ความคิดเห็นที่ 1 อยากเป็น HR สิ่งแรกที่ต้องทนได้คือ รับเงินเดือนต่ำ ๆ ได้ครับ จบมาใหม่ ๆ สายนี้ยากมากที่จะเกินหมื่น ยกเว้น ไปอยู่บริษัทใหญ่จริง ๆ ภาษาเป็นสิ่งสำคัญครับ ถ้าอยากก้าวหน้าในสายนี้ภาษาต้องได้ด้วย และ ต้ิองรับแรงกดดันสุด ๆ ได้ครับ บางที่ HR คนเดียว ทำมันทุกอย่างเลย อย่าลืมนะครับ คนแรกที่พนักงานแผนกอื่นด่าก็คือ HR และ คนแรก ๆ ที่เจ้านายจะด่าก็คือ HR เช่นเดียวกันครับ จากคุณ : chang_kung เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 14:36:34

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าต้องการเริ่มจากศูนย์และพร้อมรับความกดดัน ส่ง resume มาที่ tetetzo@msn.com ครับ จากคุณ : neo (เกาลัดและพุทรา) เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 16:07:27

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นกำลังใจให้นะครับ ผมก็ถือว่าโชคดีที่ได้มาอยู่ในบริษัทใหญ่ๆ ทั้งๆที่ไม่ได้ภาษาเลย เงินเดือนก็ประมาณ 27k ขอให้ตัั้้งใจฝึกด้านภาษาให้มากๆนะครับ จากคุณ : CamuriBOY เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 16:36:00

ความคิดเห็นที่ 4 อยาก HR ด้านไหนล่ะครับพี่ท่าน จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 21:23:57

ความคิดเห็นที่ 5 อยากได้ด้านสรรหา ครับ จากคุณ : นักวิจัยฝุ่น เขียนเมื่อ : 4 พ.ย. 53 23:14:28 A:124.120.166.180 X: TicketID:167696

ความคิดเห็นที่ 6 ผมอายุเท่ากันกับ จขกท เลยครับ เรียนคณะเดียวกันอีก แต่คงคนละมหาลัย และก็ทำงาน HR เหมือนกัน ตอนแรกผมไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับงานด้าน HR  สิ่งแรกที่ผมทำก็คือหาหนังสือมาอ่าน หรือเปิดเน็ตอ่าน ดูขอบเขต ทำความรู้จักเกี่ยวกับงาน HR ว่ามีอะไรบ้าง เพราะมันแยกออกไปอีกหลายอย่างอยู่นะ HR เนี่ย หลักๆก็ทั้งสรรหาว่าจ้าง พัฒนาฝึกอบรม สวัสดิการ ค่าจ้างเงินเดือน อย่างน้อยจบใหม่ไม่ตรงสายอีกด้วย เวลาสัมภาษณืงานเกี่ยวกับงานจะได้ตอบเขาได้ เขาจะได้ดูเหมือนว่าเราอยากทำงานด้านนี้จริงๆนะครับ ^^) ยังไงก็เป็นกำลังให้ครับ ส่วนผมทำงานมาได้ 4 เดือนละ ตอนนี้อยากออกมาก 555+  งานว่างเกินนน.. ไม่ค่อยท้าทายสักเท่าไรเพราะทำแต่ฝึกอบรม แต่ก็พอรู้ระบบงานอื่นอยู่บ้าง แต่ตอนนี้อยากทำควบคู่ทั้งสรรหากับฝึกอบรมเลยครับ ...    สู้ๆครับ จากคุณ : มาริอ้วน เขียนเมื่อ : 5 พ.ย. 53 19:40:24

ความคิดเห็นที่ 7 โฮะๆ ผมทำสรรหาฯ ครับ ตอนแรกผมก็มีความรู้ HR แค่หางอึ่ง แต่ผมก็ใฝ่รู้หาหนังสืออ่าน หยิบตำรามาทวน เปิดเน็ตเหมือนคุณมาริอ้วนเหมือนกัน อยากบอกว่างานท้าทาย แต่งานหนัก สุดๆครับ แต่ข้อดีคือมันไม่ซํ้าซากจำเจเหมือนบางสายงานของ HR ที่นั่งประจำอยู่แต่ออฟฟิศ ความยากที่สุดของงาน HR ผมว่าน่าจะเป็นฝ่ายฝึกอบรมนะครับ เพราะพวกสายฝึกอบรม เห็นส่วนมากแต่ละคนนี่เก่งๆทั้งนั้น (แถมต้อง จบ.โท) ส่วนสายสรรหาฯ หรือ recruit นะเหรอ อันนี้ก็ต้องมาดูอีกว่าฝ่ายสรรหาฯ น่ะเค้าแบ่งสายย่อยลงไปอีกยังไง ตั้งแต่ฝ่าย Admin  ฝ่าย support recruiter ฝ่าย sourcing ตัว recruiter เองก็มีระดับไปอีกว่า recruiter ฝ่ายไหน (จะมีฝ่ายที่หาทั้งฝ่่ายบริหารจัดการ หรือพวกตำแหน่งระดับสูง) มีฝ่ายระดับปฏิบัติการที่หาพนักงานระดับ Staff เป็นต้น แต่อยากจะบอกว่าถ้าคุณจะเป็น recruit คุณต้องรู้ก่อนว่า คุณสมบัติของ recruiter มีอะไรบ้าง ตั้งแต่ทักษะการดูคน การทักษะการเจรจาต่อรอง ลูกล่อลูกชนดีไหม ไหวพริบดีไหม คุมคนได้รึเปล่า  ต้องประสานงานเก่ง หูตาไว ที่สำคัญต้องเข้าหาผู้ใหญ่ได้ (เพราะต้องประสานงานกับระดับหัวหน้างานตลอด ) สิ่งสำคัญคือต้องเก็บความลับได้ (อันนี้รู้สึกเราจะพูดมากไปปะ 555) คุมอารมณ์ได้ บุคลิกดี มาดนิ่ง ต้องดูดี เพราะเป็นหน้าตาองค์กร ต้องมีใจรักการบริการ (ลูกค้าของ recruiter คือ candidates หรือผู้สมัคร และองค์กรที่กำลังขาดคน) ต้องใฝ่รู้ (ถึงคุณไม่ใฝ่รู้องค์กรก็จะจับคุณไปฝึกอบรมเอง) แต่อย่างที่บอก งานมันยากเพราะหาคนให้ตรงกับงานน่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่าย คุณจะแบกรับความกดดันได้ไง กับความรู้สึกที่แบกเอาไว้ใจ ว่าเราเหมือนให้ความหวังคน ต้องหาตำแหน่งลงให้กับผู้สมัครให้ได้ แล้วถ้าเขาไม่เหมาะกับเรา และไม่มีตำแหน่งว่าง เราจะถนอมนํ้าใจผู้สมัครยังไงให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันก็ต้องปิดยอด vacancy ให้ได้ตามเวลาที่กำหนด กับความรู้สึกถึงอำนาจตัดสินใจบางอย่าง อยู่ที่ปลายปากกาของเรา ... แต่ที่สำคัญ recruiteต้องรู้ Job description ต้องรู้โครงสร้างตำแหน่งงานองค์กร ลักษณะงานขององค์กร โดยรู้อย่างเป็ด (รู้ครอบจักรวาล) ต้องแม่นสวัสดิการ กฎหมายแรงงาน การคิดเงินเดือน (ตามโครงสร้างคูณตามสูตร อัดด้วย counter offer) อย่างเราทำ recruit ในรอบ 1 เดือน ทำหน้าที่ซะแท่บทุกอย่าง บางทีก็ต้องเป็นนักการตลาด - ต้องไปล้วงลูกถึงธุรกิจองค์กรคู่แข่ง ไปสำรวจพื้นที่ จะ hunt คนจากไหน ยังไง ... - ต้องไปสำรวจพื้นที่ วิเคราะห์ตลาดว่ากลุ่มเป้าหมายของคนที่จะไปหา จะไปทำการ PR ได้ที่ไหน วางแผน จะจัด jobfair ที่ไหน ประมานการผู้สมัคร ฯลฯ - ต้องทำ presentation เสนอนาย (เบิกค่านํ้ามันกระจุย) บางทีก็ต้องวิเคราะห์ปัญหา ทำ Action plan - ต้องวางแผนการทำ PR ว่าจะใช้ AD ยังไง ประชาสัมพันธ์ที่ไหน ช่องทางไหน ผ่านสายตามากสุด ช่้องทางไหนคุ้มค่าที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้ิองไปเิกิน budget ตั้งแต่ใบปลิว (ใครจะแจก หรือจะจ้างเด็กแจก แต่ระวังเด็กมันเอาไปทิ้งถังขยะล่ะ) โปสเตอร์กระดาษ A4 (ระวังเทศกิจจับ) รถแห่ (ระวังเทศกิจจับอีกเหมือนกัน) เดินขบวน เดินแห่ ... เว็บไซต์ (เว็บไซต์ก็มีหลายระดับ  หลายลูกค้าอีก ตั้งแต่ jobtopg- ยันจ๊อบบางกอก หนังสือพิมพ์ ฉากจะใช้ป้ายผ้า หรือไวนิล ป้าย (จะใช้ roll up หรือ back drop) ประชาสัมพันธ์สถานศึกษา มหาลัย ... หรือแม้แต่ไปที่ สนง แรงงาน สนง จัดหางาน (เข้าไปคัดรายชื่อด้วยมือได้อย่างเดียวนะจ๊ะ) ต้องหารายชื่อ ทำการโทรตามผู้สมัคร ทำการพรีเซนต์องค์กร อธิบายลักษณะงาน ฯลฯ แล้วก็ไปนั่งรับสมัคร สัมภาษณ์ ประสานงานกับหัวหน้าต้นสังกัด ทำการสัมภาษณ์ เสร็จเซ็นสัญญาจ้าง สัญญาคํ้า นัดทำ test ตรวจ test ตรวจ Blacklist ฯลฯ .... กลับมาสรุปข้อมูล วิเคราะห์ ตรวจเอกสารขึ้น Payroll ประสานงานการเริ่มงาน เช็คว่าพนักงานใหม่ไปเริ่มงานรึเปล่า ประสานงานกับทาง HRD / Training ตอนขั้นตอนส่งเอกสารขึ้นไป ณ แหล่ะ ส่งไปทาง payroll แล้วก็โดนตีเอกสารมา .... (แอบปวดตับ - -) (recruiter อย่างผมชอบเป็นไม้เบื่อไม้เบากับทาง payroll ) เพราะ HR ฝ่ายสรรหาฯ ไม่ได้มีอำนาจใหญ่คับฟ้าขนาดจะพิจารณาให้เงินเดือนเท่าไหร่ก็ได้ (ทาง Payroll เองก็มีระเบียบปฏิบัติของเค้าเหมือนกัน) แล้วที่แย่กว่าบางทีทาง Payroll ก็จะโวยกับ recruit ในกรณีที่ ผู้สมัครมาเริ่มงานแล้วตามเอกสารไม่ได้ - - ซึ่ง recruiter ก็ต้องตามไปสับกับทาง Admin อีกที .... (จะออกเงินเดือนให้ได้ไง สมุดบัญชียังไม่มา) ปลายสัปดาห์ต้องส่งอัตเดตตำแหน่งว่าง (update vacancy report) อัพเดตติดตามพนักงานที่ต้องรับ( tracking manpower) ...... ว่ารับแล้วกี่ % คิดเป็นจำนวน x จาก y ของ manpower บางสัปดาห์คุณจะอยู่ office นั่งโต๊ะ บางสัปดาห์คุณจะต้องออกไปลุยข้างนอก คุณจะเก่ง excel ขึ้นทันตาเห็น สูตรเสริชอะไร แป๊ปเดียวเก่งหมด บ่นมายังเหนื่อยเองเลย - - แต่บอกอย่างว่าถึงงานหนักก็สนุก (จริงๆงานมีเยอะแยะกว่านี้อีก 5555) แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 53 01:51:50 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 53 00:57:29 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 53 00:56:52 จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 00:41:44

ความคิดเห็นที่ 8 HR ฝ่ายสรรหา จริงๆแล้วดูเหมือนใหญ่โต จริงๆแล้วฝ่ายเราก็มีหน้าที่หาคนเข้าทำงานกับองค์กร ไม่ได้มีอำนาจใหญ่โตอะไรเลย ถึงจะรู้โครงสร้างพนักงาน โครงสร้างองค์กร แม่นในเรื่องฐานเงินเดือนทุกฟังก์ชั่น (อย่างน้อยก็ยกเว้นเจ้าของกิจการ) แต่ฝ่ายสรรหา เองก็มีกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติ หน้าที่หลังการบรรจุจ้างเป็นพนักงาน ตั้งแต่การออกเงินเดือน การปรับเงินเดือน(หลังบรรจุ) การจ่ายเงินค่าจ้าง การจ่ายสวัสดิการ การฝึกอบรม รวมถึงแรงงานสัมพันธ์ เป็นหน้าที่ฟังก์ชั่นของพี่น้องฝ่ายทรัพยากรบุคคลแผนกอื่น ซึ่งทางคนที่ทำงานฝ่ายสรรหาก็เองก็ไม่ได้แม่นพอที่จะรู้ระบบงาน HR ได้ทุกอย่าง แต่ แต่ ในสายตาคนภายนอกที่ไม่ได้สัมผัสกับงาน HR จะมองพวกเราว่า เราต้องรู้ทุกเรื่อง รู้ทุกอย่างในองค์กร  ต้องใหญ่โตพอสมควร แต่เปล่าเลย ผมก็ไม่ได้รู้งาน HR ส่วนอื่น เวลาหลังการว่าจ้าง สิ่งที่พนักงาน(ที่ไม่ค่อยได้สัมผัสมักคุ้นกับ HR ฝ่ายอื่น มีปัญหาไร จะเข้าหา ฝ่ายสรรหา บ้างพอสมควร) มีทั้งยกมือไหว้ยามเจอหน้า (เอ็งเป็นใครฟะ.... ) ชวนกินเบียร์ (เย้ยยย) บ้างก็มาระบายปัญหาการเมืองในเรื่องทำงาน (เห็นตูเป็นแรงงานสัมพันธ์ซะงั้น) บ้างก็มาขอย้ายสายงาน (เย้ย ...ผิดคนแล้วเอ็ง...) ซึ่งบางทีการที่เราเป็น recruiter สำหรับองค์กรใหญ่ แน่นอนว่าเวลางานเรามีจำกัด การประสานงานระหว่าง HR ฝ่ายอื่นทำได้ลำบาก (พนักงานในองค์กรมีเพียบเลย ....) บางครั้งการติดต่อธุรกิจบางอย่างก็จะติดต่อผ่านเบอร์ฝ่ายสรรหาซะด้วยซํ้า ก็เล่นไปโฆษณาประชาสัมพันธ์เบอร์ไว้ในที่สาธารณะหนิ (เคยเจอไหม ประกันโทรมาหา Recruiter) ที่เล่ามาทั้งหมด อาจเป็นแค่เศษเสี้ยวประสบการณ์การทำงาน HRฝ่ายสรรหาของผมในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่จะบอกว่า ผมภูมิใจที่งานของผมทำให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ผมภูมิใจที่ทำให้คนได้มีงานทำ  เวลาเดินเข้าไปเจอพนักงานที่เราสัมภาษณ์ได้เข้ามาทำงานแล้วเค้าดีกับเรา เราก็รู้สึกดีครับ ... ป.ล ถ้าจะสรุปสั้นๆให้เข้าใจคืองานทุกงานใน HR มีความสำคัญเหมือนกันหมด งาน Recruitment เปรียบเหมือนการหาวัตถดุบ หากวดทราย การหาเพชรให้กับองค์กร (จะไปล่าสุดยอดอัญมณีมาจากไหน) งาน Development หรืองาน Training ก็น่าจะเปรียบเป็นการทำทรายให้เป็นแก้ว การสกัดหินให้เป็นเพชร และการเจียระไนเพชรให้เป็นสุดยอดอัญมญี ผู้ให้เข้าใจง่ายๆก็คือปั้นลูกหม้อให้องค์กรน่ะเอง งาน HR สายงานอื่น ก็น่าจะเป็นการรักษาสุดยอดอัญมณีให้คงอยู่ต่อไปกับองค์กรนานๆล่ะครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 53 01:48:44 แก้ไขเมื่อ 06 พ.ย. 53 01:19:59 จากคุณ : อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ เขียนเมื่อ : 6 พ.ย. 53 01:17:26

ความคิดเห็นที่ 9 ช่วงนี้ว่าง แนะนำให้เรียน Excel กับ Access เพิ่มครับ ต้องใช้งานเกี่ยวกับฐานข้อมูล รู้จักสร้างหรือแก้ไข รับรองได้เปรียบแน่ครับ จากคุณ : BenzSLK500 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 10:10:12

ความคิดเห็นที่ 10 อยากจะบอกว่างานที่มีความกดดันอย่าไปทำนะครับ มันจะทำให้เราเครียดไม่มีความสุข ถ้าใครอ่อนแอรู้ตัวอีกทีก็หมดความมั่นใจในตัวเองไปแล้ว จากคุณ : HMC เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 16:27:55