงบวกกับความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ประสงค์ที่จะมีข้อถกเถียงใด ๆ ต่อข้อวิจารณ์ใดของผู้อ่าน เมื่ออ่านแล้วก็ให้ทิ้งเนื้อหาไว้ตรงนี้ ไม่ต้องนำไปเผยแพร่ หากแต่เก็บไปเพียงข้อคิดหรือคำแนะนำที่ผู้อ่านเห็นว่าดีมีค่าควรจำ
........................................................................................
เงอะ เงอะ งัก งัก - ผู้เขียนเองเป็นอีกคนหนึ่งที่ทั้งสมหวังและผิดหวังจากการสัมภาษณ์งานมามาก....คราวนี้เมื่อบอกว่าผิดหวัง ต้องใส่หมายเหตุนิดนึงว่า คำว่าผิดหวังในเนื้อหาตอนนี้ไม่ได้หมายถึงผิดหวังกับตัวการสัมภาษณ์อย่างเดียว แต่ยังหมายถึง ผิดหวังกับการไม่ได้งานในที่สุดด้วย

เอาหละ ผิดหวังอ่ะ มันก็เป็นเรื่องของเรา บริษัทเค้าคงไม่ต้องมาร่วมรับผิดชอบ แต่ยอมรับนะ ว่าบางครั้งก็รู้สึก งง สิ้นหวังกับการบริหารจัดการภายใน ขององค์กรนั้น ๆ จริง ๆ บางครั้ง ทำให้เรารู้สึกเสียเวลาเลยก็มี

เมื่อสักปีกว่า ๆ มาแล้ว ผู้เขียนไปสัมภาษณ์งานที่ บริษัทฯด้านการสื่อสารบริษัทหนึ่ง ก็มีอยู่ไม่กี่ที่หรอก ตำแหน่งงานที่สมัครไปเนี่ย ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากเลยจริง ๆ แต่กระบวนการสัมภาษณ์ช่างดูวกวน

เริ่มต้นจาก รอบแรกทำเทสก่อน พอผ่านก็เข้าไปคุยกับผู้จัดการฝ่ายรีครูท ทุกอย่างดูโอเค พอใกล้จบ พี่เค้าก็บอกเราว่า ถ้าผ่านรอบนี้ก็จะได้คุยกับทางไลน์เมเนเจอร์ หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป เค้าก็โทรมานัดให้เข้าไปคุย

คราวนี้เข้าไปเจอ marketing director ซึ่งตอนนั้นผู้เขียนคิดว่า น่าจะมีอำนาจในการตัดสินใจพอสมควร รอบนี้ผู้เขียนรู้สึกว่าพูดเร็วไปนิดนึง แต่ทุกอย่างก็ดูโอเคมาก ๆ

หลังจากนั้น บริษัทนี้หายไป..เออออมมม เกือบเดือน แล้วก็ติดต่อกลับมา ว่าขอเชิญเช้ามาสัมภาษณ์อีกที โหววว นึกว่าหลุดไปแล้ว เพราะ ถ้านับตั้งแต่ส่ง CV ไปนี่ก็นับเกือบสองเดือนแล้วจ้า

วันนั้นที่เค้าโทรมานัด เลยตัดสินใจถามว่ารอบนี้จะเป็นการคุยกับใครยังไง ทางนั้นก็ตอบว่าคุยกับผู้บริหารระดับสูง...... ไม่รู้ว่าผู้อ่านมองยังไง แต่ผู้เขียนตอนนั้นคิดว่า เราต้องกำลังเป็นซุปเปอร์โพแทนเชียลแคนดิเดต ประมาณว่า คราวนี้คงเรียกเราไปเจรจาเรื่องเงินเดือนขั้นสุดท้ายแน่เลย แบบว่ามั่นใจมาก ก็แหมมมม สองเดือนกว่า เจอกันสามสี่รอบแล้ว

พอถึงวันนัด ทุกอย่างผิดคาด พอเปิดประตู้เข้าไป ถึงกับตกใจ เค้าเอาเมเนเจอร์ของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ก็ไม่กี่คนหรอก สิบเอ็ดคนเองมานั่งสัมภาษณ์เรา คืออยากบอกว่า ทุกอย่างเหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ แนะนำตัวใหม่ เริ่มต้นทำความรู้จักกันใหม่ มีพี่คนหนึ่งในนั้นฝากการบ้านซึ่งควรจะมีในรอบแรก ๆ มาให้เขียนซะด้วยซ้ำ (เอาไว้รอฟังความเห็นผู้เขียนตอนท้ายนะ) แต่เคสนี้มีเรื่องให้ดีใจนิดนึงคือก่อนมาคุยกับที่นี่ตอนบ่าย ได้ไปคุยกับอีกที่มาตอนเช้า และในที่สุดก็ได้งานบริษัทที่ไปคุยมาช่วงเช้า

อีกสักที่ละกัน คราวนี้เป็นผู้ให้บริการด้านการศึกษาจากต่างประเทศ องค์กรไม่ใหญ่หรอก แต่ดูมั่นคง ที่นี่ครั้งแรกก็ทำเทสเหมือนเคยคุยกับเจ้าหน้าที่ HR ก่อน หลังจากนั้นครั้งต่อมาเค้าก็ให้คุยกับทางไลน์เมเนเจอร์

หลังจากนั้น เค้าก็หายไปสักเดือน แล้วทางบริษัทก็ติดต่อมา ว่าทางเอ็มดีอยากสัมภาษณ์ เราก็เต็มใจมาก ๆ พอถึงวันนัด เล่นเอา งง เพราะทางไลน์เมเนเจอร์คนเดิมกลับมาสัมภาษณ์ใหม่ และที่สำคัญ ถามคำถามประมาณเดิม....คำว่าประมาณเดิมเนี่ย หมายถึง เช่น เค้าถามเราว่า “ช่วยเล่าให้พี่ฟังนิดนึง ว่าทำงานอะไรมาบ้าง!” แล้วเค้าก็จด ๆ ลงในกระดาษ อย่างนี้ ผู้เขียนขอเรียกว่าประมาณเดิม ไม่รู้ว่าเหมาะสมไหม! แต่ตอนนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองมีสัมผัสที่หก คือเหตุการณ์ที่เจออยู่นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แบบว่า เหนือธรรมชาติมาก ๆ

หลังจากนั้น พี่เค้าก็เชิญ HR Manager เข้ามา สัมภาษณ์ พี่เค้าบอกว่า พอดีผู้บริการติดประชุมด่วน เลยให้พี่มาคุยแทน......ฮ่ะ...ไม่บอกก็ไม่รู้นะเนี่ย

หลังจากนั้นประมาณสองอาทิตย์ ที่นี่ก็โทรมารอีก เชิญให้เข้าไปสัมภาษณ์กับผู้บริหาร.....อีกครั้ง คราวนี้ MD ว่างแล้ว ก็เลยได้คุยกับท่าน ทุกอย่างดูโอเคมาก แต่พอใกล้คุยจบ ท่านได้ถามคำถามหนึ่งกับผู้เขียน เล่นเอาผู้เขียนงงที่สุดหยุดโลกได้อีก ท่านถามว่า สนใจมาเป็น Sales Manager ที่นี่ไหม.....ท่านคิดว่าเราน่าจะทำได้ดีเหมือนกัน

”เอออมมม ????” ผู้เขียนรู้สึกสับสนมากมาย ท่านเลยอธิบายให้ผู้เขียนทราบว่า ทางบริษัทคิดไปคิดมา รู้สึกว่า งานที่เราจะเข้าไปทำ มันจะคล้าย ๆ กับงานที่ไลน์เมเนเจอร์เค้าทำอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้าได้เราเข้าไป งานส่วนนี้จะไปได้ไกลขึ้น ลึกขึ้น แต่ท่านว่า ทางผู้บริหารทบทวนดูแล้ว คิดว่าไม่คุ้มเพราะให้ ไลน์เมเนเจอร์เค้าทำเอง แต่ทำมากขึ้นก็ได้ ฮา!!!!!!!

“โอว...ต้องกราบขอบพระคุณท่านมาก ๆ ..........แต่สำหรับตำแหน่งนี้คงคิดว่า ตัวเองไม่เหมาะสม........” เราปฏิเสธและก็เดินจากมาอย่างเงียบ ๆ รวมเวลา (ที่เสียไป) ไปที่บริษัทนี้ ห้าหกรอบ สองเดือนครึ่ง...ดีจ่ะ!

สำหรับเคสแบบนี้ ผู้เขียนบอกตามตรงนะ ว่าถ้าใครเจออยู่ ส่อเค้าแบบนี้หละก็ ยังไงก็ให้ไปคุยนะ ห้ามท้อแท้เด็ดขาด ชีวิตคือการลงทุน จำไว้ เหนื่อยได้ แต่อย่าหมดหวัง อย่าปิดโอกาสตัวเอง

แต่ลึก ๆ นะ ขอบอกว่าเสียเวลามาก ๆ ผู้เขียนเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กรมันเกิดขึ้นได้และไม่ได้คิดจะเข้าไปก้าวก่าย แต่สำหรับเคสพวกนี้ ผู้เขียนบอกได้เลย ว่าทางHR กับทาง ไลน์ ไม่แข็งพอ ไม่อยากรับผิดชอบหรือสู้กับทางส่วนงานอื่นไม่ได้ เลยต้องมีการเปลี่ยนแปลง

อย่างกรณีแรกที่เล่าไป ผู้เขียนคิดว่า คงตกลงกันไมได้ ระหว่างหลาย ๆ ฝ่าย สุดท้ายเลยเลือกใช้วิธีให้ทุกฝ่ายมาร่วมคุยกัน กึ่งโหวต ส่วนเคสหลังนี่ยิ่งหนัก คุยไปคุยมาเพิ่งจะรู้ว่ามันซ้ำซ้อน ถึงขั้นจะล้มตำแหน่ง รื้อผังโครงสร้างกันเลยทีเดียว เอาสิ!

ตกลงกันให้รู้เรื่องก่อนแล้วค่อยลงรับสมัครดีไหมอ่ะ…..มันเปลืองทรัพยากรณ์นะ ช่วยลดโลกร้อนกันนิดนึง

จากคุณ : นะเอย
เขียนเมื่อ : 2 ส.ค. 53 17:16:08 A:58.8.43.155 X: TicketID:038968




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com