ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนใหญ่ทำในรูปบุคคลธรรมดา,คณะบุคคล,ห้างหุ้นส่วนสามัญนะ  ไม่ค่อยจดทะเบียนกัน ส่วนวิธีไหนประหยัดภาษีสุด คือเราต้องมีข้อมูลคุณมากกว่านี้น่ะค่ะ เช่น รายได้คุณเอง  ลดหย่อน ครอบครัวใครไม่มีรายได้บ้าง ฯลฯ  จึงจะคอบได้ จากคุณ : เจ๊วรรณา เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 20:16:45

ความคิดเห็นที่ 2 ภาษดังกล่าวต้องเสีย 2 ส่วนครับ 1 ภาษีโรงเรือน เสีย 12 % 2 ภาษีเงินได้ ภาษีตามข้อ 1 ผู้ให้บริการควรแยก เป็นสองส่วน 1.1 ค่าเช่าห้อง 1.2 ค่าบริการ (ค่าเฟอร์นิเจอร์ /ค่าน้ำ/ค่าไฟ/บริการ) สมมุติ เดิม คุณ เก็บค่าห้อง 3000 คุณต้องเสีย 12% จาก 3000 คุณก็แยกค่าห้อง เป็ฯ 1500 บาท คุณก็เสีย 12% จาก 1500 บาท การที่เราไม่มีผุ้เช่าเต็มตลอดเวลา เราต้องแจ้ง ท้องถิ่นหรือสรรพากร ทุกๆ เดือน ว่าแต่ละเดือนมีผู้เช่า จำนวนเท่าไหร่ มิเช่นนั้นจะคิด 100% ส่วนภาษีในข้อ 2 ขึ้นอยู่กับรายได้ รวม ถ้ามีรายได้รวมมากๆ การเสียภาษี แบบนิติบุคคล ถือเป็นทางเลือกที่ถูก เพราะคุณสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามจริง ซึ่งรวมถึงค่าก่อสร้างด้วย แต่ถ้า จดแบบบุคคลธรรมดา จะคิด แบบเหมาจ่ายหัก 30% และคิดภาษีจาก 70% ของรายได้แบบ ขั้นบันใด แบบบุคคลธรรมดาครับ จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 20:55:41

ความคิดเห็นที่ 3 ในส่วนของที่ดินให้เช่า ตามกฏหมาย หากเช่าในระยะยาวเกิน 4 ปี (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) จะต้องไปจด จำนอง ที่ กรมที่ดิน และเสียภาษีให้กรมที่ดิน จำไม่ได้ว่ากี่ % ส่วนรายได้ ที่ได้มาก็เสีย ตามปรกติ วิธีการที่เห็นกันโดยทั่วไปก็คือ การจด สัญญา หลายฉบับ ล่วงหน้า เช่น เช่า 30 ปี ก็จะจด ใบละ 3 ปี โดยกำหนดวันเริ่ม และวัน หมดสัญญาในระยะ 3 ปี ทั้งหมด 10 ฉบับ จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 21:03:52

ความคิดเห็นที่ 4 ทั้งนี้ในการ ทำทั้งสอง กรณี ไม่เป็นการผิดกฏหมายแต่อย่างใด และนิติกรรมที่เกิดขึ้น มีผลทางกฏหมาย จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 21:04:36

ความคิดเห็นที่ 5 มาอ่าน จากคุณ : PICCANINNY'S DAD เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 21:08:00

ความคิดเห็นที่ 6   การวางแผนภาษี ไม่มีรูปแบบ ที่แน่นอนหรอกครับ แผนของใคร ก็แผนของคนๆนั้น ไม่ใช่จะเหมาะสำหรับคนทุกคน เพราะแผนที่ดีนั้น จะขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายตัว เป็นส่วนสำคัญ ทั้งที่ควบคุมได้ และ ไม่สามารถควบคุมได้ บางครั้ง ตัวแปรที่ควบคุมได้ ก็อาจจะกลายเป็นตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้ ถ้าการวางแผนผิดเวลา ตัวแปร ที่ผมเอ่ยถึงเช่น ขนาดอาคาร จำนวนห้อง ที่ดิน กรรมสิทธิ์ ราคา อัตราค่าเช่า สัญญาก่อสร้าง ต้นทุนทางการเงิน ประวัติรายได้ของผู้บริหาร ฯลฯ อีกมาก ส่วนเวลาที่ดีที่สุด ของการวางแผน คือ ก่อนที่จะเรื่มดำเนินโครงการ ตามแผนที่วางไว้ คำถาม ที่ หาคำตอบยาก เนื่องจากไม่ทราบตัวแปรบางตัว อาจทำให้คำตอบนั้น ผิดพลาดได้ จากคุณ : วิช เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 21:28:44 A:114.128.103.40 X: TicketID:121481

ความคิดเห็นที่ 7 ขอให้รายละเอียดเพิ่มเติมนะครับ สมมุตินะครับว่า สมาชิกในบ้านรวมทั้งผมมีรายได้จากงานอื่นอยู่ ทุกคนมีรายได้และเสียภาษีในฐานภาษีที่สูงอยู่แล้ว รายได้จากค่าเช่าประมาณ 12 ล้านบาทต่อปี (5000บาทต่อห้อง จำนวนห้อง 200 ห้อง) ย้ำอีกทีนะครับว่ารายละเอียดข้างต้นเป็นเหตุการณ์สมมุติ ถ้าจดทะเบียนในรูปบริษัท แล้วเราจะได้รับเงินจากที่บริษัทเก็บมาได้ยังไงครับ ไม่เคยไม่บริษัทเลยไม่รู้ครับ เคยได้ยินบางคนบอกว่าพอจดเป็นรูปบริษัท ก้อต้องให้บริษัทจ่ายเราเป็นลักษณะเงินเดือนกับเงินปันผล แต่พอจ่ายมาที่เรา เราก้อโดนภาษีอีกกลายเป็นว่าเสียภาษี 2 ต่อเลย แล้วเรื่องขอคณะบุคคล เราสามารถจดทะเบียนแล้วให้คณะบุคคลเป็นคนรับรายได้แทนเราหลาย ๆ คณะได้หรือเปล่า ห้างหุ้นส่วนสามัญจะต่างกับการจดแบบคณะบุคคลหรือเปล่า ก้อเลยไม่รู้ว่าที่เค้าทำกัน เค้าทำกันยังไงถึงดีที่สุดครับ จากคุณ : mr. joe เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 21:55:22

ความคิดเห็นที่ 8 รายได้จากค่าเช่าประมาณ 12 ล้านบาทต่อปี (5000บาทต่อห้อง จำนวนห้อง 200 ห้อง) ด้วยค่าใช้จ่ายของห้อง ขนาด 200 ห้อง ย่อมมีค่าใช้จ่าย 1 ค่าบำรุงรักษา 2 ค่าดูแลพนักงาน 3 ค่าอื่นๆอีกมาก โดยปรกติ แล้ว ด้วยเงินขนาดนี้เจ้าของ มักจดในนามบริษัท โดย จ่ายเงินให้ เจ้าของเป็นเงินเดือน และอาจจ่ายให้คนในครอบครัวเป็นเงินเดือนด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น ค่าน้ำมัน ค่าผ่อนรถที่จดทะเบียนในนามบริษัท สามารถนำมาหักค่าเสื่อมได้ทั้งหมด บ้าน ก็หักได้ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ หักได้หมด หากจดในนามบริษัท หมายความว่า หักค่าใช้จ่ายให้มากที่สุดเท่าที่มากได้ ที่เหลือ จ่ายภาษี 30% แล้วก็กลับมาเป็น ผลกำไรของบริษัท ในส่วนของเงินเดือนบุคคลธรรมดา ถึงแม้จะเสียภาษีแล้ว แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่า หากต้องนำมาเสีย 30% ในนนามบริษัท จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:21:52

ความคิดเห็นที่ 9 อ้อผมมีเรื่องที่ จะบอกตกลงไป ในกรณีที่เจ้าของ ทำขนาด 200 ห้อง เจ้าของย่อม ไม่นำเงินสดตนเองมาทำทั้งหมด ต้นทุนค่าก่อสร้างทั้งหมด ทำมาหักเป็น ค่าใช้จ่าย ดอกเบี้ย จ่ายก็ นำมาหักภาษีได้ ในกรณีที่ กู้อย่างเหมาะสมแล้ว ดอกเบี้ย ที่เกิดขึ้น นั้นจะไม่ไม่มีต้นทุน จากการกู้ เพราะ นำมาหักภาษีได้หมด ในการหักภาษี การก่อสร้างนั้น ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก สามารถหัก เป็นขาดทุนสะสม และเมื่อกิจการ ยังขาดทุนอยู่ จึงไม่ต้องเสียภาษี 30 % แต่ รายได้ นำมาจ่ายเป็นเงินดือน ให้กับ เจ้าของกิจการแทน พอจะเห้นภาพมั้ยครับ จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:40:33

ความคิดเห็นที่ 10 นิติบุคคล รายได้ 12 ล้าน หักค่าใช้จ่ายทั่วไป 2 ล้าน จ่ายเงินเดือนให้เจ้าของ (500,000 x 12) 6 ล้าน เหลือกำไรทางบัญชี 4 ล้าน เสียภาษีนิติบุคคล 30% 1.2 ล้าน เหลือกำไรสุทธิ 2.8 ล้าน เอากำไรมาจ่ายปันผล 2.8 ล้าน เจ้าของมีรายได้ เงินเดือน 6 ล้าน เงินปันผล 2.8 ล้าน รายได้รวม 8.8 ล้าน เสียภาษีบุคคลธรรมดา 37% 3.256 ล้าน สรุปเสียภาษีรวม (1.2+3.256) 4.456 ล้าน แต่ถ้าเอาเป็นรายได้บุคคลธรรมดา จะเสียภาษี 12ล้าน*37% = 4.44 ล้านซึ่งก้อยังถูกกว่า   ยกเว้นว่าหาวิธีหักค่าใช้จ่ายได้เยอะ ๆ เปิดเป็นรูปบริษัทถึงถูกกว่าถูกมั๊ยครับ     จากคุณ : mr. joe เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:42:53

ความคิดเห็นที่ 11 เริ่มจะเห็นภาพขึ้นเรื่อง ๆ แล้วครับคุณ Nopparat_r1 จากคุณ : mr. joe เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 22:44:07

ความคิดเห็นที่ 12 ในนั้นยังไม่หมดอ่ะครับ ยังหักค่าเสื่อมได้อีก แล้วยังมี หัก ที่ผ่อนชำระกับธนาคารอีกครับ ในนั้น ผมคิดว่าค่าใช้จ่ายมันต่ำเกินไปครับ อย่างบริษัทผม เจ้านายซื้อรถเบนซ์ ซื้อตู้โฟล์ค ปลูกบ้าน ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าซื้อคอมพิวเตอร์ ค่าเงินเดือนแม่บ้าน(ส่วนตัว) ที่บ้าน พวกนี้นำมาหักภาษีหมดครับ พอใช้รถ ครบ 10 ปี หักค่าเสื่อมหมด หักภาษีไม่ได้แล้ว ก็ขายยย แล้วก็ซื้อใหม่ มัน ออกมาเป็นรูปแบบทรัพย์สินอื่นๆ นอกจาก ตัวเงินน่ะครับ แทนที่ จะ นำรายได้หลังหักภาษี มาซื้อ ก็เอารายได้ก่อน หักภาษีมาซื้อ พูดง่ายๆๆๆ ถ้าเทียบกับบุคคลธรรมดา ต้องซื้อด้วยเงินตนเอง แต่ถ้าซื้อในนาามบริษัท ก็คือ นำเงินที่ต้องจ่ายภาษีนั่นแหล่ะมาซื้อ จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:06:00

ความคิดเห็นที่ 13   ขอแจมบ้างน่ะครับ เอาแบบ ตัวเลขสมมุติบ้างน่ะครับ ผลสรุปเลยล่ะกัน สมมุติ ต้นทุนอาคารขนาด 200 ห้อง ประมาณ 100 ล้าน ค่าเสื่อมราคา fix cost 5% 5 ล้าน ต่อปี 20 ปี หมด ตกแต่งและเฟอร์ ประมาณ 10 ล้าน ค่าเสื่อมราคา 20 % ต่อปี fix cost อีก 2 ล้าน ต่อปี 5 ปีหมด รายได้ ประมาณ 12 ล้าน ต่อปี (อาจไม่ถึง 100 % เอาแค่ 80 % ประมาณ 10 ล้าน) แบ่งเป็น ครึ่ง เช่าอสังหาฯ ครึ่ง เช่าเฟอร์ฯ (ประหยัดภาษีโรงเรือน) สรุป จดแว็ตในส่วนเช่าสังหาฯ เฉลี่ยภาษีซื้อ ค่าก่อสร้าง และเฟอร์ฯ คืน ครึ่งหนึ่ง ได้คืน ประมาณ 3.85 ล้าน (เก็บจ่ายแว็ต เดือนล่ะประมาณ 5 ล้าน *7 % ประมาณ 3.5 แสนต่อปี จ่ายได้ ประมาณ 11 ปี รายได้ ประมาณ 10 ล้าน ต้นทุนค่าเสื่อมอาคาร fix cost 20 ปี ประมาณ 5 ล้าน ต้นทุนค่าเสื่อมเฟอร์ฯ fix cost 5 ปี ประมาณ 2 ล้าน ค่าใช้จ่ายอื่นๆเช่น เงินเดือน ไฟฟ้าส่วนกลาง ยาม ฯลฯ อีก ประมาณ 1-2 ล้าน ต่อปี สรุป กำไร เหลือ นิดหน่อย ได้ระยะยาวพอสมควรทีเดียว ปล.ทุกอย่างสมมุติขึ้น ข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร ไม่อาจตอบได้ จากคุณ : วิช เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:31:18 A:114.128.103.40 X: TicketID:121481

ความคิดเห็นที่ 14 มาลงชื่อดูครับ จากคุณ : โดดเดี่ยวในบ้านหลังใหญ่ เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:51:54

ความคิดเห็นที่ 15 ^^^ ^^ ^ อยากให้กิฟ แต่ VAT ก็มาเก็บกับผู้เช่าแหล่ะครับ เจ้าของ อพาร์ทเมนท์ ไม่จ่ายหรอก แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 53 00:04:12 จากคุณ : Nopparat_r1 เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 53 23:53:14

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าขนาดเยอะแบบ ที่ยกตัวอย่างมา  การทำในรูปนิติบุคคลจะดีกว่าจริงคะ แต่ถ้าหากว่า  ห้องจำนวนน้อย  อย่างไรก็มองว่า จ่ายแบบเหมาของบุคคลธรรมดา หรือ หสม. จะดีกว่า ซึ่งต้องลองเขียนข้อมูลเปรียบเทียบดูนะคะ จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 00:33:07

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้ารายได้ต่อปี ไม่เกิน 1 ล้าน ทำในชื่อบุคคลจะดีกว่า แต่ถ้ารายได้เกิน 2 ล้านต่อปี แล้วยังทำในชื่อบุคคล เมื่อ สรรพากร มาเยื่อน  และ ตรวจสอบได้ หายนะจะมาเยือน  เนื่องจากต้องเข้าระบบ vat ความผิดย้อนหลังเพียบ การทำเป็นนิติบุคคล และ เข้าระบบ vat หาก scale ใหญ่ และจัดการเป็น โดยรวมจะดีกว่า ลองสังเกตง่ายๆ  apartmet ขนาดเล็กๆ 30-50 ห้อง กว่า95%จะอยู่นรูปบุคคลธรรมดา แต่ถ้าขนาดใหญ่ๆ สัก 80ห้องขึ้นไป ก็จะกลายเป็นบริษัทหมดแล้ว จากคุณ : มีประสบการณ์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 09:08:38

ความคิดเห็นที่ 18 ^ ^ ในส่วนของ เช่าห้องพัก  ตามกฎหมายแล้วตรงนี้ได้รับการยกเว้น vat แต่ว่า  การให้บริการ ค่าเช่าเฟอร์นิเจอร์ ค่าบริการ ค่าน้ำ ค่าไฟ หากรวมรายได้เกินปีละ 1.8 ล้านบาท  ต้องมี vat ดังนั้น  แม้รายได้รวมจะเกิน 2 ล้าน แต่ก้ไม่ต้องจดvatเพราะ เช่าเฟอร์ไม่ถึงกำหนด  เมื่อจ่ายในรูปบุคคลธรรมดาก็ไม่มีความผิดนะคะ อ้างอิงจากคำวินิจฉัยของศาล http://www.rd.go.th/publish/23236.0.html แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 53 11:06:59 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 53 10:26:38 จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:11:55

ความคิดเห็นที่ 19 กระทู้ดีมี ความรู้มากๆๆๆๆๆ ครับ จากคุณ : okb เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:48:10

ความคิดเห็นที่ 20 ดีครับ กำลังอยากรู้พอดี แล้วการเสียภาษีในรูปแบบบุคคลธรรมดาต่างกับ หสม.ยังไงครับ จากคุณ : กระต่ายแป้นแล้น (กระต่ายแป้นแล้น) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 11:34:15

ความคิดเห็นที่ 21 จดในรูปแบบบริษัทนี่พอเข้าใจแล้วครับ ถ้าเยอะห้องหรือรายได้เยอะคุ้มกว่ามาก ขอถามต่อนะครับ ถ้ารายได้ไม่สูงมาก จะจดทะเบียนแบบไหนดีกว่า ระหว่าบุคคลธรรมดา, คณะบุคคลและห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล แล้วข้อแตกต่างของคณะบุคคลกับห้างหุ้นส่วนเป็นยังไง แล้วถ้าเป็นแบบบุคคลธรรมดา มีวิธีจัดการด้านภาษียังไง กระจายรายได้เป็นหลาย ๆ คนได้หรือเปล่า ขอคำแนะนำครับ จากคุณ : mr. joe เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 19:20:32

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นบริษัทมีดีกว่าที่คุณคิดเยอะนัก ประหยัดภาษีได้มาก เป็นเครดิตในการขอสินเชื่อ และอื่นๆอีกมากมาย บริการจดบริษัทและรับทำบัญชี ภาษี วางแผนภาษี ทุกประเภท ติดต่อได้ที่เพ็ญรุ่ง 0839785633 (สำนักงานบัญชี) จากคุณ : เพ็ญรุ่ง (น.ส.บัญชี) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 53 11:19:36