ความคิดเห็นที่ 1   แล้วก็พอดีอ่าน marketing pipeline แต่ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ เลยอยากถามหน่อยนะครับ ว่าหมายถึงอะไร จากคุณ : vanilla เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 16:08:45 A:58.8.95.81 X: TicketID:085159

ความคิดเห็นที่ 2 หน้าที่ของการตลาดคือ ทำให้กลุ่มลูกค้ารู้ว่าบริษัทกำลังทำอะไร มีอะไรใหม่ น่าสนใจอย่างไร และลูกค้าจะได้อะไร จากคุณ : jaminonez เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 16:22:42

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าจะขายสินค้าให้กับลูกค้าสักอย่าง... การตลาด ให้มองว่า มีเพื่อกระต้นให้ลูกค้าตามเป้าหมาย เกิดความต้องการ หรือมีความรู้สึกอยากได้ อยากเป็นเจ้าของ หรือ ทำให้รุ้สึกว่ามีความเหมาะสมกับค่าใช้จ่ายที่จะจ่ายไป โดยมองว่าทำอยู่ 2 หลักใหญ่ในการกระตุ้น คือ 1. การใช้สื่อต่างๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับรู้ 2. การทำกลยุทธ์ตางๆ เพื่อกระตุ้นความรู้สึกเมื่อสื่อต่างๆได้ผ่านไปถึงลูกค้า ส่วนการขายนั้น ก็จะใช้จุดแข็งของสินค้า ร่วมกับกลยุทธ์ของฝ่ายการตลาด รวมถึงสื่อ เพื่อเข้าไปเป็นคนกลางในการพบปะลูกค้า หรือ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เป็นสื่อมนุษย์ขององค์กร ที่จะนำเอาข่าวสารและกลยุทธ์ต่างๆ ไปประยุกต์ใช้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าตกลงซื้อสินค้า จากคุณ : Wiboon Joong (wbj) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 20:21:32

ความคิดเห็นที่ 4 Chart เพื่อแสดงให้เข้าใจตามแนวคิดของผม จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 20:22:36

ความคิดเห็นที่ 5   ขออนุญาต แค่แชร์ ประสบการณ์นะครับ ตลอดระยะเวลาเกือบ 1ปี ที่อยู่ในแวดวง ด้านการตลาดและการขาย ก็ลองผิดลองถูกมาพอสมควร จนวันหนึ่งได้ ทำProject สร้างsaleให้เป็น Marketing สร้าง Marketing ให้เป็น Sale ผลปรากฎว่า ปัญหาที่คุณพูดมาหายเป็นปริดทิ้ง สาเหตุ เพราะ การตลาดเรียนรู้วิธีการทำงาน ของเซลส์ จึงสามารถ เขียนแผนการตลาด ตอบสนองความต้องการ Sale ได้ ดีจริงๆ ครับ จากคุณ : ของเขาดีจริง (mr.areone) เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 20:41:00

ความคิดเห็นที่ 6 ^ ^ ^ อยากให้กิฟ แต่ให้ไม่ได้ ชอบคำตอบ หุหุ จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 8 ก.ย. 53 21:03:28

ความคิดเห็นที่ 7   ต้องมีแผนการดำเนินงาน ที่ไปในทิศทางเดียวกันค่ะ สมมุติว่า ถ้าบริษัทใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ low cost ฝ่ายขายก็ต้องตั้งราคาให้ต่ำตามกลยุทธ์การตลาดที่บริษัทจะนำมาใช้ ไม่ใช่ว่าฝ่ายการตลาดวางแผนใช้กลยุทธ์ราคาต่ำเพื่อแข่งขันกับเจ้าอื่นช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด แต่ฝ่ายขายกลับตั้งราคาสูง เพราะเห็นว่าคุณภาพสินค้าสามารถขายราคาสูงได้  ซึ่งหากเป็นเช่นนี้สินค้าก็สู้คู่แข่งไม่ได้เพราะขายราคาสูง เป็นต้น จากคุณ : ฉันนี้ล่ะคนไม่สวย เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 14:18:56

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณสำหรับไอเดียดีๆ ครับ ^_^ จากคุณ : นายแว่นธรรมดา เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 16:37:19

ความคิดเห็นที่ 9   คุณ คห. ที่ 7 ครับ บริษัทผมใช้กลยุทธ์นั้นละครับ low cost ตอนนี้งานหลักก็ทำแต่ตัวของราคา - - จากคุณ : vanilla เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 17:30:57 A:58.8.98.236 X: TicketID:085159

ความคิดเห็นที่ 10   ^ ^ ^ สู้ สู้ ค่ะ คุณ vanilla  กลยุทธ์นี้ท้าทายและกดดันมากทีเดียว เผลอไม่ได้เลยนะคะ กำไรหดทันที จากคุณ : ฉันนี้ล่ะคนไม่สวย เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 53 13:51:34