ความคิดเห็นที่ 1 อันดับแรก ก่อนที่ผมจะคุยให้ฟังว่า MLM มันคืออะไร ? ขายตรง ? อะไร ไม่เข้าใจ ทำไมบริษัทมันน่าทำ มันรวยไปทุกบริษัทเลย ผมจะแบ่งข้อมูลเป็นหมวดๆนะครับ แล้วให้ทุกๆท่านไปตีความกันเอง ตามนี้ คือ - บริษัท (รวมถึงแผนการตลาด) - สินค้า - วิธีทำงาน - คน เอาละครับ มาที่อันแรกกันก่อนคือ บริษัท หลายๆท่านคงจะสงสัยว่า มันจ่ายจริงเหรอ เป็นล้านเลยเหรอ เป็นไปได้หรอ ขอบอกว่า จ่ายจริงแน่นอนครับ เป็นล้านมันก็จ่าย "ถ้า..." ขอใช้คำนี้นะครับ "ถ้าคุณทำตามเงื่อนไข ของแผนการตลาดของบริษัทนั้นๆได้" บริษัทแบบ MLM ทุกบริษัทในไทย ...... ขอพูดเลยนะครับว่า "ทุกบริษัทในประเทศไทย" ใช้ระบบการทำงานแบบ ระดมทุนนั่นเอง สมมุติผมทำขั้นตอนตามนี้ 1. ผมเปิดบริษัทขึ้นมา บริษัทนึง 2. ผมหาสินค้ามาให้พนักงานขาย 3. พนักงานขายสินค้า......แถมพนักงานคนนั้นยังแนะนำคนมาลงทุนกับบริษัทด้วย 4. บริษัทมีกำไร เออ ดีวุ้ย งั้นก็ใช้วิธีนี้แหละ ทำงานไปเรื่อยๆ แค่นี้เองครับ..................... แต่พูดแค่นี้มันกำกวม หลายๆคนคง งง ครับ ถ้าจะยกตัวอย่างง่ายๆครับ ขอยกอีกตัวอย่าง แบบสมมุตินะครับ ปตท. จะเปิดปั๊มน้ำมัน สาขานึง ที่ จ. ชัยนาท (สมมุติ) ผมก็เห้นว่า อืม... ปตท เขาใช้งบในการลงทุนในปั๊มนี้ 1 ล้านบาท ผมเลย พูดว่า "โอเค ผมขอร่วมลงทุนด้วย 5 แสนบาท" เท่ากับว่า ปตท มีทุนในการทำปั๊มนี้ 1ล้าน 5 แสนบาท วันใดวันนึง ปตท มีกำไร 100 ล้านบาทจากปั๊มนี้ ผมเป็นส่วนหนึ่ง ที่ได้ลงทุนไป 50% จาก 1 ล้าน (คือ 5 แสน) ผมก็ควรจะได้กำไรที่เหมาะสม ก็คืออย่างน้อยสุด 50.01% ขึ้นไป ก็คือ ผมควรจะได้เงินกลับมา 5 แสนกับอีก 1 บาทขึ้นไป (ลงทุนไปแล้วต้องได้กำไร) ถ้าตามตัวอย่างผมมีหุ้นขนาดนี้ ก็ต้องได้ตามนั้น คิดแบบลูกทุ่งๆก็ 50 ล้านบาท ปตท คืนกำไรให้ผม เพราะผมไปช่วยเขาลงทุน......... เริ่มเห็นภาพอะไรนิดหน่อยยังครับ ? จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:19:05

ความคิดเห็นที่ 2 ทีนี้มันเกี่ยวกับ MLM ยังไงครับ บริษัท ......... มีสินค้า ให้ขาย (ขายกับซื้อใช้เอง "เหมือนกัน" แหละครับ เพราะว่าลงท้าย สรุป เงินก็เข้าบริษัทอยู่ดีไม่ว่าจะขาย หรือซื้อใช้เอง พวกที่มาเถียงว่า เราไม่ขายของ ถอยไปไกลๆครับ) คน...............มีเงินซื้อสินค้า บริษัท...........ก็เอาเงินนั้น ไปซื้อของมาตุนไว้เพื่อขายต่อไป(หรือเอาไปผลิตของ)อีกที รวมถึง...........บริษัท...ต้องเอากำไรที่ได้จากการซื้อสินค้า "มาจ่ายเป็นค่าคอมมิชชั่นให้กับ คนที่มาลงทุนกับบริษัทด้วย" แล้ว "คนที่มาลงทุนกับบริษัทคือใคร ??? สมมุติผมเป็นสมาชิก บริษัท A ผมซื้ออาหารเสริม 1 กล่อง ผมไปแนะนำนาย B ให้มาเป็นสมาชิกและซื้ออาหารเสริมอีก 1 กล่อง บริษัทมองผมเป็นอะไรครับ ???? บริษัทก็มองผมเป็นพนักงานที่ดีมากๆๆๆ เพราะสามารถหาเงินเข้าบริษัทได้......................เพราะฉะนั้นบริษัททำไงครับ ??? ทำไงครับ ??? แน่นอนครับ ผมมีความดีความชอบขนาดนี้ "บริษัทต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้ผม"  ตามเหตุผลด้านบนครับ "เพราะผมหาเงินเข้าบริษัทได้" ------- ด้วยเหตุผลนี้ ทุกบริษัท ไม่ใช่แม้แต่ MLM ยังไงก็ยอมจ่ายให้ผมครับ นาย B ก็เป็นคนที่มาลงทุนกับบริษัทนั่นเอง (โดยผมแนะนำมา และบริษัทก้จ่ายเงินค่าความดีความชอบนั้นให้ผม) แล้ว แล้ว แล้ววววว "ถ้าผมไปแนะนำคนมาเยอะๆ แล้วเค้าซื้อปิดโค็ด/ซื้อของ/รักษายอดรายเดือน(อะไรก็แล้วแต่จะเรียก)" หลัก ร้อยหลักพันคน เกิดอะไรขึ้นครับ ? บริษัทก้จะมองว่า เฮ๊ยยยย คุณนี่เจ๋งงว่ะะะ หาคนมาลงทุนในบริษัทเราได้เยอะแยะเลยย เพราะงั้น ตามแผนการตลาดเราให้คอมมิชชั่นคุณไปเลย !!!!!  เท่านี้ xxx,xxx บาททท (ไอ้การซื้อของปิดยอด ปิดโค๊ด อะไรนั่น มันก็คือการลงทุนนั่นเองครับ เพราะเงินมันเข้าไปในบริษัทแล้ว) สรุปว่า บริษัทโดยทั่วไปจะแบ่งเงินที่ได้มาตามนี้ครับ ส่วนแรก - ใช้จ่ายคอมมิชชั่นให้สมาชิก ส่วนที่สอง - ใช้สำหรับระบบของสินค้า ซื้อ เปลี่ยน คืน สต๊อค ฯ ส่วนที่สาม - กำไรของบริษัท จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:20:28

ความคิดเห็นที่ 3 ซึ่งแต่ละบริษัท ก็จะมีอัตราส่วนต่างกันออกไป บางบริษัท มีอัตราส่วนของ การจ่ายคอมมิชชั่นเยอะ บางบริษัท กำไรบริษัทก็ได้เยอะ แต่ละบริษัทจัดการอัตราส่วนไม่เหมือนกันครับ แต่ลงท้ายแล้วนะครับ......."ไม่มีบริษัทไหนเปิดมาทำบุญครับ ทุกบริษัทเปิดมาหากำไรทั้งสิ้น" และ "ทุกบริษัทจะใช้วิธีเดียวกันคือ .......... ไปแนะนำคนมา โดยมีเงื่อนไขว่า คนๆนั้นจะต้องซื้อสินค้าโดยมีคุณเป็นคนแนะนำ คุณจึงจะ มีรายได้" อ่านซ้ำอีกรอบครับ "ทุกบริษัทจะใช้วิธีเดียวกันคือ .......... ไปแนะนำคนมา โดยมีเงื่อนไขว่า คนๆนั้นจะต้องซื้อสินค้าโดยมีคุณเป็นคนแนะนำ คุณจึงจะ มีรายได้" (แต่จริงๆขึ้นกับแผนนะครับ บางที่อาจจะแนะนำแค่สองครั้ง บางที่คุณอาจจะต้องแนะนำไปจนตาย) ง่ายดีมั้ยครับวิธีการทำงานแบบนี้ ไม่ต้องตอกบัตร............จริง อิสระกับการทำงาน........จริง รายได้ไม่จำกัด.............จริง แต่ละคำโฆษณาของแทบทุกๆบริษัทก็ไม่ได้โกหกเลยครับ มันเป็นจริงได้ทั้งนั้น บางบริษัท ใช้คำว่า "เกษียณ" เลยด้วยซ้ำ (หยุดทำงาน แต่เงินเข้าไม่หยุด) แต่ทำไมไม่เห้นมีใครจะรวยซักเท่าไหร่เลย ?? เป็นเรื่องจริงได้ไง ?? งงแฮะ มามาครับ มามา ผมจะบอกต่อว่าทำไมถึงไม่รวย แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 11:22:56 จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:21:51

ความคิดเห็นที่ 4 สาเหตุที่ทำแล้วไม่รวย ทำไมทำแล้วถึงไม่รวย ตอบสั้นๆเลยครับ เพราะ.............."บริษัทไม่จ่ายคอมมิชชั่นให้คุณ คุณจึงไม่รวย" 55555+ จริงมั้ยครับ เอ่า....แล้วทำไงจะได้รับคอมมิชชั่นเยอะๆละ ? คุณก็ไปดูแผนการตลาดของแต่ละบริษัทครับ ว่าเขามีเงื่อนไขในการรับเงินอย่างไร........... และลงท้ายครับ ก็จะเหมือนกันหมดคือ ........... คุณต้องหาคน มาลงทุนในบริษัทนี้ครับ ........ บริษัทจะเห็นค่าของคุณ (ก็คุณเอาเงินเข้าบริษัท เขาจะไม่รักคุณได้ไง) เมื่อนั้นแหละ บริษัทก็จะจ่ายคอมมิชชั่นให้ ...........ไปหาคนมาลงทุนได้เยอะ คอมมิชชั่นก็ได้เยอะ สำหรับบริษัทมันมีแค่นี้ครับ ไม่มีอะไรมากกว่านี้แล้ว ถ้าจะถามว่าแผนการตลาดอะไรดีที่สุด สำหรับผมตอบได้เลยว่า มีแผนการตลาดที่ใกล้ระดับ 90% ครับไม่มีแผนไหนร้อย แต่ถ้าจะถามผม ว่าแผนการตลาดเน่าๆ ควรหนีออกให้ห่าง มันก็พอมีครับ แผนการตลาดที่ควรหลีกให้ห่างเลยนะครับมีดังนี้ - Binary จับคู่จ่าย - มีข้อเสียคือเป็นลักษณะแชร์ลูกโซ่โดยแท้จริงครับ (บริษัทปูสีแดงโดนไปแล้ว 1 ดอก อีกหลายๆบริษัท สคบ กำลังจ้องจะเอาอยู่) - Stairstep Breakaway - คุณไม่มีวันได้หยุดทำงานครับ เพราะคุณต้อง Break Away ออกไปสร้างสายงานใหม่เสมอ - Unilevel - เป็นสายงานที่จำกัดชั้นลึก ค่าคอมมิชชั่นของคุณจะได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ถึงแม้คุณเป็นเพชรของบริษัทก็ตาม และ การรักษายอดจะใช้เงินเยอะมาก (บางบริษัทจ่ายลึกแค่ 120 ชั้น เป็นต้น) แบบนี้ผมก็เขียนแผนที่ดีได้สิ ว่าแผนที่ดีเป็นยังไง ?? ได้ครับ ผมจะตั้งเกณฑ์ให้ดูแบบคร่าวๆนะครับ แผนการตลาดของบริษัท MLM ที่ดีควรมีเงื่อนไข(ตามที่จะเป็นไปได้)อย่างไร 1. จ่ายเงินไม่จำกัดชั้นลึก 2. ต้องมีการรักษายอดรายเดือน (ถ้าเป็นการรักษายอดในหลักพัน จะดีมากๆ) 3. ไม่มีการ Break ไปสร้างสายงานใหม่ 4. สินค้ามีการผูกขาดทางการตลาด 5. ต้องเป็นสินค้าที่ซื้อซ้ำได้ (เท่านั้น) 6. ต้องเป็นสินค้าที่ไม่ใช้สินค้าโง่ๆ เช่นเหรียญพลังงาน สายรัดข้อมือพลังงาน 7. มีความมั่นคงของบริษัท เช่นบริษัทที่โตใน US และหลายๆประเทศ ก็จะมีความมั่นคงมากกว่าบริษัทที่เปิดในมาเลเซีย เป็นต้น 8. จะต้องไม่มีการสมัคร ID ใหม่ซ้ำๆ ต้องสมัครแล้วสามารถทำงานได้ทั่วโลกและมี id ใช้ไปจนตาย แถม 9. ไม่ใช้วิธีการทำงานโง่ๆ (จะอธิบายในหัวข้อ วิธีการทำงาน ต่อไป) จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:23:43

ความคิดเห็นที่ 5 มันมีด้วยเหรอบริษัทที่เข้าเกณฑ์แบบนี้ ? ผมตอบ = ไม่รู้ครับ อาจจะมี ก็ใกล้เคียง แต่ผมไม่สนใจ เพราะอะไร ? เพราะการทำงานประเภทนี้ ......ไม่ต้องลงแรง ......ไม่ต้องเสียเวลา แล้วทำไงละ ? ------------ "ใช้เงินอย่างเดียว" แล้วผมมีเงินมั้ยตอนนี้ = ไม่มี เมื่อผมไม่มีเงิน ผมก็ไม่ทำงานนี้ครับ แต่ผมมีแรง ผมมีความรู้ ตอนนี้ผมก็เลยเป็นพนักงานบริษัทเอกชนไป สิ้นเดือนก็รับเงินเดือน ตื่นเช้าไปตอกบัตร เสียแรง เสียเวลาให้บริษัท สิ้นเดือนรับเงิน เห็นความแตกต่างยังครับ งานแบบ MLM ไม่ต้องอะไรมากครับ มีเงินก็จบ ง่ายมั้ยครับ ? อิอิอิ เพราะฉะนั้น สำหรับใคร ที่ต้องการปฏิเสธนะครับ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดๆก็ตามทีมาแนวๆแนะนำคนนะครับ ให้ปฏิเสธว่า "ไม่มีเงิน" ครับ ให้เรา ยืนยัน นอนยัน นั่งยันเลยครับว่า ไม่มีเงิน.......... คนที่จะมาแนะนำเรา หากตอบว่า "ไม่มีเงินนั่นแหละ ยิ่งต้องทำ" ให้เราถามเข้ากลับไปว่า "อืม.....แล้ววิธีการทำงานมันเป็นยังไงละ" หรือให้เราถามเขากลับไปว่า "อืม....แล้วทำยังไงถึงจะได้เงินละ" คนที่เข้ามาแนะนำเรา ก็จะพูดไปเรื่อยๆๆๆๆๆ และก็จะมีท่อนนึงพูดว่า "เราต้องซื้อของ/ปิดยอด ถึงจะได้เงิน" เราก็จงตอบไปเสียว่า ....... "ก็นั่นไง ก็บอกแล้วว่าไม่มีเงิน จะให้ทำงานนี้ได้ไง" หรือถ้าเขาบอกว่า "พี่ไม่มีเงินซื้อ ก็เบิกของจากหนูไปขายก็ได้ พอได้เงินค่อยไปซื้อของเข้าเป็น ID พี่แล้วเอาของมาคืนหนู" (ประมาณ เดี๋ยวหนูออกทุนให้พี่ก่อน) ให้เราตอบไปว่า "อยากซื้อกินซื้อใช้เอง ไม่อยากไปขาย" มันก็จะบอกว่า "โหพี่ ถ้างั้นดีเลย พี่ก็ซื้อกินซื้อใช้เองเลยค่ะ" เราตอบไปสิ "ไม่มีเงินจ้าาา" (ทำหน้ายิ้มๆ) หรือ ให้เราตอบไปว่า "ถึงผมจะเอาของพี่มาก่อน ผมก็ไม่คืนเงินให้พี่อยู่ดีครับ เพราะผมบอกไปแล้วว่าไม่มีเงิน" ถ้าเค้าเอาของยัดมือเรา แล้วบอกว่า เอาไปก่อน ไม่คิดเงิน ให้เรารับของเอาไว้ครับ แล้วบอกพี่เค้าเดี๋ยวนั้นเลยว่า "ไม่มีเงินนะ" เมื่อเรารับของมาแล้ว "ห้ามเราไปทำอะไรกับของทั้งสิ้น" ครับ ปล่อยมันไว้เฉยๆ เมื่อถึงเวลา เขาจะมาถามหาของครับ ว่าเรากินรึยัง หรือเอาไปขายหรือยัง เราไม่กิน เพราะไม่มีเงินซื้อของ เราไม่ขายเพราะเราไม่คิดจะทำงานแบบนี้  .......... ไงครับ เราก็วนลูปเข้ามาเหมือนเดิม "ไม่มีเงินจ้าาาา" ........... แล้วเราก็คืนของเขาไปครับ เขาไม่มีสิทโต้แย้งนะครับ เราไม่มีเงิน เขาเอา เงินกับเราไม่ได้ เขาต้องจำใจรับของของเขาคืนไปเท่านั้น ถ้ามีข้อโต้แย้งต่อจากนั้นขอให้แต่ละท่านประยุกต์กันเอง โดยให้ใช้หลักยืนพื้นว่า "ไม่มีเงิน" ไว้ก่อนครับ (ต้องยืนยันชัดเจนว่าไม่มีเงิน และไม่มีใครมาตัดสินเราได้ว่าตัวเรามีเงินเท่าไหร่ เรารู้ของเราคนเดียวจริงปะ ?) จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:25:33

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านมาถึงนี่แล้ว แน่นอนครับ ธุรกิจพวกนี้ เงิน สำคัญมาก ขอให้ทุกๆท่านแยกแยะเหมือนตอนแรกที่ผมพูดไว้นะครับ บริษัท สินค้า วิธีการทำงาน และคน แต่ละอย่างแตกต่างกันไปหมด ผมจะอธิบายต่อครับ ทำไมถึงมีการโฆษณาโอเวอร์ขนาดนั้น ? สินค้ามันมหาเทพ ทวยเทพเมพขนาดนั้นเลยหรอ ? ผมจะขอแยกสินค้าเป็นกลุ่มๆนะครับ ดังนี้ 1. อาหารเสริมสำหรับคน 2. ของที่มีเอฟเฟคกับคนน้อย ซื้อซ้ำไม่ได้ เช่น เครื่องกรองน้ำ เครื่องฟอกอากาศ 3. ปุ๋ย หรือ อาหารเสริมสำหรับพืชหรือสัตว์ 4. สินค้าอื่นๆ ในส่วนนี้ ผมอยากให้ทุกๆคน โฟกัสไปที่ อาหารเสริมสำหรับคน อย่างเดียวครับ อย่างอื่น "อย่าไปสนใจ" เด็ดขาดครับ และผมจะไม่พูดถึงสินค้าชนิดอื่นด้วยครับ อาหารเสริม มันดียังไง ? ทำไมหมอที่โรงพยาบาลไม่เอามาใช้ ? ถ้ามันรักษาโรคได้จริงทำไมไม่ทำเป็นยาละ ? อาหารเสริมบางอย่างก้วางขายตามเซเว่น ทำไมต้องซื้อกับ MLM ? ทำไมบริษัทที่ให้รักษายอดรายเดือน มันดีกว่าบริษัทที่ซื้อครั้งเดียวจบ ? อันดับแรก ทำไมอาหารเสริมถึงดี อาหารเสริม ที่บริษัท MLM นำมาขาย ทำไมมันถึงวิเศษ จริงๆแล้ว อาหารเสริมพวกนี้นั้น ในภาพรวมมันคือ อาหารเสริมสำหรับคน เมื่อคนกินเข้าไปแล้ว มันจะไปปรับสมดุลย์ของร่างกายให้เป็นปกติอย่างสม่ำเสมอ ไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่ไม่ได้รักษาอาหารป่วย และไม่ใช่ยา จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:27:33

ความคิดเห็นที่ 7 อ้าวว...แล้วไม่ใช่ยาแล้วรักษาโรคได้ไง ? ก็บอกแล้วไงครับ ว่ามันไปปรับสมดุลย์ของร่างกาย ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอและเหมาะสม ร่างกายมันก็เลยแข็งแรง อาการป่วยของโรคต่างๆมันก็หายไปโดยอัตโนมัติ และถ้าหากกินซ้ำๆเป็นประจำ ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างถูกต้องและสม่ำ เสมอ.....ไม่ต้องพึ่งยา ก็หายป่วยได้ นายแพทย์เปี่ยมโชค ชลิดาพงศ์  ได้เขียนหนังสือ "ทำไมคุณถึงป่วย" ราคาเล่มละ 30 บาท ผมยังเก็บไว้ที่บ้านอย่างดี (เร็วๆนี้อาจ จะสแกนแจกในเน็ต เพราะว่าหาซื้อยากแล้ว) นายแพทย์ท่านได้บอกถึงสาเหตุของการป่วยว่า 80% ของการป่วย คือการกินที่ไม่ถูก ต้องทั้งสิ้น สิ่งเลวร้ายต่างๆนี่แหละที่เข้าไปในปากโดยการกินของเรา ถ้าเราอยากหายป่วย เราควรเริ่มคิดว่า เราต้องหยุดกินอะไรจึงหาย ไม่ใช่คิดว่า จะต้องกินอะไรจึงหาย ไม่ว่าจะเป็น ของทอด ของมัน ของหวาน ของสุกๆดิบๆ ฯลฯ และในหนังสือเล่มนั้น นายแพทย์เปี่ยมโชค ได้มีการอ้างอิงเอกสาร งานวิจัยหลายรายงานในต่างประเทศ และการรักษาคนไข้ของตัวเขาเอง นายแพทย์เปี่ยมโชค เป็นแพทย์ด้านโภชนาการบำบัด พูดง่ายๆคือ เป็นโค้ช ช่วยฝึกวินัยการกินให้คนไข้ และให้หายไปโดยธรรมชาติและไม่ใช้ยา แต่เนื่องจากว่าการรักษาแบบนี้ต้องรักษาต่อเนื่อง และต้องใช้วินัยในการดูแลตัวเองของคนไข้อย่างเข้มงวด  การใช้ยาแผนปัจจุบันจึงเป็นที่ยอมรับได้มากกว่า รายละเอียดต้องอ่านเองจากหนังสือครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:28:22

ความคิดเห็นที่ 8 ตัวอย่างหนังสือ "ทำไมคุณถึงป่วย ?" ผมสแกนเสร็จแล้วครับเป็น JPG ครบทุกหน้า อันนี้เป็นบางส่วนครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:29:05

ความคิดเห็นที่ 9 บางส่วนของหนังสือครับ สแกนเสร็จแล้ว มีครบทุกหน้า อันนี้เอาไปบางส่วนก่อน จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:30:34

ความคิดเห็นที่ 10 เพราะฉะนั้น ผมจะขอสรุปให้ฟังว่าความแตกต่างระหว่างยา กับอาหารเสริมที่บริษัท MLM โฆษณานะครับ และหลายๆคนสงสัยว่าทำไมมันถึงไม่ไปอยู่ในโรงพยาบาล ทำไมหมอไม่ใช้ เพราะอาหารเสริม รักษาโรคไม่ได้....แต่อาหารเสริมไปทำให้ร่างกายส่วนที่สึกหรอ กลับสู่สภาวะปกติ ส่วนที่ดีอยู่แล้วก็จะมีแร่ธาตุ และส่วนประกอบที่ดี ไปหล่อเลี้ยงให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ค่อยๆอ่านไปนะครับ ผมถามว่า คุณสามารถ อด ของกินเหล่านี้ได้อย่างจริงจังหรือไม่ ? 1. น้ำอัดลม น้ำหวาน ของหวานทุกชนิด ทุกอย่างที่มีรสชาติหวาน รวมถึงผลไม้ที่หวานด้วย 2. ของทอดๆ มันๆ 3. อาหารที่ผ่านการอบจากเตาไมโครเวฟ เนยเทียม 4. อาหารสุกๆดิบๆ 5. กาแฟ ชา เหล้า บุหรี่ แล้วคุณทำแบบนี้แทน 1. พักผ่อนให้เพียงพอ 2. กินผักเยอะๆ ยิ่งผักสดๆยิ่งดี 3. ดื่มน้ำเปล่าที่สะอาด 4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 5. ผ่อนคลายจิตใจ เล่นดนตรี ดูตลก อยู่กับครอบครัว เจริญภาวนา นั่งสมาธิ 6. ไม่อยู่ในที่มลพิษ เช่นเสียงดัง เหม็นควันพิษ เหม็นสี ถ้าคุณทำอย่างหลัง 1-6 ได้จริงๆ 24 ชั่วโมงทุกวัน  1 อาทิตย์คุณก็เห็นความแตกต่างแล้วครับ และอาหารเสริมของบริษัท MLM ก็ไม่จำเป็นด้วยซ้ำ ไม่ต้องซื้อมากินครับ มันแพง (ถ้าทำ 1-6 แบบหลังได้ตลอดนะ) และพวกหมอเค้าจะไม่ค่อยชอบซื้ออาหารเสริมกัน เพราะเหตุผลนี้แหละครับ เพราะหมอเค้ารู้อยู่แล้วว่าต้องดูแลสุขภาพยังไง และ เค้าก้รู้ว่าถ้าเค้าทำแบบนี้ได้ก็ไม่จำเป็นต้องซื้ออาหารเสริมอะไร หมอจึงไม่สนใจอาหารเสริมไงครับ แต่คนไข้ หรือชาวบ้านทั่วไป ส่วนใหญ่กินตามใจปาก บ้างก็กินตามเงินที่มีอยู่ ผลก็เป็นอย่างที่เห็น (อ่านเอาในหนังสือครับ) จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:31:52

ความคิดเห็นที่ 11 ในความเป็นจริง มันหลีกเลี่ยงได้ยาก ที่จะไม่กินอะไรแบบนั้น อาหารเสริมจึงสำคัญ บางคนบอกว่าก็ดมควันทุกวัน ไม่เห็นเป็นอะไร ผมถามคุณจริงๆคุณไม่เป็นไร แต่ร่างกายภายในของคุณ คุณรู้ รึป่าว ? คุณกินน้ำอัดลมเป็นขวดๆ คุณรู้มั้ยตับอ่อนคุณเป็นยังไงบ้าง ? นะครับ เราไม่รู้สึกเป็นอะไร ... แต่บางทีอวัยวะภายในของร่างกายเราอาจจะค่อยๆเสื่อมๆๆไปเรื่อยๆก็ได้ ถ้ามันพูดได้มันคงจะด่าคุณแล้วว่า กินเหล้าทำไมฟะ ไอ้ฟายยย ข้าจะตายอยู่แล้วเนี่ย คนไทยที่กินผักกับน้ำพริกถึงอายุยืนไงครับ เพราะงั้นก็เลยกลับมาที่เรื่องยาเหมือนเดิม ยา.............หมอจะจ่ายให้เมื่อมีอาการ เช่น ปวดฟันอย่างรุนแรง ผมไปอุดฟันมา ปรากฏรอยผุลึกมากจนถึงโพรงประสาท หมอให้ Brufen 400mg กับผมมา+พร้อมคำเตือน หุหุ อาหารเสริม..เรากินได้ตามใจชอบ ไม่มีอาการเราก็กินได้ และควรกินหากเรารู้ว่าชีวิตเราเจออะไรแย่ๆกับร่างกาย เช่น เดือนนี้กิน เหล้าแทบทุกวัน หยุดกินดีกว่า แล้วรีบกินอาหารเสริมซะ ยา.............กินต่อเนื่องสักระยะเท่านั้น ห้ามกินมาก เพราะมีการตกค้างภายในร่างกาย เช่น ยาพาราก้มีผลต่อตับ ยาธาตุน้ำขาวก็มี L ก ฮ อาหารเสริม..กินต่อเนืองได้เลยยยย เต็มที่ ยิ่งกินแล้วออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ จะดีมากๆๆ สรุป ข้อแตกต่างระหว่างยากับอาหารเสริมคือ ........ "ไม่มีคนอยู่เฉยๆแล้วเอายามากินเล่นครับ" หรือคุณทำ ?? และอีกข้อหนึ่ง .......ยา ....... บางส่วนสามารถจำหน่ายได้ตามร้านขายปลีก แต่ส่วนใหญ่ต้องออกโดยเภสัชกร .....อาหารเสริม.......ใครขายก็ได้ ถ้าหากว่าได้รับการจดทะเบียนกับ อ.ย. แล้ว แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 11:37:04 จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:34:14

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วทีนี้รู้คำตอบรึยังครับว่า ทำไมมันถึงเป็นอาหารเสริม และทำไมหมอไม่เอามาใช้ในโรงพยาบาล เพราะอาหารเสริม ไม่มีการออกฤทธิ์ทางยานั่นเองครับ อาหารเสริม คืออาหารที่จะไปทำให้ร่างกายเป็นปกติ ไปบำรุงร่างกาย ส่วนยา เป็นสารเคมี ที่ไปยับยั้งสิ่งผิดปกติ ของร่างกาย หมอสั่งยาให้เรา เพราะร่างกายเรามีสิ่งผิดปกติ ซึ่งมันเป็นที่มาของคำถามที่ว่า........ "แล้วเราไปหาหมอทำไม" ? เพราะเรามี "อาการ" ไงครับ และอาการนั้น ก็คือสิ่งผิดปกติของร่างกายนั่นเอง(ในรูปแบบที่เรารู้ตัว) เราเจ็บแผล เราเป็นไข้ เราถึงไปหาหมอ เพื่อให้หมอตรวจและจ่ายยามารักษา ยาก็ไปออกฤทธิ์ทางเคมี เพื่อทำลายสิ่งผิดปกตินั้น แต่ยาก็ตกค้างในร่างกายด้วยเช่นกัน เราอยู่บ้านเฉยๆ ตับอ่อนเราอาจจะแทบจะพังแล้วก็ได้ (แบบว่า เพิ่งซดของหวานมาเต็มเหนี่ยว) แต่อาจจะด้วยอายุยังน้อย ด้วยสังขารยังดีๆอยู่ ร่างกายมันก็เลยไม่แสดงอาการ อยู่บ้านเฉยๆเราก็ไม่รู้ครับว่าตับอ่อนเราแย่แล้ว ?? ก็นั่งดูทีวีกับเมียเนี่ย จะรู้อะไร ?? เพราะงั้นอาหารเสริมมันก้มาช่วยตรงนี้แหละครับ มันจะรีบฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอทันทีและเราต้องดูแลสุขภาพสม่ำเสมอ ควบคู่ไปด้วย โอเคนะครับ ทุกคน เข้าใจตรงกัน ส่วนใครที่เป็นเภสัชกร หรือแพทย์ อยากเข้ามาตอบ หรือแก้ไขข้อมูลของผม ก้ยินดีเลยครับ สามารถแนะนำผมได้เต็มที่ เพราะจุด ประสงค์คืออยากตีแผ่ธุรกิจ MLM เท่านั้น ผมเองไม่ใช่แพทย์ แต่อาศัยอ่านหนังสือเอา แล้วเลือกเอาส่วนที่มีประโยชน์มาเผยแพร่ครับ หากผิดพลาดประการใด เชิญแพทย์หรือเภสัชกรมาแนะนำได้ครับ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องผมยินดีปรับปรุงภายหลังครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:36:41

ความคิดเห็นที่ 13 *** ชี้แจงนิดนึงนะครับตรงนี้ *** หนังสือของนายแพทย์เปี่ยมโชค เนื้อหาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ MLM ทั้งสิ้นเลยครับ แต่การรักษาโรคตามที่นายแพทย์เปี่ยมโชคเขียนในหนังสือนั้น ไม่ได้ใช้ยา เป็นเพียงการหยุดกินอาหารที่ไม่ดี และรู้จักกินอาหารที่ดี ส่วนอาหารเสริมของบริษัท MLM นั้น มันมีการนำอาหารที่ดี มาสกัดขายครับ ซึ่งมันสะดวกต่อเรา และมีส่วนผสมที่เที่ยงตรงแน่นอน อาหารเหล่านั้นจึงเข้มข้นมาก และมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก และมันก็ราคาแพงมากเช่นกัน ผมจึงเอาสองอย่าง มาผสมรวมกันในกระทู้ เพื่อเป็นความรู้ให้กับทุกท่าน เพราะงั้นขอให้แยกแยะนะครับว่า นายแพทย์เปี่ยมโชค เขียนหนังสือ "ทำไมคุณถึงป่วย" เล่มนี้ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ MLM ทั้งสิ้น ครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:38:22

ความคิดเห็นที่ 14 ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว สิ่งที่สวยงามที่สุด ของธุรกิจ MLM ไม่ใช่ตำแหน่ง ไม่ใช่เงิน ไม่ใช่ความอิสระ แต่เป็น "สุขภาพ" ของเรา และมันมาจาก "สินค้า" ที่มีคุณภาพ นั่นเองครับ เพราะงั้น สิ่งที่เราสนใจ เราควรสนใจ สินค้าของแต่ละบริษัทครับ พิจารณา เฉพาะ อาหารเสริมสำหรับมนุษย์เท่านั้น ส่วนอย่างอื่นให้ขึ้น BlackList ไปเลยครับ เสียเวลา 1. ต้องไม่มีส่วนประกอบที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย เช่น บางบริษัท มี ไวน์ นะครับ มี L ก ฮ เป็นส่วนประกอบ 2. ต้องไม่มีรสชาติหวาน 3. ต้องได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องจากองค์การอาหารและยา 4. มีการแต่งกลิ่นสังเคราะห์น้อย หรือไม่มีเลย หรือไม่มีการเจือสีสังเคราะห์ใดๆ ถ้ามาจากธรรมชาติ 100% จะดีมากๆ และสำคัญมาก ตัวเราเอง 5. ต้องกินอย่างสม่ำเสมอ 6. ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ+ทำใจให้สดชื่นแจ่มใส มีความสุข นี่ก็คือ ความสวยงามของการทำ MLM และ ความสวยงามของสุขภาพดีของชีวิตของเราครับ !!!!! แต่ ........ ทำไมธุรกิจ MLM ถึงมีคนเกลียด มากมายนัก ?? ทำไม .... บริษัทแต่ละบริษัท ถึงได้โฆษณาสินค้า โอเวอร์สุดยอดมากมายขนาดนั้น ?? จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 11:39:15

ความคิดเห็นที่ 15 เอาเรื่องโฆษณาก่อนครับ ทำไมต้องโฆษณาเว่อร์ๆหลอกลวงด้วย ? จริงๆแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ "บริษัทก็อยากทำ แต่บริษัทก็ไม่อยากทำ" ??? งงมั้ยครับ ?? อิอิ อธิบายแบบนี้ครับ บริษัท อยากทำโฆษณาเวอร์ๆ เพราะ ............. เพราะว่า.............."จะได้ทำให้นักธุรกิจ ทำธุรกิจได้ง่ายขึ้นไงครับ" เพราะบริษัท "ได้เตรียมสิ่งที่ดีๆ ด้านดีๆ ของสินค้าเอาไว้แล้ว .." ยิ่งเป็นนักธุรกิจหน้าใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำเลย เขาก็ต้องการเครื่องมือที่ดีๆพร้อมๆ เตรียมเอาไว้ บริษัทถึงเตรียมความ อลังการความเทพ สรรพคุณของสินค้าไว้ไงครับ อันนี้สำคัญมาก " เตรียมไว้ถึงขนาด ไม่ต้องซื้อลองใช้เอง ก็นำสินค้าไปทำธุรกิจได้ " !!!!!! (อาหารเสริมแห่งทวยเทพ) นึกภาพป้าขายส้มตำไม่ได้เรียนหนังสือ วันนึงนึกครึ้มอยากทำ MLM อะฮ้าาาา จะซื้อสินค้ามาลองเลยมันก็กะไร บริษัทก้ต้องบอกให้ป้ารู้ว่าสินค้ามันดียังไง "ป้าจะได้ไปแนะนำ ของเทพๆๆๆๆ พวกนี้ เพื่อหาสมาชิกให้บริษัทเพิ่ม คนเหล่านั้นจะซื้อสินค้า และบริษัทจะมีกำไร" !!!!! ซึ่งป้าสามารถทำได้ง่ายมาก เพราะบริษัทเตรียมเอาไว้ครบบบบ แล้วว ฮ่าๆๆ เสร็จสรรพจริงๆ เห็นมั้ยครับ  ประมาณว่า ถ้าป้าไปแนะนำคน ป้าก็มีของดีๆ เตรียมไว้ ป้าจะแนะนำคนได้ง่ายขึ้น บริษัทก็มีโอกาสได้กำไรง่ายขึ้น ทำ ให้ป้าเรียนรู้ตัวสินค้าได้น้อยลงมาก ประหยัดเวลาครับ แต่ในขณะเดียวกัน ทำไมบริษัทถึงไม่อยากทำโฆษณาเวอร์ๆแบบนี้ เพราะว่า เสียเงินเยอะมากครับ ในการทำแผ่นพับ โบชัวร์ ใบปลิว เข้าอบรม อะไรต่างๆ บริษัทไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้ จะทำเพียงขายสินค้าและจ่ายคอมมิชชั่นเท่านั้นก็ได้ ให้สมาชิกไปซื้อกินเองก็ได้ แล้วแนะนำบอกต่อกันเองว่ามันดียังไง แบบนั้นก็ได้ แบบนั้นจะมีมั้ยในไทย ? ไม่มีหรอกครับ ทุกบริษัทต่างอวดโม้โฆษณาความดีของสินค้าเทวดาของแต่ละบริษัททั้งนั้น โหมกระหน่ำสรรพคุณกันเต็มที่ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:11:33

ความคิดเห็นที่ 16 ผมขอแนะนำให้เลยนะครับว่า อาหารเสริมทุกบริษัท ที่เป็นอาหารเสริม ถ้ามันเข้าข่าย 1. ต้องไม่มีส่วนประกอบที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย เช่น บางบริษัท มี ไวน์ นะครับ มี L ก ฮ เป็นส่วนประกอบ 2. ต้องไม่มีรสชาติหวาน 3. ต้องได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องจากองค์การอาหารและยา 4. มีการแต่งกลิ่นสังเคราะห์น้อย หรือไม่มีเลย หรือไม่มีการเจือสีสังเคราะห์ใดๆ หรือเป็นธรรมชาติ 100% "มันเป็นอาหารเสริมที่ดีแน่นอน จงซื้อมากินเพื่อดูแลสุขภาพของท่านเถิดครับ" และอะไรที่ทำแล้วสุขภาพเสีย จง หยุด หยุด หยุด ซะครับ อย่าได้ทำอีก โตๆกันแล้ว รู้อยู่ว่าอะไรไม่ดี หยุดครับ ห้ามใจไว้ จะได้ไม่ เป็นภาระลูกหลานตอนแก่ เข้าใจกันแล้วนะครับ ว่าสินค้าที่เป็นอาหารเสริมสำหรับคน โดยบริษัท MLM นั้น ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีคุณภาพครับ และมีความเข้มข้น มากๆ ขอให้พวกเรามองที่สินค้าเป็นหลัก (ถ้าจะเน้นซื้อกินเพื่อสุขภาพ) ให้เรามองสินค้า+บริษัท(ถ้าเราเริ่มสนใจ MLM) ให้เรามองสินค้า+บริษัท+แผนการตลาด (ถ้าเราอยากสมัครกับใครสักคนที่ทำ MLM) ให้เรามองสินค้า+บริษัท+แผนการตลาด+ความมั่นคง+วิธีการทำงาน (ถ้าเราต้องการรวยเพราะ MLM จริงๆ) จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:13:11

ความคิดเห็นที่ 17 ใช่แล้วครับ ส่วนต่อมาคือ วิธีการทำงาน ครับ ในส่วนนี้เป็นส่วนที่สำคัญมากๆๆ จะรวยจะจน ขึ้นอยู่กับส่วนนี้เลยครับ เป้าหมายคืออะไรครับ เงินล้าน > ทำยังไง > แนะนำคน > แนะนำคนให้คนมาลงทุนกับบริษัท > เราได้คอมมิชชั่น > แนะนำอีก ช่วยกันไปในชั้นลึกๆ > เราได้คอมมิชชั่น งง มั้ย ครับ ??? 555+++ ผมพิมพ์เองยังงงเอง เอางี้ครับ ผมจะบอกวิธีการทำงาน MLM ที่ "ดีที่สุด" ให้อ่านครับ แล้วลองนึกภาพตามครับ วิธีการทำงาน MLM ที่ดีที่สุดและรวยแน่นอน 1. ทำงาน MLM เป็นงานรอง มีงานประจำเป็นงานหลัก มีเงินเดือน 2. นำเงินเดือนส่วนหนึ่ง มาดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการซื้อสินค้าใช้เองกินเอง 3. ดูแลสุขภาพตัวเอง โดยพาคนที่เรารักไปด้วย ให้กินอาหารเสริมด้วย ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอด้วย 4. เมื่อเราสุขภาพดีขึ้น คนรอบๆตัวจะสนใจเราว่าเราทำอะไร ตรงนี้แหละ คือ "การแนะนำที่เป็นแบบแก่นแท้ของ MLM " กล่าวคือ ใช้ดีแล้วบอกต่อนั่นเอง 5. ไม่ยึดติดบริษัท ไม่ยึดติดวิธีการทำงานที่บริษัท หรือ อัพไลน์สอนๆกันมา ไม่ต้องเข้าไปฟังอบรมอะไรทั้งสิ้น (รู้แผนการตลาดก็พอแล้ว) 6. พาเพื่อนเรา หรือคนที่เราแนะนำ มาดูแลสุขภาพด้วยกัน จากการกินอาหารเสริม ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าทำไปด้วยกันจะดีมากๆ 7. คนที่เราแนะนำต้องมีงานประจำทำหรือมีเงินเข้าทุกเดือนเป็นงานหลัก และทำงาน MLM เป็นงานรองเหมือนเรา 8. ไม่ลาออกจากงานหลัก ต้องมีงานทำเป็นหลักแหล่ง ทั้งเราและคนที่เราแนะนำ 9. คนที่เราแนะนำจะเริ่มเห็นคุณค่าของเรา ที่เราไม่ยัดเยียดให้ และเราก็พาเขามาดูแลสุขภาพ ชีวิตเขาเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เขาจะมั่นใจและอยากทำธุรกิจตัวนี้ด้วย 10. หมั่นไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ ไม่สร้างเรื่องบาดหมางกันเรื่องเงิน 11. เราก็จะได้เพชรมา 1 คนติดตัวเรา และเราก็ทำแบบนี้ไปอีกหลายๆคน และให้คนที่เราแนะนำ ทำแบบนี้ไปกับทุกๆคนด้วย เราก็จะรวยจากคอมมิชชั่นของบริษัทครับ เพราะทุกๆคนที่เราแนะนำ เราแนะนำด้วยใจและความหวังดีโดยแท้จริงทั้งนั้น (ถ้าใจคุณคิดว่าแนะนำนาย A มาแล้วปิดโค๊ดกับเรา เราก็จะมีรายได้จากนาย A แล้ว แบบนี้คิดโลภครับ รวยยากครับ) ทีนี้เห็นภาพรึยังครับ ว่า ทำไม MLM ถึงมีคนเกลียดนักหนา ??? เพราะ.........."ไม่มีใครใช้วิธีการทำงานที่ผมกล่าวถึงข้อ 1-11 เลยไงครับ" !!!!!! แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 12:14:45 จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:14:03

ความคิดเห็นที่ 18 ทำไมเขาถึงไม่ทำตาม 1-11 ละครับ ? ก็เพราะมันเป็นได้ยากที่สุดไงครับ ยากมากๆที่จะเกิดอะไรขึ้นตามที่ผมบอก 1-11 อัพไลน์โลภๆ ก็เลยคิด สร้าง วิธีการทำงานขึ้นมาใหม่ รวดเร็ว ฉับไว เข้าถึง และ น่าเกลียดที่สุด วิธีการทำงานเน่าๆนะครับ 1. List รายชื่อคนที่เรารู้จัก ส่วนใหญ่จะ List จากรายชื่อในมือถือ 2. โทรชวนคนที่เรามีรายชื่อทุกคน เพื่อหว่านแห หาคนที่จะเข้ามาฟังแผนให้ได้ หรืออาจจะหาวิธี หลอกให้มาฟังซึ่งมีคนโดนเยอะมาก 3. โดนลาก โดนหลอก เข้ามาฟังแผน ความรวยระดับเทพ สินค้าเป็นเรื่องรอง 4. ปัญหาทุกอย่างอัพไลน์แก้ให้ได้หมด ไม่มีปัญหาไหนที่แก้ไม่ได้ เป็นสุดยอดอัพไลน์ อัพไลน์แห่งทวยเทพ 5. เข้ามาฟังแผนแล้ว ต้องสมัครเลย ไม่สมัครจะเป็นคนโง่ 6. บริษัทนี้ดีที่สุด บริษัทอื่นๆแผนกระจอก สินค้าก๊องแก๊ง 7. คนนั้นได้รถเบนซ์แล้ว คนนี้ได้ล้านแล้ว คุณก็ทำได้ แต่ไม่เคยพูดถึงคนที่เข้ามาทำแล้วเลิกทำ หรือ ไม่พูดถึงคนที่ทำแล้วล้มเหลว 8. พาเข้ามาฟังแผน ฟัง opp ให้เราพาคนมาฟัง ยิ่งฟังเยอะยิ่งดี พยายามให้เราเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเน่าๆนี้ 9. อะไรที่เป็นหน้าเป็นตา ของบริษัท ของอัพไลน์ใหญ่ๆ ของตัวอัพไลน์เอง จะรีบชงให้เราฟังให้เราดูทันที เราจะกระอักกับความเทพต่างๆมากมายที่อัพไลน์คนนี้พยายามจะบอกเรา 10. เราเผลอสมัครแล้วโทรชวนคน เราจะเสียเพื่อนไปหลายคน ไม่มีใครที่โทรไปนัด แล้วสมหวังทุกครั้งที่โทร 11. เราต้องทำแบบ 1-10 ซ้ำๆ และสอนให้ดาวน์ไลน์ของเราทำ 1-10 ซ้ำๆกันไปเป็นทอดๆ บางทีกว่าจะได้ใช้สินค้าก็ปาเข้าเป็นเป็นเดือนสองเดือน 12. เราต้องวิ่งรถไป จังหวัดนั้นจังหวัดนี้ เพื่อหาดาวน์ไลน์ เพื่อไปลุย ค่าน้ำมันเราออกเองทั้งหมด นี่แหละครับ วิธีการทำงานที่เน่าๆของ MLM ที่คนโลภๆทำกันอยู่ทุกวัน ให้อารมณ์ประมาณว่า รู้จักธุรกิจตัวนี้ จะรวยเป็นล้านเลย ........ โคตรเหลือเชื่อเลย รู้จักวันเดียวแล้วรวยเป็นล้านได้ ทำไมเค้ากล้าพูดอะ ว่ารวยเป็นล้าน .................. ก็บริษัทมันจ่ายจริงๆนี่นา ทำไมเค้าพูดว่าสินค้าเค้าเทพมากละ ................ ก็มันดีจริงๆนี่นา (อาหารเสริมสำหรับมนุษย์นะ) ทำไมเค้าพยายามยัดเยียดให้เราทำธุรกิจจังเลย ................ "เพราะถ้าเราสำเร็จ ตัวเค้าก้จะสำเร็จไปด้วยไงครับ" อัพไลน์มีหน้าที่ทำให้เราสำเร็จครับ เราเองก็มีหน้าที่ทำให้ดาวน์ไลน์เราสำเร็จด้วย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความสวยงามของธุรกิจ MLM ครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:16:14

ความคิดเห็นที่ 19 แต่.........คุณจะเลือกวิธีไหนทำงานละครับ วิธีแรกที่ผมแนะนำ ใน ความเห็นที่ #17 หรือวิธีทั่วๆไป ที่พบได้กับอัพไลน์ส่วนใหญ่ในประเทศนี้ (ความเห็นที่ #18) ลองมองภาพให้ออก แล้วแยกกันออก แล้วลองคิดกันดูครับ ขอสรุปเรื่อง คนกับวิธีการทำงานนะครับ บริษัท MLM จะไม่สอนอะไรเลยครับ บริษัทมีหน้าที่บอกสรรพคุณสินค้า ขายสินค้าให้สมาชิก คำนวณคอมมิชชั่นและจ่ายคอมมิชชั่น สินค้า มีหน้าที่ให้เราใช้ แล้วใช้ดีแล้วบอกต่อ ส่วนใครจะนำไปขาย อันนี้สุดแล้วแต่ครับ ไม่มีบริษัทไหนสนับสนุนให้ขาย ส่วนใหญ่บริษัทที่สนับสนุนให้ขาย จะเป็นบริษัทที่ไม่เจ๋งครับ บริษัทที่มีแผนเจ๋งๆต้องรักษายอดแล้วซื้อใช้เองกินเอง อัพไลน์มีหน้าที่อย่างที่บอกไปครับ คือทำให้ดาวน์ไลน์สำเร็จ เพราะงั้น อัพไลน์จึงสร้างวิธีการขึ้นมาไงครับ และวิธีการเหล่านั้น มันก็วนเวียนมาทุกๆเว็บบอร์ดจนคนเขาเกลียดไปหมดแล้ว ขนาดตัดสินใจไม่ทำ........บางคนยังไม่เคารพการตัดสินใจนี้เลย........ไปดูถูกคนที่ไม่อยากทำว่าเป็นไอ้โง่.....(เป็นหมัดสุดท้ายเผื่อเราเปลี่ยนใจ แบบ เออ..เราไม่อยากเป็นไอ้โง่ เราทำดีกว่า) เนี่ย คือวิธีการทำงาน ที่อัพไลน์สร้างขึ้นมา บริษัทไม่ได้สอน นะครับ เพราะฉะนั้น เราด่า ด่าอัพไลน์ครับ บริษัทมันก็งั้นๆ เปิดมาหากำไรครับ ไม่ได้เปิดมาทำบุญ อัพไลน์อยากได้เงินแต่สร้างวิธีการทำงานไม่เป็น เลยทำงานโดยใช้วิธีโลภๆที่เราเกลียดกันอยู่ทุกวันนี้ไงครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:19:41

ความคิดเห็นที่ 20 สินค้าต้องมีการซื้อปิดยอดทุกเดือน ดีกว่าซื้อครั้งเดียวจบ ยังไง ? ตอบสั้นๆว่า ถ้าไม่มีการปิดยอดทุกเดือน บริษัทจะเอาเงินค่าคอมมิชชั่นที่ไหนมาจ่ายให้คุณ บริษัทจ่ายเงินให้คนทำงานครับ งานคุณ คือ ไปหาคนมาลงทุนให้บริษัท ครับ เมื่อดาวน์ไลน์คุณมีการซื้อซ้ำ เท่ากับบริษัทมีรายได้ทุกเดือน แต่ถ้าดาวน์ไลน์คุณซื้อสินค้า ครั้งเดียวจบ บริษัทจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายคอมมิชชั่น ถ้าเป็นการซื้อครั้งเดียวจบ จริงๆมันไม่จบ มันต้องมีการซื้อเรื่อยๆแน่ๆ ไม่มีบริษัทไหนต้องการให้สมาชิกซื้อสินค้าครั้งเดียวจบ ทุกบริษัทอยากให้มีการซื้อสินค้าทุกเดือนทั้งนั้นครับ พิจารณาง่ายๆเลยครับตรงนี้ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:21:51

ความคิดเห็นที่ 21 ทำไมถึงต้องหลอกเราไปฟัง เพื่อนกันแท้ๆ ทำไมไม่บอกเราให้หมด ทำไมต้องหลอกลวง ? ขอตอบว่า บริษัท แน่นอนที่สุดทุกบริษัท ไม่ใช่เฉพาะ MLM ด้วย ย้ำไปแล้วหลายครั้ง ไม่ได้เปิดมาทำบุญครับ แต่เปิดมาต้องการกำไร > กำไร มาจากการซื้อของของสมาชิก การปิดยอด การปิดโค๊ด รักษายอดรายเดือนนั่นเอง > สมาชิก มาจาก การแนะนำคนมาเป็นสมาชิก ต่อๆกันเป็นชั้นๆ เรียกว่า Multi Level Marketing หรือ MLM > บริษัท ไม่สนใจวิธีการ ที่จะทำให้สมาชิกเพิ่มขึ้น เพราะสมาชิกยิ่งมาก โอกาสที่บริษัทจะมีกำไรก็มาก > สมาชิก อยากได้คอมมิชชั่น จึงต้องหาสมาชิกมาเพิ่ม เข้าในบริษัท > เพราะงั้น "สมาชิกจึงสร้างวิธีการดูดคน"  ขึ้นมา โดยมีโจทย์ว่า "ทำไงก็ได้ให้คนมาปิดยอดกับเราให้ได้ เพื่อเราจะได้คอมมิชชั่น" เพราะงั้น มันเลยเป็น effect ต่อเนื่อง......ว่า "ทำไงก็ได้ ให้คนมาฟังแผน เพื่อให้อยู่ในบรรยากาศความเทพของบริษัท ความเทพของแผนการตลาด" effect ต่อเนื่องไปอีก.......ว่า "ทำไงก็ได้ ไปชวนคน ให้ออกมาเจอกัน หรือ ออกมาฟังแผนกัน" เข้าใจคำว่า "ทำไงก็ได้" ยังครับ เพราะคนเหล่านั้นเขาอยากได้เงินนั่นเองครับ เขาจึงพยายามชวนคุณด้วยวิธี นรก สกปรกโสโครกยังไงก็ได้ ให้คุณเข้ามาฟังให้ได้ เมื่อคุณรับโทรศัพท์จากเขา > เขามีโอกาสดึงคุณออกมาฟัง เมื่อคุณออกมาฟัง > เขามีโอกาสดึงให้คุณสมัคร > เมื่อคุณสมัคร > เขามีโอกาสรอยอดเงินที่คุณจะซื้อสินค้าปิดยอด เมื่อคุณซื้อสินค้าปิดยอด > เขาได้คอมมิชชั่น ....................... คุณบอกว่า คุณเก๋า ยังไงก็ปฏิเสธได้ ใจแข็ง แต่คุณรู้มั้ยครับ การสอนคนให้คิดบวกของบริษัทพวกนี้ ......... แค่คุณรับโทรศัพท์เขา เขาคาดหวังให้คุณออกมาแล้ว (คิดบวก) เมื่อคุณออกมาฟัง เขาคาดหวังให้คุณสมัครแล้ว ยิ่งออกมาฟังในพื้นที่ที่เขาเตรียมไว้ เช่นโรงแรม หรือบริษัทของเขา เขายิ่งคาดหวัง (คิดบวก) เมื่อคุณสมัครแล้ว เขาคาดหวังให้คุณซื้อสินค้าปิดยอด (คิดบวก) ............ การหลอกไปฟังแบบนี้ไม่ผิดกฏหมาย (ถ้ามองเฉพาะเรื่องเงิน) เพราะเงินมันไปแบบอ้อมๆครับ มันเข้าไปในบริษัทก่อน แล้วค่อยแบ่งเปอเซนมาคืนอัพไลน์ อัพไลน์หลอกเรามาฟัง แต่มันไม่ได้เงินจากการหลอกเราตรงๆ (ยกเว้นแผนการตลาดบางบริษัท เอื้อให้เป็นแบบนั้น ก็เข้าข่ายเช่นกัน) ....... ถ้าผิดกฏหมาย ก็คงแค่เรื่อง กักขังหน่วงเหนี่ยว ประมาณนั้นมั้งครับ เพราะฉะนั้น การที่มีการพูดว่า หลอกให้ไปฟังเนี่ย ........ ก็สรุปได้แบบนี้แหละครับ ไม่ซับซ้อนเลยครับ ผลลัพธ์คือ ท้ายที่สุด เขาก็ได้คอมมิชชั่นครับ แต่ระหว่างทางที่กว่าเขาจะได้คอมมิชชั่น มันมีวิธีการ ซึ่งมันนเน่าโสโครกแค่ไหน เขาไม่สนใจ ได้เงินเป็นพอครับ..............(บริษัทเช่นเดียวกัน มันก็ไม่สนใจวิธีการนะครับ มีสมาชิกมาปิดยอดเยอะๆ บริษัทได้กำไรเป็นพอ เช่น กันครับ) อันนี้ผมพูดให้เห็นภาพด้านลบๆให้มันชัดเจนนะครับ มันอาจจะไม่เลวร้ายขนาดนี้ก็ได้ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:22:38

ความคิดเห็นที่ 22 ทุกคนทำเพราะเงินทั้งนั้น เพราะเงินเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ชีวิตอยู่รอดครับ ไม่มีเงินเราจะเอาอะไรซื้อข้าวกิน เอาอะไรเติมน้ำมันรถ ยิ่งมีเงินเยอะยิ่งดี สบายไปร้อยแปดอย่าง ทุกคนจึงต้องการเงินหมด งานแบบนี้รายได้มันไม่จำกัด คน ก็ เลย โลภภภภภภภภภภภภภภ ไงครับ (อธิบายซะเหนื่อย) คงเข้าใจนะครับ คนที่ทำ MLM ดีๆก็มีครับ คนโลภๆเนี่ยสังเกตง่ายครับ ลองดูแล้วกันครับ เวลาเราเกลียด เราเกลียดที่วิธีการทำงาน เกลียดการโกหก แต่เราอย่าไปเกลียด สินค้า - เพราะมันทำให้เราสุขภาพดี หรือมันทำให้คนที่เรารักสุขภาพดี อย่าไปเกลียดคน - บางครั้งเขาเผลอใจไป เขากำลังเพ้อฝันอยู่ ใจเขาอ่อนแอ ปล่อยเขาไปครับ อย่าไปเกลียดบริษัท เพราะถ้าวันไหนคุณเปิดบริษัท คุณก็อยากได้กำไรเหมือนกันครับ อีกทีครับ.......เวลาเกลียด ให้เกลียดที่วิธีการทำงานครับ เพราะคนที่ทำ MLM โดยใช้วิธีการทำงานที่ดีๆ มีอีกมากมายครับ และเค้าจะทำอย่างใจเย็น ไม่ตะกรุมตะกราม ซึ่งคนเหล่านี้น่าคบกว่ามากครับ (สังเกตสิครับว่าไม่เกี่ยวกับบริษัทเลย เกี่ยวที่วิธีการทำงานล้วนๆ) วิธีการทำงานครับ วิธีการทำงาน สังเกตเอาไว้ครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:25:26

ความคิดเห็นที่ 23 ทำไมสินค้าถึงแพง ? ไปกิน แบนเนอร์ ไปกิน เซ็นทรัมดีมั้ย ? อาหารเสริมเหมือนกัน แบนเนอร์ หรือ เซ็นทรัม ทำตลาดแบบ SLM ( Single Level Marketing ) วางขายตามร้านบูส ร้านวัตสัน ลูกค้าดูโฆษณาในทีวี เห็นแล้วสนใจเลยไปซื้อ บริษัทได้กำไรจากการขาย จบ ส่วนอาหารเสริมสำหรับมนุษย์ ของบริษัท MLM เมื่อมีการซื้อแล้ว เงินก้อนนั้น จะต้อง ....... - เป็นกำไรของบริษัท - เป็นเงินที่เอาไว้ซื้อสินค้า วัตถุดิบผลิตสินค้า ใหม่ๆ - และสำคัญสุดๆ คือ เป็นเงินที่เอาไว้จ่ายค่าคอมมิชชั่นให้กับสมาชิก นี่คือสาเหตุ ที่มันแพงครับ เพราะงั้นการระดมทุน ยิ่งบริษัทมีเงินลงทุนมากๆๆในตอนแรก ก็สามารถผลิตอาหารเสริมที่เข้มข้นมากๆได้โดยใช้ทุนที่ไม่เยอะ แต่ก็ยังมีราคาที่สูงอยู่ดี เพราะงั้นต้องพิจารณาดีๆ คุณภาพมันโอเคอยู่แล้วครับ แต่มันเหมาะสมกับราคามั้ย คุณเองเป็นคนตัดสิน เพราะมันเป็นเงินของคุณครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:26:32

ความคิดเห็นที่ 24 ส่วนตัวผมเอง ผมออกมาแฉแบบนี้ผมคิดยังไงกับ MLM ? บอกตรงๆว่า ชอบหมดเลยครับ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะทำงานแบบนี้ครับ เพราะมันสบายมากๆ อิสระ และมีเวลาเยอะ แต่ตัวผมเอง ติดเงื่อนไขคือ ไม่มีเงิน ข้อแรกเลย (ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ฮ่าๆๆ แหม่ เว้ย) และผมคงหาวิธีการทำงานที่ดีๆไม่ได้ ผมไม่อยากไปหลอกใคร ผมชอบสินค้ามาก มันทำให้ผมสุขภาพดี แต่ผมไม่ชอบวิธีการทำงานสุดๆ แม้ผลลัพธ์มันจะออกมาดี แต่มันก็สร้างรอยแผลในใจไว้ให้ผมเหมือนกัน รวมถึงอาจจะสร้างรอยแผลของความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน หรือคนที่ผมรัก อีกมากมาย ของแบบนี้เงินมันซื้อไม่ได้ ตอนนี้ผมไม่พร้อมจะทำงานแบบนี้ครับ ถ้าผมจะทำ คือ ผมต้องมีเงิน และผมต้องมีวิธีการทำงานที่ดี และได้ผล ครับ (ถ้าใครไม่อคติกับ MLM ก็เอาแนวคิดผมไปใช้ก็ได้ครับ เพราะทำงานเป็นลูกจ้างมันลืมตาอ้าปากลำบากจริงๆ) ย้ำอีกครั้งนะครับ วิธีการทำงาน ต้องดี และ ได้ผล ดียังไง ถ้าอ่านมาถึงนี่คงรู้แล้วนะครับ ว่าวิธีการทำงาน ดี เป็นยังไง จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:27:58

ความคิดเห็นที่ 25 สุดท้าย ผมจะสรุป MLM ในเมืองไทย ที่ใครๆใคร่รู้ สงสัย เกลียด ฯลฯ หลายๆอารมณ์ว่า 1. ทำแล้วรวยเป็นล้าน ? - จริง เพราะบริษัทจ่ายให้จริงๆ ถ้าทำตามเงื่อนไขได้ 2. ทำไมต้องชวนคนไปฟังแล้วไม่ยอมบอก หรือหลอกเรา นั่นนู่นนี่ - เพราะเค้าใช้วิธีการทำงานที่ไม่ดี 3. ทำไมเพื่อนเราต้องบูชาบริษัทนี้นักหนา - เค้าคิดบวกครับ MLM สอนให้คนคิดบวก วาดฝันให้คนไปถึงความสำเร็จ แต่คนมองข้าม "วิธีการทำงาน" ไป ซึ่งมันสำคัญมาก ลองย้อนไปอ่านเรื่อง วิธีการทำงาน แล้วนึกภาพความต่างดู อัพไลน์จะบอกแต่ความสำเร็จ แต่ไม่บอกวิธีการทำงาน (ที่ดี) หรือวิธีการทำงานที่มันได้ผลและดี ให้เรา 4. ธุรกิจประเภทนี้ เงินเอาชนะทุกสิ่งได้ เงินชนะแรงกายเราได้ เงินชนะเวลาได้ เงินชนะการตอกบัตรได้ เงินชนะเพดานเงินเดือนของงานประจำได้ เงินชนะเจ้านายกวนตีลๆได้ มีเงินทุกอย่างจบ ไม่มีเงินก็ไม่ต้องทำ จบเหมือนกันครับ ขอเพียงมีเงิน - เติมน้ำมันขับรถไปฟังแผน ตอนไหนก็ได้มันเปิดอ้ารับเราเสมอ ไม่ต้องตอกบัตรเข้าคิว หรือแต่งตัวตามยูนิฟอร์มเหมือนพันกงานบริษัท ขอเพียงมีเงิน - สมัครสมาชิก อัพไลน์จะรักคุณ x2 ทันที ดีนะเนี่ยมีคนรัก ฮ่าๆ ขอเพียงมีเงิน - ซื้อสินค้าปิดยอดทุกเดือน ไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องโดนเจ้านายด่า ไม่ต้องเฝ้าร้านมีหน้าร้าน ขอเพียงมีเงิน - ไม่ต้องเหนื่อย ใช้แรงมากมาย ไม่ต้องขับมอไซค์ส่งไก่ KFC ไม่ต้องออกแรงงัดยางรถยนต์ ไม่ต้องนั่งคีย์ข้อมูลบัญชีของบริษัท ขอเพียงมีเงิน - ก็ขับรถไป ต่างจังหวัดได้ ไปแนะนำสมาชิกใหม่ๆได้ เติมน้ำมันได้ ขอเพียงมีเงิน - โกรธกันให้ตาย ก็กลับมาดีกันได้ ขอเพียงมีเงิน - คุณจะทำบริษัท MLM กี่บริษัทก็ได้ !!! ขอเพียงมีเงิน !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! จบครับ สวัสดี สงสัยเชิญถามได้ครับ แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 53 12:32:18 จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 12:31:23

ความคิดเห็นที่ 26 ยังไม่ถาม แต่ขอเสริมหน่อยครับ ผมเคยทำ ของ KK (บริษัทไทย ของคนไทย แต่ชื่อเป็นต่างชาติ ผู้ถือหุ้นก้อเป็นต่างชาติ) เคยไปฟังของ AW AG มาละ แต่ไม่มีใครยอมตอบ ว่า Upper Limit ของผลิตภัณฑ์นั้นๆ เป็นเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าของจะดี ขนาดที่เรียกว่าทานแล้ว ชาตินี้ไม่ต้องไปโรง'บาลอีก แต่สินค้าทุกชนิด จะมีขนาดตลาดอยู่แล้ว เพราะรายได้ของประชากรมันมีแค่นั้น อย่างถึงผมจะอยากบริโภค อาหารเสริม N ใจจะขาด แต่ค่าเช่าบ้านยังไม่มี จะให้เอาเงินที่ไหนไปซื้อ บางท่านเล่นก้อเป็นประเภทที่บอกว่า มีคนบริโภคแล้ว 1 ล้านคน เพราะฉะนั้น ประชากรไทยอีก 66 ล้านคน เป็นตลาดของท่าน -.-" เอ่อ ประเทศไทย ไม่ใช่ซาอุนะครับ ป.ล. รอคุณ MAC จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 14:29:46

ความคิดเห็นที่ 27 ผมเจอมาทุกแบบ ตามที่ จขกท.พูดมาทุกอย่างเลยครับ กระทู้นี้สุดยอดมากๆ เอาไปเลย 1โหวต+1กิฟท์ จากคุณ : Poprock Engineer เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 17:50:25

ความคิดเห็นที่ 28 กระทู้ดีมีสาระมาก โหวต!!! จากคุณ : isunsunsun (QuickSun) เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 18:14:31

ความคิดเห็นที่ 29 ผมทำอยู่ครับ ก็มีความสุขดี เพื่อนเยอะ มันอยู่ที่วิธีการทำนี่แหละ จากคุณ : jin_chieng เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 18:41:53

ความคิดเห็นที่ 30   กระทู้นี้สุดยอดจริง ๆ ๆ ๆ วันก่อนไปกินข้าวที่ร้านอาหาร มีคนที่ทำ MLM มาพูดเรื่องนี้ พูดนานมาก จนเอียนอยากจะอ้วกออกมาเลยอะ ไร้สาระสิ้นดี เพ้อฝัน ผมยึดถือเศรษฐกิจพอเพียงครับ ชัดเจนมั้ยพี่ แล้วก็ไปไกล ๆ เลยนะ จากคุณ : สุดใจรัก เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 18:48:45

ความคิดเห็นที่ 31 ดีมากครับ กระทู้นี้ โหวตตตต จากคุณ : จูล่งฝ่าทัพ_รับอาเต๊า เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 19:50:19

ความคิดเห็นที่ 32 เราเคยเจอเพื่อนโทรมาชวนให้เราทำอ่ะ เราไม่รู้ปฏิเสธยังไง เลยบอกไปกะเพื่อนว่า "แม่ฉันก็ทำอยู่เหมือนกัน แต่คนละบริษัทอ่ะ ไอ้ยาตัวนี้ เคยกินทั้งนั้นแหล่ะ" เพื่อนเราหยุดตื้อ แต่ไม่วาย แอบเหน็บ "แม่แกรวยขึ้นบ้างไหมอ่ะ ถ้าไม่รวยนะ เปลี่ยนมาทำกับฉันนี่" แต่บางคนก็เหลือร้าย โกหก ว่าจะไปเปิดร้านเกี่ยวกับความสวยความงาม โชคดี วันนั้นเราไม่ว่าง แต่มีเพื่อนคนนึงไป ปรากฎไปตึก allseason  ฟังเค้าพูดซะดูดี เลย เฮ้อ ไม่ไหวจะเคลียร์ โกหก แบบว่า ด้านๆเลยอ่ะ จากคุณ : หมูหวานน้ำกะทิ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:13:26

ความคิดเห็นที่ 33   ขอเสริมหน่อยเถอะ ในฐานะที่รู้จัก MLM มานาน (ตั้งแต่เป็น นศ. ป. ตรี ปี 1 เมื่อ ปี 2538) MLM ที่ผมรู้มาก็เกิดจากบริษัท Amway (ขออนุญาตเอยนาม เพราะให้ความเคารพ) ที่อเมริกาโน้น ซึ่งชื่ก็บอกอยู่แล้วว่า Amercan Way คือ เมื่อหลายสิบปีก่อนโน้น ที่อเมริกายังมีช่องว่างทางการกระจายสินค้าอยู่มาก พูดง่ายๆ คือ สินค้ายังเข้าไม่ค่อยถึงผู้บริโภคทั่วไป ถ้าสังเกตุดูตามหนังที่ถ่ายตามรัฐที่ไกลๆ ไม่เจริญส่วนใหญ่ เขาอยู่กันไกลจริงๆ (พื้นที่เขามากกว่าเรา) ระบบ Logistic ยังไม่ดีเท่านี้ Chain store ก็ยังไม่เยอะเท่าปัจจุบัน นักการตลาดของ Amway ก็เลยคิดหาทางในการกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคที่อยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงสินค้ายาก โดยการใช้ระบบให้ผู้ใช้เป็นตัวแทนขายซะเอง และให้ค่าตอบแทนเป็นส่วนแบ่งจากยอดขาย ตามที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน (ขอแยกอีกโพสก็แล้วกัน) จากคุณ : Tabino Kung เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:33:49 A:183.89.231.86 X: TicketID:270303

ความคิดเห็นที่ 34   ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดี เพราะ Amway ไม่ต้องเปิดร้านขายสินค้าเอง (ลงทุน) และสินค้ายังเข้าถึงพื้นที่ชุมชนต่างๆ ได้ง่าย โดยสินค้าที่ขายก็คือสินค้าที่เห็นในแค็ตตาล็อกปัจจุบันนั้นแหล่ะ (ที่บ้านผมทำ ผมไม่ได้ทำนะ) ไม่ได้เน้นอาหารเสริมเหมือนอย่างปัจจุบันที่หลายๆ บริษัททำอยู่ ด้านคนขาย (ตัวแทน) ก็ Happy เพราะหาซื้อของง่าย แถมได้เงิน โดยไม่ต้องลงทุนไปหาซื้อของไกล (อย่าลืมว่าการออกจากบ้านไปซื้อของก็มีค่าใช่จ่าย) แค่โทรศัพท์ไปสั่งเดี๋ยวของก็มาส่งให้ จากคุณ : Tabino Kung เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:38:29 A:183.89.231.86 X: TicketID:270303

ความคิดเห็นที่ 35   แต่กับที่บ้านเราผมมองว่าเราไม่ได้ใช้จุดนั้นให้เป็นประโยชน์ กลับมองในแง่ของการทำธุรกิจมากเกินไป ในสมัยนั้น เราเองก็หาซื้อสินค้าต่างๆ ได้ง่าย แล้วก็ถูกด้วย MLM หลายๆ รายก็เลยพยายามทำให้สินค้ามีความแตกต่าง เพื่อเพิ่มราคาขาย เพื่อเอา Margin มาแบ่งในระบบลูกโซ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ค่อยเห็นมีใครรอด (ผมก็ไม่รอด เพราะไม่มีใครอยากจ่ายเงินแพงกว่าเดิมหลายเท่ากับสินค้าที่ไม่คุ้น) ซึ่งช่วงนั้นผมก็เริ่มรู้จักกับบริษัทอาหารเสริม ยี่ห้อ H ซึ่งอย่างที่ข้างบนบอกน่ะแหล่ะ แพงมาก แต่ตอนนั้นกระแสการดูแลสุขภาพมาแรง พวกไฮโซมีเงินทั้งหลายถึงได้ทำกัน เพราะอยากสวย อยากดูดี แถมได้เงิน ช่วงนั้น MLM แบบนี้เลยเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด จากคุณ : Tabino Kung เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:45:14 A:183.89.231.86 X: TicketID:270303

ความคิดเห็นที่ 36   หลังจากนั้นผมก็เลยไม่ตามข่าวสารเรื่อง MLM เลย เพราะรู้สึกว่า ไม่น่าสนใจ แต่ก็มองเป็นเรื่องขำๆ เพราะคนที่ทำก็เหมือนโดนล้างสมอง ปักใจเชื่ออะไรสุดๆ ใครว่าอะไรสินค้าตัวนั้น หรือบริษัทนั้นไม่ได้เลย แต่พอไม่มีคนเล่นด้วยสักพักก็เลิกบ้าไปเอง ที่ขำที่สุดก็คือพวกที่เป็น Top line ทั้งหลาย พอเริ่มอิ่มตัวกับบริษัทนั้นๆ ก็เริ่มออบไปทำที่ใหม่ แล้วก็ดึงลูกทีมทั้งโขยงไปด้วย เป็นแบบนี้ตลอด เลยสงสัยว่า MLM สมัยนี้จุดประสงค์คือ อะไรแน่ สินค้า ซึ่งเป็นตัวบังหน้า แต่จริงๆ คือผลตอบแทนที่ดูดีใช่ไหม จากคุณ : Tabino Kung เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:51:37 A:183.89.231.86 X: TicketID:270303

ความคิดเห็นที่ 37 มากดโหวต และให้กิฟเด๋วมานั่งอ่านค่า จากคุณ : ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:56:07

ความคิดเห็นที่ 38   ในมุมมองของผม (ผมจบตรีและโทการตลาดนะ ไม่ได้วิเคราะห์มั่ว) ถ้าเราทำ MLM โดยเข้าใจวัตถุประสงค์ของมันจริงๆ มันก็จะดีกับตัวเรา เช่น ของสิ่งนั้นมันดี และจำเป็นจริง หาอย่างอื่นมาแทนยากมากกก.... ก็น่าสน ใช้แล้วบอกต่อ ได้เงินด้วย แต่ถ้าจะทำเป็นธุรกิจหลัก ก็ต้องคิดให้ดีก่อนที่จะหลงทาง เพราะเวลาเรียกคืนมาไม่ได้ ส่วนถ้าใครที่ถูกชวน ผมแนะนำอย่าพึ่งปฏิเสธเลยครับ ดูรายละเอียดสินค้า + ราคาก่อน แต่ถ้าคนที่มาชวนมาพูดทำนองว่า อยากรวยไหม หรือใช้อันนี้แล้วรวยนะ แสดงว่าพวกนี้มองผลตอบแทนเป็นหลัก และไม่หวังดีกับคุณ หลีกหนีไปไกลๆ ได้เลยครับ กับคนพวกนี้ โชคดีครับ จากคุณ : Tabino Kung เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 20:59:45 A:183.89.231.86 X: TicketID:270303

ความคิดเห็นที่ 39 โดนใจ เดี๋ยวนี้มีแต่คนทำขายตรง บริษัทเปิดมาเพื่อจะขยายกิจการกันหมด เคยเข้าไปประชุมกับหลายๆที่แล้วรู้สึกว่าน่ากลัวมากกก พูดเวอร์มากกก เคยบอกเพื่อนคนนึงเกี่ยวกับเรื่องการรักษาสุขภาพโดยไม่ต้องใช้อาหารเสริม ตามข้อ 1-6 ที่จขกท.บอกไปด้วย แต่เราเองนั่นแหละที่ทำไม่ได้เพราะขี้เกียจนั่นเองเลยไม่เห็นผล ปล.ที่สำคัญ เค้าอ้างคนใหญ่คนโตเกินไป -*- จากคุณ : FotoSnap เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 21:17:59

ความคิดเห็นที่ 40 เขียนได้เห็นภาพดี แต่ไม่ว่ายังไงดิฉันก็ยังไม่เห็นว่าอาหารเสริมนั้น มีความเหมาะสมคู่ควรที่เราควรจะต้องเสียเงิน(มากมาย)ซื้อมาทาน และก็ชอบคาถาข้อนี้มาก "ไม่มีเงิน" จากคุณ : meaw-angle เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 22:19:27

ความคิดเห็นที่ 41 MLM: เราทำเครือข่ายเป็นเจ้าของกิจการ เนี่ยในภาพของเงินสี่ด้านก็จะทำงานด้าน B เกรียน: แล้วสรรพากรอนุญาตให้แกหักค่าใช้จ่ายก่อนนำไปคิดภาษีแบบคนด้าน B ด้วยรึ MLM: MLM ดีมากๆเลย คิดดูนะ ถ้าไปลงทุนในหุ้น เวลาตลาดพังทีนึงก็เป็นแมงเม่า เจ๊ง เกรียน: ตลาดก็พังไปหลายรอบแล้ว เห็นปู่วอเรน บัฟเฟต รวยขึ้นทุกวันๆ MLM: สินค้าเรา คนเป็นมะเร็งไปลองก็หายนะ รักษาได้สารพัด อย่างเทพ เกรียน: แล้วทำไมไม่ไปขายสิทธิบัตรสินค้าแทนฟะ สรรพคุณขนาดนี้ เป็นใครก็ยอมควักเงินขอลงทุนด้วยแน่ๆ MLM: ระบบเครือข่ายที่สร้างขึ้น จะทำรายได้ให้เราตลอดไป ส่งต่อให้ลูกได้ด้วย เกรียน: อืม ก็คงมีบุญได้เห็นอันแรกนี่แหละที่ "เกิดขึ้น มีอยู่ และไม่ได้ดับไปตลอดชั่วลูกชั่วหลาน" สาธุ จากคุณ : อาร์ตี้ เขียนเมื่อ : 15 ส.ค. 53 23:41:14

ความคิดเห็นที่ 42 ที่ผมไม่ทำเพราะ ผมไม่เห็นด้วยกับอาหารเสริมครับ ผมคิดว่าคนปกติไม่ต้องกินอาหารเสริมก็ได้ อาหารเสริมเหมาะกับผู้ป่วยมากกว่า คนธรรมดาทั่วไปต้องเลือกกินแบบหนังสือคุณหมอที่คุณว่านั่นแหละ คนเราขาดความรู้เรื่องโภชนาการมากครับ ผมไม่ได้ว่าอาหารเสริมแย่นะ  แต่มันไม่จำเป็นสำหรับคนที่ร่างกายทำงานปกติ จริงๆนะ ต้องมองของกินทุกอย่างเป็นสารอาหาร เป็นพลังงานครับ จะช่วยได้เยอะ แล้วจะไม่เป็นโรคครับ  ออกกำลังกายด้วยเน้อออ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 53 00:17:48 จากคุณ : แฟนผมเป็นนักโภชนาการ อิอิ (Love_mu1) เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 00:16:59

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านของ จขกท. แล้วโดนทุก คห.ครับ เคยเกือบหลวมตัวทำแล้วครับ แต่เจอแผนงานแบบเลวเข้า ก็เลยเลิกยุ่งครับ จากคุณ : Koaono เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 01:43:35

ความคิดเห็นที่ 44   >_< อ่านแล้วก็เห็นด้วยในหลาย ๆ อย่าง ไม่ปฏิเสธว่าผมก็ทำอยู่ตัวหนึ่ง แหะๆ ผมก็เข้ามาได้ไม่นานเท่าไหร่หรอกครับ ตอนแรกก็หลงไปกับแผนธุรกิจ พอมาเช็คกับที่ จขกท. เขียนก็อุ่นใจเพราะตรงเกือบหมด ส่วนตอนนี้ผมว่าถ้าคิดจะทำ MLM คงต้องดูที่สินค้าก่อนเป็นอันดับแรกอ่ะนะ เพราะคนจะซื้อซ้ำรึปล่าวก็ขึ้นอยู่กับสินค้า ส่วนวิธีการทำงานก็นะ ไม่ปฎิเสธว่ามีขั้นตอนบางขั้นตอนที่เหมือนกับแบบที่ไม่ดีที่ จขกท. โพสไว้ แต่ตอนชวนก็ไม่ได้โกหกหรือหลอกมาฟังนะ ก็พูดกันตรง ๆ = =" ว่าเป็น MLM อยากให้ลองฟังดู ส่วนการที่ไปฟังแล้วต้องสมัครเลย อันนี้ก็ไมไ่ด้ทำนะ อิอิ.. ก็ให้สิทธิการตัดสินใจตลอด ฟังแล้วไม่สมัครก็ไม่เป็นไร ดีกว่ายังไม่ได้มาฟัง แล้วตัดสินว่ามันไม่ดี ผมมาทำตรงนี้ก็มองว่า ธุรกิจนี้มันก็มีความสวยงามอยู่เหมือนกันตรง อิสระทั้งเวลา และเงิน แต่กว่าจะได้ก็ลำบากมากเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าจะได้มาง่าย ๆ เวลาไปชวนใครก็จะบอกตลอดว่าทำอันนี้ไม่ได้งานสบายที่สมัครแล้วนั่ง ๆ นอน ๆ เงินจะลอยเข้าบัญชี ธุรกิจแบบนี้ใครทำมากก็ได้มาก ส่วนอีกข้อก็คือสังคมที่ดี >_< ( บางคนอาจคิดว่ามันจะมีในธุรกิจแบบนี้เหรอ ) เวลาชวนเราชวนเพื่อนเราเข้ามาก็อยากให้เพื่อนเราได้ไปพร้อม ๆ กันสำเร็จก็สำเร็จไปด้วยกัน อัพไลท์ก็ต้องช่วยเหลือดาวไลท์ให้สำเร็จตัวเองจึงจะสำเร็จไปด้วย ผมชอบแนวคิดแบบนี้แหละ อาจจะมองว่าผมคิดบวก ( ก็อย่างที่ จขกท. บอกธุรกิจนี้สอนให้คิดบวก ) แต่ผมก็รู้ตัวเองอยู่ตลอดนะว่าคนที่สำเร็จมันมีไม่เยอะหรอก และผมก็ไม่ได้มองว่าธุรกิจแบบนี้เป็นธุรกิจรวยทางลัด เพราะผมก็คิดว่าไม่มีธุรกิจไหนที่ทำแล้วรวยเร็วหรอกครับ ส่วนเรื่องอาหารเสริมอันนี้ก็กินอยู่ครับ เพราะผมคงไม่สามารถควบคุมอาหารได้ 555+ มันทำอยากกว่าทำ MLM อีกครับ อีกอย่างผมคิดว่ากินกันไว้ ดีกว่าเป็นแล้วค่อยกิน แล้วก็การที่คนเราจะมานั่งคิดว่าวันนี้ควรจะกินอะไรดีนี่มันลำบากไปหน่อยแค่นั้นเองครับ จากคุณ : ExcalibuR เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 03:14:37 A:27.55.250.137 X: TicketID:164146

ความคิดเห็นที่ 45 อ่านบางส่วน คิดว่าเขียนดีครับ แต่ขอแย้งนิดนึงว่า ไม่ใช่ทุกบริษัทที่มีในประเทศไทยแน่นอน จากคุณ : Roby เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 06:11:07

ความคิดเห็นที่ 46   ทุกท่านกล่าวตามข้าพเจ้า 3 ครั้งดังๆว่า ท่าน sillygang สุดยอดมาก จากคุณ : คนที่ไม่่เกี่ยวข้อง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 10:03:41 A:113.53.66.20 X: TicketID:268354

ความคิดเห็นที่ 47 อ่านแล้วผมคิดว่า คุณเจ้าของกระทู้ ยังไม่เข้าใจ MLM ในอีกหลายมิติ ซึ่งไม่แปลกหรอกครับ เพราะคนที่เข้าไปทำเป็นปีๆ อาจจะไม่เข้าใจในหลายๆส่วนก็ได้ (มันถึงเจ๊งไง) เรื่องอาหารเสริมก็เหมือนกัน ผมไม่เห็นว่าทำไมเราต้องมัวแต่ขายอาหารเสริมด้วยกับคนที่ไม่เชื่อเรื่องอาหารเสริมเราจะขายอะไร และที่สำคัญ เรื่องสุขภาพคนเรามีความจำเป็นเรื่องสุขภาพไม่เท่ากันครับ ผมคนหนึ่งละที่มองแผนธุรกิจนี้ ถ้ามีแต่อาหารเสริม คือเพ้อเจ้อ และสร้างรายได้จากธุรกิจได้ยากและโตช้า ผมว่าคุณไม่เคยทำ ไม่เคยรู้เรื่องแผนธุรกิจ (ซึ่งอ่านหรือไปประชุมครั้งสองครั้งไม่รู้เรื่องแน่นอนครับ มันต้องลองทำจริงๆ ลองได้เงินจริงๆแล้วจะซึ้งว่ามันยากเหมือนกันนะ) แต่มาว่าเป็นฉากๆ ก็สนุกดีนะครับ แปลกนะครับ คนที่ไม่ทำธุรกิจ จะมาเป็นห่วงอยู่เรื่อย คนที่เขาทำธุรกิจประเภทนี้ คงรู้สึกดีนะครับ ที่มีคนคอยเป็นห่วงเป็นใย ส่วนเรื่องเกษียณ น่าเหนื่อยหน่ายแทนมนุษย์เงินเดือนจริงๆ จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 10:59:23

ความคิดเห็นที่ 48 ลงชื่อไว้ก่อนค่ะ :)) จากคุณ : KinkyVans เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 11:41:37

ความคิดเห็นที่ 49 ^_^ จากคุณ : นายแว่นธรรมดา เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 13:00:52

ความคิดเห็นที่ 50 ถ้างั้นรบกวนคุณ sirnitfi ช่วยแชร์ เรื่อง MLM หลายๆมิติให้ฟังหน่อยครับ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆชาวพันทิบครับผม ^_^ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 13:45:50

ความคิดเห็นที่ 51 เข้ามารอเหมือนกันครับอยากรู้ ผมทำอยู่ตัวหนึ่งเหมือนกันหล่ะครับ แต่ผมไม่ตื๊อ ไม่บังคับ ... แม่ผมกินแล้วดี ผมก็บอกว่าแม่ผมกินแล้ว ดี มิอ้างชื่อคนที่ไม่เคยเห็นอ่ะนะ ..... ปล.ตัวผมก็กินนะฮะ...ถ้าใช้ดีผมก็บอกว่าดีเน้อ... จากคุณ : bamboo601 เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 13:58:57

ความคิดเห็นที่ 52   รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ พวกอาหารเสริมก็ไม่จำเป็นครับ ยายข้างบ้านผมอายุ 93 ปี ยังเดินงกๆ ไปๆมา ทำโน่นทำนี่อยู่ อาหารเสริมแกไม่รู้จักหรอกครับ ส่วนผจก.ฝ่าย บ.ที่ทำงาน อายุ 49 กินอาหารเสริมเป็น กำมือ เขาทำ mlm ของ บ.แห่งหนึ่งด้วย เงินเดือน ผจก.ฝ่าย 50k ค่าตำแหน่ง อีก 20k ค่า เบี้ยเลี้ยงอีก 5k แกเอาไปซื้ออาหารเสริมกินไปเยอะแยะ แต่เดือนก่อนแก นั่งเล่นคอมเฉยๆ เส้นเลือดในสมองแตกตายไปละ ผมก็เกิดมาไม่เคยกินอาหารเสริมเลย ยังไม่เคยเข้า รพ.เพราะป๋วยเลย เคยรอบนึงล้ม ไม้บาดเท้าไปเย็บมา 7 เข็ม แค่นั้นเอง ป้าแม่บ้านที่บริษัท ปกติเป็นคนแข็งแรง ทำงานบ้านยกน้ำ ยกของ อายุ 55 ปี แต่อาทิตย์ที่แล้วแกป่วย ลาไป 3 วัน พอวันที่ 4 มาทำงานเห็นแกยังสั่นๆ อยู่ ร้องให้ด้วย แกบอกไม่เคยป่วยหนักแบบนี้เลย แกกลัวมาก แกบอกแกนึกว่าแกจะตายแล้ว แกกลัวตายมากเลย เลยถามแก ว่าปกติก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนิ เขาบอกไม่รู้เหมือนกัน พอวันนี้พอจะรู้แล้วล่ะ เพราะแกกินอาหารเสริมจาก พนักงานที่เข้ามาช่วยงานที่บริษัท ประมาณ 3 เดือน ซึ่งพนักงานคนนั้น ทำ mlm ขายอาหารเสริมที่เป็นนำมันรำข้าว และอื่นให้แกนี่แหละ แกกินมา จะ 2 เดือนละ คิดว่าแกคงเป็นเพราะพวกนี้แน่ อะ ขวดละ 500 อะนะ แกซื้อมา หมื่นกว่าบาท ผมก็เคยจะซื้อมากินเหมือนกัน เคยไปถามหมอมาละ เคยไป clinic พาแฟนไปเพราะแฟนท้องร่วงเพราะอาหารเป็นพิษ และเป็นลมล้มหัวแตกมา เลยถามหมอต้องซื้ออาหารเสริมอะไรไปกินหรือเปล่า หมอบอกไม่จำเป็นแต่ถ้าอยากกินก็กินได้ ให้กินเฉพาะช่วงร่างการอ่อนแอหลังฟื้นไข้เท่านั้น เพราะถ้ากินเยอะเดี๋ยวมันจะสะสมในร่างกาย จะอันตรายเอา คนธรรมดาทั่วไปที่กินอาหารครบ 5 หมู่อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องกินพวกอาหารเสริม หมอบอกมาอย่างนั้นอะ จากคุณ : คนเดินผ่านทาง เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 14:09:46 A:61.47.116.66 X: TicketID:261619

ความคิดเห็นที่ 53 ^^^ เห็นด้วยกับข้างบน อาหารเสริมบางอย่างก็ไม่จำเป็น เคยมีคนชวนทำ MLM แห่งหนึ่ง บอกว่าอาหารเค้าอย่างเทพ คนเป็น leukemia กินยังหาย (พูดให้กรูที่เป็นหมอฟังนะเนี่ย) upline ที่ชวนผมอายุ 35-36 บอกกินมา 3-4 ปีละ ล่าสุดเป็นมะเร็งลูกอัณฑะลามไปปอด นอนให้เคโม ร่อแร่ๆอยู่ ถึงมันจะไม่กี่ยวกันกับโรค แต่ก็ใช่ว่ากินแล้วจะเป็นไม่เป็นโรคอะไรๆทั้งสิ้น ควรพูดสรรพคุณให้เป็นความจริงไม่ใช่มาโม้ๆๆๆเกินความเป็นจริง ฟังแล้วเหมือนอยากได้เงินจนหน้ามืดไปเปล่าครับ จากคุณ : อืม ให้มันได้ยังงี้สิ เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 15:08:41

ความคิดเห็นที่ 54 คือผมรอฟันธงอยู่นะครับขอประโยคเดียวเนื้อ ๆ เน้น ๆ อาหารเสริมของ MLM ที่ขายแพงกว่าเซนทรัมหรือแบนเนอร์ คุณภาพดีกว่าเซนทรัมหรือแบนเนอร์รึเปล่าครับ ดีกว่าในด้านไหนบ้างครับ ไม่เอาแบบว่าเ้ข้มข้นกว่าอย่างเดียวนะครับเพราะถ้าอย่างนั้นเมื่อคิดปริมาณสารอาหารต่อราคาแล้วพวกเซนทรัมก็ยังถูกว่าอยู่ดี เราก็กินพวกราคาถูกในปริมาณที่เพิ่มขึ้นซะ จากคุณ : Zkizzik เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 15:13:50

ความคิดเห็นที่ 55 ความเห็น #54 คุณ Zkizzik บอกตรงๆว่าบอกยากครับ เพราะร่างกายแต่ละคน ขาดสารอาหารไม่เหมือนกัน เซ็นทรัมหรือแบนเนอร์ ก็ไปเสริมส่วนต่างๆคนละแบบ บางทีอาจจะกินเซ็นทรัมหรือแบนเนอร์แล้วดีขึ้น แต่กินของ MLM แล้วไม่ดีขึ้นก็ได้ หรือบางทีอาจจะกลับกันครับ เพียงแค่สินค้า MLM มันมีโอกาสทำให้เร้าได้เงินคืนมาด้วย เท่านั้นเองครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 15:26:06

ความคิดเห็นที่ 56 รู้สึก หลัง ๆ ห้องสีลมมีกระทู้ล่อเป้า แบบนี้เยอะนะครับ เหมือนจะสร้างกระแสให้คนมาอ่านหรือป่าวหว่า   เรื่องจริงผ่านชีวิตคนในธุรกิจ MLM เรื่องราวที่น่าเศร้าตรงที่ เขียนมาเท่าไหร่สุดท้าย มันก็ย้อนกลับมาทำร้ายเราอีก เช่นกัน จากคุณ : Panda Smile เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 17:01:06

ความคิดเห็นที่ 57 สวัสดีครับผม บังเอิญวันนี้ลองเข้ามาดูเล่นๆน่ะครับ ก็เลยเจอคุณ sillygang กำลังพูดถึง MLM อยู่ พอได้อ่านไปอ่านมาสักพักก็ทราบเลยว่า คุณ sillygang ทำ MLM อยู่ตัวหนึ่ง ถ้าให้ผมเดาน่ะครับคงเป็น เยลลี่ แน่นอนเลย คอนเฟิร์ม อิอิ ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าล่ะกันน่ะครับ ถ้าใช้ก็บอกด้วยล่ะกันน่ะครับ หุหุ อย่างที่คุณ sirnitfi บอกไว้น่ะครับว่าคุณ sillygang มอง MLM เพียงแค่ มิติเดียว ขนาดรูปทรงยังมี 3 มิติ เหรียญยังมี 2 ด้าน ทำไม ธุรกิจ MLM ถึงจะมีหลายด้านไม่ได้ล่ะ จริงไม๊ครับ ------------- เอาประเด็นแรกก่อนน่ะครับ เรื่อง แผนการตลาด คุณ sillygang เขียนไว้ว่า " แผนการตลาดของบริษัท MLM ที่ดีควรมีเงื่อนไข(ตามที่จะเป็นไปได้)อย่างไร 1. จ่ายเงินไม่จำกัดชั้นลึก 2. ต้องมีการรักษายอดรายเดือน (ถ้าเป็นการรักษายอดในหลักพัน จะดีมากๆ) 3. ไม่มีการ Break ไปสร้างสายงานใหม่ 4. สินค้ามีการผูกขาดทางการตลาด 5. ต้องเป็นสินค้าที่ซื้อซ้ำได้ (เท่านั้น) 6. ต้องเป็นสินค้าที่ไม่ใช้สินค้าโง่ๆ เช่นเหรียญพลังงาน สายรัดข้อมือพลังงาน 7. มีความมั่นคงของบริษัท เช่นบริษัทที่โตใน US และหลายๆประเทศ ก็จะมีความมั่นคงมากกว่าบริษัทที่เปิดในมาเลเซีย เป็นต้น 8. จะต้องไม่มีการสมัคร ID ใหม่ซ้ำๆ ต้องสมัครแล้วสามารถทำงานได้ทั่วโลกและมี id ใช้ไปจนตาย แถม 9. ไม่ใช้วิธีการทำงานโง่ๆ (จะอธิบายในหัวข้อ วิธีการทำงาน ต่อไป) " เอาข้อแรกก่อนเลยน่ะครับ 1. จ่ายเงินไม่จำกัดชั้นลึก ตอบ การจ่ายเงินไม่จำกัดชั้นลึกบอกได้เลยว่า ไม่ต่างอะไรกับลูกโซ่หัวคิวครับ เดี๋ยวจะอธิบายต่อไป 2. ต้องมีการรักษายอดรายเดือน (ถ้าเป็นการรักษายอดในหลักพัน จะดีมากๆ) ตอบ การบังคับให้รักษายอดรายเดือน นั้นหมายความว่าริษัทนั่นๆ ไม่มีความมั่นคงทางด้านบริษัท หรือ ทางด้านสินค้าที่มีคุณภาพดีพอ เหตุผล ? หากสินค้าคุณดีจริงทำไมต้องบังคับให้คนซื้อด้วยล่ะครับ นั่นก็เพราะ บริษัทที่มีแผนการตลาดบังคับให้คนต้องรักษา โดยหากคุณไม่มีการรักษายอด (พูดง่ายๆคุณไม่ได้ซื้อสินค้าในเดือนๆนั้นจนถึงกำหนด) คุณก็จะอาจจะไม่ได้เงิน จุดนี้เองที่เป็นตัวทำเงินเข้าบริษัท พูดง่ายๆ ถ้าคุณไม่ซื้อของบริษัทก็จะไม่จ่ายเงินให้คุณ แต่มีไหมบริษัทที่ไม่บังคับต้องรักษายอด(หรือไม่บังคับให้ต้องเสียเงินซื้อของ) คำตอบคือมีครับ บริษัท Amway ไม่มีการบังคับซื้อของเพื่อรักษายอดแต่อย่างใด แต่ก็สามารถได้รับรายได้อยู่ตามปกติ ซึ่ง การไม่บังคับรักษายอด ผมมองว่าดีกว่า อีกครับ เพราะ 1. เป็นการพิสูจย์ได้อย่างหนึ่งว่า บริษัทนั้นให้อิสระจริงๆ ไม่บังคับว่าคุณต้องเสียเงินซื้อของเท่าไหร่ 2. เป็นกรพิสูจย์ว่า สินค้านั้น มีความต้องการสูงจริงๆ จนไม่จำเป็นต้องบังคับใครมาซื้อ โดยใช้เงินมาล่อ ข้อต่อไป   3. ไม่มีการ Break ไปสร้างสายงานใหม่ ตอบ การ Break ไปสร้างสายงานใหม่นั้น เหตุผล มาจากข้อ 1 ครับ เพราะหากคุณไม่มีการสร้างสายงานใหม่ก็ไม่ต่างอะไรกับกินลูกโซ่หัวคิวเค้าแหละครับ เพราะเมื่อสายงานคุณ ปีกกล้าขาแข็งแล้ว ช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว เค้าก็จะได้รายได้มากขึ้น กลับกัน คุณในฐานะ upline รายได้ก็จะต้องน้อยลง แต่ upline จะได้ ความมั่นคงขึ้นมาแทน เพราะเมื่อ upline สร้างสายงานที่เก่งและดูแลตัวเองได้แล้ว ก็สามารถไปสร้างสายงานใหม่ได้เพื่อเพิ่มรายได้นั่นเอง ดังนั้น หาก ไม่มีการสร้างสายงานใหม่ ก็ไม่ต่างอะไรกับการ หาผลประโยชน์ กับความลำบากของคนอื่นตลอดไป ตัวอย่างเช่นในธุรกิจ Amway ยิ่ง upline ช่วยให้ downline มีรายได้มาก upline ก็จะมีรายได้ลดลง จากสายงานนั้นๆ จึงไปสมพันธ์กับข้อ 1 ที่ว่าต้องจำกัดชั้นลึกครับ ปล. ขอแต่นี้ก่อนน่ะครับ หิวข้าวมาก ไม่รู้จะเขียนได้ดีหรือเปล่า ไม่เข้าใจตรงไหนฝากคำถามไว้ครับ จากคุณ : MacDeltaThai เขียนเมื่อ : 16 ส.ค. 53 19:27:20

ความคิดเห็นที่ 58 มันมาอีกแล้ว จากคุณ : โซรอส เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 00:05:56

ความคิดเห็นที่ 59 555+ ขำความเห็นข้างบน ป.ล. แก้คำผิดค่า แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 53 00:57:29 แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 53 00:57:01 จากคุณ : หงุมหงิม เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 00:54:39

ความคิดเห็นที่ 60 เป็นข้อคิดเห็น หรือ ข้อเท็จจริงครับ จขกท. 5555 จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 01:01:38

ความคิดเห็นที่ 61 ถ้าเราทำ MLM รุ่งนะ .. แปลว่าเราต้องเป็นเซลล์ที่ดีแน่ ๆ แล้วถ้าเราเป็นเซลล์ที่ดี .. เราไปขายอย่างอื่นดีกว่า  ขายง่ายกว่า MLM เยอะ มีสินค้าหลายตัวมากกกกกกกกกกกกกกก  ที่ขายง่ายกว่า MLM จากคุณ : :: VamleS :: เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 02:36:11

ความคิดเห็นที่ 62 MLM เหมาะกับประเทศที่การขนส่งยากลำบาก ข้อมูลอะไรต่างๆ ก็หาได้ยาก สมัยนี้มี google แล้ว หาอ่านได้ง่ายมาก รวมทั้ง ebay amazon ซึ่งผู้ผลิตสามารถขาย และโฆษณาได้ต้นทุนต่ำมากๆ และค่าส่งถูก ตัดเงินผ่านบัตรเครดิต จบเลย ภาวนาให้ระบบซื้อของผ่านอินเตอร์เน็ต อย่างพวก eBay Amazon เติบโตในประเทศไทยสักที นักธุรกิจเซลล์แมนพวกนี้จะได้สูญพันธ์ไปซะ จากคุณ : แอบรักสาวใจร้าย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 06:22:33

ความคิดเห็นที่ 63 สวัสดีครับคุณ MacDeltaThai รบกวนช่วยอธิบายตามนี้ด้วยครับ เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆชาวพันทิบ 1. ลูกโซ่ในความหมายของคุณ คืออะไร ? 2. คุณทราบหรือไม่ ทำไมบริษัทปูแดง โดนจับโดยเจ้าหน้าที่ มีการประสานงานกับ สคบ ? 3. ทำไมหลายๆบริษัทที่จ่ายเงินไม่จำกัดชั้นลึกที่คุณบอกว่าเป็นลูกโซ่ ทำไมเค้ายังทำได้อยู่ ไม่ผิดกฏหมายครับ ? เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆชาวพันทิบ รบกวนคุณ MacDeltaThai ไขข้อกระจ่างให้เพื่อนๆด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 53 09:58:45 แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 53 09:55:44 จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 09:54:43

ความคิดเห็นที่ 64 จากคุณ MacDeltaThai ความเห็นที่ #57 การซื้อสินค้าคือการทำงาน การทำงานคือการลงทุน โดยจ่ายเงินให้บริษัท คุณ MacDeltaThai บอกในบรรทัดที่ 4 ในรูปนี้ ว่า "ถ้าคุณไม่ได้ซื้อสินค้าในเดือนนั้นๆจนถึงกำหนด คุณก็อาจจะไม่ได้เงิน" ผมก็ขออธิบายว่า "ถ้าผมเป็นเจ้าของบริษัท ผมจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้สมาชิก หากไม่มีการซื้อสินค้าจากสมาชิกเลย" ยังไงคุณ MacDeltaThai ช่วยตอบด้วยนะครับ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆชาวพันทิบ ^_^ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 10:03:18

ความคิดเห็นที่ 65 จากคุณ MacDeltaThai ความเห็นที่ #57 ในบรรทัดที่ 5 ของภาพนี้ คุณบอกว่า "upline ก็สามารถไปสร้างสายงานใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้นั่นเอง" ผมขอถามว่า - แล้วต้องสร้างอีกกี่ครั้ง ถึงจะหยุดทำงานครับ ? - คุณบอกว่า upline จะได้ความมั่นคง ....... ได้ความมั่นคงแล้วเค้าจะไปสร้างสายงานใหม่ทำไมครับ ? มันขัดๆกันนะครับ บรรทัดที่ 4 ในภาพนี้ คุณบอกว่า " คุณในฐานะ upline รายได้ก็จะต้องน้อยลง " ผมขอถามว่า - มันน่าทำหรอครับธุรกิจนี้ ? ทำแล้วรายได้น้อยลง ? ยังไงคุณ MacDeltaThai ช่วยตอบด้วยนะครับ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆชาวพันทิบ ^_^ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 10:10:18

ความคิดเห็นที่ 66 จากคุณ MacDeltaThai ความเห็นที่ #57 สำหรับการขออภัย ผมไม่คิดอะไรครับ ผมเองยังไม่เข้าใจเยลลี่อะไรนั่นเลยครับ (มันมีด้วยหรอ) แต่ผมจะแนะนำว่า คนเรา ไม่ควรไปตัดสินคนอื่น ว่าไอ้นี่ต้องเป็นคนแบบนั้น ไอ้นั่นต้องเป็นคนแบบนี้ บางคนหน้าแบบโจรหนวดเคราเฟิ้มไปหมด แต่เค้าเป็นตำรวจสายสืบ ที่คอยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงที่ช่วยเหลือประชาชน จับคนร้าย เค้าก็เป็นคนดีได้ เราอย่าเพิ่งไปตัดสินใครดีกว่าครับ อย่างในกรณีของผม เราแค่พิมพ์คุยกันผ่านเว็บบอร์ด จะตัดสินผมซะแล้ว ว่าผมทำ MLM อยู่ตัวหนึ่ง ผมได้บอกไปใน รายละเอียดบนสุดของกระทู้ และความเห้นที่ #24 แล้วครับ คุณ MacDeltaThai ก็เป็นคนเก่งเหมือนกันนะครับ ยังไงรบกวนเพื่อนๆชาวพันทิพ ปรบมือให้กับ คุณ MacDeltaThai ด้วยครับที่สามารถตัดสินผมได้ ว่าผมต้องทำ MLM อยู่ตัวหนึ่ง แต่คุณ MacDeltaThai ขออภัยผมล่วงหน้าไว้แล้ว ผมก็ขอปรบมือให้เช่นกันครับ ^_^ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 10:18:16

ความคิดเห็นที่ 67 สวัสดีครับคุณ เสี่ยหรอย จากความคิดเห็นที่ 60 นะครับ เป็นข้อคิดเห็นครับ ไม่จำเป็นต้องมีใครเชื่อผม ใครจะเชื่อ หรือไม่ ก็แล้วแต่ครับไม่ได้บังคับใจอะไรกันครับผม ^_^ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 10:20:17

ความคิดเห็นที่ 68   เมื่อไหร่สีลมจะกลับเข้าสู่สภาวะปรกติ จากคุณ : อยู่อย่างราชา เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 11:59:07

ความคิดเห็นที่ 69   เดี๋ยวจะมาช่วยตีแผ่ครับ จขกท  จะได้กระจ่างเพื่มอีกคน จากคุณ : หล่อน้อยต่อหนัก (หล่อน้อยต่อยหนัก) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:38:16

ความคิดเห็นที่ 70   เดี๋ยวจะมาช่วยตีแผ่ครับ จขกท  จะได้กระจ่างเพื่มอีกคน จากคุณ : หล่อน้อยต่อหนัก (หล่อน้อยต่อยหนัก) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:43:51

ความคิดเห็นที่ 71   Mac delta  มาเมื่อไหร่  เดือดทันที ระวังนะครับ อย่าคิดว่าคุณรู้คนเดียว  ระวังจะหน้าหงาย จากคุณ : หล่อน้อยต่อยหนัก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:44:48

ความคิดเห็นที่ 72   ความคิดเห็นที่ 62     ไม่ใช่เรื่องความสะดวกครับ มันเป็นเรื่องการกระจายสินค้าที่รวดเร็ว โดยการสร้างฐานลูกค้า แบบผูกขาดเท่านั้น ผูกขาดด้วยการ มีข้อแม้ว่า คุณซื้อยี่ห้อนี้ จะมีรายได้  เปลี่ยนยี่ห้อ รายได้ไม่มี จากคุณ : หล่อน้อยต่อยหนัก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:48:32

ความคิดเห็นที่ 73 ยินดีมากครับผม คุณหล่อน้อยต่อยหนัก ^_^ โดยจุดประสงค์ผมอยากให้พวกเราแลกเปลี่ยนความรู้กันมากกว่า แล้วก็ไม่ต้องเชื่อผมครับ ใครมีข้อมูลอะไรดีๆ ก็มาแย้งกัน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อคนอ่านนะครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:58:00

ความคิดเห็นที่ 74 แค่คุณคิดว่า MLM มันคืองานขาย (Sale Man) ก็ผิดแล้ว 555 จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 12:58:27

ความคิดเห็นที่ 75 คนส่วนใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ MLM มักมีสาเหตุหลักๆดังนี้ 1. คิดว่ามันคือกล่องวิเศษสมัครแล้วจะรวยเลย 2. สมัครแล้วชวนคนเลย ชวน3คน โดนปฏิเสธทั้ง3คน เลิก4คน (ตัวเองเลิกด้วย) 3. สมัครด้วยความไม่เข้าใจ ซึ่งอาจเป็นเพราะ คนชวนก็ไม่เข้าใจ 4. ไม่ได้เข้าเรียนรู้ อย่างต่อเนื่อง 5. เลือกบริษัทที่ไม่เหมาะกับตัวเอง การที่มาบอกว่า แม่ผมทำมาหลายบริษัท อย่างงั้น อย่างงี้ ถามคำเดียวว่าแค่ รู้จัก หรือ รู้จริง เพราะผมเชื่อว่า ถ้าแม่คุณรู้จริง แม่คุณประสบความสำเร็จไปแล้วล่ะ ที่พูดแบบนี้เพราะว่า แม่ผมก็ทำ MLM แบบผิดๆ มวยวัดมา 5-6 ปีแล้วครับ แค่ดูบางคอมเม้น ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น หลายคนก็แค่รู้จัก แหม... เอาMLM ไปเทียบกับ eBay กับ อเมซอน มันคนละเรื่องกันเลยคุณ การตลาดแบบจ่ายชั้นเดียว กับหลายชั้น คุณเข้าใจมันดีแค่ไหนกันเชียว จากคุณ : เสี่ยหรอย เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 13:06:22

ความคิดเห็นที่ 76 คุณเสี่ยหรอย ความเห็นที่ 75 รู้จริงสิครับ เพราะธุรกิจนี้ ต้องใช้เงินในการปิดยอด - เป็นข้อแรก และข้อที่สอง คนที่เราแนะนำ ต้องซื้อของด้วย และเป็นชั้นๆต่อไปไงครับ พอดีว่า ครอบครัวผมมันคนจนครับ แม่ผมก็ไม่มีรายได้อะไร ได้แต่อาศัยว่ารู้จักคนเยอะ คนเลยแห่กันมาแนะนำ และด้วยความที่แม่ไม่มีความรู้อะไร ก็เลยไม่สำเร็จครับ ทุกวันนี้แม่ผมยังไม่มีงานประจำทำเลยครับ ลองไปดูตามต่างจังหวัด ทุกคนก้มีหนี้สินกันทั้งนั้นรวมทั้งแม่ผมด้วย ก็คงจะไม่เอาเงินนั้นมาจ่ายให้กับ MLM (ที่ไม่รู้จะสำเร็จรึป่าว) หรอกครับ ผมกับครอบครัว ไม่สำเร็จเพราะไม่มีเงิน นั่นเองครับ (รวมถึงสังคมที่จะไปแนะนำนั้น ไม่มีใครมีเงินหรอกครับ บางคนหนี้เป็นแสน บางคนมีหนี้ดอกร้อยละ 20 ต้องจ่ายวันละ 1500 บาท) จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 14:15:11

ความคิดเห็นที่ 77 ก็ต้องถามกลับไปนะครับ ว่าคนที่ทำ MLM สำเร็จเนี่ย เค้าใช้เงินลงทุนไปเท่าไหร่ ? และ ดาวน์ไลน์ เค้าใช้เงินไปเท่าไหร่ อย่าบอกว่า เค้าใช้แรง แลกเงินมา อย่าบอกว่า เค้าไปตอกบัตรเข้างาน แล้วสิ้นเดือนได้เงิน นั่นคือ MLM ครับ ผมได้บอกในความเห็นที่ 24 และ 25 เอาไว้แล้วครับ ว่ามันไม่มีเงิน ก็ทำอะไรไม่ได้ครับ เมื่อผมไม่มีเงิน ผมจะไปทำได้อย่างไร ถึงแม้ผมจะเคยเข้าไปสัมผัสมาบ้าง กับบริษัทบางบริษัท แต่ก้ต้องใช้เงินอยู่ดี และไม่ใช่แค่ใช้เงินในการซื้อของด้วยครับ ถ้ามีบริษัท MLM ที่ไม่มีการใช้เงินนะครับ โปรดแนะนำเลยครับ ผมจะได้รีบไปทำทันทีครับผม จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 14:18:46

ความคิดเห็นที่ 78 จขกท รู้จักธุรกิจ Agel ละเอียดจังครับ จากคุณ : cobainlover เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 15:14:52

ความคิดเห็นที่ 79   ความคิดเห็นที่ 76   แนวคิด บ่งบอกเลยครับ  ว่าเป็นสาเหตุ ที่แม่คุณ มีถึง20ไอดี คุณไม่ได้รู้จริง ไม่ได้รู้ลึกอะไรเลย เพียงมองอยู่ด้านเดียว  คือ สาเหตุของการไม่สำเร็จ ส่วนสาเหตุของการสำเร็จ  ถ้าคุณเข้าใจ  คุณจะไม่บอกเลยครับ ว่า เพราะไม่มีเงิน เลยทำไม่สำเร็จ ธุรกิจนี้  วิธีการทำงานที่ผิด ที่คุณโพสนั่นล่ะ คือสิ่งที่ถูกแล้ว แต่การนำไปใช้การถ่ายทอด  อาจขาดขั้นตอนการเรียนรู้ เครื่องมือเหมือนกัน เอาไปใช้ไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ ก็ต่างกันครับ mlm  ให้ใช้เงิน  จริงครับ แต่ดู บริษัทที่เค้าอยุ่มานาน10บริษัท ที่ติดอันดับ บริษัทเหล่านี้ ไม่ให้ซื้อของที่ ไม่จำเป็นครับ แต่ซื้อของที่ต้องใช้อยู่แล้วต่างหาก การเปลี่ยนแนวคิด ด้วยการเปลี่ยนที่ซื้อของ  ทำให้เกิดการซื้อซ้ำต่อเนื่องได้ ถ้าจะมาบอกว่า ให้ลงเงิน ลงเงิน  อัพไลน์ได้เงิน ไม่สนดาวน์ไลน์ ความคิดนี้ ผิดมากๆ ครับ เหมือนกับ คุณตั้งวงไพ่ แล้วคุณเป็นเจ้า ถ้า เพื่อนๆคุณมาเล่นทุึกวัน แล้วเค้าได้เงินแต่ไม่กี่ครั้ง  คุณคิดว่า เค้าจะมาอีกมั้ย เช่นเดียวกัน  การที่ สร้างเครือข่าย แล้วมีรายได้ คำนวนจ่ายไปให้อัพไลน์ ก็เพื่อ ให้อัพไลน์ ไปดูแลทีมงานให้สำเร็จ จึงจะมีรายได้ ถ้าให้ลงเงินๆ   โดยไม่สร้างโครงสร้าง   ทีมงานไม่ได้เงิน เค้าก็ เลิก หรือไม่ก็ ย้ายบริษัท ยอดขายของบริษัทก็มีแต่ทรงตัว ขึ้นๆลงๆ  ไม่เสถียร ดังนั้น ถ้าจะวิเคราะห์ อะไร  ของให้ วิเคราะห์ จาก ข้อเท็จจริง ไม่ใช้ เอาข้อคิด เห็นส่วนตัว มาวิจารณ์ --------------------------- ส่วนสมาชิกในห้องนี้ ส่วนมากจะเป็น 1 พนักงานประจำ   ----  คนทำอะไร เค้าก็ว่าของเค้าดีสิครับ ไม่มีใครอยากจะถูกล้ำเส้น  ดังนั้น คนกลุ่มนี้ จะ แอนตี้ ธุรกิจเครือข่าย  เพราะเจอคนอื่นมาล้ำเส้น บอกว่างานประจำ ทำแล้วไม่รวย  (ทั้งที่มัีนเป็นความจริง ก็ตาม) 2 คนหางานทำ  --- คนกลุ่มนี้ กำลังโฟกัส หารายได้ที่แน่นอน  แต่ก็ เจอพวก ขายตรง นอกรีต หลอกไปฟัง หลอกไปลงเงิน เพราะให้แนวคิดผิด  คนกลุ่มนี้ ก็เลยเกลียด ขายตรงซะเยอะ 3 ระดับผู้จัดการ --  คนกลุ่มนี้ ก็จะเจอลูกน้องตัวเอง เอาสินค้าขายตรงมาโชว์ให้เห้นในที่ทำงาน หรือ ชักชวนให้พนักงานทำขายตรง แล้วลาออกไป ทำให้รู้สึกว่า  ตัวเองต้องหาคนมาทำงานเรื่อยๆ ไม่นิ่งซะที  ดังนั้น พวกเค้า ก็จะเกลียดธุรกิจนี้เป็นอย่างมาก 4 คนทำธุรกิจ  --  ในบรรดาคนส่วนใหญ่  คนที่มีโอกาสมาทำูธุรกิจส่วนตัว มีเพียงไม่กี่คน   เพราะ ติดเรื่องของเงินทุน และการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น คนที่มีโอกาสที่จะทำธุรกิจ  ก็มองว่า  ไม่จำเป็นต้องไป ชวนใครเลย ทำเองรวยเองดีกว่า ที่กล่าวมา ก็เพื่อจะบอกว่า  คนในห้องนี้ส่วนมาก ไม่ปลื้มขายตรงเอาซะเลย ดังนั้น กระทู้ที่เป็นด้านลบๆ  พวกเค้าจะชอบครับ เนื้อหาไม่สน   แต่สนใจหาพวก ไปรุมด่าเข้าไว้  จึงจะกลายเป็นกระทู้มาม่าเดือดๆ จากคุณ : หล่อน้อยต่อยหนัก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 15:44:29

ความคิดเห็นที่ 80 คุณ : หล่อน้อยต่อยหนัก ทำ MLM ของบริษัทไหนอยู่ครับ ผมยอมรับว่า MLM รวยจริง ขอเคล็ดลับหน่อยครับ ขอบคุณล่วงหน้า จากคุณ : cobainlover เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 16:07:34

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณนะครับ คุณหล่อน้อยต่อยหนัก รบกวนถามเพิ่มเติมหน่อยครับ บรรทัดสุดท้ายของภาพนี้ คุณบอกว่า "การนำไปใช้การถ่ายทอด อาจขาดขั้นตอนการเรียนรู้" เพื่อเป็นประโยชน์ของเพื่อนๆชาวพันทิบนะครับ รบกวนคุณ หล่อน้อยต่อยหนัก ช่วยบอก "ขั้นตอนการเรียนรู้" ที่ดี ที่มันได้ผล และสำเร็จ ให้หน่อยสิครับ ว่ามันเป็นอย่างไร ผมจะได้รีบไปบอกแม่ผมครับ และจะได้สร้างเครือข่ายให้สำเร็จ จะได้เอามาโพสคุยเป็นความรู้แก่ทุกๆท่านครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 17:11:17

ความคิดเห็นที่ 82 อันนี้ผมขอค้านนะครับ การเล่นไพ่ คือการเล่นการพนัน ที่ต้องใช้เงินลงทุน แต่ว่า ไม่มีการรับรองว่าจะได้เงินมากขึ้น อาศัยดวงครับ ถ้าจะบอกว่าผมเป็นเจ้า ก็เหมือนเป็น เจ้าของบริษัท ผมก็มีความจำเป็นต้องให้เงินตอบแทนกับสมาชิกของผมเท่าๆกัน ตามที่เขาทำงานได้ ส่วนเจ้ามือไพ่ จะให้เงินตอบแทน กับคนที่ดวงดี ได้ไพ่สวย (ไม่นับกรณีโกงครับ) จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 17:14:07

ความคิดเห็นที่ 83 ส่วนเรื่องนี้ บรรทัดที่ 1 และ 2 คุณ หล่อน้อยต่อยหนัก พูดว่า การที่สร้างเครือข่าย แล้วมีรายได้ คำนวณค่าใช้จ่ายไปให้อัพไลน์ ก็เพื่อให้อัพไลน์ ไปดูแลทีมงานให้สำเร็จ จึงจะมีรายได้ ผมอยากทราบถึง วิธีการดูแลทีมงานให้สำเร็จน่ะครับ มันต้องทำยังไงบ้างหรอครับ ผมจะได้เอาไปทดลองทำ หรือเอาไปบอกแม่ผม บรรทัดที่ 3 คุณบอกว่า ถ้าให้ลงเงินๆ โดยไม่สร้างโครงสร้าง ผมอยากทราบถึง การสร้างโครงสร้าง ที่คุณ หล่อน้อยต่อยหนักพูดครับ มันคืออะไรครับ การสร้างโครงสร้าง เนี่ยครับ รบกวนช่วยตอบเพื่อเป็นความรู้แก่ทุกๆท่านด้วยนะครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 17:17:13

ความคิดเห็นที่ 84 ส่วนข้อนี้ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ สำหรับเพื่อนๆชาวพันทิพ และสีลมทุกท่าน แต่ถ้าท่านใดอ่านข้อมูลของผม แล้วคิดว่าเป็นประโยชน์ ทำให้ชีวิตดีขึ้น ผมก็ขอแสดงความยินดีให้เขาด้วยครับ บทความทั้งหมดผมเขียนมาจากประสบการณ์ และการตกผลึกของผมเอง ไม่มีตำราอะไรเลยครับ ไม่จำเป็นต้องเชื่อครับ แต่เขียนไปแล้ว ก็มีบางคนมาให้กิฟกับผมด้วย ต้องขอขอบคุณมากครับ มันมีค่ากับผมจริงๆ อย่างน้อยๆบทความผมก็ยังมีประโยชน์กับคน หลายๆคนนะครับ อาจจะไม่ถึงสิบคน ก็ยังดีครับ ดีกว่าไม่ทำประโยชน์อะไรเลย เพราะงั้น ก็ถือว่าแชร์แล้วกันครับ ไม่จำเป็นต้องเชื่อผมหรอกครับ อ่านเล่นๆ บทความผมมันก็งั้นๆแหละครับ MLM มิติเดียวครับ แก้ไขเมื่อ 17 ส.ค. 53 17:27:58 จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 17:21:04

ความคิดเห็นที่ 85 ขอถามนิดนึงค่ะ ถ้ามีญาติมาชวนเราทำ ให้ไปฟังๆๆอบรมน่ะค่ะ เราควรปฏิเสธอย่างไรดีคะ ไม่ให้น่าเกลียด จากคุณ : โอวันติลเย็น เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 17:32:54

ความคิดเห็นที่ 86 ขอตอบบ้างนะคะ คือว่าที่คุณ sillygang พูดถึงวิธีการทำธุรกิจ ที่ว่า ไม่ต้องเข้าประชุมน่ะค่ะ คือเหตุผลที่ต้องเข้าประชุมน่ะมันมีนะคะ คือว่า การที่เราไปเข้าประชุม ก็คือไปเรียนรู้วิธีการทำธุรกิจน่ะค่ะ อย่างเช่น เราจะโทรคุยกับเพื่อนยังไง ไม่ให้เพื่อนเราอึดอัด เราจะเล่าธุรกิจอย่างไรที่เพื่อนเราจะสบายใจที่สุด ในการมาฟังเราเล่า รวมไปถึงจรรยาบรรณการทำเครือข่ายด้วยน่ะค่ะ เช่น ห้ามสต๊อกสินค้า ห้ามขายตัดราคา ห้ามแย่งสายงาน ห้ามอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงไรงี้อ่ะค่ะ รวมไปถึง แนวคิดในการต่อสู้กับอุปสรรคหรือปัญหาที่เข้ามาในชีวิตไรงี้อ่ะค่ะ ซึ่งเราว่าตรงนี้มันเป็นส่วนสำคัญส่วนนึงนะคะ ที่จะทำให้ คนทำถูกวิธีน่ะค่ะ แต่ประเด็นก็คือ บางสถานที่อบรม ไม่ได้สอนอย่างงี้อ่ะค่ะ T___T อันนี้ก็ต้อง อยู่ที่วิจารณญาณของคนที่เข้าไปทำแล้วอ่ะค่ะ ว่าเค้าจะไตร่ตรองก่อนหรือเปล่า ปล. เราก็เป็นคนทำเครือข่ายคนนึงเหมือนกันค่ะ ฝากถึงนักธุรกิจ mlm บางท่าน ที่เข้ามาตอบในกระทู้นี้นะคะ ว่า ค่อยๆพูด ค่อยๆจากันนะคะ เราว่า บางคำพูดมัน ดูรุนแรงเกินไปน่ะค่ะ เหมือนจะเข้ามาทะเลาะกัน หรือป่าว หรือเราคิดมากไป แหะๆ ยังไงก็คุยกันดีๆค่ะ สู้ๆ จากคุณ : เม่นน้อยขนพริ้ว เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 17:42:43

ความคิดเห็นที่ 87 สวัสดีครับคุณ โอวัลตินเย็น วิธีปฏิเสธนะครับ ถ้าจะให้พาไปฟังอบรม ต้องดูแบบนี้ครับ ไปฟังอบรมแบบไหน ฟังอบรมที่บริษัท โรงแรม หรือสถานที่ที่จัดไว้เฉพาะ - ให้ปฏิเสธเลยว่า น่าสนใจดีนะ แต่ไม่ไปหรอก ไม่มีเงินค่าน้ำมัน ไม่มีเงินค่ารถ ไม่มีเงินค่าข้าวหรือค่าน้ำดื่มเวลาหิว ถ้าเค้าตอบมา ว่า จะออกให้เราหมดเลยจริงๆ ให้เรารวมยอดเงิน แล้วให้เค้าโอนเงินให้เราเลยครับ แล้วก็ขึ้นกับเราครับ ว่าเราจะไปหรือไม่ไป ถ้าเราไม่ไป เราก็อย่าไปทำอะไรเงินก้อนนั้นเลยครับ แต่โดยการสันนิษฐานของผมครับ เขาไม่ยอมทำแบบนี้แน่ครับ เขาจะใช้วิธีพูดว่า ถ้าคุณอยากสำเร็จคุณต้องออกมา ต้องลงทุนเอง อะไรเงี้ย คุณโอวัลตินเย็นก็ตอบไปว่า พอดีไม่มีเงินจ้าาาา ก็เลยไม่ออกไป พยายามใช้เรื่องเงินเอาไว้ครับ เพราะเรื่องอื่นเค้าจะแก้ปัญหาให้เราได้หมดแน่นอนครับ (ยกเว้นเรื่องนี้) ส่วนถ้ามีการไปอบรมแบบตัวต่อตัว เช่นร้าน เคเอฟซี บ้านเพื่อนที่มีคุณกับเขาแค่สองคน อันนี้แล้วแต่ครับ ว่าจะไปหรือไม่ไปก็ได้ครับ ถ้าไปก็แต่งตัวไปแบบ จนๆหน่อยครับ ถ้าเราไม่อยากทำ ต้องแสดงให้เค้าเห็น ว่าเรามันไม่มีค่าสำหรับเค้า (ไม่มีเงิน) แต่ถ้าเค้าเป็นคนที่ทำธุรกิจที่ดี เค้าจะคุยกับเราแบบดีๆครับ แล้วก็จะน่าฟังมาก เราก็จะได้ความรู้ด้วยครับ บางครั้งอาจจะแบ่งปันปัญหากันได้ด้วย ไม่รู้จะตอบได้ตรงมั้ย ยังไงก็ถามเพิ่มเติมได้นะครับ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 18:27:11

ความคิดเห็นที่ 88 คุณ เม้นน้อยขนพริ้ว ยังไงก็เป้นกำลังใจให้นะครับ งานแบบนี้ผมก็ชอบเช่นกัน คุณทำได้ แสดงว่าคุณคงพร้อมอะครับ ขอให้สู้ต่อไปครับ เจอคนดี ก็ช่วยเหลือกัน ใครไม่ดีก็อย่าไปเก็บมาใส่ใจเลยครับผม ทำงานทุกอย่างมีปัญหาหมด ใครพร้อมก็ได้เปรียบครับ สู้ๆครับเป้นกำลังใจให้นะ จากคุณ : sillygang เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 18:28:18

ความคิดเห็นที่ 89 รบกวน จขกท ช่วยหลังไมค์มาหน่อยได้ไหมครับ อยากได้หนังสือดูแลรักษาสุขภาพราคา 30 บาทจัง (เหมือน 30 บาทรักษาทุกโรค แต่หนังสือนี้รักษาที่ต้นเหตุ ส่วน 30 บาทรักษาทุกโรครักษาที่ปลายเหตุ) ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ จากคุณ : AknightZ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 18:56:53

ความคิดเห็นที่ 90   -ขั้นตอนการเรียนรู้ที่ดี ยกตัวอย่าง การเรียนรู้  คือ * เรียนรู้ เรื่องราวของธุรกิจ    เพื่อให้รู้ว่า ธุรกิจทำทำไม  ทำแล้วได้อะไร หลายคนไม่ได้เรียนรู้ รู้แต่ว่าทำแล้วได้เงิน * ธรรมชาติของธุรกิจ  เพื่อให้รู้ว่า เมื่อเริ่มต้นทำธุรกิจ คุณจะเจออะไร   การปฏิเสธ เป็นสิ่งคู่กับทุกธุรกิจ * ธรรมชาติของมนุษย์   จังหวะชีวิตคนไม่เหมือนกัน ทุกคนมีความต้องการ คล้ายกัน  แต่อยู่ที่จะโฟกัสเมื่อไหร่ ทุกคนต้องการการยอมรับ การให้เกียรติ  เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ เพื่อให้เข้าใจก่อนที่จะใช้เครื่องมือ  ไม่อย่างงั้น จะเป็นแบบที่คุณเจอๆกัน เช่น    ตื้อ  ล้ำเส้น  โทรจิก   สารพัดเรื่องที่  ทำให้ น่ารำคาญ ธรรมชาติ คน จะมี ผู้นำ น้อยกว่าผู้ตาม ผู้ที่กล้าเปลี่ยนแปลง น้อยกว่า ผู้ที่ไม่กล้าเปลี่ยน คน 100  คน  จะมีโอกาส ไปทำธุรกิจส่วนตัว ไม่กี่คน อาจจะ แค่ 10-20 % เท่านั้น  ก็เพราะเรื่องเงินทุน แต่ต่อให้มีเงิน ก็บางคนที่ไม่กล้าจะเป็นเจ้าของกิจการ ส่วน ธุรกิจ mlm  คน 100 คน   ลงมาทำได้ 100 คนเลย เพราะ ลงทุนน้อย แต่  ใน100 นี้จะมีเพียงแค่   10คนที่ กล้าเป็นผู้นำ กล้าเปลี่ยนแปลง   ที่เหลือ จะไม่เข้าระบบ ไม่กล้าเป็นผู้นำ แล้วก็ไปชวนคนแบบผิดๆถูกๆ  ถ่ายทอด ไม่เป็น  ปิดการขายไม่ได้  หรือทำไปทำมา ไปเน้นขายสินค้าเฉยเลย ดังนั้น การถ่ายทอดที่ดี ต้องไปเรียนรู้ในที่ประชุมและนำมาใช้บ่อยๆครับ  (ต้องฝึกฝน) ส่วนการเอามาใช้ ก็เป็นแบบที่ผมบอกไป คนมากกว่าครึ่ง จะนำมาใช้ได้ ไม่ถูกต้องนัก  ก็เป็นธรรมชาติของธุรกิจนี้ -การยกตัวอย่างการเล่นไพ่ เป็นเพียงการเปรียบเทียบครับ ว่าคุณ เป็นอัพไลน์ คุณต้องช่วยเหลือทีมงานคุณให้มีรายได้ ไม่งั้นเค้าก็จะไม่อยู่ การช่วยเหลือไม่ได้ แปลว่าทำให้ แต่แปลตรงๆนั่นล่ะ ช่วยให้เค้ามีแนวคิดที่ดี ช่วยให้เค้าทำงานพื้นฐานให้ได้ ช่วยให้เค้าฝึกทักษะการเป็นผู้นำ และสร้างโครงสร้างตามแผนการตลาดของบริษัทให้ได้ -วิธีการดูแลทีมงานให้สำเร็จ   วิธีการดูแล ก็เหมือนคุณมีลูกล่ะครับ มีลูก คุณก็ต้องสอนให้เค้าเรียนรู้ได้ ทำเองให้เป็น ถ้ามัวแต่จะออกเงินให้ ทำงานให้ เค้าจะเหมือน ลูกที่เป็นเด็กเอ๋อ  โตแต่ตัว ทำอะไรไม่เป็นเลย เมื่อเราไม่ทำอะไร เค้าก็ไม่ทำอะไรเหมือนเราครับ เมื่อเราทำงานกับคน แนวคิดสำคัญมาก  คุณจะถ่ายทอด แนวคิด วิธีการจาก ผู้นำระดับสูง ลงไป ในองกรคุณ คุณจะใช้วิธีไหน? มีคนเป็นร้อยในองกร คุณสอนเค้าได้เหรอ? ธุรกิจนี้ ต้องอยู่ในบรรยากาศ ครับ เพราะ 1 ไม่มีเจ้านาย 2 ลงทุนน้อยเกินไป 3 ทุกคนมีงาน มีภาระหน้าที่ของตัวเองอยู่แล้ว เป็นการยากที่จะแบ่งเวลามาทำอะไรเพิ่ม 4 กระแส ต่อต้านในสังคมสูงมาก   ถ้าไม่ไปเรียนรู้ในเซนเตอร์ หรือที่ประชุมของบริษัทและทีมงาน ฟันธง 100 %   เลิกทุกคน ฝากให้คิด** ถามตัวเองว่า คุณ ตบยุง  ตายวันละกี่ตัว   คุณดื่มเหล้ามั้ย   คุณโกรธ เกลียดใครมั้ย แต่ถ้า คุณเอาตัวเองไปอยู่ในวัดล่ะ   สิ่งที่คุณทำโดยไม่คิดอะไร  คุณจะได้คิดไตร่ตรองมากขึ้น  เพราะคนเข้าวัด ต้องสำรวมกาย วาจา ใจ บรรยากาศ สำคัญมากครับ -โครงสร้างที่ผมพูดถึง ก็คือแผนการตลาด อย่างเช่น แผน stair step หรือ ขั้นบันได โครงสร้าง คือสร้างผู้นำ ให้ ยอดกลุ่มถึงตามที่ระบุ   โดยยอดกลุ่มนี้จะเกิดขึ้นเติบโตได้ ต้องมาจากการซื้อซ้ำของสมาชิกหลายๆคน ไม่ใช่ ไป อัดใส่ยอดใครคนใดคนหนึ่ง  ถ้าเราเป็นอัพไลน์  ยอดเราได้ครับ  แต่ ยอดจะไม่เกิดอีกในเดือนต่อไปแน่ เพราะสมาชิกซื้อซ้ำไม่ได้ เป็นผลให้ ทั้งคุณและเค้า ก็ไม่มีรายได้ การอัดยอดนั้น เป็นเรื่องที่เจอกันแน่นอนครับ เพราะการซื้อของมาอุดยอด มันทำง่ายกว่าการหาสมาชิกเพิ่ม คนไหนสร้างสมาชิกไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีนี้ล่ะครับ แผน Unilevel  แผนนี้ เค้าให้ วางคนติดตัว3-5  แล้วแตกลงไป หลายๆชั้น ถ้าทำได้ตามแผนที่ระบุ ก็จะปลดล็อกชั้น ที่จะจ่ายเพิ่มได้อีก แต่ก็ต้องมีเงื่อนไข คือ สร้างลูกในสายงานให้มีโครงสร้างแบบเดียวกับคุณ บางคนไม่สนใจ  บอกแต่ให้สมัคร แล้วเอายอดไปยัดๆ  ให้ได้ตามโครงสร้าง แต่ลูกๆในสายงาน ทำงานไม่เป็นเลย ไปถ่ายทอดคนอื่นไม่ได้   แบบนี้ จะได้เงินแค่1-2 เดือนเท่านั้น   เดือนต่อไป รายได้จะร่วง หรือไม่เกิดอีก แผนไบนารี แผนนี้เค้าบอกให้ทำสองสายงาน  และถ้าช่วยให้ลูกในสายงาน สร้าง2สายงานให้โตได้ คุณจะได้รายได้ที่เรียกว่าแมทชิ่งลูกอีก บางคนไม่สนใจ เอาคนวางๆ  ทิ้งดิ่งอย่างเดียวโดยไม่สอนงานเลย คิดแต่ว่า ชวนคนลงเงินเยอะ สมัครเยอะแล้วตัวเองได้เงิน แต่พวกเค้ากลับ ไม่สร้าง2สายงานเพราะทำไม่เป็น   เมื่อคนที่คุณชวนมา ไม่มี2สายงาน พวกเค้าไม่ได้เงิน แล้วก็เลิกไปในที่สุด หรือบางบริษัท บอกว่า จะขี้นตำแหน่งนั้นนี้ได้ คุณต้องสร้างทีมงานให้ขึ้นเสียก่อน   คนที่สำเร็จ คือทำตามเงื่อนไข คนที่ไม่สำเร็จ คือไม่สนสิ่งเหล่านี้ รู้แต่ว่า  ขอมีคะแนนเยอะไว้ก่อน คาดว่า แม่ของ จขกท จะผ่าน ไบนารีมาเยอะนะครับ เพราะบริษัทใหม่ๆ มีแต่แผนแนวนี้ - จขกท  เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนดีนะครับ ผมตั้งใจ ใช้ประโยค ที่อาจจะดูชวนทะเลาะหน่อย  ก็แค่ อยากทดสอบดูครับ ว่าจะเป็นเหมือนกับหลายๆ คนที่ต้องการ ให้ข้อมูลกับสมาชิก พันทิป จริงๆ  หรือ จะแฝงให้ข้อมูลธุรกิจตัวเอง แล้วไปกระทบกับธุรกิจอื่น จากคุณ : หล่อน้อยต่อยหนัก เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 19:37:54

ความคิดเห็นที่ 91 ก็ปลูกฝังความคิดดูถูกกันแบบนี้แหละนะ คนไม่เข้าไปทำ MLM ทั้งๆ ที่ทุนน้อย คือพวกที่ไม่ใช่ผู้นำ คนที่ไม่เข้าไปทำ MLM คือคนไม่รักสุขภาพ รักอนาคต เศรษฐีไทย 100 อันดับแรก คนรวยที่สุด 1000 อันดับแรก เป็น MLM กี่คน ผมเป็น Construction Project Manager ฐานภาษีเงินได้ 30% ตั้งแต่อายุไม่ถึง 30 ปี (คงไม่ถูกหาว่าพวกผู้ตาม หรือคนไม่รักอนาคตหรอกนะ) มองว่าธุรกิจ MLM คือการเอาความโลภมาล่อให้คนเสียเงิน และคนพันคน จะรวยแค่คนเดียว ที่เหลือติดลบ เร็วๆ นี้ในหว้ากอ มีกระทู้ว่า รายได้เฉลี่ยคนทำ MLM แห่งหนึ่ง น้อยกว่ารายได้เฉลี่ยคนไทยทั้งประเทศ แปลว่า ไปทำ MLM มีแนวโน้มจะจนลง เพราะส่วนใหญ่ขาดทุนเข้าเนื้อ ควักเงินไปซื้อของแพงๆ ที่คุณภาพไม่ต่างจากข้างนอก แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 21:44:56 จากคุณ : เด็กสร้างบ้าน คนสร้างภาพ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 21:35:26

ความคิดเห็นที่ 92 ไม่ใช่ว่า MLM ไม่ดี แต่มันไม่มีตังค์พอที่จะบริโภคน่ะครับ จะให้ทำไง จากคุณ : โอมี (Anna_NSW) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 23:05:06

ความคิดเห็นที่ 93 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 23:24:23

ความคิดเห็นที่ 94   คุณ เด็กสร้างบ้าน คนสร้างภาพ ครับ สุดยอดมากเลยครับ ที่ได้เสียภาษี 30 % คุณก็คือคนส่วนน้อย ที่ประสบความสำเร็จ ถ้าเทียบกับคนวัยเดียวกัน ครับ คุณรู้มั้ยครับ ว่า เศรษฐี ที่ได้เงินแสนเงินล้าน ต่อเดือน จากธุรกิจนี้ เค้าเสียภาษีไม่ถึง 30 % คุณคงรู้แล้วสินะครับ ว่าทำไม เศรษฐี 100 อันดับแรก ไม่มี มาจากนักธุรกิจ เครือข่ายขายตรง จากคุณ : หล่อน้อยต่อยหนัก (หล่อน้อยต่อยหนัก) เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 23:29:58

ความคิดเห็นที่ 95 ผมเป็นลูกจ้างเค้าครับ เลยวางแผนประหยัดภาษีไม่ได้ แต่ภายในห้าถึงสิบปี ผมจะมีอิสระทางการเงินครับ จะเป็นนักธุรกิจ โดยใช้เงินทำงานแทน และไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งกับ MLM ทุกประเภท ทำงานใช้สมอง ใช้ใบประกอบวิชาชีพ กับปริญญาสามใบเป็นพื้นฐานครับ ส่วนคนทำ MLM ทั้งหลาย ถูกหักภาษีไปตั้งแต่ส่งสินค้าเข้าบริษัทแล้วครับ ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับว่ามันเป็นงานเซลล์แมน ได้คอมมิชชั่น ที่ขายสินค้าในราคาเกินราคาตลาดไปมากๆ เพื่อจ่ายให้อัพไลน์ มันก็เหมือนเล่นหวย ที่คนส่วนใหญ่ขาดทุน และคนไม่ถึง 1% ได้กำไร (เล่นหวยใช้ดวง เล่น MLM ใช้การหลอกล่อ) นอนเกาพุงอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ขาดทุนนะครับ แต่เสียค่าน้ำมันไปนั่งอบรมโน่นนี่ แล้วซื้อสินค้ากลับมาแพงๆ เพื่อให้ตัวเองขาดทุน... ไปทำไม ปล. ในรูปนั่นผมเอง ไปเที่ยวโรงแรม ที่เห็นวิวเทือกเขาแอลป์ ประเทศออสเตรีย ต้นเดือนสิงหานี้เอง ทำได้ก่อนอายุสามสิบนะครับ (ไปพักโรงแรมเพื่อนอยู่สิบกว่าวัน) โดยไม่ต้องไปข้องแวะกับ MLM.... แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 21:43:20 จากคุณ : เด็กสร้างบ้าน คนสร้างภาพ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 23:47:08

ความคิดเห็นที่ 96 งานผม ไม่ต้องโทรหาใคร มีแต่คนโทรมา           มีแต่คอยปิดเครื่องหนี เพราะเป็นเวลาพักผ่อน          ไม่ต้องพูดจาอ้อมค้อม เอาเป้าหมายอะไรมาล่อ          มีเหตุมีผลชัดเจน ทำอะไร ได้อะไร เสร็จเมื่อไหร่          มีอิสระทางการเงิน เดินทางไปเที่ยวประเทศหลักๆ มาทั่วโลก          ไม่เคยไปอลาสก้า เพราะไม่อยากไป ไม่ใช่ไม่มีปัญญาไป          มีเงินเก็บเจ็ดหลักแผ่วๆ จะขยายเป็นแปดหลักก่อนแต่งงาน (หน่วยบาท)          ปัจจุบันอายุยังไม่ถึง 30 ปี ยังเรียนด๊อกเตอร์ไม่จบ เรียนไปทำงานไป เคยโดนคนที่คิดว่าเป็นเพื่อน หลอกไปฟัง MLM มาหลายเจ้า ดูแผนธุรกิจแล้ว ปัญญาอ่อน มีเจ้านึง บอกจะได้ SLK ในสามปี ผมคำนวณเล่นๆ ต้องสั่งซื้อสินค้ายอดรวมสองร้อยล้านบาท ถึงจะได้รถสี่ล้านบาท  โถ... แบ่งให้ตั้ง 2% ผมไม่เคยทำ ไม่คิดจะทำ และไม่เคยเห็นไอ้คนที่ทำมันรวยสักที คนที่ดูดีที่สุดที่ทำ MLM ที่ผมเห็น ก็ขับรถญี่ปุ่นราคาตลาดสามแสน ยังผ่อนไม่หมด... นั่นทำมาสิบปีแล้วนะ เผลอๆ ไม่ต้องไปทำ แล้วเอาต้นทุน ไปซื้อรถ น่าจะได้แคมรี่เงินสดไปแล้ว ปล. ผมขับเบนซ์ แก้ไขเมื่อ 29 ส.ค. 53 21:41:47 จากคุณ : เด็กสร้างบ้าน คนสร้างภาพ เขียนเมื่อ : 17 ส.ค. 53 23:56:19

ความคิดเห็นที่ 97 ไม่ว่า จะมี สาวก MLM สักกี่คนมาแหล ผมเชื่อ ความคิดเห้น หรือมุมมอง ซึ่งเป็นจขกท ครับ เอา ไปเลย 3 แต้ม ให้ได้ให้อีกแล้วเนี่ย จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 00:06:18

ความคิดเห็นที่ 98 เท่าที่ผมสังเกตมา คนที่เสพย์ติด MLM ไม่ว่าจะยังไง ก็มักจะมีแนวคิดที่ดีมากต่อสิ่งที่ตัวเองทำ มองว่าตัวเองทำถูก คนอื่นๆที่ไม่ทำเป็นเพราะพวกเขาไม่เห็นทางสว่าง คือคนที่จะไม่ทำ คือผิดที่ไม่รู้เอง เเล้วพอมีการโต้แย้ง ก็ไม่พ้นเหตุผลพวก คุณไม่เคยทำจะรู้ได้ไง หรือไม่ก็ คุณไม่รู้ลึกรู้จริง พูดง่ายๆมองคนอื่นว่ารู้น้อยกว่าไว้ก่อน เป็นการเสริมให้ตัวเองเหนือกว่า จากคุณ : Lick-My-L-Ball เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 00:51:43

ความคิดเห็นที่ 99 ขอหนังสือได้ไหมอ่ะครับ อยากกได้ จากคุณ : นิมิตร (jack walker) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 01:41:36

ความคิดเห็นที่ 100 หนังสือของหมออะครับ   ทำไมคุณถึงป่วย   อยากได้ครับ จากคุณ : นิมิตร (jack walker) เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 01:42:47

ความคิดเห็นที่ 101 เชื่อหรือไม่ กระทู้นี้เป็นกระทู้เชียร์ขายตรงที่แนบเนียนที่สุด - ค่าคอมจ่ายจริง ขึ้นอยู่กับคุณ (ชัวร์ๆอยู่แล้ว) - สาเหตุที่ MLM มันแย่เพราะคนโลภๆ ไปใช้วิธีเลวๆ แต่คุณมีสิทธิ์ที่จะใช้วิธีที่ดีได้ - อาหารเสริมของ MLM ดีจริง ขอโทษครับผมอ่านแล้วใจความหลักๆมันได้ตามนั้น มันกลายเป็นว่าจริงๆแล้วเนื้อแท้ของ MLM มันดี ผมไม่อยากจะตอบโต้มาก แต่เรื่องอาหารเสริมดีจริง ผมคิดว่าคุณพูดโดยใช้ความเห็นมากไปนิด มันไม่มีข้อพิสูจน์เลยด้วยซ้ำ ผมเลยมองว่าคุณไม่ได้เป็นกลาง จากคุณ : Mr. Prodigy เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 02:18:08

ความคิดเห็นที่ 102 เห็นด้วยกะข้างบน - สินค้าที่ขาย แพงเกินจริงไปมากๆ แต่คนซื้อเพราะถูกหลอกว่า เข้าระบบแล้วรวย - ใช้ความเป็นเพื่อนกดดันขายของไร้คุณภาพ (เมื่อเทียบกับราคา) - สินค้าไม่ได้มีประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องซื้อแพงๆ ใช้ของธรรมดาถูกกว่าหลายเท่า คุณภาพเท่ากัน - MLM มันแย่ตั้งแต่ระบบแล้ว อยากให้ระบบซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต ตัดเงินผ่าน Paypal เติบโตขึ้นจริงจังแบบยุโรปและอเมริกา ระบบหลอกคนแบบนี้จะได้หายไปสักที (แต่เดี๋ยวก็ต้องมีระบบอื่นอยู่ คนชั่วมักหาวิธีได้เสมอ) จากคุณ : เด็กสร้างบ้าน คนสร้างภาพ เขียนเมื่อ : 18 ส.ค. 53 07:56:23