ด้วยพระราชดำรัชของพ่อ สู่เป็นแนวทางในการประกอบธุรกิจเล็กๆของผม
|
|
เนื่องได้ใกล้จะถึงวันพ่อ จึงอยากจะเขียนบรรยายเกี่ยวกับพระราชดำรัสของพ่อหลวง ที่ตัวผมเองได้ใช้ในการประกอบธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ ธุรกิจที่ผมทำเป็นร้านกรูมมิ่งเล็กๆ และขายอาหารสัตว์เลี้ยง เคยประสบปัญหาหลายด้าน ทั้งด้านตัวคนทำงาน การเงิน รายได้ที่ไม่ตามเป้า จนเกิดความท้อแท้หลายครั้ง สิ่งที่ผมต้องทำให้ได้เพราะมันเป็นสิ่งที่ผมคาดหวังว่าต้องทำ คือ ธุรกิจผมนั้นผมให้แฟนดูแลและเราเองนั้นเป็น คนคอยช่วยเหลือสนับสนุน ทั้งความคิดและการเงิน สิ่งที่ต้องเป็นได้การสอนแฟนของเราให้สามารถคิดและทำความคิดเป็นเชิงธุรกิจให้ได้ เพราะแฟนผมนั้นได้ลาออกจากการเป็นพนักงานเงินเดือนออกมาทำ แต่กับผมถึงแม้จะเป็นพนักงานเงินเดือนแต่ผมมีประสบการณ์ธุรกิจที่บ้านตั้งแต่เด็กติดตัวมาบ้าง
วันใดที่ผมเครียดๆ ผมจึงมักปล่อยวางมันไปซะ วันพุธหาที่ผ่อนคลายสักเล็กน้อยที่ประหยัดเงิน โรงหนัง 60 บาททุกวันพุธนั่นเอง แต่สิ่งทำให้ผม กลับมีกำลังใจและให้ผมยึดมั่นเสมอมา คือ วีดีโอฉายแสดงเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนที่จะมีการฉายภาพยนต์แต่ละเรื่อง จะมีคำพระราชดำรัส ที่ใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติให้ผมได้ใช้ต้อสู้ในการประกอบทำกิจการงานใดๆหลายอย่าง จึงอยากมาขอมานำเสนอแนวพระราชดำรัสและเป็นเหมือนแบ่งปัน เพื่อเทิดทูนในแนวทางพระราชดำรัสขององค์พ่อหลวงครับ
*** หากคำพระราชดำรัสที่ผมยกขึ้นมาตกหล่น หรือผิดพลาดประการใดขออภัยมาทั้งที่นี้ด้วยครับ ***
"ความสำเร็จทั้งสิ้น เกิดขึ้นได้ ด้วยการลงมือกระทำ "
- ประโยคนี้ในสิ่งที่ผมได้นำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัตินั้น คือ เมื่อเราจะเริ่มต้นกิจการงานใดก้อแล้วแต่ ทั้งการทำงานหรือการเริ่มต้นธุรกิจ จะต้องเริ่มจากลงมือกระทำ กระทำทั้งความคิด ความริเริ่ม ขอยกตัวอย่างนะครับ หากคุณจะประกอบธุรกิจส่วนตัว จะต้องริเริ่มตั้งแต่ ตั้งตนเก็บเงินต้นทุน เมื่อมีทุนแล้วคิดริเริ่มธุรกิจ หาความรู้ อาจจะเป็นเชิงการค้าหรือเชิงแนวความคิดที่จะสร้างสินค้าของเราเอง ต้องริเริ่มทั้งนั้น แต่หากเพียงเรามัวแต่เมียงมองผู้อื่น แล้วคิดว่าสักวันต้องเป็นของเรา ถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำแต่เริ่มต้นวันนี้ หรือมัวแต่รอคอยวาสนา ความสำเร็จคงเกิดได้ยากยิ่ง....
" สิ่งใดที่ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องหาสิ่งอื่นมาทดแทน "
- ประโยคนี้อาจตีความได้หลายแบบ สามารถใช้ควบคุมความโลภของเราก้อได้ สามารถใช้ตึกตรองสิ่งที่เราจะทำการปรับเปลี่ยนก้อได้ แต่ผมใช้ประโยคนี้ในการทำธุรกิจเล็กๆของผม ผมเคยจะเลิกอาชีพเรื่องทั้งเทคโนโลยี เรื่องค้าขายที่ผมทำมาตั้งแต่เด็ก กลับลำไปทำแนวทางอื่นแทนบ้าง แต่ถ้ามามองดูแล้ว สิ่งที่เรามีดีอยู่และชำนาญอยู่แล้ว เราน่าจะใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อไปพัฒนาต่อไป และเสริมสร้างงานด้านอื่นๆควบคู่ไปน่าจะดีที่สุด ตอนแรกผมคิดไว้ว่าเปิดร้านกรูมมิ่งอย่างเดียวน่าจะเพียงพอ สุดท้ายกลับคิดผิด ผมกลับมาลงลำขายอาหารสัตว์ได้ดีพอสมควรถึงแม้มันจะกำไรต่ำกว่ากรูมมิ่ง แต่เชื่อเถอะค่าข้าว ค่าน้ำไฟ ผมใช้เงินจากกำไรการขายอาหารเป็นตัวจ่าย และยังสามารถทำให้ร้านดูโดดเด่นครบวงจรมากขึ้น....
" จำเป็นที่จะต้องถอยหลัง เพื่อที่จะก้าวต่อไป "
- เชื่อเถอะว่าคนที่เก่งทั้งหลายเคยใช้แนวทางนี้มาแล้วทั้งนั้น ตามหลักแล้วการดับเครื่องชน เป็นสิ่งที่ผลแรงกระทำนั้นเวลากลับมาจะรุนแรงเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นคิดการใดหากถึงทางตัน อย่าดับเครื่องชน ถอยหลังเพียงหนึ่งก้าวสามารถเพิ่มแรงแนวความคิดนั้นดีกว่าเสมอ เวลาผมถึงเวลานั้นผมทำใจและยอมรับปล่อยวาง เมื่อสมองโล่งกลับมาคิดใหม่ แสงสว่างมันมากขึ้นกว่าเดิมจริงๆ "เหนื่อยแล้วพัก เมื่อมีแรงแล้วสู้ต่อ"
" พูดแล้วทำ คือ พูดจริง ทำจริง จึงเป็นปัจจัยสำคัญ ในการส่งเสริมเกียรติคุณของบุคคลให้เด่นชัด " - คำพูดที่ผมมักใช้อยู่ในจิตใจ คือ " ปากนั้นเป็นนายเรา " หลังจากผมเรียนจบมา ผมชอบคุยกับเพื่อนเสมอว่า ผมอยากสร้างธุรกิจของตนเอง อยากสร้างอะไรที่เป็นหลักของตนเอง ออกจากธุรกิจของแม่ที่ผมอาจได้รับช่วงต่อ ซึ่งมันต่างต่างกันการได้สร้างอะไรที่มาจากน้ำมือตนเอง ถือเป็นความภูมิใจยิ่ง ยิ่งเราเราได้เคยพูดให้บุคคลอื่นได้ฟัง หรือได้เคยสั่งสอนกับบุคคลอื่นมากมาย แต่เรานั้นกลับมีหลักปฏิบัติมากมาย แต่การลงมือทำจริงไม่เคยทำ มีแต่พูดไปบุคคลอื่น จะไม่เชื่อถือเอาได้ เพราะฉะนั้น การสร้างธุรกิจให้สำเร็จได้ เสมือนเป็นความภูมิใจที่ผมได้เคยใฝ่ฝันและทำให้คำพูดที่ผมพูดกับใครหลายๆคนเป็นจริงได้...
" ทำการงานใดๆ ให้สำเร็จ จะต้องทำด้วยความมั่นใจ และด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ อย่าลังเล และท้อถอย " - งานการใดๆก้อแล้วแต่นั้น ล้วนมีความยากลำบากทั้งนั้น เราต้องเชื่อมั่นก่อนว่าจะต้องสำเร็จได้ แต่ก่อนจะสำเร็จได้นั้น บางครั้งเราอาจต้องเจอปัญหามากมาย เราจึงต้องแก้ปัญหาต่างๆด้วยความโดยหาข้อมูลความความรู้เพื่อ เสริมแนวทางในการแก้ปัญหา และจะต้องตั้งใจลงทุนลงแรงสุดความสามารถในการแก้ปัญหานั้น ปัญหาใดที่หนักจงตั้งมั่นอย่าท้อถอย การค้านั้นบางครั้ง เราอาจจะเจอปัญหาพิษเศรษฐกิจบ้าง ปัญหาหนี้สินบ้าง ปัญหาสินค้าต่างๆ เราจะต้องหาข้อมูลและความรู้แก้ปัญหาให้ถูกต้อง หากเราปล่อยยืดยาวไปบางครั้งอาจสายเกินแก้ เช่น เปิดร้านมาแล้ว 3 เดือนทำกำไรตามเป้าไม่ถึง 70% หรือต่ำกว่าครึ่ง ต้องรีบปรับกลยุทธ ถ้าปรับไปแล้วอีก 3 เดือนยังไม่ดีขึ้นต้อง สำรวจตัวเอง ทำเล และปัจจัยหลายๆด้านของตัวธุรกิจด้วย
แก้ไขเมื่อ 04 ธ.ค. 53 13:39:54
จากคุณ |
:
E20PBO
|
เขียนเมื่อ |
:
3 ธ.ค. 53 13:50:08
|
|
|
|