คหที่ 151 "เหตุผลที่ผมไม่ทำราชการ เพราะผมไม่อยากเป็นส่วนหนึ่ง...ของระบบที่บั่นทอนความเจริญของชาติเท่านั้นเองครับ จะราชการหรือรัฐวิสาหกิจก็เหอะ"
อ่านแล้วอึ้งมากๆ คุณมีโลกทัศน์และทัศนคติแคบมากเลยค่ะ อย่าเหมารวมเลยค่ะ ราชการหลายๆ ที่ที่เขาตั้งใจทำงานมีเยอะนะคะ อย่าลืมว่า ตอนนี้บางที่ก็บริหารเองแล้ว ไม่ได้ขึ้นกะรัฐบาลนะคะ เช่น มหาวิทยาลัยรัฐหลายๆ แห่งที่ออกนอกระบบแล้วอะค่ะ เขาเหล่านี้ก็ไม่ได้ใช้ระเบียบราชการซะหมดแล้วนะคะ ส่วนมากเขาจัดการเองแล้ว ไม่ต้องรองบนานๆ หรือรอเรื่องอนุมัติช้าๆ แต่เรื่องระเบียบอันนี้ก็ยังมีบ้างที่เขาใช้อยู่ เช่น การหยุด เวลาเข้างาน เป็นต้น
ส่วนตัว ตอนนี้เป็นพนักงานมหาวิทยาลัยที่ออกนอกระบบแล้วนะคะ ตอนนี้เงินเดือนอยู่ที่ 14k ค่ะ เราทำงานมาปีนี้ปีที่ 6 แล้วค่ะ ตอนแรกๆ ก็ไม่คิดจะทำ มีความคิดเหมือนข้างต้นนี่แหละ คือ เงินน้อย แต่ตอนจบมาใหม่ๆ จำได้ว่า อยากใช้ความรู้ที่จบมาอะค่ะ 
เราสมัครงานหลายๆ ที่เลยนะคะ ทั้งเอกชนและราชการ เอกชนก็เรียกสัมภาษณ์ตลอดค่ะ แต่ด้วยความที่เราจบจากสถาบันที่ไม่ค่อยมีคนยอมรับ แต่เราจบมาด้วยคะแนนดี เลยมีคนมาเรียกสัมภาษณ์เพราะผลการเรียนค่ะ
เท่าที่ประสบมา เราไปสอบราชการหลายที่ เราได้ขึ้นบัญชีซะมากค่ะ ยากมากๆ บางทีเราเกือบได้ เรียกว่าถ้าตัวจริงไม่มารายงานตัว เราได้เลยอะค่ะ ส่วนเอกชน กดดันมากๆ ตอนสมัครงานคู่แข่งเพียบค่ะ แบบว่าน่ากลัวมากๆ เขาต้องการคนมีประสบการณ์ทั้งนั้นเลยค่ะ ขอบอก คุณสมบัติไม่แน่จริง ไม่รับเลยค่ะ
และน่าแปลก ดวงเราขึ้นกะราชการอะค่ะ สัดส่วนที่ได้ เราได้ราชการทั้งนั้นเลยนะคะ ไม่ว่าจะสอบ เรียกสัมภาษณ์ เยอะกว่าเอกชนอีกค่ะ ต่อมาเราได้ทำงาน ตอนหลังมีเรียกย้อนหลังจากพวกเอกชนด้วยนะคะ ให้เราไปสอบสัมภาษณ์ แต่เราก็ไม่เอาอะค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าโอเคแล้ว
ที่ทำงานเราค่อนข้างโอเคค่ะ หน.ให้อิสระในการทำงาน ไม่มานั่งจี้ ปล่อยให้คิดงานใหม่ๆ ได้เอง สามารถใช้คร. เราได้เต็มที่เลยค่ะ โชคดีที่หน. เราเค้าเป็นหน. แนวๆ เอกชนค่ะ ทำงานไว ตัดสินใจไว งานเลยออกมาไว ประมาณว่า ใครหรือที่อื่นที่ยังไม่เคยทำ แกก็จะชิงทำก่อนค่ะ ซึ่งก็ค่อนข้างเป็นที่ยอมรับในสายอาชีพด้วยกันค่ะ
แถมที่ทำงานเรา มีปรับตำแหน่งให้ด้วย ตอนเราเข้ามา เราไม่ได้ทำตรงกะที่เรียนด้วยซ้ำ แต่เนื้องานใช่นะคะ แต่เราก็มีวุฒิมา หน. เขาก็บอกให้เราพยายาม เขาจะช่วยปรับค่ะ ต่อมาเราก็ได้ปรับจริงๆ ค่ะ ด้วยความโชคดีและบุญวาสนาของเรา ที่ได้เจอหน.เราค่ะ และไม่ใช่เราคนเดียวที่ได้ พี่ๆ คนอื่น ที่เขามีแนวโน้มที่ปรับได้ หรือมีแวว เขาจะส่งเสริมทุกๆ คนในที่ทำงานค่ะ
อีกทั้ง เรายังได้ไปเรียนต่อด้วยค่ะ ที่ทำงานมีนโยบายให้ลาเรียนต่อได้ เราดีใจมากๆ เลยค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังเรียนอยู่ค่ะ ใกล้จะหมดเวลาที่ไปเรียนแล้วเหมือนกัน เรียกได้ว่า โชคดสองชั้นในชีวิตก็ว่าได้
มีคนเคยบอกให้เรา น่าจะหางานที่ดีกว่านี้ค่ะ เพื่อนบางคนก็ทัก แต่ที่บ้านไม่อยากให้ออกค่ะ เขาบอกว่า เขาหายห่วง เรากลับและไป เป็นเวลาอะค่ะ เวลาหยุดก็หยุด เที่ยวก็ได้เที่ยวสัมมนา มีนั่นนี่ ไปทำงานก็สแกนนิ้ว กลับเป็นเวลา มีโอทีตามตารางเวร เสาร์ อาทิตย์ ก็ว่าง อยากไปไหนก็ไป มีเวลาให้ครอบครัวได้เต็มที่ บางเสาร์ก็มีโอทีค่ะ เดิือนนึงก็แล้วแต่จะเจอ
องค์กรเรา ไม่เช้าชามเย็นชามนะคะ (เป็นแต่บางคนค่ะ จริงๆ) หน. มีไฟตลอดค่ะ มีอะไรใหม่ๆ ก็จะนำให้ลูกน้องเดินตามตลอด และต้องตามให้ทันค่ะ และแกจะย้ำตลอด ต้องพัฒนาตัวเองเสมอ จะได้สู้คนอื่นๆ ได้ ไม่งั้นจะอยู่ไม่ได้ คลื่นใหม่ๆ ก็จะมาตลอดค่ะ
ตอนแรก เราก็คิดจะอยากออกเหมือนกัน แต่ทำไปทำมา เราว่าเราอยู่แบบนี้ดีกว่า เราก็ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทองค่ะ ทุกวันนี้อยู่กะที่บ้าน ไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายมากมาย กะว่าถ้าจบโทมะไหร่ จะหางานพิเศษทำค่ะ กะว่าที่เกี่ยวข้องกะงานที่ทำ เพิ่มเติมอะค่ะ อยากให้ตัวเรามีคุณค่า ได้ใช้คร. ที่ได้ร่ำเรียนมาให้คนอื่นได้ประโยชน์บ้างอะค่ะ
สำหรับเอกชน เรามองว่า ต้องเก่งจริงๆ นะ ไม่งั้นอยู่ไม่ได้ คนใหม่ก็มีการเข้ามาตลอด คนเก่าก็ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ไม่งั้นจะอยู่ไม่ได้ และเขาไม่ง้อคนเก่าหรอกค่ะ ถ้าไม่แน่จริง
เขาจะเหลือแต่คนที่ทำประโยชน์ให้เขามากที่สุดอะค่ะ บางที่ก็มีย้ายคนเป็นว่าเล่นก็มี บางที่ก็ลดจำนวนคน เราว่ามันก็เสี่ยงพอควรนะ ถ้าจะทำเอกชนอะค่ะ มีพี่บางคนเคยทำเอกชนก็มีค่ะ ตอนหลังเขาเลยมาทำที่ทำงานค่ะ
คุณยูสึยุคะ เราว่าคุณถามตัวเองก่อนคุณมีความสุขที่จะเป็นแบบไหนคะ เอกชนได้เงินเยอะ แต่เหนื่อยเยอะค่ะ บางทีก็หยุดไม่แน่นอน ใช้งานคุ้มค่ะ มีภาวะกดดัน ถูกคาดหวังสูง
ราชการ เงินน้อย วันหยุดมาก มีสวัสดิการ ส่วนใหญ่ก็ทำงานไม่ถูกกดดันไรมากค่ะ แต่หน. เรากดดันบ่อยค่ะ แต่ชินแล้ว 5555
งานทุกงานมีจุดดีและจุดด้อยของตัวมันเองหมดค่ะ ไม่ใช่จะดีหมด หรือเลวร้ายหมดหรอกค่ะ