ความคิดเห็นที่ 1 ข้าพเจ้า ขอแสดงความคิดเห็น ดังนี้ เรื่องสถานที่เปิดตัวน่ะ  ไม่ยากหรอก  แต่เลือกสถานที่ ที่ผู้คนเดินทางสะดวก มีพื้นที่เพียงพอแก่การจัดงาน ก็ไม่น่าจะยาก  จะไปเช่าพื้นที่ตามห้าง หรือจะจัดงานตามริมฟุตบาทก็ยังได้ แต่ที่ยากกว่านั้น ก็คือ - การประชาสัมพันธ์งาน ++ ทำอย่างไร ให้กลุ่มลูกค้าที่เราต้องการนั้น รับทราบและสนใจ อยากจะมาเที่ยวชมงานของเรา มาซื้อสินค้าที่งานของเรา ... ว่าแต่ นี่เป็นโปรเจกต์งานเรียน   หรือว่า กะจะค้าขายจริงๆจังๆเนี่ย จากคุณ : aumpaump12 เขียนเมื่อ : 17 ม.ค. 54 23:49:35

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นโปรเจค์งานเรียนที่ต้องค้าขายกันจริงๆจังๆค่ะ....55555 ต้องขายให้ได้ เพื่อเอาเงินมาชดใช้หนี้ที่กู้ทางมหาลัยมาค่ะ.....ดังนั้นต้องจริงจังมากกก.....เพราะถ้าขายได้ดีก็ได้ทั้งเงินทั้ง A แต่ถ้าขายขาดทุน ก็ได้ทั้งหนี้ ทั้ง D 5555...ข้าพเจ้าจึงต้องซีเรียสมากกกกกกกกกกกกก.....ประดุจดั่งชีวิตของข้าพเจ้าเอง.... แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 54 00:47:01 จากคุณ : kapajaofah เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 00:46:15

ความคิดเห็นที่ 3 งานเปิดตัวสินค้า กับงานแสดงสินค้า ไม่เหมือนกันนะครับ.. งานเปิดตัวสินค้าคือ คุณมีสินค้าใหม่ 1 ตัวที่ต้องการนำเข้าสู่ตลาด ไม่มีใครเขาเปิดตัวสินค้า 10 อย่างในงานเดียวหรอกครับ มันไม่มีจุดเด่น แถมสินค้าคุณมัน "ไปด้วยกันไม่ได้" ผมว่าคุณน่าจะหมายถึง งานแสดงสินค้า แบบนั้นมากกว่า หรือต่อให้เป็นงานแสดงสินค้า มันก็จะเป็นงานจับฉ่ายหาคอนเซปต์ไม่ได้ แม้กระทั่งชื่องานก็คงตั้งลำบาก เพราะความ "ไปด้วยกันไม่ได้" ของสินค้านั่นเอง หรือไม่อย่างนั้นก็.. สินค้า 10 อย่าง เปิดตัวงานละ 1 อย่าง 10 งาน 10 สถานที่ มีงบฯพอมั้ยครับ?? จากคุณ : maomaojung เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 01:16:06

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นแล้วปวดหัวเลย 10อย่างแถมเป็นโปรเจคของการเรียนอีก แล้วสินค้าก็เป็นสินค้าทั่วๆไปที่มีกันตามตลาด ใส่หลังรถ บุกตามหอพัก ตลาด ชุมชน  ถูกสุดและง่ายสุดครับ จากคุณ : rabellu เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 02:21:56

ความคิดเห็นที่ 5 อืม...ความจริงก็เป็นหลายๆ อย่างรวมกันนะคะ...เป็นงานเปิดตัวสินค้า และเป็นการแสดงสินค้าไปในตัวค่ะ....แต่ประเด็นหลักคือ...เราต้องการให้คนรู้ว่าเราเป็นนักศึกษา กำลังทำโครงการนี้อยู่.....สินค้าที่เราทำนั้นเป็นอะไรบ้างค่ะ....จะว่าไป...ก็คล้ายๆ งานอีเว้น เปิด สาขาเรียนใหม่นั้นแหลค่ะ....ส่วนตัวแล้วคิดว่า...เรื่อองการวางสินค้าหรือขายสินค้าที่หลากหลายไม่ได้เป็นอุปสรรค์ ซักเท่าไหร่...เพราะสามารถจัดแบ่งเป็นโซนของกิน ของใช้ได้....เช่น กลุ่มที่ขายข้าวสาร...ก็ไม่ใช่ว่าเอาข้าวสารมาตั้งขายโดดๆ...แต่จะมีการประยุกต์ โดยการทำเป็นข้าวไข่เจียว...เพื่อให้ผู้ที่มาชม หรือมาในงาน...ได้ชิม ซื้อกินจริงๆ ก่อนจะตัดสินใจซื้อกันทั้งถุง....หรือปลาทู...ก็จะทำเป็น ยำปลาทู หรือ ปลาทูทอด....แบบนี้ค่ะ....ซึ่งความจริง...รูปแบบงานคร่าวๆ..เราได้จัดเตรียมไว้พอสมควรแล้วค่ะ....เหลือเพียงแต่สถานที่.....ตอนแรกก็เสนอกันว่าจะไปที่แถวๆ...เมเจอรัชโยธิน....จะดีไหม....ก็มีหลายเสียงทั้งค้านทั้งรับ....ก็เลยอยากจะเข้ามาขอความคิดเห็น...หรือที่ๆน่าสนใจ...ที่คนพลุกพล่านพอสมควรค่ะ.... จากคุณ : kapajaofah เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 03:02:03

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับ มหาวิทยาลัย ของคุณตั้งอยู่ที่ไหนของกรุงเทพฯ สินค้าลักษณะนี้ การขายลักษณะนี้ มีอยู่ทั่วไป เป้าหมายจริงๆ คงไม่ใช่การเปิดตัว แต่ต้องการขายสินค้าให้ได้ โดยใช้่ความเป็นนักศึกษา ซึ่งผมคิดว่า คุณคิดผิด และ ถ้าผมเป็นอาจารย์คุณ ผมก็จะไม่ให้คุณกลายเป็นนักศึกษาผู้น่าเห็นใจ เรียกร้องขอความสงสารจากคนทั่วไปว่า ขอให้ช่วยซื้อหน่อยนะ เพราะว่าหนูยังเรียนอยู่ หากไม่ช่วยหนูซื้อ หนูต้องติดหนี้ และ ได้เกรดไม่ดี... บลา ๆ ๆ ซึ่งถ้าผมเป็นเจ้าของวิชา ผมจะไม่ยอมให้ลูกศิษย์ของผม แปลงร่างไปเป็นอย่างนั้น เพราะต้องรักษาเกียรติของมหาวิทยาลัยไว้ด้วย ถ้าผมเป็นอาจารย์สอนวิชานี้ ผมจะให้ลูกศิษย์ของผม ขายในเชิงเป็นแม่ค้าจริงๆ ไม่บ้าๆ บอๆ กับการเปิดตัว แตุ่มุ่งเน้นให้ขายได้ และ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้ ซึ่งจะได้ประสบการณ์จริงมากกว่า การมา่ทำแบบส่งๆไป ดังนั้น ผมจึงอยากให้คุณเอาเรื่องนี้ไปปรึกษา อาจารย์คุณก่อนว่า จริงๆท่านต้องการให้คุณได้ประสบการณ์ในการทำธุรกิจ หรือว่า ต้องการเอาตำรามากางเพื่อให้คุณเดินตามตำรา ถ้าผมเป็นอาจารย์ของคุณ ผมจะแนะนำให้คุณออกบู๊ทตามที่เขาเปิดท้ายขายของ ซึ่งออกบู๊ตจริงๆไปเลยว่า คุณจะขายได้หรือไม่เมื่อเทียบกับคนขายของทั่วไปจริงๆ หน้าห้างสรรพสินค้า หรือ ตลาดนัด ฯลฯ ซึ่งคุณจะได้ประสบการณ์จริงๆเลย (เนื่องจากสินค้าของพวกคุณน่าจะเหมาะกับคนกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก) คราวนี้ ก็มาถึงเรื่อง คุ้มทุนหรือเปล่า แน่นอนว่า เดาได้เลยว่าโอกาสที่คุณจะคุ้มทุนนั้นค่อนข้างยาก ยิ่งไม่ขวนขวายด้วยแล้วยิ่งยาก ความเป็นจริงของการขายคือ ถ้าคุณมีร้านหนึ่งร้าน ขายตามสถานที่จริง คุณต้องหาสถานที่หลายๆสถานที่ ขายหลายๆวัน เพื่อให้ขายสินค้า ออกให้มากที่สุด ดังนั้น ถ้าคิดว่าจะยึดสถานที่เดียวแล้วคุณจะสามารถขายได้ คิดว่าคุณใช้เวลาไม่คุ้มค่า และ ไม่ใช่การขายจริงๆในความเป็นจริง ดังนั้น กลับไปศึกษาให้ดีก่อนว่า จริงๆ การขายสินค้าที่คุณถืออยู่ทั้ง 10 กลุ่ม ถ้าจะขายให้ได้ต้องขายอย่างไร ไม่ใช่มาเลือกสถานที่หรู ดูดี คนเดินมาก ถ้าต้องการเปิดอย่างนี้ ก็แสดงว่า มองประเด็นของการขาย กับ การโชว์สินค้า เป็นเรื่องๆเดียวกัน มองประเด้นความสบายของตน กับ การขายเพื่อให้ได้กำไร เป็นเรื่องเดียวกัน  ซึ่งทัง้สองประเด็นนี้ มันคนละเรื่องกันเลย จะขาย ไม่มีสบาย เป้าหมายคือขายให้ได้ ไม่ใช่นั่งแต่งสวยตบยุงนะ เม้นท์นี้อาจจะแรง  แต่อยากให้ไปไตร่ตรองและกลับไปคุยเรื่องเป้าหมายที่แท้จริงของงานนี้กับอาจารย์ว่า อาจารย์ต้องการทำเพื่อได้หน้า เพื่อเสียหน้า เพื่อให้คุณมีประสบการณ์ เพื่อให้คุณรู้จักตลาดจริงๆ หรือว่า ต้องการให้คุณทำไปเพื่อสิ่งใด... และ อย่าได้เอาชื่อมหาวิทยาลัย ชุดของมหาลัยฯ ไปขายนะ มันจะทำให้เกรดของมหาวิทยาลัยมันตกต่ำลงนะ... ดูเหมือนดีตอนคุณขาย และ ขายได้ แต่ระยะยาวจะมีผลทางลบกับมหาวิทยาลัย (ด้วยความเป็นห่วง) จากคุณ : wbj เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 15:51:13

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ wbj ขอบคุณค่ะ....ข้าพเจ้ายินดีรับไว้พิจารณาและจะนำไปปรับปรุงค่ะ... แต่ขออธิบายให้เข้าใจนิดนึงนะคะ....ว่า...เราไม่ได้ขายเอาเกรดค่ะ.... จุดประสงค์ของการจัดงานก็ เพื่อให้ได้ประสบการการขายจริงๆค่ะ....นั่นแหละค่ะ...ต้องขอโทษจริงๆ ที่คห.ที่ข้าพเจ้าได้เขียนลงไปก่อนหน้านั้น ทำให้คุณ wbj เข้าใจข้าพเจ้า และมหาวิทยาลัยไปในทางที่ไม่ดีค่ะ...เพราะด้วยความสะเพร่า ไม่คิดไตร่ตรองของข้าพเจ้าเอวก่อนเขียนค่ะ....   จริงๆ แล้วตอนนี้ทางเราก็ได้มีการลงมือขายสินค้า กันแล้วค่ะ....ขายจริงๆ เลยค่ะ..เข้าหาลูกค้าเอง ....จัดส่งเอง เก็บเงิน ทำบัญชีเอง ทุกอย่างค่ะ....โดยที่ไม่ได้อ้างด้วยว่า เป็นนักศึกษาค่ะ....แต่ที่ต้องทำงาน เปิดตัวสินค้า...พวกเราก็มีความตั้งใจที่จะทำให้เป็นตลาดนัด กลายๆ ค่ะ...แต่ว่าด้วยของ หรือ สินค้าเพียง 10 ชนิดนั้น เรายอมรับว่ามันน้อยมากที่จะทำให้คนเข้ามาสนใจ จึงอยากได้สถานที่ที่คนพลุกพล่าน....เพราะพวกเราคิดว่าอาจจง่ายต่อการดึงดูดความสนใจค่ะ...แต่ก็อย่างที่ คุณ aumpaump12 ว่าสิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็คือการประชาสัมพันธ์ค่ะ...ซึ่งตอนนี้ เราก็กำลังประชุมกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้ คนบริเวรนั้นรับรู้ค่ะ...งานนี้ไม่มีใครได้หน้าเสียหน้าค่ะ....อาจารย์อยากให้พวกเราได้ประสบการ การทำงานจริงๆ ต้องหาแหล่ง หาลูกค้า หาสปอนเซอร์ จัดทีมงานเองทุกอย่างค่ะ....ดิฉันจึงได้มาตั้งกระทู้ถามความเห็นในห้อง สีลมนี้ค่ะ....แหละก็ได้อะไรหลายๆ อย่างกลับไปปรับปรุงมากมายค่ะ....ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ...       ปล.ตอนนี้ก็ยังคงหาที่ทางสำหรับงานอยู่นะคะ....แนะนำ หริอ เสนอมาได้นะคะ...เพราะคห.ต่างๆ ช่วยพัฒนางานของพวกเราได้เยอะมากค่ะ.... จากคุณ : kapajaofah เขียนเมื่อ : 18 ม.ค. 54 21:57:02

ความคิดเห็นที่ 8 จากการอ่าน คคห 7 คิดว่าน่าจะมาถูกทางแล้ว และต้องขอโทษเพราะผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีหน้าที่กำหนดกรอบแผนการศึกษาของมหาวิทยาลัยหนึ่ง ดังนั้น การที่จะให้มาทำแบบเดิมๆ แล้วภาพพจน์ของมหาวิทยาลัยเสียไปก็เลยไม่อยากให้เกิดขึ้นกับมหาวิทยาลัยใดๆนะครับ คราวนี้ ถ้าผมเป็นที่ปรึกษาพวกคุณ แล้ว คุณมาุคุยลักษณะนี้ ผมจะบอกว่า การทำเช่นนั้นทำได้ แต่เสียตังส์ ซึ่งถ้าจะเอา brand ขายระยะยาว ทำไปก็ดี เสียตังส์ แต่ได้คนที่รู้จัก แต่ถ้าเป็นการศึกษา ผมอยากให้เป็นในรูป หารายได้อีกทาง และ สนับสนุนการขายไปในตัว ... ซึ่งเท่ากับว่า ทำให้นักศึกษามีมุมมองทางด้านความเป็นจริงทั้ง 2 ด้าน และ สิ่งที่ผมจะเสนอก็คือ "เปิดพื้นที่ขายของเองเลย" หรือ "สร้างตลาด" ขึ้นมาให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาเช่าพื้นที่... ฟังดูอาจจะแปลก แต่ขอให้ดูดีๆ ถ้าคุณหาพื้นที่หรือใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัย เพื่อเปิดเป็นตลาดขึ้นมา แล้ว ให้ธุรกิจทั้ง 10 มีพื้นที่ในการขาย และ พื้นที่เหลือก็ให้ผู้ขายสินค้าตัวจริงเช่าพื้นที่ สิ่งที่คุณจะได้คือ 1. คุณรู้จักการให้เช่าพื้นที่มากขึ้น รู้ว่าจะไปหาคนขายของอย่างไร ติดต่อคนขายของอย่างไรจริงๆ ซึ่งเมื่อคุณทำธุรกิจเองจริงๆ คุณก็จะเข้าใจว่า หัวอกของคนขาย กับ คนให้เช่าพื้นที่เป็นอย่างไร การจัดการตลาดหรือพื้นที่เป็นอย่างไร เป็นการประยุกตฺ์สิ่งที่เรียนมาได้ค่อนข้างมาก และ มากกว่าการขายเพียงด้านเดียว 2. คุณจะรู้เรื่องการสืบราคาตลาดพื้นที่ รู้ว่าพื้นที่ข้างนอกเขาให้เช่ากันในราคาเท่าใด 3. คุณจะต้องใช้เทคนิคในการจูงใจคน รวมถึงการจูงใจคนขายเพื่อให้เขาเข้ามาขายในพื้นที่ๆคุณจัดให้ 4. คุณจะต้องทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทั้งภายนอก และ ภายใน ไปพร้อมๆกัน ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของการตลาด ที่ควรจะรับรู้ไว้ 5. คุณอาจจะต้องจัดงาน Event ในพื้นที่เพื่อสร้างบรรยากาศ ก็จะทำให้คุณได้ประสบการณ์อีกอย่าง เช่น การจัดลดราคาสินค้าในช่วงเวลา การจับฉลาก 6. คุณจะเรียนรู้ว่า การออกไปหาปลา อย่างที่คุณทำอยู่ กับสร้างแหล่งปลา นั้น มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวเงินที่ได้ก็แตกต่างกันด้วย 7. ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัย ที่ส่งเสริมให้พวกคุณ มีความรู้ ความสามารถ ในหลากหลายด้าน จะส่งผลในระยะยาว เมื่อคุณจบออกไป แล้วมีความรู้ ความสามารถที่เหนือกว่า นักศึกษาที่เรียนรู้แต่ทฤษฎี แต่ทำงานไม่เป็น อาจจะมีข้อดีอื่นๆอีก แต่ตอนนี้ผมคิดได้เท่านี้ ส่วนข้อเสียคือ  พวกคุณจะเหนื่อยอีกหลายเท่า ใ้ช้สมองอีกหลายเท่า งานถึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงของคนหาเงินที่จะต้องทำเช่นนั้น และ  นี่คือโลกของความเป็นจริง ที่พวกคุณน่าจะได้รับรู้ก่อนที่จะออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อจะได้ออกมาแล้วทำงานได้ครอบคลุม มุ่งมั่น และ รู้ว่า งานจริงๆไม่เหมือนกับที่เรียนในมหาวิทยาลัยนะครับ... หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับพวกคุณไม่มากก็น้อยละกัน... จากคุณ : Wiboon Joong (wbj) เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 54 15:30:50