 |
จบเอกภาษาอังกฤษ โท ภาษาไทยครับ จากมหาวิทยาลัย ชื่อไม่ดังแห่งหนึ่ง
ภาษาไทย ผมถือว่าสำหรับตัวผมเองนะ ถือว่าดีมาก อาจจะไม่ได้คล่องเรื่องกาพย์ กลอน โคลงอะไรมาก (แต่ก็พอแต่งได้) แต่ก็ถือว่า ฟัง พูด อ่าน เขียน ได้ดีมากๆคนหนึ่ง ลองเสิร์ชดูที่ผมตอบตามกระทู้ได้ครับ น้อยมากที่ผมจะสะกดผิด (ฮ่าๆๆ)
แต่ภาษาอังกฤษเนี่ย เข้าขั้นแย่เลย -_-' จบมาเกรดอย่างห่วยเลยฮะ จริงๆผมชอบภาษาอังกฤษนะ แต่ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนเรียนตามหลักสูตรไม่เก่งอะ ผมถนัดเรียนรู้เอาเองตามธรรมชาติของตัวเองมากกว่า ภาษาอังกฤษผม เขียนได้บ้าง แต่แกรมมี่ เอ้ย แกรมม่า ผิดเพียบเลย อ่าน ไม่ค่อยมีปัญหา ศัพท์ก็รู้เยอะพอใช้ได้ ฟัง นี่ก็แย่อีกเหมือนกัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ ไม่มีโอกาสไปใช้ชีวิตเมืองนอกจริงจังน่ะฮะ พูดได้เต็มปากเลยว่า สำหรับผม ภาษาอังกฤษที่พอจะอ่านออกเขียนได้เนี่ย ไม่ค่อยได้มาจากมหาวิทยาลัยเท่าไหร่หรอกครับ เพราะตอนนั้นผมไม่ตั้งใจเรียนอะ มาจาก "เพลง" ซะ 95% ^_^'
ผมเอง สตาร์ทงานที่แรก เงินเดือน 9,000 บาท ที่บริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งแถวรัชดา ทำได้ 1 วัน ผมออกเลย บอกกับตัวเองว่า ทำไมเราต้องมาทำงานอยู่ในบริษัทแบบนี้ คือ... อย่าเอาผมเป็นตัวอย่างนะครับ ผมค่อนข้างเชื่อมั่นในตัวเองว่า ด้วยศักยภาพของตัวเอง น่าจะได้ทำงานในบริษัทที่สิ่งแวดล้อมดีกว่านี้ บรรยากาศออฟฟิศ ดีกว่านี้ ผมเลยตัดสินใจ ไปทำงานวันเดียว ออกเลย! ตอนนั้นที่บ้านก็กดดันหนัก ว่าทำไมยังไม่ได้งานซักที เรียนจบมาจะปีนึงแล้ว
จนกระทั่งมาเจอกระทู้ในห้องเฉลิมไทย มีคนตั้งกระทู้ชวนไปอบรมโฆษณาที่อัมรินทร์ (จริงๆเรื่องมันยาวมาก ผมย่อเลยละกัน) แล้วก็ได้สตาร์ทงานที่ใหม่ ในสายงานที่ไม่เกี่ยวกับคณะที่จบมาเลย ไม่มีประสบการณ์ ไม่มีความรู้ ไม่มีเส้น มีสาย ไม่มีเพื่อนที่เรียนมาทางด้านนี้เลย ผมมาด้วยตัวเองล้วนๆ
ผมผันตัวเองมาเป็น ครีเอทีฟ ให้กับบริษัทโฆษณาแห่งหนึ่งครับ สตาร์ทเงินเดือนที่ 10,000 บาท ตอนอายุ 24 (ทำงานช้ามาก มัวแต่เถลไถลตอนเรียน) ตอนนั้นแค่เค้ารับผมก็ดีใจแล้ว ให้เงินเดือน 4000 ผมยังเอาเลย ก็ลองผิด ลองถูกมาเรื่อย ได้หัวหน้าดีมาตลอด
ล่าสุด ตอนนี้อายุ 30 เงินเดือนที่ได้รับล่าสุดคือ 50,000 บาท ถามว่าเยอะมั้ย ก็ไม่ได้เยอะ แต่ถามว่าน้อยมั้ย สำหรับเกรดเฉลี่ยห่วยๆอย่างผม ผมถือว่าไม่น้อยเลยครับ และถ้าเทียบกับในรุ่นที่ผมจบมาด้วยกันแล้ว ผมถือว่าเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานคนนึงของรุ่น ไม่แพ้พวกที่เรียนเก่งๆเลย
จริงอยู่ ความสำเร็จของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ก็วัดด้วยเงินเดือนอย่างเดียวไม่ได้ บางคนได้เงินเดือนน้อย แต่เป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข นั่นก็ถือว่าเป็นความสำเร็จของเค้าแล้ว แต่สำหรับผม ผมเดินมาด้วยตัวเองได้ถึงขนาดนี้ มีเงินเดือนขนาดนี้ ผมถือว่าตัวเองประสบความสำเร็จแล้วครับ
พูดมาทั้งหมด แค่อยากจะบอกว่า
เกรดเฉลี่ย ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเสมอไปนะครับ แล้วก็... เราไม่จำเป็นจะต้องทำงานให้ตรงสายกับที่เราเรียนมาด้วย
สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่า คุณมีความตั้งใจแค่ไหน เป้าหมายในชีวิตของคุณคืออะไร เป้าหมายของผมในตอนที่เริ่มหางาน คือ ผมต้องมีงานทำในบริษัทที่มีชื่อเสียง บรรยากาศในการทำงานที่ดี พอตั้งเป้าหมายได้ปุ๊บ ผมก็ศึกษาอย่างละเอียด และจริงจัง งานโฆษณาที่ผมตั้งเป้าไว้แล้วว่าจะมาทางด้านนี้ (ก่อนได้งาน) ผมมีเงินเก็บอยู่ไม่กี่พันบาท ไม่กี่พันบาทนั้น แปรเปลี่ยนเป็น DVD โฆษณาเป็นสิบๆแผ่น ดั้นด้นไปหาซื้อถึงศาลาแดง (บ้านผมอยู่บางพลี) รถก็ไม่มี ก็ต้องถ่อเข้าเมืองไป เงินเก็บมีอยู่ไม่เท่าไหร่ ลง DVD หมด (ไม่มี DVD อย่างอื่นติดมือมาด้วยนะครับ อิอิ) แย่กว่านั้น ซื้อมาประมาณสิบกว่าแผ่น สะเอือกเสียไป 6 แผ่น จะตีรถเข้าไปเปลี่ยนก็เสียค่ารถอีก
งานสัมนาโฆษณาที่ไหนจัด คุณจะเจอผมที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นงานที่เกี่ยวกับครีเอทีฟหรือไม่ ผมไปหมด แค่มีคำว่าโฆษณาในงานนั้น เจอผมได้เลย ทุกงาน ทั้งหมดที่ผมลงทุนทำไปนี่ เพราะผมตามไม่ทันพวกที่เรียนโฆษณามาโดยตรง เลยต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ทันพวกเค้า หรือถ้าเป็นไปได้ ผมจะต้องชนะพวกเค้า
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ.. ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ นั่นจะทำให้คุณทำงานอย่างสนุก ไม่เครียด ไม่กดดัน และนั่นจะทำให้คุณประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและธุรกิจของคุณครับ
ถ้าถามว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะกลับไปตั้งใจเรียนมั้ย เป็นคำถามที่ตอบยากเหมือนกันนะ ถ้าตอนนั้นผมตั้งใจเรียน ผมอาจจะไม่ได้มาอยู่ในจุดที่ผมยืนอยู่ก็ได้ แต่ลึกๆแล้ว ก็อยากจะกลับไปตั้งใจเรียนเหมือนกันล่ะครับ เสียดายเงินพ่อแม่
ภาษาทำอะไรได้หลายอย่าง ถ้าเราใช้ความคิดสร้างสรรค์กับมัน ผมเชื่อว่า ช่องทางในการหางาน หรือทำธุรกิจเกี่ยวกับภาษา ยังมีช่องทางมากมายเลยครับ
หวังว่าเรื่องราวของผม คงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
ขอให้โชคดีครับ
แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 54 00:55:44
จากคุณ |
:
JazzMiroQuai
|
เขียนเมื่อ |
:
2 มี.ค. 54 00:54:00
|
|
|
|
 |