ความคิดเห็นที่ 1 ตอบ 1 ถ้าร.พ.ไม่มีหมอ แล้วจะหารายได้จากทางไหน ขั้นตอนรายได้ของร.พ.เริ่มที่แพทย์เกือบ 100% แล้วประกอบกับ demand >>> supply ด้วย ตอบ 2 ลดกำไรลง + ควบคุมต้นทุนด้านบุคคลากร โดยใช้ technology เข้าช่วย แต่หลายๆอย่างทางการรักษาก็ต้องใช้คนอยู่ดี ตอบ 3 ไม่รู้ แต่คนจบวิศวะที่รู้จัก เงินเดือนมากกว่าผมอีก จากคุณ : no preservation เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 23:11:55

ความคิดเห็นที่ 2 ผมไม่ใช่แพทย์นะครับ แต่อยากจะตอบว่า รายได้ มันก็ตามความสามารถ นั้นแหละครับ คุณคิดว่า เรียนแพทย์มันง่ายหรือไง ใช้เงินน้อยๆที่ไหน คนที่เรียน เรียนหนักมากๆครับ แถมเป็นพวกหัวกะทิด้วย ถ้าเอามาเรียนวิศวะ พวกนี้ผมการันตีเลยว่า ถ้าคุณใช้เวลา 4 ปีเรียนวิศวะจบ พวกนี้จะใช้เวลาแค่ 2 ปี แถมเกียรตินิยมด้วย พี่สาวสองคนของผมเรียนแพทย์ เรียน 6 ปี กว่าจะเริ่มงานได้ พอๆกับจบป.โท แล้วต้องทำงานใช้ทุนอีก 3 ปี ถ้าไม่ทำ ต้องใช้ทุน เป็นล้าน แถมถ้าต้องต่อเฉพาะทางอีก ก็ต้องต่ออีก 2 ปี อันนี้เหมือนจบ ป.เอก แล้วคุณคิดว่า จะจ่ายเงินจ้างคนเหล่านี้จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ครับ แถมงานก็หนัก ความรับผิดชอบก็สูง คุณเองก็ไม่รู้เนื้องานของคนเป็นแพทย์ด้วยซ้ำ แต่ผมรู้ว่าเนื้องานของคนที่จบวิศวะทำอะไรบ้าง เงินเดือนสตาร์ทที่ 20000 ผมว่าสมเหตุสมผลแล้ว ยกเว้นพวกวิศวะคอม กับการบิน พวกนี้เรียนยาก ฐานเงิืนเดือนจะสูงกว่า ตามความสามารถครับ แล้วก็โยธาที่เป็นระดับสูง(คุมก่อสร้าง) หัวหน้าวิศวกร พวกนี้เงินเดือนสูงกว่าแพทย์อีก ผมว่า คนที่มีความรับผิดชอบสูง เงินเดือนสูง จะเข้าใจว่าทำไมเงินเดือนแพทย์ถึงสูง แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 01:36:34 จากคุณ : shine-rise เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 23:15:22

ความคิดเห็นที่ 3 ค.ห. 2 ทุกสาขาวิชาชีพต่างมีความภาคภูมิใจของตัวเองครับ ไม่ใช่ว่าคุณหรือญาติคุณจบอะไรมา จะมาดูถูกหรือว่าตัดสินเงินเดือนว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไรได้ คนที่จบวิศวะได้ดีก็มีถมไปครับ แพทย์งานหนัก ความรับผิดชอบสูงก็จริงครับ แต่ผมไปคุยกับใครผมก็ภูมิใจครับผมจบวิศวะมา(ถึงตอนนี้มันจะจบกันเยอะไปหน่อย) แพทย์จำเป็นมากกับปัจจุบัน ผมยอมรับ แต่เทคโนโลยีทุกวันนี้ที่พวกแพทย์อย่างพวกคุณใช้(คงไม่ใช่คุณ คงเป็นพี่สาว) ก็เกิดจากไอ้ Engineer เงินเดือน 20000 บาท อย่างพวกผมนี่แหละครับ แก้ไขเมื่อ 31 ส.ค. 53 23:57:27 จากคุณ : toonrmutsb เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 23:47:24

ความคิดเห็นที่ 4   ผมโครตเกลียดแพทย์ รพ.เอกชน มากเลย จะจับพ่อผมไปใส่สายสวนหัวใจแบบ ชุ่ยๆ ดีนะที่ผมไม่ไว้ใจ พาพ่อไปตรวจอีกโรงพยาบาลนึง เขาบอกพ่อไม่เป็นไร ไม่ จำเป็นต้องทำ ทั้งที่หมอเขาน่าจะรู้ว่า การใส่สายสวนนั้นมีอันตรายมากอยู่ เขาก็ยังจะหาเงินเข้ากระเป๋า เป็นโรงพยาบาลอะไรไม่อยากบอก เดี๋ยวจะเป็นเรื่อง บอกแค่ว่าอยู่ที่หาดใหญ่ จ.สงขลาครับ พ่อผมเขาเขื่อคนง่าย ผมต้องพูดน้ำท่วมทุ่งไม่ต่ำกว่า 7 รอบ กว่าแกจะยอมเชื่อ ผม ตอนแกจะไปเซ็นต์ยินยอมให้หมอใส่สายสวนหัวใจ ผมเป็นคนลากพ่อออกมาจากห้องหมอเอง พยาบาลที่ดูแลเรื่องการเซ็นต์เอกสารไม่พอใจใหญ่ พูดแบบ ไม่ค่อยพอใจ แล้วก็เดินออกไป จากคุณ : rich4better เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 53 23:48:57

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไม่แปลกใจนะว่าทำไมรายได้แพทย์สูง ลองดูตอนสอบเข้ามหาลัยสิ คนที่เลือกแพทย์ก็เพราะคิดว่าเป็นอาชีพที่มั่นคง รายได้สูง ฉะนั้นการแข่งขันตอนสอบเข้าจึงสูงมาก เมื่อเข้าไปเรียน คงไม่มีใครปฏิเสธว่าการเรียนแพทย์ยากแค่ไหน เรียนจบ 6 ปียังต้องเรียนต่ออีกหลายๆปี กว่าจะเป็นหมอเต็มตัว พอเรียนจบแล้ว ต้องอยู่เวร ถูกตามตัวตอนกลางคืน ไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเท่าไหร่ แถมทำงานยังมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา หากพลาดก็ทำให้คนไข้อยู่ในอันตราย หรือไม่ก็ถูกฟ้องเนื่องจากความผิดพลาดบ้าง หรือเกิดจาก Second Opinion บ้าง แล้วเวลาฟ้องน่ะ ไม่ใช่แค่หลักแสน หรือล้านน่ะสิ ถ้าเราถือว่าการที่ได้รับรายได้สูง ถือเป็นผลตอบแทนความพยายามของนักศึกษาแพทย์เหล่านั้น ผมว่ามันก็ยุติธรรมดีนะ จากคุณ : comeDD เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 00:07:46

ความคิดเห็นที่ 6 ทุกสาขาอาชีพมันมีศาสตร์และศิลป์ และมีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเองครับ ไม่อยากให้ใครดูถูกใครเพราะต่างคนต่างก็เดินในสายที่ตัวเองชอบ ผมอยากเรียนบริหารเพราะผมชอบ แต่ผมไม่เรียนแพทย์ไม่ใช่เพราะว่าหัวไม่ดี แต่ไม่ชอบ ไม่อยากให้ดูถูกกันเพียงเพราะว่า โง่บ้างน่ะสิ หัวไม่กะทิล่ะสิ อยากให้มองไปถึงการถูกเลี้ยง ถูกปลูกฝังมากกว่าครับ อาชีพแพทย์ก็ดีครับ ผมอยากให้มองว่าที่เงินเดือนสูงนั้น เพราะเรียนยากแต่ไม่ได้หมายความว่าเรียนยากกว่าสาขาอื่นนะครับ วิศวะผมเองก็ว่ายากเหมือนกัน แต่อยากให้มองไปถึงความเสี่ยงมากกว่า เช่น แพทย์จะต้องดูแลรักษาคนไข้อย่างดีถ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาก็ซวย เพราะชีวิตคนทั้งคน แถวบ้านผมแพทย์คือโจรในชุดขาวครับ แต่ไม่ได้บอกว่าแพทย์จะเลวทุกคน ไป ๆ มา ๆ สายงานที่พอ ๆ กับแพทย์กลายเป็นบัญชีซะงั้น พวกตรวจสอบต่าง ๆ รายได้ไม่ได้ต่างกับแพทย์เลยครับ เพราะจะต้องดูแลเรื่องตรวจสอบ เรื่องเงินในบริษัท เพราะถ้าดูไม่ดีหรือชุ่ยก็คุกเล่นกันครับ วิศวะโยธาก็เช่นเดียวกันครับ สร้างตึกแล้วตึกถล่ม ก็โดนเหมือนกันแหละครับ แต่บอกตามตรงว่าเดี๋ยวนี้วิศวะเยอะมาก มันเลยดูเหมือนเกลื่อน แต่แพทย์ไม่ได้เปิดกันดาษดื่นอะครับ มันก็เลยตีค่าว่าแพทย์ต้องหัวกะทิ เพราะต้องเอนท์ให้ติด มหาลัยเอกชนที่สอนทางด้านแพทย์ก็มีที่เดียวอะไรแบบนี้ สมัยก่อนคนเรียนหนังสือเพราะคิดว่าได้ทำประโยชน์ เช่น อยากเป็นครูเพราะอยากให้เด็กมีความรู้ อยากเป็นแพทย์เพราะจะได้ช่วยเหลือคนหารู้ไม่ว่าเพราะเงินดี ไปนั่นเลยยยยย จากคุณ : ปีเตอร์นอร์ธ เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 00:34:17

ความคิดเห็นที่ 7   เพราะการผลิตแพทย์ ไม่พอต่ออัตราการเกิด การตาย ของประชากร รวมถึงประชาชนขาดการดูแลสร้างเสริมและป้องกันสุขภาพตามที่ควรจะเป็น ถ้าปชช.ดูแลสุขภาพตัวเอง อัตราการเจ็บป่วยก็จะลดน้อยลง เช่น ถ้าทั่วประเทศไม่มีคนกินเหล้า สูบบุหรี่ หมอที่รักษาก็จะมีคนไข้มะเร็งปอด ตับ ก็จะน้อยลง ผลิตน้อยลง และกลายเป็นว่าคนสุขภาพดีแข็งแรงไม่จำเป็นต้องไปหาหมอ และหมอว่างงาน แต่นี่ ผลิตได้น้อยอยู่แล้ว แถมคนที่ไม่ดูแลอีก มีแต่รักษา ไม่มีป้องกัน ยังไงหมอก็ขาดแคลน เพราะหมอคือ ผู้วินิจฉัยโรค ไม่มีใครมาทำแทนได้ เอกชน บางที ใช้วิธีหักเปอร์เซนต์เอา ไม่มีการจ้างงานประจำ ดังนั้น หมอก็จะพยายามหาทางดึงคนไข้ ให้มารักษากับตัวเองต่อเหมือนเดิม พยายามบริการให้ดีที่สุด รวมถึงทำยอดยาให้ได้มากที่สุด (ขนาดเราไม่จำเป็นต้องใช้ยา บอกว่าเบิกยาที่บ.ได้ ยังจะให้เราเอาวิตามินกลับไปเลยอ่ะ คิดดู) กว่าจะเป็นหมอได้ ไม่ใช่ง่ายนะ http://www.pantip.com/cafe/silom/topic/B9625047/B9625047.html#22 ลองอ่านความเห็นที่สิบเก้าดูนะคะ จากคุณ : คนเดิม เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 01:40:27 A:58.9.59.126 X: TicketID:109417

ความคิดเห็นที่ 8 "ถ้าคุณใช้เวลา 4 ปีเรียนวิศวะจบ พวกนี้จะใช้เวลาแค่ 2 ปี แถมเกียรตินิยมด้วย" อันนี้เห็นแล้วหงุดหงุดครับ เด็กวิศวะก็น่าจะเหมือนกันครับ "ถ้าคุณใช้เวลา 6 ปีเรียนแพทย์จบ พวกนี้(วิศวะ)จะใช้เวลาแค่ 8 ปี แถมเกือบไทร์ด้วย" ฮาด้วยประการละฉะนี้ จากคุณ : ผ่านมา (ตกงานทั้งปี) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 05:30:44

ความคิดเห็นที่ 9 อยากรู้ทำไมหรอครับ อิจฉาหมอ หรือ ไว้ประดับความรู้ รู้ว่าคนอื่นรายได้เท่าไหร่แล้วมีประโยชน์กับตัวเองปล่าวครับ แค่ติงน่ะ จากคุณ : นักการตลก (Dr. Will) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 06:26:10

ความคิดเห็นที่ 10 .. แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 09:00:14 จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 06:50:48

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเป็นหมอทั่วไป ไม่ได้หลายแสนหรอกครับ ประมาณ 1 แสนบวกลบ  ที่ได้หลายแสนก็คงเป็นหมอสตาฟ (เฉพาะทาง) สาขายากๆ เช่นหมอศัลย์ อะไรแบบนี้มากกว่าครับ (พวกได้หลายแสนก็คือพวกหัวกะทิของหมออะครับ เรียนอย่างต่ำๆก็ 6+3=9 ปี เหนื่อยมากมาย ทำงานก็ยังเหนื่อย รับผิดชอบชีวิตคนเต็มๆ จบมาได้หลายแสนผมก็ว่ายุติธรรมแล้วล่ะกับความพยายาม ความเครียดและความเสี่ยงที่ต้องแบกรับอยู่ทุกวัน) ส่วนใน ร.พ.รัฐบาล พยาบาลกับหมอรายได้ต่างกันราวๆ 3 เท่า  ก็ไม่ถือว่าต่างกันมากนะครับ พยาบาลรวมโน่นนี่ก็ประมาณ 20k กว่าๆ ขณะที่หมอได้ราวๆ 60-70k (แต่อยู่เวรเยอะมาก) แล้วถ้าเป็น รพท. ได้น้อยกว่านี้อีกครับราวๆ 50k เท่านั้นแหละครับ   ใน รพช. เล็กๆมีหมอประมาณ 3 คน แต่มีพยาบาล 30-40 คน รายได้หมอกับพยาบาลต่างกันราว 3 เท่ามันก็ไม่แปลกเท่าไหร่นะครับ (ผมมองว่ามันก็ไม่ได้ต่างกันเยอะนะ ลองเทียบจำนวนคน/อัตรากำลังดูสิครับ) แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 09:03:21 แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 09:02:18 จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 08:59:28

ความคิดเห็นที่ 12 หมอสมควรได้เงินเดือนสูงอยู่แล้ว  เรียนก็หนักมาก ความรับผิดชอบในเนื้องานก็สูง แต่... หลายอาชีพ เห็นสมควรปรับฐานเงินเดือนขึ้นได้แล้ว เพราะเห็นยังกดซะต่ำ เหมือนกะให้ลูกจ้างกินแต่อากาศเป็นอาหาร จากคุณ : แฮม (noopin) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 09:30:57

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับ คห.6+7     ไม่ใช่แค่อาชีพหมอนะที่เสี่ยงโดนฟ้องอย่างที่เป็นข่าวกัน      พวกวิศวะเองถ้าผิดพลาดนี่ไม่ใช่แค่คนๆเดียวนะที่ตาย   แต่ตายยกตึกเลย      แม้แต่คนขับรถโดยสารอย่างรถเมล์นี่...ถ้าไม่รับผิดชอบหน้าที่ให้รอบคอบก็อย่างที่เป็นข่าวกันทุกวันๆ...จะเจ็บจะตายก็มากกว่าหมอที่รักษาคนไข้เป็นแค่รายๆไปซะอีก      หรือตำรวจทหารที่ทำงานในพื้นที่เสี่ยงนี่น่าจะได้มากกว่าหมออีก        บ้านเรามันมีคนที่มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่เสี่ยงๆหลายๆอย่างอยู่ในสังคม   ไม่มีการป้องกันที่ดีพอ   ภาระสุดท้ายก็มาตกอยู่กับผู้ที่ทำการักษา    ก็ต้องเหนื่อยหนักและไม่เพียงพอในที่สุดไม่ว่าจะเรื่องจำนวนและคุณภาพของบุคลากร       แล้วจะมาลงท้ายการแก้ปัญหาด้วยเงินอย่างเดียว      ไม่มีทางหรอก   ไปๆมาจะมีปัญหาก็เพราะจะมีการเลือกรับรักษาก็ไอ้เพราะเงินนี่แหละ จากคุณ : 0*0 (toytoytoy) เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 09:35:43

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่ได้อิจฉาหรอกครับ    ผมจะดูความคิดเห็นต่างๆเพื่อ เปรียบเทียบและวิเคราะห์ว่า "ทำไม" ปัจจัยอะไรที่ทำให้แตกต่างขนาดนั้น (ถ้าจะบอกว่ารับผิดชอบชีวิต พยาบาล เภสัช ฉีดยาผิด จ่ายยาผิด คนไข้ก็ตายเหมือนกัน) อย่างตัวผมเอง เป็น วิศวะ รายได้ก็มากกว่า Technician อยู่แล้ว (แต่ก็ไม่ต่างกันขนาดหลายๆเท่า) แต่ตัวผมเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองสำคัญไปกว่าพนักงานอื่นๆเท่าไหร่ ตัวผมคนเดียว วิเคราะห์ปัญหาได้ หาสาเหตุของปัญหาได้ แต่ก็ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ส่วนเรื่องการรู้รายได้ของคนอื่น ผมมองอีกมุมนึง คือถ้ารู้รายได้ของคนอื่น (ในสายงานเดียวกัน) จะช่วยลดการ "กดเงินเดือน" ได้ อย่างเวลาสมัครงาน ก็จะได้รู้ช่วงของรายได้ที่ควรจะได้ ไม่ใช่ว่าโดนบริษัทกดเงินเดือนอยู่ฝ่ายเดียว จากคุณ : Miata เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 09:37:03

ความคิดเห็นที่ 15 งานแบบนี้  ผมสงสาร พยาบาล ครับ งานหนัก พอๆ กับหมอ  เข้าเวร ทำงานไม่ตรงชาวบ้านเหมือนกัน งานต้อง take care คนไข้ พอๆกัน แต่เงินน้อยกว่าเยอะ งานเหนื่อย แต่ รายได้ไม่มาก ชีวิตส่วนตัวก็หาย ใครทำงานเป็นพยาบาล  มีลูก มีหลาน  ก็ไม่แนะนำให้มาเรียนแบบเขาสักเท่าไร จากคุณ : mr.wisdom เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 09:38:31

ความคิดเห็นที่ 16 อาชีพอื่นๆ ถึงจะมีความสำคัญ แต่เนื้อหา จะเป็นแนว สนับสนุนงานของหมอครับ แต่อย่างพยาบาลผมเห็นด้วยเลย เงินเดือนถูกกดเกินไป ผมว่าอีกหน่อยคงมีคนทำน้อย ทีจริงผมว่าอาชีพพยาบาล พูดถึง ความทุ่มเท เสียสละ ไม่ต่างกับหมอเท่าไหร่นะครับ เพียงจำนวนพยาบาลจะมากกว่า ก็เลยสามารถสับเปลี่ยนกันได้ดี แต่หมอมีจำนวน น้อยกว่า  โอกาสพักจะน้อยกว่า แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 53 12:55:58 จากคุณ : ชื่ออะไรดี เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 10:26:27

ความคิดเห็นที่ 17 ช่วงนี้มีกระทู้แนวเสียดสีรายได้ของแพทย์อยู่มากพอสมควร โดยส่วนตัวผมก็ไม่ชอบแพทย์พาณิชย์ครับ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องรายได้ของแพทย์ทั่วๆ ไปก็คิดว่าสมเหตุสมผล 1. เข้าเรียนยากกว่า (ใส่ใจเรียนรู้และมีสติปัญญาพอสมควรตั้งแต่เด็ก) 2. เรียนหนัก (ในช่วงศึกษาก็มีการแข่งขันกันสูง เวลาออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อแทบไม่มี) 3. คุณภาพชีวิตแย่ลงมาก (นอนน้อย เครียด เวลาสันทนาการน้อย สัมผัสกับเชื้อโรคตลอดเวลา สังคมน้อย ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทำงานอดิเรกที่ชอบ ฯลฯ ) 4. เรียนนาน (เรียนแพทย์หกปี + เพิ่มพูนทักษะหนึ่งปี = 7 ปี ก็ประมาณปริญญาโทของสาขาอื่น) 5. รายได้สตาร์ทที่ 40000 - 65000 บาท แล้วแต่จังหวัดที่ไปใช้ทุน และ ย้ำ!!! ว่ารายได้เท่านี้รวมการอยู่เวรประมาณ 15 วันต่อเดือนแล้ว ถ้าไม่ได้อยู่เวรรายได้จะน้อยกว่านี้มากกก 6. ในการทำงานที่ รพช. บางแห่งค่อนข้างกันดารมาก หาข้าวหาน้ำกินยังลำบาก อันตราย ห่างไกลความเจริญ (อยากช็อปปิ้งดูหนัง ... อย่าหวัง) 7. ถ้าจะเรียนต่อบางสาขาต้องใช้ทุนครบสามปี และขอทุนไปศึกษาต่ออีกอย่างน้อย 3 ปี จบแล้วต้องกลับมาใช้ทุนที่จังหวัดที่ขอทุนอีก เบ็ดเสร็จเรียนกันเป็นสิบปี ทำงานสัมผัสกับเชื้อโรคทุกวัน เวลาที่ให้กับครอบครัวพ่อแม่พี่น้องตัวเองแทบไม่มี ดังนั้นผมว่ารายได้โดยเฉลี่ยก็ดูสมเหตุสมผลแล้วครับ แล้วในหลายๆ กระทู้ที่ยกเรื่องรายได้ของแพทย์มาพูดถึงก็ยกรายได้ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยมาพูด ในความเป็นจริงหมอไม่ได้มีรายได้มากขนาดนั้นทุกคนหรอกครับ ปล. บางทีผมก็สงสัยเหมือนกันว่าพวกเพื่อนเรียนเก่งๆ ของผมถ้าตอนนั้นมันไม่ได้เข้าแพทย์ไปเรียนด้านอื่นจะเป็นยังไง เพราะพวกเรียนระดับรองๆ ลงมาไปเรียนเศรษฐศาสตร์แล้วไปทุนไปเรียนญี่ปุ่นตอนนี้เงินเดือน 500000 ก็มี คุณภาพชีวิตก็ดีกว่า จากคุณ : Poirot เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 11:37:51

ความคิดเห็นที่ 18 d จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 12:33:25

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ จขกท. ยังเข้าใจรายได้เฉลี่ยของแพทย์ยังไม่ถูกนะครับ  แพทย์ส่วนใหญ่ในระบบราชการได้ค่าตอบแทนอยู่ราวๆ 6 หมื่นเองนะ (รวมค่าอยู่เวรราวๆ 20 เวร/เดือนแล้วด้วยครับ)  มีส่วนน้อยที่ขึ้นไปหลักแสน (หมอ GP ทำคลินิกเอกชน/ร.พ.เอกชน)  และมีส่วนน้อยมากๆที่ได้ 2 แสนขึ้นไป (ระดับ specialist)  ถ้าจะเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยเงินเดือนของแพทย์คงต้องมองไปที่ระดับ 6 หมื่นบาทต่อเดือนครับ (แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นลองเทียบกับชั่วโมงการทำงานสิครับ แล้วจะรู้ว่ามันไม่ได้มากมายอะไรเลย) จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 13:21:34

ความคิดเห็นที่ 20 ใครได้รายได้เท่าไหร่มันเรื่องของเขา สำคัญคือ เรได้เท่าไหร่ต่างหาก จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 13:47:28

ความคิดเห็นที่ 21 ทำไมหมอถึงเงินเดือนต่างจาก พยาบาล เภสัช หรอ? ก็เพราะ ดีมานด์ - ซัพพลายมันต่างกันไงล่ะ มีคนไม่กี่คนหรอกที่จะเรียนหมอได้ และเป็นหมอที่ดีด้วย ถ้าพยาบาลหรือเภสัชบอกว่าหมอดีจัง รายได้สูง สั่งโน่นสั่งนี่ คนอื่นเป็น( ^o^ )... ก็ต้องลองถามกลับไปบ้างว่า แล้วทำไมพวกคุณไม่เรียนหมอล่ะ? คุณเลือกเองได้ครับ ถ้าคิดว่าอาชีพทุกอาชีพศักดิ์ศรีเท่ากัน ก็ไม่ต้องบ่นอะไรมากมาย คนเป็นหมอ ไม่ใช่ว่าเกิดมาเป็นหมอ แต่เกิดมาแล้วมุ่งมั่นตั้งใจจะเป็นหมอต่างหากล่ะ จากคุณ : CoollyCat เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 15:14:43

ความคิดเห็นที่ 22 กว่าจะให้คนเรียกว่า "หมอ" เนี่ย ก็ไม่ใช่ว่าจับฉลากได้มา ถ้าทั้งอำเภอ มีคนที่สามารถปะยางได้อยู่เพียง 10 คน ถึงแม้จะมีคนที่สามารถถอดยาง สูบยางได้หลายร้อยคน บางทีมันก็ไปสำคัญที่คนปะคนเดียว ก็ไม่ได้เป็นหมอหรอกนะครับ แ่ต่ก็เห็นใจคุณหมอเหมือนกัน เงินน่ะมี แต่หาเวลาใช้ยาก 5555+ จากคุณ : doublelove เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 15:43:46

ความคิดเห็นที่ 23 ผมว่าเป็นไปตาม demand supply สมมติถ้ามีจำนวนหมอเพิ่มขึ้นอีก 10 เท่า เงินเดือนก็ต้องลดลงอยู่แล้ว แต่การผลิตหมอ มันไม่สามารถผลิตในแบบ mass education ได้ มันต้องมีการคัดเลือก กรองคน เฉพาะคนเก่งๆ(เป็นแบบนี้ทุกประเทศ) จัดหาอุปกรณ์ และการเมือง(ส่วนตัวคิดว่าแพทยสภา หรือชุมชนหมอก็คงไม่ต้องการให้มีการผลิตหมอออกมาสู่ตลาดมากเกินไป เพราะจะทำให้ หนึ่ง ค่าแรง และอื่นๆ เช่น การได้รับการยกย่อง ลดลงมา สอง คุณภาพ ฯลฯ) ประเด็นคือ รัฐฯควรจะทำยังไง ที่จะผลิตหมอ ให้ออกมาเพียงพอกับความต้องการของตลาด เพื่อที่ส่วนต่างรายได้ระหว่างหมอภาครัฐ กับเอกชน ไม่ต่างกันมากจนเกินไป เพื่อที่ว่าประเทศจะได้มีหมอจำนวนมากขึ้นไปทำงานใน รพ ชุมชน ตามต่างจังหวัด ที่ยังขาดแคลนแพทย์ประจำอยู่ จากคุณ : Redeem Myself เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 18:27:33

ความคิดเห็นที่ 24 ข้อความ คห.2 ที่ว่า "รายได้ มันก็ตามความสามารถ นั้นแหละครับ คุณคิดว่า เรียนแพทย์มันง่ายหรือไง ใช้เงินน้อยๆที่ไหน คนที่เรียน เรียนหนักมากๆครับ แถมเป็นพวกหัวกะทิด้วย ถ้าเอามาเรียนวิศวะ พวกนี้ผมการันตีเลยว่า ถ้าคุณใช้เวลา 4 ปีเรียนวิศวะจบ พวกนี้จะใช้เวลาแค่ 2 ปี แถมเกียรตินิยมด้วย" อันนี้เราไม่เห็นด้วยอย่างแรงเลยค่ะ เพราะเท่าที่ทราบเกี่ยวกับการเรียนวิศวะ... เรียนหมอเราเรียนได้  แต่ถ้าให้ไปเรียนวิศวะ เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน 8 ปีอาจจะไม่จบด้วยซ้ำ เหอๆ คือ แค่จะสื่อว่า ทุกสาขาอาชีพมันก็ล้วนมีความยากง่าย มีรายละเอียดของอาชีพต่างกันไป เทียบกับวิชาชีพใกล้ๆตัวก็ได้ อย่าง ทันตะ เภสัช ไรงี้ เนื้อหาจริงๆ มันก็ไม่เหมือนแพทย์ ทันตะฯ ต้องนั่งพิมพ์ฟัน หล่อฟัน เราอาจจะทำไม่ได้ก็ได้... เภสัชต้องเรียนเคมียากๆ เคยได้ยินเพื่อนพูดๆ บ่นๆให้ฟัง เรายังปวดหัวแทนเลย -_-" เรามีเพื่อนที่หลากหลายอาชีพมาก สถาปัตย์ วิศวะ วิทยาศาสตร์ นิติฯ อักษรฯ แต่ละอัน ไม่เหมือนกันซักนิด เราเข้าใจดีว่า ถึงแม้จะเรียนหมอได้ ก็ไม่ได้แปลว่า จะไปเรียนในวิชาอื่นที่ว่ามา ได้หรอก... จากคุณ : ก๋วยเตี๋ยวหน้าใส เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 20:03:08

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าเป็นหมอที่ดีๆเงินเดือนจะกี่แสนกี่ล้านก็ไม่มากไปหรอก .....แต่หมอบางคนนี่ก็ เหนือคำบรรยายจริงๆ เมื่อสิบกว่าปีก่อน ลูกพี่ลูกน้องชายเราเสียชีวิตจากการวินิจฉัยโรคผิดพลาดของหมอ ด้วยอายุ 6ขวบ น้องเราไข้ขึ้นสูงมาก หมอบอกว่าเป็นไข้หวัด ให้นอนให้น้ำเกลือเฉยๆ หลังจากนั้นน้องเราก็โคม่า หมอมาบอกพ่อน้องว่าน้องเป็นไข้เลือดออก.....ก่อนน้องเราจะเสีย2ชม. ...ไม่มีแม้คำขอโทษออกมาจากปากหมอคนนั้น ปัจจุบันถ้าไม่ป่วยหนักจนทนไม่ไหวจริงๆก็ไม่ไปหาหมอ กลัวจะไปตายที่รพ.ถ้าจะตายก็อยากตายที่บ้านมากกว่า ต้องโดนโขกค่ารักษาหนัก ถ้าตายไปก็เป็นภาระให้คนอื่นมาจ่ายแทนเราอีก จากคุณ : punipuni เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 20:08:55

ความคิดเห็นที่ 26   อืม คห 25 คะ คือ ยอมรับว่าก็มีหมอบางคนเละเทะจริงๆ แต่ในกรณีนี้ไข้เลือดออก ต่อให้ทราบมาก่อนหน้านี้ 3 วัน ผลก็อาจออกมาไม่ต่างกัน เพราะในเด็กจะมีโอกาสเสียชีวิตสูง อีกอย่าง ยารักษาก็ไม่มี ต้องนอนเติมน้ำเกลือเฉยๆนี่แหละค่ะ เห็นด้วยกับคห. 21 นะคะ "ถ้าคิดว่าอาชีพทุกอาชีพศักดิ์ศรีเท่ากัน ก็ไม่ต้องบ่นอะไรมากมาย" การทำงานเราต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันอยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าหมอจะทำทุกอย่างเองได้ แต่ที่เห็นว่าหมอได้รับเงินเดือนสูงกว่า เพราะความรับผิดชอบมันสูงมาก รุ่นน้องของดิฉันเองถูกญาติผู้ป่วยเล่นงานเอา เนื่องจากพยาบาลป้อนอาหารให้ผู้่ป่วย แล้วดันสำลัก ติดเชื้อในปอด สุดท้ายเสียชีวิต คนรับผิดชอบคือแพทย์เจ้าของไข้ จากคุณ : korsakoff เขียนเมื่อ : 1 ก.ย. 53 22:25:07

ความคิดเห็นที่ 27   อ่อ มีด้วย สมมตินะคะ สมมติ หมอวิสัญญีทิ้งช่วงเวลาการดมยาไม่ดี เช่น สั้นไป ยาวไป หมอศัลย์ก็อาจจะซวยได้ เพราะหมอศัลย์เป็นเจ้าของไข้ รับหน้าไป ซึ่งเราก็ไม่รู้นะว่าหมอศัลย์เค้าจะรู้ไหมว่าหมอวิสัญญีเค้าทำถูก หรือทำผิด เพราะหมอวิสัญญีอาจจะไม่โปรพอก็ได้ รวมถึงการติดเชื้อในรพ.ด้วย ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเป็นความผิดใคร แต่เชื้อมันมีอยู่ในอากาศ คนไข้ติดเชื้อ เสียชีวิต ใครซวยล่ะคะ ก็หมออีกล่ะค่ะ พูดแล้วเศร้า เพื่อนเราติดเชื้อจนเสียชีวิต ติดเชื้อในห้องไอซียู จากคุณ : คห.7 เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 00:56:33 A:115.87.183.123 X: TicketID:109417

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่แน่ใจว่าจริงหรือเปล่า จำได้ว่าเคยดูรายการหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว ที่หมอรายได้สูงเพื่อจูงใจให้ทำงานภายในประเทศไม่หนีไปต่างประเทศครับ เห็นว่ามีช่วงหนึ่งที่แพทย์จบมาแล้วไปต่างประเทศเกิน10% + กับกำลังการผลิตแพทย์ไม่เพียงพออยู่แล้ว จึงมีการปรับเงินเดือนแพทย์เพื่อให้ทำงานภายในประเทศ จากคุณ : karakob เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 01:07:50

ความคิดเห็นที่ 29 (ต้องขอโทษครับ ถ้าข้อความต่อไปนี้จะทำให้บางท่านขุ่นเขือง) เท่าที่รู้จักกับหมอมา ผมคิดว่า คนกลุ่มนี้ หัวดีมากครับ แต่มันไม่ได้การันตีเรื่อง EQ หรือ จิตใจ ได้ครับ  เห็นหลายคน ค่อนข้างภาคภูมิใจในความสำเร็จของตัวเอง แต่กลับดูถูกดูแคลนคนไข้ (รวมทั้งเพื่อนในอาชีพเดียวกัน) แต่ก็นั่นแหล่ะครับ  เราพบได้ทุกสายอาชีพ  แต่ผมอยากให้ ความรู้มาพร้อมกับใจที่รักในการทำงานครับ มันคงจะทำให้หลายๆสิ่งดูดีขึ้น แต่ที่แน่ๆ พวกเค้ารู้เกี่ยวกับทฤษฎี ในการดูแลสุขภาพดีมาก...แต่ตัวเองกลับไม่ได้สนใจสุขภาพตัวเองซะเท่าไหร่  เป็นห่วงคุณหมอทุกคนครับ ^__^ จากคุณ : มะลิ (Autx_mali) เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 19:37:11

ความคิดเห็นที่ 30   ต่อจากคห. 28 ค่ะ ที่ว่ามาเป็นเรื่องจริงเลยค่ะ เพราะเราเคยอ่านมาและมีหมอเล่าให้ฟังด้วย สมัยก่อน แพทย์รามาธิบดี เรียนกับอาจารย์แพทย์จากเมืองนอก เป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงอาจารย์แพทย์สมัยนั้น ก็เรียนจบจากเมืองนอกกันแทบทุกคน ก็คือ อ.จากศิริราชที่ไปเรียนต่อ รวมถึงอ.อรรถสิทธิ พ่อนายกก็เช่นกันค่ะ จบ neuro med จากอังกฤษ ดังนั้น นศ.แพทย์ยุคนั้น จะรวมถึงศิริราชด้วยก็ได้ค่ะ เพราะอ.ฝรั่งมาสอนเช่นกัน แพทย์กลุ่มนี้ จึงนิยมไปเมืองนอก เนื่องจากได้รับการศึกษาแบบตะวันตกมา มีการดิสคัส การใช้ภาษาคล่อง บางทีไปเกือบหมดรุ่น เนื่องจากขณะนั้นในเมืองไทย ไม่มีอะไรรองรับคุณภาพชีวิตของแพทย์เลย อีกทั้งหลายคนได้ไปเรียนต่อ และติดใจการใช้ชีวิตที่นั่น รวมถึงขณะนั้นอเมริกาเองก็ผลิตแพทย์ไม่ทัน และรายได้จากราชการเรียกว่าน้อยมาก เหมือนตำแหน่งอื่น ๆ เลย อาจารย์แพทย์บางท่าน ได้รับการต่อวีซ่า ให้กรีนการ์ดเป็นพลเมืองถาวรที่นั่น้ดวยซ้ำ แต่ด้วยความรักเมืองไทย ท่านเลยกลับมารับราชการในเมืองไทย และเปิดคลีนิกควบคู่กัน บางท่านไม่เปิด แต่ไปตรวจที่เอกชนแทน และสร้างชื่อเสียงให้เมืองไทย ในขณะที่อ.ฝรั่งบางท่านที่มาสอนในเมืองไทย ท่านกลับยากจนลงเรื่อย ๆ และไม่มีทรัพย์สินเลยก็มีค่ะ มาเพื่อเป็นครูจริง ๆ เรื่องพวกนี้มีแหล่งอ้างอิงทั้งหมด จนต้องแก้ปัญหาด้วยการมีคลีนิกพิเศษนอกเวลาเพื่อหารายได้เข้ารพ. และเสริมรายได้ให้แพทย์ด้วย และอ.แพทย์ไม่ต้องไปวิ่งรอกตรวจที่อื่น เรื่องของรายได้แพทย์ จึงเป็นที่ถกเถียงกันมาไม่ต่ำกว่าสี่สิบปีแล้ว ตั้งแต่เริ่มจบ ใช้ทุน จนกระทั่งมีสังกัด เรียนต่อ ใช้ทุน โอที ค่าตรวจตามเอกชน เราทำงานกับหมอ เรื่องนี้ก็ยังเป็นประเด็นเสมอ บางทีต้องเอาเข้าที่ประชุม บอกตรง ๆ ว่าเรารัก และนับถือหมอในรพ.รัฐมากจริง ๆ คนกลุ่มนี้ต้องทำด้วยใจค่ะ บางคนสับสนในชีวิต จะทิ้งเงินแสน มาเอาเงินหมื่นดีไหม ตัดสินใจสองสามเดือนก็มีค่ะ สุดท้ายก้ทิ้งเงินแสนมา ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น อยากทำวิจัย มาอยู่ใกล้ ๆ ครอบครัว รับเงินหมื่น และรับจ๊อบเอกชนแค่วีกละครั้งพอ รายได้แพทย์เป็นเรื่องที่วนเวียนไม่รู้จบ ถกกันมาสี่สิบปีแล้ว จากคุณ : คนเดิม เขียนเมื่อ : 2 ก.ย. 53 22:43:29 A:61.90.92.112 X: TicketID:109417

ความคิดเห็นที่ 31 ข้อความ คห.2 ที่ว่า "ถ้าเอามาเรียนวิศวะ พวกนี้ผมการันตีเลยว่า ถ้าคุณใช้เวลา 4 ปีเรียนวิศวะจบ พวกนี้จะใช้เวลาแค่ 2 ปี แถมเกียรตินิยมด้วย" คุณณณ!!  รู้ได้ไงครับบบบ คุณต้องดูด้วยว่า  วิศวะที่ว่ามันคณะและสถาบันคะแนนวิศวะระดับTOP1ใน3รึเปล่า ถ้าเรียงตามคะแนนแอดมิชชั่นน่ะ   ผมพูดตรงๆเป็นไปไม่ได้ที่  คนเรียนหมอถ้ามาเรียนวิศวะจุฬาแล้วจะจบภายใน2ปีแถมเกียรตินิยม ผมจะยกตัวอย่างเป็นวิศวะจุฬานะ ผมเป็นคนนึงที่มั่นใจว่า ถ้าเด็กหมอคิดจะมาจบวิศวะจุฬาโดยใช้เวลาแค่2ปี(ไม่ได้เกียรตินิยม)ยังเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ย. 53 07:31:35 จากคุณ : Dr. Manhattan เขียนเมื่อ : 3 ก.ย. 53 07:29:49

ความคิดเห็นที่ 32 คนเรียนหมอส่วนใหญ่ไม่เก่งคำนวนครับ ถ้าให้เรียนวิศวะ ผมว่าบางคนอาจเรียนไม่จบด้วยซ้ำ จากคุณ : I am เตียบ่อกี้ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 02:24:22

ความคิดเห็นที่ 33   ^ ^ ^ ^ไม่จริงครับ จะเข้าหมอได้ คะแนนแต่ละวิชาต้องดีจริง ครับ ส่วนใหญ่คณิตศาสตร์ ก็เป็นที่ทำคะแนน ที่แน่นอนครับ จากคุณ : therumo (therumo) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 53 13:13:11

ความคิดเห็นที่ 34   แฟนเก่าเป็นหมอศัลย์ประสาท รพ เอกชน ชื่อดัง ย่านสีลม ได้ สามแสน คะ แต่เหนื่อยมาก กว่าจะเรียนจบ คบกับเค้าตั้งแต่ใช้ทุนแพทย์ 6 ปี ใช้ทุน 2 ปี ที่ต่างจังหวัด กินนอนไม่เป็นเวลา มาเรียนเฉพาะทางอีก 3 ปี ไม่ใช้ทุน ใช้เงินแทน ถึงจะได้ทำงานจริงๆ เวลานั่งกินข้าวกัน ก็โดนเรียกไปดูคนไข้ จะไปไหนก็ลำบาก นอนดึก ตื่นเช้า รับผิดชอบสูง เราเป็นแฟน ยังเหนื่อยแทนเลย จากคุณ : หมิง (Chirarot) เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 12:44:55

ความคิดเห็นที่ 35   คนสติปัญญาระดับกลาง ไม่ต้องสูงส่ง ก็เรียนแพทย์ได้ และเรียนได้ดี สมัยก่อนแพทย์ไม่ได้รับความนิยมในช่วงเศรษฐกิจดี ๆ คะแนนเข้าแพทย์ไม่สูง หมอจุฬาต่ำสุดยัง 53% เอง แพทย์บางที่คะแนนต่ำ 260-270 จาก 600 ก็เข้าได้แล้ว บางคนยังจบเกียรตินิยมเลย สติปัญญาไม่ต้องสูงส่งเลอเลิศ แต่ความมีวินัยและความอดทนต่างหากที่จะช่วยให้เรียนแพทย์ได้ดี โดยเฉลี่ยแล้วแพทย์มีรายได้สูงจริง ๆ จบใหม่ก็มากกว่า C7-C8 แล้วจ๊ะ ทุกวันนี้แพทย์ยังขาดแคลน และไม่ได้ล้นหรือเกือบล้นเหมือนที่นายกแพทยสภาพูด (วงการแพทย์เป็นสมาคมวิชาชีพที่มีอำนาจสูงสุดและพิทักษ์ผลประโยชน์ได้ดีที่สุดในทุกประเทศที่เป็นทุนนิยมสุดโต่ง) จริง ๆ ปัญหาเกิดจากการกระจายตัวของแพทย์ บางซอยในกรุงเทพฯมีคลีนิคแพทย์เปิดร่วม 10 แห่ง (เป็นหมอสิวไป 8 ที่) บางโรงพยาบาลในตจว.ยังมีหมอแค่คนถึง 2 คน - ที่บอกว่าแพทย์อ่อนคำนวณน่าจะเป็นความเข้าใจที่ผิด คะแนนคณิตศาสตร์และฟิสิกส์โดยเฉลี่ยก็สูงกว่าคณะวิชาอื่น ๆ มีเพื่อนที่ตอนสอบเข้าได้คะแนนสูง ๆ เพราะเลขและฟิสิกส์ได้เกือบเต็ม แต่เรียน ๆ ไปก็ธรรมดา เพราะไม่ชอบอ่านหนังสือและท่องจำเท่าไหร่ เรียนจบก็ไม่ต่อเฉพาะทาง ตอนนี้เป็นแพทย์ GP โรงพยาบาลเอกชนเล็ก ๆ กันหลายคนทีเดียว ดูเค้าไม่ได้มีความสุขกับการเป็นแพทย์เท่าที่ควร - ที่บอกว่าสามารถเรียนวิศวะจบ 2 ปี น่าจะไม่ได้คิดเยอะ เพราะวิศวะและสายวิทยาศาสตร์มีการเรียนในระบบ pre-requisite ไม่น่าจะกระโดดข้ามขั้นได้ ทุกวิชาชีพมีความยากง่ายต่างกัน คนที่พูดเปรียบเทียบแบบมักง่าย มักเรียนปลายแถว และไม่มีความเข้าใจในศาสตร์ใด ๆ อย่างแท้จริง - แพทย์มีรายได้โดยเฉลี่ยสูง วิศวะจบกันเกร่อเพราะเปิดกันเยอะมาก ไม่มีภาพความฉลาดเฉลียวเหลือ (เว้นบางสถาบัน) แต่ถ้าจะนับที่เข้ายากและมีโอกาสเป็นผู้บริหาร รายได้ก็น่าจะเกินหลักแสนไปเยอะเหมือนกัน (มีเพื่อนจบวิศวะสามย่าน โท MBA Columbia รายได้เค้ายัง 4 แสนกว่า ๆ เลยทั้งที่แค่ 32 เอง งาน IB อ่ะ) - แอบเห็นใจบุคลากรสาธารณสุขอื่น ๆ ไม่ว่าจะพยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ฯลฯ เงินเดือนน้อยแถมงานหนักไม่แพ้แพทย์หรือทันตแพทย์ เป็นงานปิดทองใต้ฐานพระจริง ๆ จากคุณ : ภณ เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 16:50:27 A:203.172.120.227 X: TicketID:137537

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ ภณ #35 สงสัยผมคงปลายแถวมั้งครับ ม.4 ผมได้แค่เข้าค่ายโอลิมปิกฟิสิกส์ เพื่อนผมที่เข้ามาด้วยกัน เรียนวิศวะคอม เวลามันไปเรียน มันจะเข้าเรียนแค่ 2 วัน คือวันแรก กับวันบอกคะแนน แต่ได้คะแนนเป็นอันดับต้นๆ ของคลาสตลอด ในมหาวิทยาลัย TOP3 ของประเทศ เพื่อนผมอีกคนสอบติดแพทย์ (เด็กฟิสิกส์โอลิมปิกเหมือนกัน) แต่ไม่เอา มันเลือกวิศวะ มันบอก เรียนง่ายดี ในกลุ่มผม คนนึงเข้าเภสัชที่ม.แถวสามย่าน คณะใกล้สยาม มันเกียรติยมอันดับ1 แต่มันโคตรชิว แอบไปเล่นเกมส์ที่แยกเกษตรประจำ (แต่ก่อนสอบ ก็อ่านจิงจัง) เพื่อนสนิทอีกคนเข้า นิติ ม.ใกล้สนามหลวง เกียรติยมเหมือนกัน ผมก็แค่วัดจากเนื้อหาที่เรียนอะครับ ว่า 2 ปี แบบอ่านเอง แล้วไปสอบให้ผ่าน แบบไม่ต้องเรียน มันก็น่าจะเรียนจบ เมทผม เรียนวิศวะเคมี เกียรตินิยมอันดับ1 ม.TOP3 ยังให้ผมช่วยติวฟิสิกส์ให้เลย ทั้งๆที่อยู่คนละคณะ ผมมันโง่อะคับ เรียนไปก็ต้องหารายได้ไป ผมเพิ่งจะมีเิงินครบหลักล้านครั้งแรกตอนเรียนอยู่ปี4 เอง ตอนนี้คิดว่าอีกซัก 2-3 ปี คงมี 8 หลักมั้งๆๆ (ไม่ใช่ทั้งขายตรง หรือขายประกัน) ผมมันก็แค่คนปลายแถวครับ คุณ#35 ผมเห็นกระทู้ แล้วก็โกรธแทนเพื่อนๆผมหลายคนที่เรียนแพทย์ มาหาว่ารายได้สูงเกินความสามารถพวกเขา ก็แค่ความเห็นของคนปลายแถว.. ส่วนเรื่องที่เอาแพทย์ไปเรียนวิศวะจุฬา ผมว่ายังไง 2 ปีมันก็ไม่จบ อันผมไม่เถียง วิศวะจุฬาเค้าเก่งจริงครับ ผมมีเพื่อนที่เรียนที่นี่ก็หลายคน แต่ที่ว่า ผมหมายถึงวิศวะทั่วไป ที่อยู่ที่ระดับค่าเฉลี่ยของประเทศ พวกนี้เนื้อหาไม่เข้มมากเท่าวิศวะจุฬา แต่ผมว่า ถ้าเป็นระดับวิศวะท็อปๆหรือเก่งๆของประเทศ เค้าคงเข้าใจว่าทำไมแพทย์ถึงเงินเดือนสูง ไม่มานั่งเถียงกันแบบนี้หรอกครับ แก้ไขเมื่อ 06 ก.ย. 53 23:41:08 จากคุณ : shine-rise เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 53 23:14:56

ความคิดเห็นที่ 37   เราไม่มีทางรู้หรอกว่าคุณเก่งจริงอย่างที่โม้อวดหรือเปล่า แต่สิ่งที่คุณพูดไม่มีทางเป็นไปได้ ยิ่งคุณโอ่ในสิ่งที่ไม่ได้มา substantiate ข้อมูลคุณมากเท่าไหร่ คุณพยายามเพิ่มเครดิตให้ตัวคุณเอง (ปลอมๆ) มากเท่าไหร่ ยิ่งแสดงถึงความกำมะลอมากเท่านั้น พูดไปก็เหมือนยาผีบอก ที่สรรพคุณในตัวมันไม่มีใครเห็นแจ้ง เพียงแค่คนขายสำแดงอภินิหารขึ้นโชว์บนสเตจนิดหน่อย สังคมเรานี้ mountebank เยอะจริงๆ 555 จากคุณ : ภณ เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 15:54:36 A:203.172.120.227 X: TicketID:137537

ความคิดเห็นที่ 38   อ่านแล้วสะท้อนใจ คิดถึงยุคเราเอ็นท์ที่คะแนนหมอต่ำกว่าวิศวะมากโข แบบวิศวะเลือกไม่เข้าสอบสักหนึ่งวิชา ยังติดหมอจุฬาสบายๆ เฮ้อ ยุคสมัยเปลี่ยน ความนิยมเปลี่ยนจริงๆ จากคุณ : กกก เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 22:52:23 A:58.11.31.22 X: TicketID:174201

ความคิดเห็นที่ 39   ถ้าเป็นยุคนั้น คงไม่มี นศพ อีโก้สูงจนเกินพอดีอย่างคอมเมนต์ข้างบนมาพ่นอะไรให้คนสมเพช ที่บอกว่าค่าแรงมันเกินจริงน่ะ เพราะคนไปจบ Mba ดังๆ แบบ harvard, stanford จบกับมาบางทียังได้เงินเดือนไม่เท่าหมอปลายแถว (แบบคนข้างบน) ในเมืองไทยเลย คิดว่าจะเข้า Harvard, stanford มันง่ายกว่า เรียนเบากว่าเรียนหมอในประเทศโลกที่สามหรือยังไง ต้องคิดอย่างนั้นหรือป่าวถึงจะ justify เงินเดือน unrealistic ของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ใช้องค์กรวิชาชีพที่เข้มแข็ง กำหนด supply ให้มันขาดแคลนอย่างตั้งใจ เพื่อทำให้ price มันสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าปล่อยให้กลไกลตลาดจัดการด้วยตัวมันเอง คนหลงตัวเอง ยังไงมันก็คิดเข้าข้างตัวเองได้ทุกเรื่องล่ะ จากคุณ : กกก เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 22:57:48 A:58.11.31.22 X: TicketID:174201

ความคิดเห็นที่ 40 จริงๆแล้ว ผมอยากจะมองเปรียบเทียบกัน ระหว่างแพทย์ เทียบกับ พยาบาล เภสัช เทคนิคการแพทย์ มากกว่า   เพราะเห็นว่า ความแตกต่างมันมาก แต่เจอ คคห#36 แล้วยังไงๆไม่รู้แฮะ   ทำให้รู้สึกว่าวงการนี้มันเป็นแบบ คคห#39 จริงๆ จากคุณ : Miata เขียนเมื่อ : 7 ก.ย. 53 23:12:22

ความคิดเห็นที่ 41 ก็แล้วแต่จะคิด ผมก็คงพูดเว่อร์ไป หารสองละกัน #36 ก็แค่อยากจะบอกว่า รายได้มันขึ้นอยู่กับ 3 อย่าง 1.ความรู้ กับ วิธีการทำงาน 2.ความเสี่ยง 3.ความหนักของงาน กรรมกรในไทย กับ ในอิสรเอล ถึงรายได้ต่างกันเป็น เกือบ 100 เท่า ก็เพราะที่นั้นเสี่ยงตาย วิศวกรระดับ หัวหน้า กับ ลูกน้อง ทำไมรายได้ต่างกัน ก็เพราะ ความรู้ ความรับผิดชอบ(ความเสี่ยง) ต่างกัน แพทย์ทำไม รายได้สูงกว่าคนทั่วไป ก็ลองพิจารณา ทั้ง3 ปัจจัยแล้วกัน งานเค้าหนักแค่ไหน งานเค้าเสี่ยงแค่ไหน งานเค้าใช้ความรู้ความชำนาญแค่ไหน ไม่ต้องเชื่อ ในคนที่คุณรู้สึกสมเพชหรอก แค่ผมเกรียนไปหน่อย 55 ผมผิด ผมเกรียน ก็ยอมรับ ส่วนคนอื่น ไม่รู้.. ส่วนเรื่องเงินล้าน ก่อนเรียนจบ ผมก็แค่เด็กบ้าๆ ที่กู้มาร์จินจากโบรก แล้วไปช้อนหุ้นตอนมัน 400 กว่าจุด ผมทำแค่นี้ ตอนนี้เริ่มวางแผน ใช้หนี้ ที่เหลือคือกำไรชีวิต พอร์ตผมเท่าไหร่ คุณคงคำนวณได้ (ขั้นต่ำที่โบรกปล่อยกู้) ผมเริ่มลงทุนจาก 0 เมื่อ 7 ปี ตั้งแต่มัธยม อาศัยชื่อคนอื่นเปิดพอร์ต ตอนนี้ นอกจากบริหารพอร์ตตัวเอง ยังทำให้ญาติๆ แล้วก็เพื่อนสนิท จาก #2 #36 ปล. ผมเม้นอะไรแรงๆ ทำให้ท่านใดโกรธเคือง ผมก็ขอโทษด้วยละกัน ถือว่าให้อภัยเด็กๆ ช่วงนั้นของขึ้นอยู่ เหอๆ แวะมาจากห้องสินธร แต่ท่านใดว่างๆ แวะไปเยี่ยมสินธรก็ได้ แต่ผมเม้นแรงนะ บอกไว้ก่อน (แวะมาอ่านคอมเม้นตัวเอง เกรียนๆ จริงๆ 55) จากคุณ : shine-rise เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 13:22:42

ความคิดเห็นที่ 42 จากประสบการณ์ของผมเองนะครับ เมื่อตอนที่เรียนชั้นมัธยมผมตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือมากๆๆๆๆๆๆๆ ขณะที่เพื่อนผมหลายๆ คนได้กิน ได้เที่ยว ได้จีบสาว ได้ทำอะไรๆ ที่วัยมันเรียกร้องมากกว่าผมมากมาย ผมพยายามปลอบตัวเองว่าอดทนไว้ๆ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน (คือผมก้ไม่ได้เก่งหรือหัวดีมากมายนะครับ เลยต้องขยันเยอะหน่อย ถ้าเป็นคนที่หัวดีมากๆ ก็คงไม่ต้องเหนื่อยขนาดนี้) ผมว่าการหักห้ามใจตัวเองช่วงวัยนั้นมันลำบากและทรมานมากนะครับ จนผมเรียนจบหมอมา การทำงานก็ไม่ได้เบานะครับ เครียดและมีความเสี่ยงตลอดเวลา ผมคิดว่าค่าตอบแทนที่ได้รับมันก็ควรจะคุ้มค่าแก่ความเพีียรพยายามที่ผมและเพื่อนๆ หมอได้ทุ่มเทกันมาเป็นสิบๆ ปีนะครับ ผมว่าหลายๆ ท่านเมื่อสมัยเป็นเด็กๆ ผู้ใหญ่ของท่านน่าจะเคยบอกให้ขยันเรียนมากๆ จะได้เป็นหมอ เป็นวิศวะ กันมาแล้ว  พวกท่านได้เพียรพยายามพอแล้วเหรอครับ เข้าเรียนหมอ มันรับได้จำกัด ขณะที่คนอยากเข้าเรียนมันเยอะกว่ามากนะครับ ที่เห็นได้ค่าตอบแทนเป็นหลักแสนเนี่ย มันเกิดขึ้นในโรงพยาบาลเอกชนเท่านั้นนะครับ เขาต้องให้ค่าตอบแทนขนาดนั้นก็เพราะเขาต้องดึงหมอที่เก่งๆ จากภาครัฐบาลออกไปสู่เอกชนนะครับ แถมซับพลายมันก็ไม่ได้เยอะมากด้วย ขณะที่ในภาครัฐ รวมๆ รายรับก็ประมาณ 4-70000 เองนะครับ ต่างจากเจ้าหน้าที่สาขาอื่น 1-3 เท่า แตกต่างกันไปนะครับ ทั้งนี้ผมว่า รายรับของเจ้าหน้าที่สาขาอื่นก็ยังคงน้อยไปนะครับ ควรจะปรับเพิ่มขึ้นมาอีกบ้างนะครับ จากคุณ : Lord of Skeletal เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 14:28:53

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นบางความเห็นแล้วมันขึ้น ขอตอบซะหน่อย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยได้ยินว่ามีใครเรียนวิศวะแล้วจบ3ปีเลยนะ ใครจบ3ปีครึ่งได้นี่ก็เป็นตำนานเลยนะ คิดว่าถ้าคนที่เรียนวิศวะ จะไม่มีทางเด็ดขาดที่จะคิดว่ามีคนเรียนวิศวะจบใน2ปีแถมได้เกียตินิยม ยกเว้นไอ้คนนั้นมันจะโคตรๆๆเป็นอัจฉริยะ เด็กวิศวะหลายคน เก่งขนาดเข้าแพทย์ได้แต่ไม่ชอบ ก้อเลยไม่เลือก เราและเพื่อนเราบางคนทะเลาะกับที่บ้านตอนเลือกคณะ เพราะไม่ยอมเลือกแพทย์ทั้งๆที่คะแนนถึง เพื่อนเราโดนแม่โกรธไม่พูดด้วยเป็นปีเพราะเลือกที่จะเรียนวิศวะไม่เรียนแพทย์ เราเองก้อโดนแต่แค่ไม่กี่วัน อยากให้ค่านิยมนี้หมดไปเสียที สงสารเด็กเรียนเก่งที่ไม่อยากเป็นหมอ เราเข้าใจว่าแพทย์เรียนยากต้องขยันและอ่านหนังสือหนักมาก กดดันมาก เราจึงยิ่งคิดเลยว่าการที่เราต้องมาเรียนด้วยความยากลำบากขนาดนี้ มันควรจะเป็นสิ่งที่เราถนัดและชอบจะได้ทำให้เรามีกำลังใจและmotivation ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราสนับสนุนให้คนเลือกอาชีพที่เราชอบและถนัดมากกว่าที่จะต้องเลือกเป็นอะไรที่ทุกคนคิดว่าเป็นที่หนึ่งและนั่นคือดีที่สุด ก้อเพราะคนเราคิดแต่ว่าคนเก่งต้องเรียนหมอ มันเลยทำให้คนที่เป็นหมอบางคน ย้ำนะคะ ว่าบางคน เป็นหมอเพราะเค้าเรียนเก่ง ไม่ใช่เพราะเค้าอยากเป็นหมอรักษาคนจริงๆ ทุกวันนี้เราทำงานสายวิศวะมาเกือบ7ปีแล้วและไม่เคยเสียใจเลยที่วันนั้นเลือกที่จะไม่เรียนแพทย์ เราเคยมีคนรู้จักคนนึงเค้าต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนในวันที่มีม็อบบาดเจ็บ เหนื่อยก้อเหนื่อย พักก้อพักไม่ได้ เตียงไหนก้อเรียกแต่หมอ จนไม่รู้จะไปดูใครก่อน  เราว่านะหมอเค้าจะได้เงินกี่แสนก้อให้เค้าไปเหอะ มันควรแล้วล่ะ เพราะกว่าเค้าจะมาถึงจุดนี้ได้เค้าก้อต้องผ่านอะไรมาเยอะ จากคุณ : เจ้าตัวกลมกะปุ๊กลุ๊ก เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 12:16:10

ความคิดเห็นที่ 44 ชอบกระทู้นี้จริงๆๆ ครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 11:46:31

ความคิดเห็นที่ 45 พี่สาวเป็นหมอ รพ.เอกชนแห่งนึง รายได้อยู่ที่ประมาณ 5 แสนบาทต่อเดือน ทำจันทร์-เสาร์ จากคุณ : Rewritable เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 15:36:32