ความคิดเห็นที่ 1 อ่านแล้วอึ้ง .... นับว่า เป็นบริษัท(ระบบครอบครัว)ที่แฟร์พอสมควรเลยนะ ผมเชื่อว่า ถ้าคุณยังพัฒนา การบริหารแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆไม่หยุดยั้ง บริษัท(ระบบครอบครัว)ของคุณ จะต้องยิ่งใหญ่กว่านี้เป็นแน่แท้ ไม่มีคอมเม้นท์ใดๆให้ครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ สู้ๆ จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 01:53:32

ความคิดเห็นที่ 2 เพิ่มเติมอีกนิดนึงนะครับ บริษัทระบบครอบครัว จะมีเรื่องจุกจิกเยอะ  โดยเฉพาะเรื่อง "เจ้านายหลายคน"  พ่อสั่งอย่าง แม่สั่งอย่าง ลูกสั่งอีกอย่าง  พี่เขยของน้องแม่สั่งอีกอย่าง หรือ.. ยกตัวอย่างเช่น พนักงานขนของ  ถ้าเป็นบริษัทเต็มรูปแบบ เขามีหน้าที่ขนของ ใช่ม่ะ แต่ถ้าเป็นระบบครอบครัว  พนักงานขนของ จะ... พ่อ... "เฮ้ย..ไปซื้อโอเลี้ยงให้หน่อย" พี่.... "ไปส่งจดหมายให้หน่อย" น้าเขยป้าสะใภ้ .. " ไปล้างห้องน้ำให้หน่อย "   หัวหน้างาน .. " เฮ้ยเมื่อไหร่จะขนของให้เสร็จวะ "     ( โดนใช้ไปนู่นมานี่ แล้วกรูจะทำงานเสร็จได้ไงวะ...) ฯลฯ แค่ยกตัวอย่างเฉยๆนะครับ (เท่าที่เคยเห็น) จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 02:03:45

ความคิดเห็นที่ 3 มียูนิฟอร์มให้ใส่ฟรี 6 ชุด 6 สี ผ้าอย่างดี เปลี่ยนให้ใหม่ทุกครึ่งปี พนักงานใส่เสื้อผิดสี(มีกำหนดสีในแต่ละวัน จันทร์ถึงศุกร์) โดนปรับ 20 บาท เข้ากองกลางพนักงานเอง บริษัทไม่ได้ ส่วนพ่อเรา ผิดทีไร โดนปรับร้อยนึง...ใส่ผิดสามครั้ง พนักงานโทรสั่งพิซซ่ากิน... อันนี้ชอบค่ะ ไอเดียเริ่ด ถามว่าควรเพิ่ม - ลดอะไร เราว่าถามโดยตรงกับพนักงานดีกว่ามั้ยคะ ให้เค้าเขียนมาก็ได้ ไม่ต้องลงชื่อ แล้วข้อไหนที่คุณว่าให้ได้ คุณก็ให้เลย ถ้าคิดว่าไม่ได้ หรือไม่แน่ใจ เอามาถามคนในห้องนี้อีกที อาจจะได้คำแนะนำเพิ่มขึ้นค่ะ จากคุณ : :: VamleS :: เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 04:50:36

ความคิดเห็นที่ 4 ซื้อออฟฟิศใหม่ดีกว่าค่ะ แต่ภาพรวมแล้ว คุณเป็น เจ้านายที่ท่าทางแฟร์กับลูกน้องมากเลย^^ จากคุณ : cat_on_a_hot_tin_roof_ เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 06:09:28

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับผมแล้ว คำว่าแฟร์แปลว่าพอใจ เราไม่ได้พูดถึงกฏหมายนะครับ เพราะเป็นมาตรฐานที่้ต้องมีอยู่แล้ว แฟร์แปลว่าพอใจ ถ้าพอใจก็แฟร์ จะย้ำไปย้ำมาทำไม 555 การตกลงจ้างงานเป็นระบบพอใจเป็นพื้นฐาน ถ้าพอใจก็จบ ที่คุณทำอยู่ก็ดีอยู่แล้ว บริษัทใหญ่ๆนรกจะตาย ผมทำมาแล้ว ระบบครอบครัวดูง่ายซะอีก ใครใหญ่ใครเล็ก แต่ระบบบริษัท... ผู้จัดการกับเอ็มดียังไม่แน่เลยว่าใครจะคุ้มกะลาได้ 555 จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 06:40:44

ความคิดเห็นที่ 6 ทำงานวันเสาร์ ไม่หนักหรอก  ถ้าหนัก ก็ออกไปรับราชการ วันหยุดน้อย ถ้าทำตามกฏหมายแล้วก็ไม่เป็นไร เจ้าของบริษัทเลือดร้อน  เรื่องปกตินะครับ ไม่มีวันหยุดให้ตายตัวพิจารณาตามความเหมาะสม  ก็ดีแล้วนิครับ สถานที่คับแคบ และไม่สวยเหมือนออฟฟิศในละคร  แต่ทำเงินได้ ก็ ok สรุป เป็น บริษัทเล็กๆ ที่ดีมากเลยนะครับ งานสบายกว่าทำงานนิคมอุตสาหกรรมแน่ๆ ถ้าทำอะไรที่ยุติธรรม โปร่งใส ชัดเจน ก็ไม่น่าห่วงอะไร อย่าเอาพนักงานเป็นหลัก  ต้องเอาเราเป็นหลักครับ พนักงานถ้ารับไม่ได้ก็จะออกไปเอง มันจะ balance กันอย่างนี้แหล่ะ ถ้าตามพนักงาน จะตามไม่รู้จบ จากคุณ : Professor เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 07:00:53

ความคิดเห็นที่ 7 เสาร์ เว้น เสาร์หรือมีวันลาตายตัวดีกว่าจะได้เป็นระบบมากขึ้น มีการฝากเงินกองทุนร่วมกันเช่น ลูกจ้าง 5% บริษัท 5% หากลูกจ้างอยู่3หรือ5ปีขึ้นไปจะได้ส่วนของบริษัทแต่ถ้าออกก่อนระหว่างนั้นจะได้เฉพาะส่วนของลูกจ้าง..เวลาลูกจ้างออกไปจะได้มีเงินติดตัวไปมั้งเป็นเงินเก็บของเค้าอ่าคะ จากคุณ : takai1987 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 08:04:10

ความคิดเห็นที่ 8 เท่าที่อ่านมา คุณก้แฟร์มากพอสมควรกับพนักงงานของคุณนะ คงหาได้น้อยบริ๋ษัทเล็กๆ บริษัทครอบครัวจะให้อะไรกับพนักงานมากขนาดนี้ มีข้อเสนออย่างนึง อยากฝากให้พิจารณา นี่อาจเป้นเหตุผลหลักของพนักงาน ลูกจ้าง ไม่ว่าบริษัทใหญ่หรือเล็ก เรื่องวันหยุดครับ ใครๆก้อยากทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ จะได้มีวันหยุดไปทำอะไร มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์เต็มที่ การหยุดงานแค่วันเดียว มันบั่นทอนกำลังใจการทำงานในระยะยาวสำหรับลูกจ้าง มีวิธีมากมายที่จะเพิ่มวันหยุดให้เขา แต่งานยังดูแลกันได้ เช่นหยุดทุกเสาร อาทิตย์ แต่วันธรรมดาขอเป้นชั่วโมงทำงานยาวขึ้น จากเดิม 8 โมงถึง 5 โมงเย็น อาจเป้น 8 โมงถึง 6 โมงเย้น หรือลองหยุดเสารเว้นเสาร์ก้ได้ หรือเดือนนึงเพิ่มวันหยุดสักเสารนึง นายจ้างอาจบอกตัวเขาเองก้ทำงาน 6 วันเหมือนกันนะ มันต้องคิดคนละแบบกันนะ นายจ้างเจ้าของกิจการทำมากก้ได้มาก ได้ตัวเขา แต่ลูกจ้างพนักงานไม่มีหุ้นส่วน ไม่ได้ปันผลแบบเนื้อๆ ได้แต่เงินเดือน ผลตอบแทนคอมมิสชั่นต่าๆง แค่นั้น สมมุติกำไรปีละ 5 ล้านนายจ้างก้อาจเอาไว้ในหุ้นส่วนด้วยกันสัก 70-80% แล้วที่เหลืออาจเป้นโบนัสพนักงาน ก้แค่เสนอแนะนะ โดยรวมคุณก้ให้อะไรกับพนักงานในระดับที่ดีอยุ่แล้ว จากคุณ : IPHONE-9 เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 08:05:01 A:199.64.0.252 X: TicketID:275368

ความคิดเห็นที่ 9 เข้ามาอ่านด้วยคนครับ ไม่มีความเห็นเพราะยังเป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ เข้ามาทำบริษัทของอากู๋ที่ตอนนี้พ่อทำอยู่ (อากู๋ ปู่ๆ กลับบ้านเก่าหมดแล้ว) บริษัทของจขกท. มีระบบที่ดีกว่าบริษัทของผมมากๆเลย พ่อผมออกจะเก่งงาน แต่ไม่เก่งคนเท่าไรนัก จากคุณ : sacrifar เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 10:27:46

ความคิดเห็นที่ 10 เราเคยทำงานอยู่กับบริษัทครอบครัวแบบนี้เหมือนกัน แต่ยังไม่ดีเท่าที่บริษัทคุณเลย...ส่วนใหญ่ปัญหาจะอยู่ที่ มีเจ้านายเยอะ คนนู้นสั่งอย่าง...คนนี้สั่งอย่าง ถ้ายิ่งเจ้านายเยอะ ลูกน้องจะยิ่งปวดหัว ไหนจะต้องทำหน้าที่ของตัวเอง ไหนจะต้องทำ ตามใจเจ้านาย แบบว่าประมาณกำลังทำงานของตัวเองอยู่เจ้านายอยาก กินนู่น กินนี่ ลูกน้องก็ต้องรีบไปซื้อให้ แล้วงานก็ไม่ค่อยจะเป็นระบบสักเท่าไหร่ (บริษัทที่เราเคยอยู่นะ) จะเป็นระบบแบบตามใจชั้นมากกว่า เวลาเข้าประชุม แต่ละีที เราฟังพ่อ-ลูก เถียงกันบ่อยไป (ไม่รู้ทำไมไม่เถียงกันให้จบก่อนค่อย- มาประชุมไม่ได้หรืองัย) แล้วบางทีพวกลูกน้องที่อยู่มานาน...น น น ก็ใหญ่คับ ออฟฟิตจิง ๆ แบบว่าแทบจะแตะไม่ได้เลย ยิ่งถ้าเป็นเซลล์ของออฟฟิต เก่านะ แทบจะว่าอะไรไม่ได้เลย คนเก่า ๆ ที่ทำงานจิง ๆ คล่อง ๆ ก็ทำให้ตายเลย ส่วนคนเก่าบางคน ขาด/ลา/สาย เป็นกิจวัตร เค้าก็ยังเลี้ยงอยู่นะ ถือว่าเป็นคน เก่าแก่ แต่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพแต่เจ้านายรัก พวกที่ทำจิง ๆ ก็เลยต้องทำให้ ตายไปเลย แบบว่าบ่นมาเยอะง่ะ จากประสบการณ์จิง ๆ เลยนะ เราทำอยู่บริษัท แบบครอบครัวมา 8 ปีเต็ม (ตอนนี้ลาออกแล้ว) มาอยู่บ้านแบบว่าเบื่อ พวกที่ ไม่ค่อยจะทำงาน แต่ว่าเจ้านายรัก ส่วนเราทำให้ตายก็ไม่มีผลงานอะไร เลยท้อ แต่ก็ทนอยู่มาตั้งนาน จนหมดความอดทน ก็เลยออกมาซะเลย....จบ...ข่าว.เฮ่อ จากคุณ : tukko (tukkookkai) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 11:18:50

ความคิดเห็นที่ 11 คห. 10  "คนเก่า ๆ ที่ทำงานจิง ๆ คล่อง ๆ ก็ทำให้ตายเลย ส่วนคนเก่าบางคน ขาด/ลา/สาย เป็นกิจวัตร เค้าก็ยังเลี้ยงอยู่นะ ถือว่าเป็นคน เก่าแก่ แต่ทำงานไม่มีประสิทธิภาพแต่เจ้านายรัก พวกที่ทำจิง ๆ ก็เลยต้องทำให้ ตายไปเลย" ที่บ.ผมก็เป็นครับ แต่ออกแนวว่าอยู่มานานเก่า แก่แล้วด้วย ซื่อสัตย์แต่ไม่เก่ง ทำงานก็แบบคนแก่หลงๆลืมๆ งานมั่วเยอะ เดือดร้อนพี่ๆเพื่อนร่วมงานหลายคนต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นมาก ดีแค่พ่อผมไว้ใจเพราะแกซื่อสัตย์ ดูเรื่องการเงินอยู่ จากคุณ : sacrifar เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 11:52:07

ความคิดเห็นที่ 12 จริงๆ พวกรัฐบาลเขามีนโยบายวันหยุดประจำปีที่กำหนดออกมาได้ ผมคิดว่าเขาน่าจะมีนโยบายให้เท่าเทียมกันเกี่ยวกับเรื่องวันหยุด เช่น ข้อกำหนดว่าทุกบริษัท ไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ หากก่อตั้งในประเทศไทย จะต้องให้ลูกจ้างทำงานเพียง 5 วันต่ออาทิตย์ 8 ชั่วโมงต่อวัน (หากใครทำเสาร์-อาทิตย์ เช่นคนทำงานในห้างก็อาจจะหยุดวันธรรมดาแทน) หากเกินเวลาให้ถือว่าเป็นการทำ OT ต้องจ่ายค่าแรง 1.5 - 2 เท่าของค่าแรงรายชั่วโมง ผมว่าแนวคิดนี้ทำให้คนหางานไม่ต้องมานั่งเลือกงาน ย้ายที่ทำงานบ่อย เพราะเรื่องทำงาน 5 วัน หรือ 6 วัน แต่นโยบายนี้กลับไม่มีใครสนใจ จริงๆ ผมเชื่อว่าหากรัฐบาลมีนโยบายออกมาจริงจังล่ะก็ ทุกบริษัทก็คงต้องทำตาม เพราะถือว่าออกมาในแบบกฎหมาย แต่ในโลกความเป็นจริง คนทำงาน 6 วัน ส่วนใหญ่เป็นบริษัทเล็ก ได้เงินเดือนน้อยกว่าคนทำงาน 5 วันด้วยซ้ำไป นอกจากธุรกิจส่วนตัว จากคุณ : bigzaa เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 20:30:08

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทุกความเห็นมากค่ะ ที่บริษัทฯ แทบไม่เคยให้พนักงานทำงานส่วนตัวของเจ้านายเลย นอกซะจากพิมพ์โพยแชร์นานๆครั้ง^^ คนส่งของ ไม่เคยโดนเรียกไปซื้อของส่วนตัวที่ไม่ใช่ซื้อเ้ขาบริษัทฯ ไม่ใช่ว่าเจ้านายดี แต่เพราะส่งของให้ลูกค้าเองก็แทบไม่ทันแล้วค่ะ เรื่องสวัสดิการ เคยออมเงินให้พนักงานเก่าแก่ค่ะ (ก็แอดมินสี่ห้าคนที่อยู่มานมนาน) แต่พอเงินในบัญชีถึงห้าหมื่น ทุกคนบอกว่าตัดออกมาเป็นรายเดือนดีกว่าค่ะ เลยสตาฟไว้ที่ห้าหมื่น ตอนนี้กะว่าจะเชียร์ใ้เอาไปซื้อสลากออมสินอยู่ เรื่องโอทีมีให้ค่ะ คิดเกินเรทด้วย ให้ตั้ง 2 เท่าของค่าแรงปรกติ เหตุผลคือ คำนวณง่ายดี (พ่อบอก) เช่น ทำครึ่งวัน เอาคาแรงไปวันนึง ทำหนึ่งวันเอาค่าแรงไปสองวัน ปัญหาใหญ่ที่สุด น่าจะเป็นเรื่องวันหยุดค่ะ เพราะวันเสาร์ลูกค้าเราไม่หยุด แถมขายดีด้วย เพราะลูกค้าต้องซื้อสินค้าตุนไว้วันอาทิตย์ที่บริษัทหยุด ขนาดแค่ตอนเริ่มพักกลางวัน 1 ชม.(เมื่อก่อนสมัยบริษัทเล็กๆมีสามสี่คน ใครว่างก็ออกไปกินข้าว ผลัดกันไปไม่มีพักเที่ยงแ่นอน ตอนหลังเรามาวางระบบการพักให้ปิดออฟฟิศปิดไฟไปเลยตอนเที่ยง) ลูกค้ายังต่อว่ามามากเลย ว่าโทรมาสั่งของไม่ได้ ไม่สะดวกเลย แต่หลังๆเสียงโทรศัพท์ก็น้อยลงตอนพักเที่ยงละ อนาคต ถ้าคนมากพอ อาจจะลองให้ทำงานหยุดเสาร์เว้นเสาร์ดูบ้าง ไม่รู้จะไหวมั้ย... เราไม่ต้องการคนเก่ง จบปริญญาค่ะ เพราะเท่าที่เรียกสัมภาษณ์ ตอนมาสมัครหลายคนมานั่งหนีบ หนีบจริงๆนะ พูดจาราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง ผิดกับน้องปวส.บางคน พูดจาฉะฉานประสบการณ์งานหลายปี เรียนไปทำงานไป หนักเอาเบาสู้ อีโก้ไม่มี เคยเจอเด็กจบใหม่บางคน ไม่เคยทำงานเพิ่งเรียนจบ ตอนสัมภาษณ์ถามว่าลงบัญชีเป็นมั้ย น้องเค้าตอบแบบหนีบๆว่า ก็"น่าจะ"ได้นะคะ พอดูเงินเดือนที่ต้องการ เรียกมา 12,000 ถึง 15,000 โห อย่างงี้สู้รับเด็กสู้งานมา เราสอนงานเอง แล้วถ้าพอไปได้ เราส่งเรียนต่อดีกว่า ยังรับฟังความคิดเห็นเรื่อยๆนะคะ เผื่อมีบางไอเดีย บางปญหา เราสามารถนำไปพัฒนาต่อได้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ จากคุณ : lisi_xiaojie เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 20:56:50

ความคิดเห็นที่ 14 ตอบตามตรง ถ้าเทียบกับบริษัทครอบครัวทั่วๆไปด้วยกัน บริษัทของคุณนี่ไม่ธรรมดาแล้วล่ะครับ มีระบบและสวัสดิการที่ดีมาก จนของผมเทียบไม่ติด  ผมคิดว่าภาย 2-3ปีนี้ถ้าผมทำได้เท่าคุณนี่ก็สุดๆแล้วครับ ผมคิดว่าเท่าที่บอกมานี่ก็น่าจะหาคนทำงานด้วยได้ไม่ยากแล้วล่ะ แต่ถ้าถามว่ามีอะไรต้องปรับปรุง  ถ้าเทียบกับบริษัทข้ามชาิติ(เท่าที่ผมเคยทำงานมา) ก็ยังมีอีกหลายอย่างครับ  แต่จริงๆก็ไม่ควรไปเทียบอะไรเพราะรายได้ กำไร อะไรก็ต่างกันลิบ ระดับคนที่มาทำงาน จบ ตรี โท เอก จากเมืองนอก็ต้องมีอะไรหลายอย่างที่จะดึงคนไว้  ที่เห็นก็เช่นการให้หุ้น (stock option), ให้รถพร้อมน้ำมัน, ลาพักร้อนปีละ 12 วัน สะสมได้ไม่เิกิน 2ปี, ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุหมู่, ทุนเรียน, ระบบการเทรนนิ่ง, ห้องพยาบาล, ห้องสมุด, ลาเรียน, ทุนเรียนต่างประเทศ, ห้องออกกำลังกาย ห้องฟิตเนส, หรือเว่อๆแม้แต่ห้องซ้อมดนตรี ห้องดูทีวีแบบในโรงหนัง ลุ่วิ่ง หรือสมาชิกสนามกอฟ ก็เคยเห็นมาแล้ว จากคุณ : หนุ่มครบเครื่อง (หนุ่มครบเครื่อง) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 21:46:24

ความคิดเห็นที่ 15 @คุณหนุ่มครบเครื่อง ไม่เลยค่ะ  หาพนักงานใหม่ทุกเมื่อเชื่อวัน ขาดคนจริงๆค่ะ ถึงขนาดเคยจับได้ว่ามีพนักงานทุจริตขโมยของไปขาย ยังเอาออกไม่ได้เลย เนื่องจากขาดคนจริงๆ ได้แต่ให้พนักงานคนอื่นไปแย้มๆเตือน ให้รู้ว่าเราเองก็รู้แล้วนะ สุดท้ายก็ให้เค้าเขียนใบลาออกไป(หลังจากจับได้เป็นเดือนๆ!!!) ส่วนพนักงานจัดของ ส่งของนี่ มีดีแค่ฝ่ายละคน ที่เหลือ เช้าชามเย็นชาม แถมอีกหลายขวด(เหล้า) กลุ้ม ทำไมคนสมัยนี้ไม่คิดถึงอนาคตตัวเอง ไม่ได้สนใจว่าตัวเองทำเท่าไหร่ คิดแต่ว่าจะต้องได้เท่าไหร่... บางคนไล่ออกแล้ว ร้องไห้ฟูมฟายมาของานทำก็ให้กลับมาทำ พอกลับมาทำก็จับได้ว่าขโมยอีก กลุ้มใจ... จากคุณ : lisi_xiaojie เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 22:01:03

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ lisi_xiaojie ครับ คนทุจริต ต้องตัดทิ้งไปเลย ถ้าทำมากหน้าเกลียดก็จับดำเินินคดี แจ้งความไปเลย จะได้ไม่มีใครเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ลองหาพนักงานที่สำนักประกันสังคมนะครับ มีเด็กใหม่ จบ ปวช ปวส ตรี กำลังหางานแล้วหาลงชื่อไว้มากครับ  เงินเืดือน 9000 สำหรับadmin หรือเสมียนนี่จัดว่าสูงแน่นอน แนะนำให้มีระบบเงินประกันไว้ที่เรา โดยเราคิดดอกเบี้ยเงินฝากให้ เก็บสัก 50% ของเงินเดือน  ถ้าเป็นบริษัทใหญ่ๆอันนี้ก็คือเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่บริษัทจะหักไปเดือนละ 2-5% แล้วทางบริษัทก็จะสมทบให้ คนทำงาน 5 ปีขึ้นไปจะีมีเงินกับบริษัทร่วมๆแสนหรือหลายแสนเลยครับ ไม่มีใครอยากออกก็ออกแน่ๆครับ ผมยืนยันนั่งยันว่า บริษัทของคุณดีกว่าอีกหลายๆบริษัทแน่ครับ เพียงแต่คุณยังหาคนไม่เจอเท่านั้นเอง จากคุณ : หนุ่มครบเครื่อง (หนุ่มครบเครื่อง) เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 22:39:57

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณค่ะ คุณหนุ่มครบเครื่อง ตอนนี้พนักงานแอดมินเต็มอัตราแล้วค่ะ ไม่มีที่จะนั่งแล้ว ถึงแม้ว่าจะอยากได้มาทำงาน HR ซักคนก็เหอะ ที่ขาดก็พนักงานจัดของ ขับรถส่งของน่ะค่ะ ไม่รู้จะไปหาที่ไหนดีแล้ว จากคุณ : lisi_xiaojie เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 22:56:00

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องงานคงไม่แนะนำ เพราะคุณน่าจะรู้ดีกว่า เรื่องที่จะแนะคือ พยายามคิดแบบง่ายๆแบบพื้นฐาน ว่าบริษัทเล็กและใหญ่ต่างกันหลักๆตรงๆไหน เช่น 1. ทุกคนอยากมีบ้าน มีรถ คนทำบริษัทเล็กๆ เวลาไปกู้ซื้อบ้าน ซื้อรถ ทำสินเชื่อไม่ได้ รายได้น้อยไป เอกสารที่แบงค์อยากได้ไม่มี ทำให้กู้ไม่ได้ ถ้าคุณสามารถคุยกับแบงค์ได้ว่าจะหักเงินเดือนพนักงานส่งให้ แต่ขอเงื่อนไขพิเศษ เช่นดอกเบี้ยต่ำ วงเงินกู้สูง ก็จะไม่ต่างกับบริษัทใหญ่ๆที่ได้เงื่อนไขนี้อยู่ 2. มีเงินกู้ฉุกเฉิน ให้เป็นสวัสดิการสำหรับพวกที่ทำมาแล้วครบ 1 ปี คิดดอกเบี้ยถูก ผ่อนไม่เกิน 12 เดือน เป็นต้น ประยุกต์เอานะครับเช่นอยู่นาน ความประพฤติดี ได้เยอะ ดอกถูก ประมาณนี้ คนเราเวลาเดือดร้อนกู้แบงค์ไม่ได้ นอกระบบก็โหด ถ้าบริษัทช่วย จะดึงคนไว้ได้ 3. ให้คนในครอบครัวพนักงานด้วย หลายครั้งพนักงานต้องการออก แต่ครอบครัวอยากให้อยู่ เพราะงานศพเค้าก็ช่วยและให้หยุดได้ตั้งหลายวัน งานแต่งเค้าก็ช่วยและให้หยุดไปฮันนิมูนด้วย ปีใหม่มีงานก็ให้พนักงานเอาครอบครัวมาได้ มีให้ทุนการศึกษาลูกพนักงาน ของแบบนี้ไม่ได้เกิดบ่อย ถ้าคุณให้คุณได้ใจคนทั้งครอบครัว แล้วพนักงานทุกคนก็จะเอาไปพูดอย่างภูมิใจ เพราะบริษัทใหญ่ยังไม่ให้เลย จริงๆมีอีกเยอะ แต่แค่ข้างบนน่าเอาไปต่อยอดได้พอควร จากคุณ : ปลาทู เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 23:02:01 A:58.8.130.211 X: TicketID:116053

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณค่ะ คุณปลาทู ขออีกหลายข้อได้มั้ยคะเป็นไอเดียที่ดีค่ะ ^^ ข้อ 1 ที่บริษัทสามารถออกใบรับรองเงินดเือนได้ตามจริงค่ะ พนักงานหลายคนก็นำไปกู้ซื้อบ้านซื้อรถกันอยู่ โดยพนักงานรุ่นเดอะ เก่าแก่จริงๆบางคน คุณแม่เราเซ็นต์คำ้ให้ด้วย รวมไปถึง ส่งลูกค้าเรียนด้วย แต่เน้นย้ำว่า พนักงานเก่าจริงๆนะคะ คือ มาทำงาน แต่งงานกันในร้านเนี่ย จนตอนนี้ลูกโตแล้ว วิศวะปี 2 เราก็เอามาช่วยงานตอนปิดเทอม แต่กับพนักงานใหม่ๆ เราไม่ได้ส่งลูกแล้วค่ะ เพราะส่วนมากเค้าฝากเลี้ยงลูกกันที่ต่างจังหวัด ข้อ 2 เคยทำ และทำอยู่  ไม่เคยคิดดอกด้วย แต่ไม่อยากจะทำแล้วค่ะ เพราะคนที่ไม่รู้จักใช้เงิน กู้เท่าไหร่ก้ไม่พอค่ะ พนักงานบางคน เงินเดือนหลักหมื่นต้นๆ แต่มีหนี้กับทางบริษัทเป็นแสนๆ เดี๋ยวญาติพี่น้องมาเอาบ้าง ผ่อนอิออนแล้วโดนดอกเบี้ยบ้าง ทำให้เรารู้สึกว่า การให้เงินไม่ใช่สิ่งที่ถูกเสมือไป น่าจะสอนการใช้เงินมากกว่า หลังๆ ถ้าไม่จำเป็นถึงขนาดเจ้าหนี้นอกระบบมายืนขู่ฆ่าหน้าบ้านก้ไม่ให้ยืมแล้วค่ะ โดยเฉพาะพนักงานส่งของ จัดของ ยืมไปทีไร ไม่เคยคืนหมดซักที บางคนต้องเชฺญให้ออกโดยยกหนี้ให้ด้วยซ้ำ ข้อ  3 ปรกติงานเลี้ยงบริษัทพาครอบครัวมาได้อยู่แล้วค่ะ แต่เรื่องช่วยงานศพ งานแต่งเนี่ย หลังๆต้องพิจรณา เพราะเคยเจอพนักงาน ไปเผาย่า 2 หน สงสัยลืมมั้ง ว่าเคยไปเผาแล้วรอบนึง ยังมาลา และขอเบิกไปเผาอีก อันนี้ก็ต้องอัญเชิญออกไป... แต่ถ้าพบรักและแต่งในบริษัท อย่างต่ำก็ 3 คู่แล้วค่ะ ส่วนคนอื่นๆก็ทำงานก่อน แล้วพาภรรยาตามมาทำงานด้วย รวมๆ ในบริษัท มีอยู่ 5 ครอบครัวละ...ลูกๆทุกคน คุณแม่จะซื้อขนมมาฝากเวลากลับจากเมืองนอกค่ะ แต่หลังๆ พอเด็กโต ก็น้อยลงแล้ว พนักงานเก่าๆบางคนดีมาก บอกไม่ต้องส่งลูกเค้าเรียนแล้ว เค้าส่งเองได้ ไม่อยากรบกวน เพราะได้มาเยอะแล้ว พนักงานแบบนี้ มาอีกไม่ได้เหรอ... แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องวันหยุด ฮันนีมูน หยุดพิเศษ ให้ไม่ได้จริงๆค่ะ ขาดอัตรากำลังศึก ถ้าให้คนนี้หยุด เดี๋ยวคนนั้น คนโน้นก็หยุดอีก...บริษัทคนน้อยค่ะ ทุกวันนี้ บางวันคนมาครบ ยังแทบไม่ทันเลย จากคุณ : lisi_xiaojie เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 23:17:52

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านแล้วชอบเลยค่ะ เพราะบริษัทคุณค่อนข้างคล้ายบริษัทแม่เราเลย แต่ก่อนเปิดบิลมือ ตัดสต๊อกมือ นับแต้มสมาชิกมือ พอเราจบมาทำที่บริษัทแม่เราก็เปลี่ยนใหม่หมด เอาโปรแกรมเข้ามา พอยอดถึงเป้ามีincentiveให้ต่างหาก ให้แม้กระทั่งPC ยันคนงานพม่า ถ้าถึงเป้าใหม่ก็ไปกินกัน มีใส่เสื้อให้ตรงตามวันด้วยนะ ใครใส่ไม่ตรงปรับ10หรือ20บาท จำไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้เหนื่อยมากๆ เพราะพนักงานขายออก แล้วเค้าเป็นคนที่เปิดร้านทุกเช้าด้วย ตัวเองก็เลยต้องมาเปิดร้าน แต่เช้าเองทุกวัน 2เดือนมาแล้วที่ยังไม่ลงตัว อันนี้ขอบ่นนะค่ะ หน้าที่ตัวเอง ทั้งขาย ทั้งซื้อ ทั้งทำPromotion ทั้งสอบราคา ทั้งทำราคาพิเศษให้ลูกค้า ทั้งช่วยหาคน เหนื่อยมากๆค่ะ เวลาวันหยุดก็ให้พนักงานหยุดก่อน แล้วเราค่อยไปหยุดทีหลัง ตอนนี้มีปัญหาเรื่องคนขาดค่ะ ได้พนักงานขายใหม่มาดูเข้าท่าก็มีปัญหา เรื่องเงิน พี่ๆบัญชีก็ต้องมาช่วยกันสลับกันขาย หาพนักงานยากมากเพราะร้านตั้งอยู่ถ.ราชพฤกษ์ ไม่มีรถเมล์เลย พนักงานขายที่รับมาเมื่อ2เดือนที่แล้วที่ว่ามีปัญหา วันนี้ก็บอกว่าจะออกอีก เราก็คุยกับเค้าว่าทำไมไม่แจ้งล่วงหน้า คุยไปคุยมาร้องไห้ตรงนั้นเลย ระบายให้พนักงานกับPCฟังว่าเราเหนื่อยจริง ก็ขอร้องให้เค้าอยู่ช่วยงานก่อน จากคุณ : beluko (Beluko) เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 53 21:27:24

ความคิดเห็นที่ 21 @ คุณbeluko สู้ๆนะคะ ปัญหาเรื่องคน เป็นปัญหาคลาสสิคของบริษัทอยู่แล้วไม่ว่าเล็กหรือไหญ่ แต่ถ้าเป็นบริษัทเล็กๆ จะเจอปัญหาเรื่องการหาพนักงานมากกว่า โดยเฉพาะถ้าทำเลเดินทางลำบากด้วยแล้ว อันนี้คล้ายๆของเราเลยค่ะ วันนี้พนักงานที่โกดังก็เพิ่งจะออก เมื่อวานเข้าไปประชุมงานก็ยังดีๆ วันนี้ อยู่ดีๆมาบอกจะออก ออกวันนี้ด้วย บอกที่บ้านไม่มีคนช่วยงาน (แล้วทำไมไม่บอกล่วงหน้า???) มาออกตอนสิ้นปีต้องเช็คสต๊อกแบบนี้ เราล่ะกลุ้ม อ้าว กลายเป็นมาบ่นให้ฟังซะงั้นละ 555   ยังไงก็สู้ต่อไปนะคะ เราเองโชคดีกว่าคุณตรงที่งานส่วนมากเราเป็นงานที่แก้ปัญหา วางระบบ เราแทบไม่เคยลงไปลงมือเองเลย ได้แต่นั่งดูเค้าทำงานแล้วหาสาเหตุของปัญหาให้ งานเลยไม่หนัก แต่เหนื่อย เหนื่อยตรงที่ต้องคิดๆๆๆๆ บางทีเอาปัญหากลับมานอนคิดทั้งคืน นอนไม่หลับไปอีก อยากบ่นอะไรอีกก็หลังไมค์มาได้นะคะ^^ จากคุณ : lisi_xiaojie เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 53 23:16:46

ความคิดเห็นที่ 22 คุณให้มากพอแล้วค่ะ อย่าให้เหมือนดิฉันเลยค่ะ เราให้ไปเกินกว่ากฎที่วางไว้ ก็อยากได้เพิ่มอีกๆ มีคำถามค่ะ จะทำอย่างไรกับพนักงานที่ทุจริตค่ะ แบบขโมยของ ชอบโยนความผิดให้คนอื่น คอยยุแยงให้พนักงานคนอื่นไม่มีความสุขในการทำงาน จนกลายเป็นต่อต้านและทำให้เขาต้องลาออกไป เพื่อที่ตัวเองจะได้ขโมยของต่อ เขาขโมยแนบเนียนมากค่ะ ไม่มีหลักฐานเลยมีแต่พยาน เลยไม่รู้จริงๆ ว่าจะจัดการอย่างไร จากคุณ : Geebi เขียนเมื่อ : 15 ธ.ค. 53 18:50:56