น่าคิดครับ ในฐานะนักการตลาดคนหนึ่ง
ผมคงต้องตอบว่า ถ้าสมการคือ เปรียบเทียบราคา(เงิน) : สินค้า(คุณภาพของตัวสินค้า) ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบแบบ "ตรรกะ" ง่ายๆ คำกล่าวนี้คงต้องยอมรับว่า ถูกต้อง
แต่ถ้ามองให้ลึกๆแล้ว นักการตลาดมีหน้าที่พัฒนา Value (คุณค่า) ให้สูงกว่า Price (ราคา) ต่างหากครับ
คุณค่าของสินค้า ไม่ได้อยู่ที่ตัวสินค้า หรือคุณภาพแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ยังรวมถึงองค์ประกอบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ความพึงพอใจ ของลูกค้า (ซึ่งเป็นนามธรรม) และภาพลักษณ์ เข้าไปด้วย
ในขณะที่ต้นทุนของลูกค้า (Price) ก็ไม่ใช่เงิน เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึง เวลา พลังงาน (ในการเลือกหาซื้อ , ในการหาข้อมูลผลิตถัณฑ์ ฯลฯ) อีกมากมาย
เวลาผมสอนลูกศิษย์ ผมสอนให้สร้าง "คุณค่า" ให้สูงกว่า "ต้นทุนของลูกค้า" เสมอ
มุมมองมันต่างกันคนละด้าน ซึ่งไม่มีใครผิด
ที่พูดมาอาจฟังดูเป็นวิชาการ ซึ่งเข้าใจยาก ผมขอลองเปรียบเทียบให่เห็นภาพนะครับ
ทำไมเราถึงซื้อไก่ทอดยี่ห้อดัง ซึ่งแพงกว่า ทั้งๆที่ตามตลาดนัด ชิ้นละไม่กี่บาท
หลายคนตอบว่า "เพราะอร่อยกว่า" จริงหรือ?
ถ้าผมเอาไก่ทอดยี่ห้อดัง ซึ่งมีสูตรเดียวกันกับตามห้าง ส่วนผสมทุกอย่างเหมือนกันเป๊ะ มาทอดขายตามตลาด ห่อใบตองขายในราคาชิ้นละสามสิบ ซึ่งถูกกว่าในห้าง แต่รสชาติเหมือนกัน คุณซื้อไหมครับ?
จริงอยู่ ลูกค้าบริโภคไก่ทอด แต่ลูกค้าไม่ได้ซื้อไก่ทอดเพียงอย่างเดียว แต่ลูกค้ายังซื้อองค์ประกอบของไก่ทอด และรู้สึก "คุ้มค่า"กับการ "ซื้อ" ด้วยซ้ำ องค์ประกอบที่ว่ารวมถึง
ความสุข ความสะดวกสบาย ความเชื่อมั่นจากข้อมูลที่ได้รับ(จากโฆษณา)
บรรจุภัณฑ์ ความดูดีของสินค้า ฯลฯ ซึ่งเป็นงานของนักการตลาดทั้งสิ้น
และที่สำคัญ ลูกค้าเค้ารู้สึกคุ้มค่า ก็คือสมการ Value > Price นั่นเอง
นักเศรษฐศาสตร์ กับ นักการตลาด มองคนละมุมครับ