ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าเป็นกุลสตรีจริง คงไมยอมให้แฟนเลิกงานก่อนเวลา หรือลางานมาอยู่กับตัวเองหรอกครับ จากคุณ : khunj เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 08:29:18

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าเธอพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเรา   ควรจะรู้ว่าควรปฏิบัติตัวเช่นไร   ไม่ลองคุยกับเธอดูว่า ตอนนี้สถานการณ์ของนายน็อตเป็นอย่างไร ถ้ายังไม่ปรับเปลี่ยน  ก็คงต้องตัดสินใหม่แล้วมั้ง แต่นายน็อตต้องมั่นใจนะ ว่าพฤติกรรมของนาย ไม่ได้ทำให้เธอระแวง จนต้องทำแบบนี้อ่ะ จากคุณ : พิกุลเหล็ก เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 08:51:42

ความคิดเห็นที่ 3 ปัญหาของคนเราก็คือ ไม่ค่อยทำตามหน้าที่กัน ถ้าเข้าใจเรื่องหน้าที่จะไม่มีปัญหา จากคุณ : sirnitfi เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 09:05:43

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นเพียงปัญหาเฉพาะหน้าที่ทุกคนรอเวลาสำหรับการปรับตัวเพื่อให้ทุกอย่างกลับมาที่จุดสมดุลย์เท่านั้นครับ เจ้านาย เมื่อได้นายน็อตเข้ามาทำงาน ความสามารถและคุณสมบัติอื่นๆของนายน็อตเกินความคาดหมาย จึงรักและทุ่มเทช่วยเหลือ ด้วยหวังที่จะฝากฝังงานและภาระกิจทั้งหมดให้ สิ่งที่เจ้านายคาดหวังนี้เกิดจากสิ่งที่นายน็อตมีให้เกินกว่าคนทั่วไป แต่เมื่อนายน็อตจะเอาสิ่งที่เกินนั้น(เวลา)ไปแบ่งปันให้กับคนรัก เจ้านายก็จะรู้สึกว่า ตัวเองสูญเสีย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของปุถุชนที่จะต้องเกิดความรู้สึก สิ่งเหล่านี้ นายน็อตต้องค่อยๆคุยและค่อยๆเปลี่ยน เพื่อให้เจ้านายค่อยๆเปลี่ยนแปลงและยอมรับให้ได้ คนเป้นเจ้านายไม่โง่พอที่จะเสียนายน็อตไปหรอก เพราะนายน็อตคือนายน็อต คนที่เขาไว้ใจได้ เขาจะรู้ในที่สุดว่า จากนายน็อตที่ให้เวลาเขาวันละ12ชั่วโมงนั้น แม้ปัจจุบันจะเหลือเวลาให้เขาแค่8 ชั่วโมงก็ตาม แต่เป้น8ชั่วโมงที่เขาไว้วางใจได้อย่างดี ซึ่งยากมากที่เขาจะเดินไปหาได้ง่ายๆ นายน็อต ต้องทำความเข้าใจกับคนรักให้ได้ว่า ชีวิตคืออะไร ครอบครัวคืออะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้ชีวิตเดินหน้าไปได้ในขณะนี้คืองาน ซึ่งเปรียบเหมือนอากาศหายใจ ถ้าขาดงานคือขาดอากาศหายใจ ซึ่งผลจากการขาดนั้น คือขาดชีวิต เมื่อขาดชีวิตคือไม่ได้รักกันอีกต่อไป ไม่ได้แต่งงานกัน ไม่ได้วางแผนอนาคตให้ลูกด้วยกัน บอกคนรักว่า ในบางครั้ง เมื่อแฟนเลิกงานและมารอที่หน้าที่ทำงานของน็อตๆจะขออนุญาตเจ้านายให้แฟนมาช่วยงานต่ออีก1 ชั่วโมง ไปช่วยเช้คสต็อต จัดของให้เข้าทีเข้าทาง ซื้อดอกไม้ใส่แจกันสวยๆไปตั้งห้องเจ้านาย สิ่งที่เจ้านายได้คือ 1 ชั่วโมงมีแฟนของลูกน้องมาช่วยงานเพิ่มอีก1 ชั่วโมง สุดท้ายแฟนของน็อตก้จะเป็นที่รักของนายอีก1 คน งานนี้ไม่มีใครเสียเลย มีแต่ได้กับได้ จากคุณ : พี (peh_chai) เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 09:54:09

ความคิดเห็นที่ 5 ขอพูดในมุมมองเจ้าของธุรกิจนะคะ สิ่งที่นายน็อตทำได้และมีเงินจนถึงวันนี้  นอกมาจากกำลังของตนแล้ว อีกส่วนหนึ่งก็คือ นายคนนี้ให้โอกาส และสถานที่ทำงานมีสภาพแวดล้อมที่ดี แต่ที่ ตอนนี้ นายไม่พอใจ  ไม่ใช่เพราะนายต้องการมากเกินไป เป็นเพราะ .....................คนรัก” ที่อีกไม่นานก็จะเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อถึงเวลาเลิกงาน "คนรัก"ของนายน็อต มักจะมารอ ที่หน้าร้านอยู่เสมอ  บางครั้งนายน็อตก็จำเป็นที่จะต้องเลิกงานก่อนเวลา หรือ บางครั้งก็ลา เจ้านาย เพื่อหาเวลาอยู่กับ "คนรัก" คนรักของนายน็อตมารอที่หน้าร้าน  เป็นการรบกวนร้านค้าของนายคะ   ลูกค้ามาที่ร้านแล้วเจอคนยืนรอ นั่งรอ หรือชะเง้อมองมาที่ร้าน แบบนี้คนเขาจะมองร้านในแง่ลบ ว่าทำไมปล่อยให้ลูกค้ามายืนหน้าร้านโดยไม่ทำอะไร แสดงว่าร้านนี้ต้องมีปัญหาแน่ๆๆ การเลิกงานก่อนเวลาของนายน็อต การลางานเพื่อไปอยู่กับคนรัก  นี่แสดงถึงว่า วุฒิภาวะของตัวนายน็อตและคนรักว่า เขาไม่สามารถแบ่งแยกเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวได้  การทำงานต้องมีการทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่คิดจะหยุดก็หยุด คิดจะลาก็ลา  ไม่มีความรักผิดชอบต่องานที่ทำ   นายน็อตควรจะคิดได้ถึงเรื่องนี้ หากนายน็อตคิดไม่ถึง  ก็ควรจะเป็นคนรักของนายน็อตที่คิดได้  ผู้หญิงมักละเอียดรอบคอบและคิดเรื่องเล็กๆ น้อยๆๆ มากกว่าผู้ชาย ....................ถึงแม้นว่าจะค่อยๆเปลี่ยน จากงานที่ต้องทำจนล่วงเวลา ก็ลดเวลามาทำให้อยู่เพียงจนเสร็จ จากสายตาของเจ้านาย มีความรู้สึกว่า นายน็อต เริ่มจะมีความขี้เกียจในหน้าที่การงานมากขึ้น แต่คนที่ร่วมงานกับ นายน็อตไม่ได้คิดแบบนั้น เนื่องจาก จำนวนชั่วโมงการทำงานก็เป็นปรกติ ยกเว้นการทุ่มเท หรือ การให้เวลากับเจ้านายในเรื่องอื่นๆลดน้อยลงไป ไม่ใช่เรื่องทำงานล่วงเวลา หรือทำแค่ในเวลาจนเสร็จเท่านี้  แต่เป็นเรื่องประสิทธิภาพของการทำงาน  แม้เพื่อนร่วมงานจะบอกว่านายน็อตทำงานตามจำนวนชั่วโมงปกติ  แต่ใครเขาจะพูดละคะว่า คุณทำงานแย่ลงนะ  ความเอาใจใส่ต่องานน้อยลง  ไม่มีใครเขาพูดกับเจ้าตัวหรอก อีกทั้ง  บางงานยังจำเป็นต้องทำล่วงเวลาให้งานสำเร็จ  แม้แต่ต้องทำล่วงเวลาก็ตาม  แล้วนายน็อตรู้ไหมว่างานไหนบ้าง  หรือมองว่าทำจนครบจำนวนชั่วโมงแล้วก็จบวันทำงาน  ซึ่งในสายตานายจ้างมองว่างานนี้ต้องทำล่วงเวลา แต่เขาไม่ได้พูด(เพราะพูดเยอะแล้ว) ..........................................คนรักของนายน็อตเอง ก็ยังให้นายน็อตคิดถึงเรื่องครอบครัวเป็นหลัก หากมุ่งแต่ทำงาน และไม่มีเวลาให้กันเพียงพอ ปัญหาจะตามมา มากกว่านี้ และขอให้นายน็อตออกจากงานมา และไปหางานใหม่เพื่อสร้างตัว และครอบครัว นายน็อตหางานใหม่ได้แล้วหรือ  หญิงเจ้าจึงบอกให้ลาออก   การคิดถึงอนาคต ครอบครัว  ต้องมีปัจจัยเรื่องความพร้อม เงินตามมา ดังนั้น การงานอาชีพจึงเป็นเรื่องสำคัญ  การลาออกไม่ได้ช่วยอะไร ถ้านายน็อตยังแยกแยะงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันไม่ได้ จากคุณ : สาวกุมภ์ เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 11:35:10

ความคิดเห็นที่ 6 มุมมองของผมก็ไม่ต่างจากท่านอื่นๆ... ขอเสริมเรื่อง... นายน๊อต เองไม่เข้าใจชีวิตจริงๆ คนเรามีหน้าที่การงานที่ต้องทำแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ก่อนมีครอบครัว เวลาจะมีให้ักับตนเอง และ หน้าที่การงาน ส่วนใหญ่จะแบ่งกันคนละครึ่ง แต่ คุณน๊อตก็แบ่งให้งานมากกว่า อันนี้เพื่อรายได้และความมั่นคงของชีิิวิตอันนี้ยอมรับได้ ช่วงมีความรัก เวลาจะแบ่งออก 3 ส่วนคือ ช่วงเวลาของตนเอง ช่วงเวลาให้กับคนรัก และ ช่วงเวลาให้กับงาน  สามอย่างนี้ต้องจัดวางให้เหมาะสม แต่ส่วนใหญ่คนจะให้เวลากับคนรัก เพราะว่ากลัวจะเสียมันไป เลยทำให้เวลาของตัวเองก็น้อยลง เวลาของงานก็น้อยลง ยิ่งเบียดเบียนเวลางานด้วยแล้ว ยิ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง ช่วงแต่งงานแรกๆยังมีพฤติกรรมเหมือนช่วงมีความรัก หลังแต่งงานไปสักระยะ ชีวิตของคนเราจะเปลี่ยนไป ผู้ชายจะมุ่งอยู่กับงานที่ทำ หางาน หาเงิน สร้างฐานะของครอบครัว การที่จะไปเอาใจภรรยามากๆนั้น คงยาก และ ถ้ายังเดินตามหลังภรรยาอยู่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงสุดก็ยากเช่นกัน ยกเว้นภรรยามีฐานะ และ มีธุรกิจที่มีรายได้ดี ปัญหาที่ตามมาก็คือ ความไม่เข้าใจระหว่างภรรยาผู้ต้องการความอบอุ่น และ ต้องการเวลาจากสามี กับ ความรับผิดชอบของสามีที่ต้องการสร้างฐานะครอบครัว คนส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจกัน เกิดทะเลาะวิวาท เพื่อขอแบ่งเวลา โดยจะได้ยินคำว่า ขอเวลาของสามีมาอยู่กับตัวเองความร่ำรวยอะไรไม่ต้องการ แต่อีกด้านหนึ่งก็จะผันว่าถ้ามีบ้าน มีรถ เราคงจะสบายกว่านี้... บางทีก็จะได้ยินว่า ผมเป็นพ่อบ้านนะ แต่ไม่ได้เป็นผู้นำของบ้าน  เหมือนคนขออยู่อาศัยกับภรรยามากกว่า... อะไรทำนองนี้ ซึ่งก็แล้วแต่ครอบครัวกันไป จริงๆแล้ว นายน๊อต ต้องการเป็นคนแบบไหนของครอบครัว มุ่งแต่จะแต่งงาน เพื่อ ตอบสนองความต้องการแฟน เพื่อหาเวลาให้แฟน แต่หน้าที่การงานของตนเองเสีย เมื่อได้แฟนมาเป็นภรรยา ก็ต้องกลับไปทำงานมากขึ้นกับที่ใหม่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะดีหรือไม่ อันนี้น่ากลัว แสดงว่า ไม่เข้าใจความเป็นจริงของชีวิตกันทั้ง สามี ภรรยา แล้วปัญหาต่างๆอาจจะกลับมาได้นะ ความเห็นเหมือนกับเพื่อนๆ คือ คุณน๊อต คงต้องคุยกับ ว่าที่ภรรยาว่า ต่างคน ต่างยอมรับได้ ในระดับใด และ ปรับเวลาให้เหมาะสมในสามส่วนคือ เวลาส่วนตัว เวลาครอบครัวและ เวลาทำงาน ไม่อย่างนั้น ชีวิตมันมีความสุขด้านหนึ่ง อีก 2 ด้านอาจจะไม่มีความสุขก็ได้ จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 54 16:06:01

ความคิดเห็นที่ 7 งานใหม่ที่ดีกว่านี้ เมียใหม่ที่ดีกว่านี้ อะไรหาง่ายกว่ากัน จากคุณ : อาวุธ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 00:17:32

ความคิดเห็นที่ 8 นอกจากนายน๊อตแล้ว เจ้าของกิจการหาคนอื่นแทนได้หรือเปล่า ทำไมต้องเป็นคนนี้เท่านั้น... นายน๊อตจะตั้งหน้าทำงานหนักต่อไปเพื่อเจ้านาย ส่วนเมียค่อยไปหาเอาอีก5-10ปีหน้าได้หรือเปล่า... ถึงเวลาที่หมาล่าเนื้อควรจะออกมาสร้างครอบครัวเสียทีนะ จากคุณ : FreeWing เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 02:13:41

ความคิดเห็นที่ 9 #1 คำว่าวุฒิภาวะ กับการเป็นกุลสตรีไม่เหมือนกันครับ #5 เป็นมุมมองในนายจ้าง ซึ่งก็น่าเห็นด้วยกับเหตุและผล แต่ทั้งนี้ มันอยู่บนสันนิษฐานที่เป็นข้อมูลแต่งเติมเอง เช่น อาการรอคอยของแฟนสาวหน้าร้าน ส่งผลกระทบต่อการค้าขายของร้าน, เพื่อนร่วมงานคิดว่านายน๊อตทำงานแย่ลงแต่ไม่กล้าพูดกับเจ้าตัว, นายจ้างต้องการให้นายน๊อตทำโอที แต่ไม่พูด หรืออาจจะเคยพูดไปมากแล้ว, นายน๊อตไม่ทราบว่างานไหนจำเป็นต้องทำโอที งานไหนไม่จำเป็น ทั้งที่ก็ทำงานที่ร้านนี้มาสักพักแล้ว จนเข้าตาเจ้านาย ความเห็นของผมคือ ถ้านายจ้างจะเลิกจ้าง กรณีนี้เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม และนายน๊อตมีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยตามกฏหมาย แต่ถ้านายน๊อตลาออกเองก็จะไม่ได้ในส่วนของตรงนี้เลย จึงไม่แนะนำอย่างแรง อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ ควรตกลงกันได้โดยละม่อม โดยไม่ต้องสิ้นสุดการจ้างงานกัน เพราะน่าจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีทั้งสองฝ่าย 1. ทำการขอความร่วมมือการทำงานล่วงเวลาให้ชัดเจน ผมใช้คำว่า ขอความร่วมมือ เพราะ นายจ้างไม่มีสิทธิ์ บังคับลูกจ้างให้ทำดังนั้น โดยกฏหมาย และโดยมนุษธรรม ที่ลูกจ้างกำลังจะแต่งงาน (ทำให้แน่ใจด้วยว่า มีการจ่ายเงินค่าล่วงเวลาอย่างน้อยตามกฏหมาย สำหรับงานที่ผ่านมา ปัจจุบัน และในภายภาคหน้า) 2. ไม่ให้แฟนมายุ่มย่ามบริเวณที่ทำงาน หรือหน้าร้านอีก โดยเฉพาะขณะทำการ 3. ไม่มีการเลิกงานก่อนเวลาปกติ หรือลากิจโดยไม่ได้รับการอนุมัติจากเจ้านาย จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 03:07:45

ความคิดเห็นที่ 10 #1 คำว่าวุฒิภาวะ กับการเป็นกุลสตรีไม่เหมือนกันครับ #5 เป็นมุมมองในนายจ้าง ซึ่งก็น่าเห็นด้วยกับเหตุและผล แต่ทั้งนี้ มันอยู่บนสันนิษฐานที่เป็นข้อมูลแต่งเติมเอง เช่น อาการรอคอยของแฟนสาวหน้าร้าน ส่งผลกระทบต่อการค้าขายของร้าน, เพื่อนร่วมงานคิดว่านายน๊อตทำงานแย่ลงแต่ไม่กล้าพูดกับเจ้าตัว, นายจ้างต้องการให้นายน๊อตทำโอที แต่ไม่พูด หรืออาจจะเคยพูดไปมากแล้ว, นายน๊อตไม่ทราบว่างานไหนจำเป็นต้องทำโอที งานไหนไม่จำเป็น ทั้งที่ก็ทำงานที่ร้านนี้มาสักพักแล้ว จนเข้าตาเจ้านาย ความเห็นของผมคือ ถ้านายจ้างจะเลิกจ้าง กรณีนี้เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม และนายน๊อตมีสิทธิ์ได้รับค่าชดเชยตามกฏหมาย แต่ถ้านายน๊อตลาออกเองก็จะไม่ได้ในส่วนของตรงนี้เลย จึงไม่แนะนำอย่างแรง อย่างไรก็ตามเรื่องแบบนี้ ควรตกลงกันได้โดยละม่อม โดยไม่ต้องสิ้นสุดการจ้างงานกัน เพราะน่าจะส่งผลกระทบที่ไม่ดีทั้งสองฝ่าย 1. ทำการขอความร่วมมือการทำงานล่วงเวลาให้ชัดเจน ผมใช้คำว่า ขอความร่วมมือ เพราะ นายจ้างไม่มีสิทธิ์ บังคับลูกจ้างให้ทำดังนั้น โดยกฏหมาย และโดยมนุษธรรม ที่ลูกจ้างกำลังจะแต่งงาน (ทำให้แน่ใจด้วยว่า มีการจ่ายเงินค่าล่วงเวลาอย่างน้อยตามกฏหมาย สำหรับงานที่ผ่านมา ปัจจุบัน และในภายภาคหน้า) 2. ไม่ให้แฟนมายุ่มย่ามบริเวณที่ทำงาน หรือหน้าร้านอีก โดยเฉพาะขณะทำการ 3. ไม่มีการเลิกงานก่อนเวลาปกติ หรือลากิจโดยไม่ได้รับการอนุมัติจากเจ้านาย จากคุณ : Sgt.Oat เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 03:08:37

ความคิดเห็นที่ 11 คนเราต้องมีเวลาให้ครอบครัวและชีวิตส่วนตัว ถ้าพอมีเงินเก็บก็ออกมาหางานใหม่ครับ ผมเชื่อคนขยันไม่มีวันอดตายครับ จากคุณ : ชายเซอร์ๆ เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 21:47:53

ความคิดเห็นที่ 12 ทำไมเคสนี้ผมมองว่าเจ้านายเห็นแก่ตัวหว่า???? นายน็อตทุ่มเททำงาน "มากกว่า" เวลางานจริง การที่รีบกลับกับแฟน ก็ไม่ได้ไปลดทอนเวลางานจริง แต่เป็นการ ขอส่วนที่ "มากกว่า" นั้นคืน เจ้านายได้กำไรจากความมากกว่า ที่นายน็อตให้มาตั้งนานแล้ว กับการที่นายน็อตกำลังจะมีครอบครัว ไม่คิดที่จะแสดงความยินดีกับลูกน้องคนโปรดสักหน่อยเหรอ?? หรือว่ามองเห็นแต่ผลประโยชน์ของตนเอง จากคุณ : maomaojung เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 02:18:06